วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 21:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


>>> เห่อแบรนด์เนม .......................by พระมหาสมปอง [หลวงพี่มาแล้ว ๒]



>>> นมัสการค่ะ
หลวงพี่ ถามตรง ๆ เลยนะค่ะ เห่อของนอกนี่ มันบาปไหม ?
จาก
ดาวมหาลัย


-----------------------------------------

<<< เห็นช้างขี้ อย่าขี้ตามช้าง
ก้นท่านใหญ่ เท่าช้างกระนั้นหรือ
ถ้าเบ่งขี้ตามช้าง จะครางฮือ
ก้นจะถึงสะดือ ทีเดียวเชียว

ไอ้บาปมันไม่บาปหรอกโยม แต่ถ้าโยมเป็นประเภทพวกรายได้ต่ำ รสนิยมสูง มันก็เป็นการเบียดเบียนตัวเองโดยใช่ที่ เพราะจริง ๆ แล้ว ของไทยราคาถูก คุณภาพสู้ของนอกแบรนด์เนมได้สบาย แต่คนไทยบางกลุ่ม มองไม่เห็นคุณค่า
อย่างอาตมาเคยเห็นโยมท่านหนึ่ง ถือกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดังจากเมืองนอกยืนรอรถเมล์ พอฝนตก เธอก็เอากระเป๋ายัดใส่ในเสื้อ (แล้วใบเล็ก ๆ ที่ไหน) เพราะกลัวมันเปียก กลัวมันพัง

หรืออย่างเรื่องนาฬิกาก็เหมือนกัน นาฬิกาไทยทำ ราคา ๑๙๙ บาท ใช้ได้เป็นสิบปี ซื่อสัตย์เดินตรงเวลา ไม่ต่างอะไรกับนาฬิกาเมืองนอกเรือนละห้าหกแสน ซึ่งถ้าพิจารณาเรื่องประโยชน์การใช้งานแล้ว มันก็ไม่ได้เหนือกว่านาฬิกาของไทยเลย เดินเร็วกว่าก็ไม่ใช่ เดินถอยหลังได้ ก็ไม่ใช่อีก (นาฬิกานะ ไม่ใช่รถเก๋ง)
ฉะนั้นสาระของนาฬิกา ก็คือ บอกเวลาให้ตรง
นอกจากนั้น คือ ค่านิยมเห่อของนอก ทั้งสิ้น

เวลานี้ ถ้าคนไทยไม่มีสติอยู่ในสต๊อก
ระวังจะน๊อกและช็อกก่อนหมดสติ
ถ้าไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะมาช่วยเรา
ไทยช่วยไทย ไทยใช้ ไทยเจริญ
เจริญพร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าเอาความดีไปฝาก ที่ปากใคร by หนังสือหลวงพี่มาแล้ว 2



<<< กราบนมัสการหลวงพี่ครับ
ทั้งที่ผมพยายามทำดีมาตลอด แต่ไม่เห็นมีคนชมเลย แต่ทีพี่ชาย ทั้งกินเหล้า สูบบุหรี่ แอบดูซีดีโป๊ แค่เลิกบุหรี่ได้ ที่บ้านก็ชมเอา ชมเอา แทบจะจัดงานฉลองให้เลย
โลกนี้ มันช่างไม่ยุติธรรมเลยนะครับ

จาก
ดีเกินไป


<<< อาตมาเชื่อว่า ด้วยความที่โยมเป็นคนดี ลึก ๆ แล้ว โยมเองก็คงดีใจที่พี่ชายเลิกยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีได้ แต่อาจจะมีน้อยอกน้อยใจบ้าง ที่เห็นคนในบ้านกลับไปให้ความ สำคัญกับพี่ชายมากกว่า อาตมาขอให้ข้อคิดดังนี้

ในขณะที่โยมทำความดี อย่าเอาความดีไปฝากไว้กับปากของคนอื่น
เพราะถ้าโยมทำ “ดี” เพื่อนก็อาจบอกว่า “ไม่ดี” ก็ได้
ถ้าเขาอิจฉาเรา
และถ้าโยมทำ “ไม่ดี” เพื่อนก็อาจจะบอกว่า “ดี”
ถ้าเขาต้องการประจบโยม

ฉะนั้น เมื่อโยมทำความดี โยมต้องเชื่อมั่นในความดีที่ทำ เพราะทุกสิ่งที่โยมพูด โยมทำ โยมคิด ได้ถูกบันทึกด้วยเครื่องบันทึกภาพและเสียงที่ดีที่สุดในโลก
นั่นก็คือ จิตของโยมเอง
เจริญพร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โชคร้ายอาจกลายเป็นดี โชคดีอาจกลายเป็นร้าย / หนังสือหลวงพี่มาแล้ว รุ่น ๒



>>> นมัสการหลวงพี่ค่ะ
ช่วงนี้ หนูงานเข้าทุกวันเลยค่ะ อยู่บ้านแม่ก็ด่า ออกมาหมาก็กัด
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ

จาก
งานเข้าทุกเช้าค่ำ

--------------------------------------

<<< ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง พระหล่อ ๆ ดัง ๆ ยังบวชนานได้ อาตมาไม่อยากให้โยมคิดว่า ถ้าตัวเราโชคไม่ดี จึงเจอแต่เรื่องร้าย ๆ เพราะมันจะทำให้โยมกล้า ๆ กลัว ๆ ในการใช้ชีวีต (เดี๋ยวใช้ชีวิตไม่มันส์)
อาตมาขอเล่าเป็นนิทานปลอบใจแล้วกัน

มีชายแก่คนหนึ่ง ม้าเขาพลัดหลงทางเข้าไปในป่า ไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว
เพื่อนบ้านจึงปลอบใจว่า
“อย่าเศร้าไปเลย การที่ม้าหายไปอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้”
ชายแก่จึงกล่าวว่า
“ม้าหายทั้งตัว จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร”

วันต่อมา ม้าของแกก็กลับมาบ้านจริง ๆ แถมพาม้าตัวเมียมาด้วย ชายแก่หัวเราะชอบใจ แต่เพื่อนบ้านกลับกล่าวกับชายแก่ว่า
“อย่าเพิ่งดีใจไปเลย การที่ได้ม้ามาเพิ่มอีกตัว อาจจะเป็นเรื่องร้ายก็ได้”

ชายแก่จึงว่ากล่าวว่า
“ได้ม้ามาเพิ่ม จะเป็นเรื่องร้ายได้อย่างไร”

พอลูกชายแกเห็นม้าตัวใหม่ ก็อยากลองขี่ จึงพลัดตกจากม้าขาหัก
เพื่อนบ้านจึงบอกว่า
“อย่าเศร้าไปเลย การที่ลูกชายบาดเจ็บ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้”
ชายแก่จึงกล่าวว่า
“ลูกชายบาดเจ็บทั้งคน จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร”

ต่อมาทางการต้องการชายฉกรรจ์เพื่อออกศึกสงคราม แต่เนื่องจากลูกชายแกขาหักจึงไม่ต้องไป ชายแก่จึงหัวเราะชอบใจอีกครั้ง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใด ๆ ในโลกนี้ล้วนอนิจจัง โชคดีอาจจะเป็นโชคร้าย
โชคร้ายอาจกลับกลายเป็นโชคดี ดังนั้น ถ้าชีวิตโยมเจอสิ่งไม่ดี โยมไม่ควรเศร้าโศก ถ้าโยมไม่ดูถูกตัวเอง ไม่ท้อแท้อ่อนแอ ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ชีวิต โยมจะอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยความคิดที่ว่า “โยมเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่แสนธรรมดา แต่ควรค่าแก่การคงอยู่”

ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เหมือนว่าจะตายในวันพรุ่งนี้
และเรียนรู้เหมือนไม่มีวันตาย

เจริญพร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมอดูมาทักว่ามีวิญญาณตามอยู่ ทำให้ไม่กล้าอยู่คนเดียวเพราะกลัว......by พระมหาสมปอง [หลวงพี่มาแล้ว]


รูปภาพ

ฟังดูแล้วเหมือนเรื่อง ชัตเตอร์ กดวิญญาณเลย
แต่ถ้าโยมอยากจะเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่ควรเชื่ออย่างงมงาย
ไม่ควรเชื่อโดยไม่มีเหตุ มีผลรองรับ
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุมีปัจจัย
เช่นคนตายวิญญาณก็ไป ตามกรรมของแต่ละคน
วิญญาณคงจะไม่มีเวลามาตามโยม เหมือนพระลอตามไก่หรอก
แต่เพื่อความสบายใจ จะจริงหรือไม่จริง
ถ้ามีโอกาสก็ควร ทำบุญอุทิศกุศลให้วิญญาณนั้นๆ
เพราะโยมก็จะได้บุญ วิญญาณก็จะได้บุญ
แต่อาตมาว่าศาสตร์ใดๆ ก็แล้วแต่ ถ้าใช้เป็น
ย่อมสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
เหมือนมีหมอดู มาทักว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วท่านทั้งหลาย เตรียมตัวรับสถานการณ์นั้น
ด้วยความไม่ประมาท เช่นถ้าช่วงไหนดวงไม่ดี
ก็เหมือนกับชีวิตในช่วงกลางคืน ที่ไม่มีแสงสว่าง
ก็ไม่ควรทำภารกิจ อันจะเกิดผลเสียหายได้
อุปมาเหมือนกับไม่มีใคร ทำนาทำไรในตอนกลางคืน
แต่ถ้าท่านทั้งหลายจำเป็นต้องทำจริงๆ ก็ทำได้
โดยการใช้ไฟฟ้า เป็นแสงสว่างนำทาง
คือ การใช้ธรรมะแก้ไขปัญหานั้นเอง
ฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายให้ความสำคัญ
ธรรมคำสอน ในพระพุทธศาสนาเป็นหลักไว้...เจริญพร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความรัก คือ อะไร ?......................by..........[พระมหาสมปอง หลวงพี่มาแล้ว]



(ขำๆ เถอะโยม)

“รักแท้คืออะไร ตับไตไส้พุง หรือกางเกงที่นุ่ง ที่ดูสวยดี รักที่นาม สกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักที่มีสตางค์ให้จ่าย”
ข้างต้น คือ ท่อนฮุกโดน ๆ ของเพลงรักแท้คืออะไร ที่คุณน้ำชาได้ขับร้องไว้ ซึ่งเรื่องความรักนี่ มีนิยามร้อยแปดพันเก้า อยู่ที่ว่าเราจะถามใคร
อย่างถ้าไปถามนักประวัติศาสตร์ เขาจะตอบว่า
รักแท้ เป็นตำนาน

แต่ถ้าถามนักเขียน ก็จะได้คำตอบเป็นชุด ๆ เลย
รักสิ้นลมปราน. เป็นบทประพันธ์
รักไม่แปรผัน เป็นนิยาย
รักจนวันตาย เป็นนิทาน
รักตลอดกาล เป็นละคร
รักอยู่ทุกตอน เป็นละครน้ำเน่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การทำบุญร่วมกันกับคนรัก จะเป็นคู่กันทุกชาติจริงหรือไม่.........[หลวงพี่มาแล้ว]



การที่ผลบุญ จะทำให้ได้พบกัน ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า
ทั้งคู่ ต้องเคยทำบุญ ร่วมชาติ ตัดบาตรร่วมขัน กันมาก่อน
และทั้งคู่ ต้องเป็นผู้มี ธรรมะ ๔ ประการ เสมอกัน หรือใกล้เคียงกัน
คือมีศรัทธาหนึ่งต่อหนึ่ง (ศรัทธาเสมอกัน)
มีศีลสองต่อสอง (ศีลเสมอกัน)
มีจาคะสามต่อสาม (จาคะเสมอกัน)
มีปัญญาศูนย์ต่อศูนย์ (ปัญญาเสมอกัน)
ผิดกับบางคู่ ตอนจีบกันใหม่ๆ รักกันปานจะแหกก้นดม
รักหวานปานน้ำผึ้ง แต่พออยู่กันพักเดียว กลายเป็นน้ำผึ้งผสมยาพิษ
คู่ประเภทนี้ เป็นเพราะ ผลของเวรกรรม ที่ทำร่วมกันมา แต่ปางก่อน
ชีวิตคู่ จึงคล้าย กับเรื่องสั้น เป็นแบบมินิซีรีย์ ตอนเดียวจบ
ดังคำโบราณที่ว่า หม้อยังไม่ทันดำ ก็เลิกกันเสียแล้ว
เฮ้ยหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ก็เลิกกันเสียแล้ว
แต่พอมายุคนี้ อาจจะต้องเปลี่ยนเป็น
หม้อข้าวยังไม่ทันพัง ก็เลิกกันเสียแล้ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากไปปฏิบัติธรรม แต่ก็ยังอยากอยู่ใกล้ ๆ แฟน........พระมหาสมปอง[หลวงพี่มาแล้ว]

รูปภาพ

นมัสการหลวงพี่ครับ

หลวงพี่ครับ สับสนครับ สับสน
ใจหนึ่งก็อยากไปปฏิบัติธรรมที่วัด
แต่อีกใจก็อยากอยู่ใกล้ ๆ คนรัก
หลวงพี่คิดว่า ผมควรทำอย่างไรดีครับ ระหว่าง…
เดินหน้าเข้าหาวัด
หรือหันหลังกลับ เพื่อไปหาเธอ

จาก ข้าวใหม่ ปลามัน


ดูจากนามปากกาแล้ว ท่าว่าโยมกับแฟนกำลังอินเลิฟกันสุด ๆ น่าจะเพิ่งคบหาดูใจกันได้ไม่นาน จึงออกอาการสับสนได้ถึงเพียงนี้ ก็ขอให้เป็นอย่างนี้นาน ๆ อย่าเหมือนลูกศิษย์ของอาตมารายหนึ่ง
ตอนที่ยังไม่แต่งงาน ก็เอาอกเอาใจแฟนสารพัด เวลามาทำบุญที่วัด มาคุยธุระกับอาตมาก็มักพาแฟนมาด้วย แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังคุยงานกัน แฟนแกก็ขอตัวกลับบ้าน

โยมผู้หญิง : พระอาจารย์ค่ะ หนูนมัสการลากลับก่อนนะคะ
โยมผู้ชาย : เดี๋ยวผมไปส่งครับ
โยมผู้หญิง : ไม่เป็นหรอกค่ะ พี่อยู่คุยธุระกับพระอาจารย์เถอะ หนูกลับ
เองได้
โยมผู้ชาย : ผมปล่อยคุณกลับบ้านคนเดียวไม่ได้หรอก แถวบ้านคุณ
เปลี่ยวจะตาย ขโมยขโจรก็ชุกชุม (ทั้งที่กลางวันแสก ๆ)

ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันออกไปเลย อาตมาก็ได้แต่มองตามตาปริบ ๆ
หลังนั้นไม่นานนัก ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน


ห้าปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ช่วงเย็นวันหนึ่ง โยมลูกศิษย์คนนี้เข้าคุย งานกับอาตมา โดยมีภรรยาเดินตามต้อย ต้อย ต้อย พอช่วงใกล้ค่ำโยมผู้หญิงก็สะกิดสามี

โยมผู้หญิง : พี่ ๆ เรากลับบ้านกันเถอะ มืดแล้ว
โยมผู้ชาย : กลับไปก่อนเถอะ พี่คุยงานอยู่
โยมผู้หญิง : กลับไปคนเดียวได้ไง ซอยแถวบ้านเราเปลี่ยวจะตาย ขโมย
ขโจรก็ชุกชุม พี่ไม่กลัวว่าหนูถูกฉุดไปข่มขืนเหรอ

ว่าแล้วโยมผู้ชายก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ก่อนเดินลงจากกุฏิ และเดินกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงสิบนาที

อาตมา : อ้าว ! แล้วภรรยาล่ะ
โยมผู้ชาย : ผมส่งขึ้นรถเมล์กลับบ้านไปแล้วครับ
อาตมา : ให้กลับไปคนเดียวได้ไง แถวนั้นซอยเปลี่ยว ขโมยขโจรก็ชุกชุม
ไม่ใช่เหรอ โยมผู้ชาย : ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับพระอาจารย์ เดี๋ยวนี้โจรมัน
ฉลาด มันรู้จักเลือก
อาตมาก็หวังว่า อีก ๕ ปีผ่านไป คุณโยมข้าวใหม่ปลามันจะไม่เป็นเหมือนดังเรื่องที่เล่ามา และถ้าให้แนะนำ ถ้าตอนนี้รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ห่างจากแฟนได้ ก็ทำตามที่หัวใจเรียกร้องเถอะ เพราะถ้ามาปฏิบัติธรรมในขณะที่กำลังสับสนวุ่นวาย แทนที่จะสงบลง อาจจะยิ่งฟุ้งซ่านกันไปใหญ่
ครั้นจะแนะนำให้พาแฟนมาปฏิบัติธรรมด้วย แต่ก็เกรงว่าด้วยอารมณ์ข้าวใหม่ปลามัน ถ้าโยมกับแฟนเผลอออกอาการจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันในวัด มันก็จะไม่งาม

สรุปว่า อาตมาแนะนำให้หันหลังกลับไปก่อน
เมื่อพร้อม ค่อยเดินหน้าต่อ
โอเคนะโยม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เปิดปาก เปิดใจ ให้อภัย..........[ธรรมะยกกำลัง2] โดยพระมหาสมปอง

รูปภาพ

ความแตกต่างทางความคิดของคนมันเป็นเรื่องปกติจาก หนังสือของ"ท่านไพศาล วิสาโล" บทนึ่งเขียนไว้ว่า

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนพระอนิรุธวุธะ พระสาวกของพระองค์ที่ประทับอยู่ในป่ากับอีก 2 รูป

พระองค์ก็ถามว่า "เป็นยังไงบ้าง"
พระสาวกก็ตอบว่า "พระเจ้าข้า โชคดีเหลือเกิน กายของข้าพระพุทธเจ้าแตกต่างกัน แต่เรามีจิตใจดวงเดียวกัน"

ทุกอย่างจึงมีความสุข สะดวก สบาย ในการปฏิบัติธรรม แม้เราจะคิดต่างกัน แต่หาก"เปิดใจ" รับฟัง มันก็จะแก้ไขพัฒนา และปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้นมาได้

รวมทั้งต้อง "เปิดปาก" ถาม เหมือนกับที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ให้คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ มารับฟังข้อคิดเห็นของผู้มาใช้บริการ

เพราะเกิดกรณีฟ้องร้องกันบ่อยครั้ง แต่เมื่อทำแบบนี้แล้ว เรื่องราวร้องทุกข์ก็ลดลง เพราะประชาชนรู้สึกว่าโรงพยาบาลพร้อมที่จะรับฟังปัญหา และเมื่อเปิดใจ เปิดปากแล้ว ก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน

ปัญหาทุกอย่างมันก็จะยุติ

โดย พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต จากหนังสือ ธรรมะยกกำลัง2"

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มารบังตา อวิชชาบังใจ.............พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต (ธรรมะยกกำลัง2)

รูปภาพ

มารบังตา อวิชชาบังใจ

ในโลกนี้ ไม่มีใครควรค่าแก่การเกลียดชัง หากสืบสาวราวเรื่องดูแล้ว ก็ญาติพี่น้องกันทั้งนั้น

แล้วเรายังจะแบ่งข้าง แยกขั้วกันไปทำไม?

แม้แต่อเมริกายังเลิกแบ่งแยกสีผิว เพราะรู้ดีว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ด้วยทิฐิ มันจึงบังตาให้มืดมน กำหนดสี กำหนดข้างกันขึ้นมาเอง

มันเหมือนมี "มารบังตา อวิชชาบังใจ"

พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นนักประชาธิปไตรมากที่สุด แม้จะบัญญัติหลักธรรมคำสอนไว้

แต่หากสิ่งไหนที่มันจะทำให้องค์กรเจริญขึ้นได้ ก็ต้องเอาออก......

คนไทยต้องมายืนอยู่ฝั่งเดียวกัน จะได้มองเห็นปัญหาเดียวกัน

เหมือนเพลง "ข้ามคลอง มารักกัน รักกัน"

ซึ่งคลองก็คือทิฐิ เราต้องข้ามมาให้ได้

แม้จะยืนอยู่คนละฝั่งยังไง........

แต่หัวสะพานมันก็"ตรงกัน"

โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ธรมะเดลิเวอรี่ จากหนังสือธรรมะยกกำลัง 2 ...

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีเหลือเกินที่ยังมีชีวิตให้ทำ ดี..............///........พระอาจารย์เผด็จ ติสโร [ธรรมะเดลิเวอรี่]



โยมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย
ถือว่าโยมโชคดีกว่าคนอีกเป็นล้าน
ที่ไม่มีชีวิตรอดผ่านสัปดาห์นี้ไปได้
ถ้าโยมไม่เคยอยู่ในสภาพสงคราม
ไม่เคยติดคุก ไม่เคยถูกทรมาน ไม่เคยอดอยาก
โยมดีกว่าคนอีก ๕๐๐ ล้านคนในโลกนี้
ถ้าโยมมีอาหารเก็บอยู่ในตู้เย็น มีเสื้อผ้าให้ใส่
ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่มีหลังคา และมีที่หลับนอน
โยมร่ำรวยกว่าคนอีก ๗๕% ของโลกนี้
ถ้าพ่อแม่ของโยมยังมีชีวิตอยู่ และยังอยู่ด้วยกัน
ถือเป็นเรื่องประเสริฐที่เกิดขึ้นยากมาก
ถ้าโยมได้ฟังข้อความนี้ ถือว่าโยมโชคดี ๒ ชั้น และเหนือกว่านั้น
โยมโชคดีกว่าคนอีกสองพันล้านคนในโลกนี้ที่อ่านหนังสือไม่ออกเลย เจริญพร


โดย พระอาจารย์เผด็จ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะ ธรรมะ... ช่วยชาติ........./////.....พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต

รูปภาพ

พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต


แนะธรรมะ... ช่วยชาติ

สุรนันทน์ กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าครับในยุคที่สังคมปั่นป่วนอย่างนี้ พระคุณเจ้าได้เขียนหนังสือหลายเล่ม ได้ออกเทศน์ได้ออกบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องวัยรุ่นเรื่องอะไรพวกนี้ ท่านมองปัญหาในสังคมวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ
พระมหาสมปอง จริงๆ มันเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ปัญหาอาจมีความซับซ้อนแตกต่างกันบ้าง เพราะว่าบ้านเมืองก็เจริญขึ้น แต่ก่อนเทคโนโลยีน้อยโดดเรียนไปก็ไปกระโดดน้ำ ทุกวันนี้มีเกมมีร้านเน็ต มีอะไรต่างๆ มากมาย วัยรุ่น มีมอเตอร์ไซค์กันมากขึ้น บางทีไม่ต้องมีสักบาทก็ดาวน์ได้ ไปเที่ยวไปอะไรกันง่ายขึ้น โทรศัพท์ก็โทร.นัดกันง่าย คิดว่าเราไปโทษเด็กเลยก็ไม่ได้ ไม่อยากให้โทษเทคโนโลยีโทษขนาดนั้น ที่จริงต้องเห็นใจเด็กเพราะว่าผู้ใหญ่อย่างเราเคยเป็นเด็กมาก่อน แต่เด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน ฉะนั้นบางครั้งเขาไม่ได้รู้ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมาจนมีข่าวมีคราวต่างๆ เขาถึงได้เรียนรู้

สุรนันทน์ เหมือนผมสมัยเป็นวัยรุ่นพ่อแม่ก็จะบอกว่าทำไมไว้ผมยาว ทำไมอะไรเราก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้แสดงว่าวัยรุ่นสมัยนี้ก็ไม่ได้ผิดกับสมัยก่อน

พระมหาสมปอง ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่อาจจะมีพัฒนาการ จริงๆแล้ววัยรุ่นจะดูผู้ใหญ่ มีไอดอล มีรูปแบบ ทีนี้อยู่ที่ว่าจะเลียนแบบดีไม่ดี

สุรนันทน์ แต่ผู้ใหญ่เดี๋ยวนี้ปัญหาสังคมก็เยอะ ผมเห็นพระคุณเจ้าเขียนเรื่องครอบครัว เรื่องความสุขในครอบครัว ครอบครัวก็แตกแยกกันเยอะ

พระมหาสมปอง เจริญพร บล็อกเป็นกาพิมพ์ออกมาเป็นหงส์ไม่ได้ บล็อกเป็นกาพิมพ์ออกมาเป็นกา บล็อกเป็นหงส์พิมพ์ออกมาเป็นหงส์ ถ้าบล็อกดีก็จะออกมาดี ถ้าจะให้เด็กดีจริงๆ ผู้ใหญ่ก็จะต้องเป็นตัวอย่าง ไม่อยากให้เด็กสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เล่นการพนัน ผู้ใหญ่ต้องไม่ทำอย่างนั้นให้เด็กเห็น

สุรนันทน์ เด็กเห็นพ่อแม่ทำได้ ลุงป้าน้าอาทำได้

พระมหาสมปอง เจริญพร ฉะนั้นถ้าเราจะมีแบบอย่างควรจะมีแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆ เช่น ผู้ใหญ่ยิ้มแย้มให้กัน หาทางออกดีๆ พูดจากันดีๆ คิดดี ทำดี พูดดี สิ่งดีๆ เด็กก็จะเออ สิ่งดีๆ ออกสื่อ ออกทีวี ออกหนังสือพิมพ์นะ พออ่านแล้วก็รู้สึกชื่นใจอยากทำบ้าง แต่ถ้ามีแต่ฆ่าข่มขืน ทำผิดกฎหมาย อะไรต่างๆ เด็กก็เห็นรูปแบบที่ไม่ดี เราต้องทำให้ความดีปรากฏ ลูกดีก็ชื่นชม ลูกศิษย์ดีก็ชื่นชม คนดีเราก็ชื่นชมยกตัวอย่างขึ้นมา

สุรนันทน์ เวลาพระคุณเจ้าไปเทศน์ไปบรรยายไปคุยกันอย่างนี้ สิ่งที่พระคุณเจ้าพูดเป็นสัจธรรม แต่คนสมัยนี้รับฟังไหมครับ

พระมหาสมปอง คนสมัยนี้ เท่าที่อาตมาไปเทศน์ก็รับฟังนะ นำไปปฏิบัติก็หลายคน มีฟีดแบ็กกลับคืนมาเล่าให้ฟังแต่ก่อนไม่รักคุณพ่อคุณแม่เลย ผมทำงานยุ่ง พอพระอาจารย์บอกคนจะวัยเท่าไหร่ทำงานตำแหน่งสูงแค่ไหน คุณพ่อคุณแม่ก็มีพระคุณนะไปกราบพ่อแม่ ไปทำบ้าง ฉะนั้นสัจธรรมทุกอย่าง ธรรมะของพระพุทธเจ้าเพียงพอสำหรับทุกคน ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ทุกคนเอาไปใช้ได้เลย ในบริษัทห้างร้าน รัฐบาล เอกชน เอาไปใช้ได้หมดเลย

สุรนันทน์ พระคุณเจ้ามีความรู้สึกไหมครับว่า พระคุณเจ้าบอกให้คนทำตัวอย่าง แล้วก็ทำดี คนเดี๋ยวนี้รู้สึกว่าทำดียาก แล้วคนรู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ

พระมหาสมปอง ความดีอันคนดีทำง่าย ความดีอันคนชั่วทำได้ยาก ความชั่วอันคนชั่วทำง่าย ความชั่วอันคนดีทำได้ยาก ต้องถามตัวเองว่า ถ้าเราคิดว่าความดีทำง่ายเราจะมีสิทธ์เป็นคนดีสูงนะ ถ้าคิดว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำชั่วไม่ได้ดีแน่นอน จริงๆ เขาบอกให้ตัดออกนะ ทำดีได้ดีตัดได้ออก ทำดีมันจะดีทันทีเลย ทำชั่วได้ชั่ว ตัดได้ออก ทำชั่วก็จะชั่วเลย เหมือนเราทำงานมีผลสองอย่าง หนึ่งผลตอบแทน สองผลของงาน ผลตอบแทนต้องรอคนอื่นให้เรา แต่ถ้าเกิดผลของงานเราทำปุ๊บเราจะได้ปั๊บทันทีเลย มีความสุขเลย งานออกมาดี ทำอะไรดี คือผลงานมันจะปรากฏชัดเจน

สุรนันทน์ พระนักเทศน์นักบรรยายอย่างพระคุณเจ้ามีกี่รูปนะที่ออกสื่อ

พระมหาสมปอง อาตมาต้องขอชี้แจงว่าออกสื่อไม่กี่รูป พระอาจารย์พยอม พระอาจารย์พยอมนี่หลายปีมาก สุดยอดมาก อาจารย์ ว.วชิรเมธีนี่ก็นาน อาจารย์ราชันย์เทศน์แหล่ จนมาถึงอาตมา แต่ที่จริงที่เทศน์แบบนี้อาตมาว่าเป็นพันรูปเพราะว่าทำงานด้านนี้มา 9 ปี 8 ปีที่แล้วก็ทำงานเผยแผ่ที่โรงเรียนประถม มัธยม มหาวิทยาลัยเล็กน้อย นานๆ จะได้เจอผู้ใหญ่ซักครั้ง

สุรนันทน์ แต่ในสไตล์แบบพระคุณเจ้าน้อยมั้งที่จะพูดภาษาง่ายๆ ไม่มีบาลี

พระมหาสมปอง เดี๋ยวหาว่าไม่เคารพ ภาษาพระพุทธเจ้า ก็มีบาลีบ้าง พูดเสร็จแล้วก็ต้องแปลให้ฟัง บางทีเวลาเป็นเงินเป็นทองของทีวีเขา พูดแล้วก็ต้องมาแปล แปลเสร็จก็ต้องตีความแล้ววกกลับอีกทีก็ยาก ก็เลยขออนุญาตที่จะสรุปให้ฟังง่ายๆ

สุรนันทน์ แล้วทำไมเริ่มจากสนุก ผมอ่านจากพระคุณเจ้าบอกว่ายังไงก็สนุกไว้ก่อน

พระมหาสมปอง คนไทยขอให้สนุกไว้ก่อน เพราะเรื่องเครียดมันเยอะ งานก็เครียด อะไรก็เครียด อาตมาไปเทศน์จะต้องประกอบด้วย 5 ส. คือ สนุก สนุกเพื่อเปิดใจ สอง ต้องมีสาระให้ ต่อไปต้องมีความสงบ ความสุขอื่นเสมอด้วยความสงบไม่มี เมื่อสงบแล้วเกิดสติ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดไปตามมันกลับมา โลภ โกรธ หลง วันนี้เราโลภหรือยัง เราโกรธใครหรือยัง ก็สอนอย่าโลภ อย่าโกรธ อย่าหลง เราก็จะมีธรรมะสอดแทรก มีเรื่องราวประกอบ

สุรนันทน์ ผมเห็นท่านมีโครงการวันนี้ จะให้สุข 24 ชั่วโมง เลยหรือครับ

พระมหาสมปอง ก็เค้าเดินกันเยอะถนนหนทาง เราก็รู้สึกว่าอยากเดินไปตามถนนหนทางแล้วให้คนรู้สึกว่าอยากเขียนความดีบน ผืนผ้าบ้าง มันเกิดความสุข อย่างอาตมาเนี่ย ความเกรงใจเป็นสมบัติของคนดี แต่ทำความดีไม่ต้องเกรงใจใคร

สุรนันทน์ เขียนแล้วพระคุณเจ้าเอาไปทำอะไร

พระมหาสมปอง ก็จะตัดเป็นถุงผ้า กระแสนิดหนึ่ง ภาวะโลกร้อน อาตมาว่ากระแสเป็นกระแสที่ดี ก็จะไปเย็บเป็นถุงผ้าเอาไปใส่หนังสือได้ เอาไปใส่สิ่งของได้ เอาไปแจกให้เด็กๆ ที่ด้อยโอกาส เพราะอาตมาเคยเป็นเด็กด้อยโอกาสมาก่อน เค้าแจกเสื้อผ้าก็ต้องยืนเข้าแถวตลอด ก็เลยนึกถึงตอนตัวเองด้อยโอกาส แล้ววันนี้มีโอกาส

สุรนันทน์ เห็นมีหนังสือออกมาหลายเล่มเลย พระคุณเจ้าเขียนเองทั้งหมด

พระมหาสมปอง สิบกว่าเล่ม มีทั้งเขียนเองแล้วมีคนมาเรียบเรียง เขียนด้วยปากก็มี คนไปซื้อหนังสือเห็นหนังสือร้อยกว่าบาท 140 150 บ่นเลย แต่อันนี้ถูกกว่านั้น 49 บาท

สุรนันทน์ อันนี้ไม่ได้เป็นอะไรเชิงพาณิชย์ เพื่อให้ธรรมะ

พระมหาสมปอง จริงๆ ก็เชิงพาณิชย์ด้วยนั่นแหละ อะไรที่หนึ่งบาทขึ้นไปมันก็เป็นการค้าขายมันมีราคา เอาไปทำบุญซึ่งก็ไปหลายทาง เช่น ที่วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรี คนได้อ่าน วัดพระบาทน้ำพุได้อานิสงส์ อาตมาก็ได้เผยแผ่ธรรมะ อาตมาว่าได้ประโยชน์ทุกทาง อาตมาบรรยายบ่อยๆ คนหัวเราะสนุกสนานซาบซึ้ง แต่มีพระบอกว่าหัวเราะ ซาบซึ้ง ได้สาระแล้วไง จับต้องไม่ได้มันหายไป ควรเขียนหนังสือออกมา “ธรรมะเดลิเวอรี่ Happy 24 ชั่วโมง” เล่มนี้ก็เลยไปคั้นจากหนังสือ 4 เล่ม ธรรมะเดลิเวอรี่สำหรับครอบครัว วัยรุ่น หนุ่มสาว คนทำงาน กลายเป็น“ธรรมะเดลิเวอรี่ Happy 24 ชั่วโมง” เล่มเดียว ตัดมุกออกหมด เพราะว่าอันนี้จะเป็นหัวกะทิล้วนๆ

สุรนันทน์ เดี๋ยวผมจะนิมนต์พระคุณเจ้าให้เขียนธรรมะเดลิเวอรี่สำหรับนักการเมือง พระคุณเจ้าครับความสนุกมันจะแก้ความขัดแย้งที่มันมีอยู่ในสังคมได้ไหมครับ

พระมหาสมปอง จริงๆได้ หลายคนอาจจะว่าคนทะเลาะกันพระอย่ามายุ่งเกี่ยวอะไรอย่างนี้เป็นต้น จริงๆ ต้องยุ่งเกี่ยว ดูพระพุทธเจ้า วันที่พระญาติทะเลาะกันเรื่องน้ำเพราะแย่งน้ำทำนาก็ไม่ทรงนิ่งดูดายก็เสด็จ ไปสอนว่า น้ำนั้นราคาเท่าไหร่ แล้วความเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ประเมินค่ามิได้ ฉะนั้นจะมาทะเลาะกันเพราะน้ำทำไม เลือดข้นกว่าน้ำควรจะรักกัน คนสมัยก่อนฟังแล้วเข้าใจ เลิกทะเลาะกัน

สุรนันทน์ มันเป็นหลักเดียวกันไหมครับ สมมติระหว่าง เพื่อนทะเลาะกัน ครอบครัวทะเลาะกัน หรือคนหมู่ใหญ่ทะเลาะกัน

พระมหาสมปอง จริงๆ ต้องใช้พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมตตา คือ ถ้าประเทศไทยเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อหลวงแม่หลวงก็เหมือนเป็นพ่อแม่ของเรา ลูกๆ ทะเลาะกันไม่มีพ่อแม่ที่ไหนภูมิใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ารักประเทศไทย รักพ่อหลวง แม่หลวง ต้องไม่ทะเลาะกัน ฆ่ากัน “กรุณา” ต้องสงสารประเทศที่ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ผู้คนเครียด ความสุขลดน้อยถอยลง “มุทิตา” ต้องยินดีต่อกันและกัน ใครจะไปอยู่จุดเป็นผู้นำหรือจุดไหนต้องให้โอกาสเขาดูแลบ้านเมือง สุดท้าย “อุเบกขา” ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นั่งนอนสบาย ถ้าสิ่งไหนที่รับมาแล้วจะเกิดทุกข์เครียดก็ควรที่จะงดเว้นบ้าง ให้แผ่เมตตาบ่อยๆ เราก็จะรู้สึกมีความสุข

สุรนันทน์ แต่ว่าไอ้ภูมิคุ้มกันตรงนี้ บางทีมันก็เผลอตัวเหมือนกันนะ

พระมหาสมปอง เผลอได้เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะว่าเราไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เผลอก็พยายามนึกขึ้นมา สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดไปตามมันกลับมา เราไม่ใช่พระอรหันต์ บางทีปรี๊ดขึ้นมา ใจเย็นๆ รู้ตัวๆ ธรรมะเอามาช่วยตรงที่ว่า โกรธรู้ตัวว่าโกรธ อย่าโกรธมากเกินไป อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย ฆ่ากัน ทะเลาะกัน จงคิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด เพราะถ้าพูดทุกคำที่คิดอาจจะผิดทุกครั้งที่พูด จะพูดอะไรต้องพิจารณา เดี๋ยวก็โดนหมิ่นประมาท ฉะนั้นธรรมะในยุคนี้จำเป็นมากๆ กรุณาเอาพรหมวิหารธรรมมาใช้ ผู้นำก็เอาหลักธรรมะของผู้นำ ไม่โกรธ ไม่เบียดเบียน รู้จักให้ อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักเสียสละ เอามาใช้เยอะๆ แล้วบ้านเมืองเราก็จะมีความสุข อย่าสักแต่ว่าพูด ธรรมะใดก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ ธรรมะใดก็มีค่าถ้ามันทำ รู้ธรรมะมากมายไม่นำมาปฏิบัติก็แค่นั้น แต่รู้ธรรมะเล็กน้อยแล้วมาปฏิบัติรับรองเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล

----------------------โพสทูเดย์ วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุข 2 ชั้น (สำหรับคนทำงาน) ......................พระมหาสมปอง ตาลปุตโต

รูปภาพ

อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย

เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน

ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลาย ๆ คน
เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน ซึ่งจากการได้พูดคุย
กับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่าง
ไม่มีความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด
ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเอง
ได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ โดยจะว่าไปแล้ว บริษัทก็เหมือน
กับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก
เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม
วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ)
วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ

อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า
ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
' ไม่เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม
ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ
อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้ ... แต่ผมให้เข้าครับ ' ( แล้วไป)

อาตมาจึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่
ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่
เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข
( แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)

ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้าแล้วเซ็งเหลือเกิน ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงานแล้วเราเบื่องานเหลือเกิน ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ

เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน !
ดังนั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการ
เปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้
ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น

อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ประยุตฺโต)
ในหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า

งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผลตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง
ซึ่งหลาย ๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว แต่ถ้าเรา
สามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ
อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง

หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร...

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จังซีมันต้องสอน ...................พระอาจารย์เผด็จ ธรรมะเดลิเวอรี่ [ธรรมะคลายร้อน]

รูปภาพ

รักวัวท่านให้ผูก ถ้ารักลูกท่านให้ตี
คำคมโบราณมี จะชั่วดีจำแนกตาม
น้ำขึ้นให้รีบตัก จิ้งจกทักให้คิดถาม
ช้าได้พร้าเล่มงาม ต่างเหตุการณ์พินิจดู
น้ำกลิ้งบนใบบอน เกลือเป็นหนอนน่าอดสู
พลั้งผิดย่อมเป็นครู จงเรียนรู้ให้เห็นดี
"ยามจนจะทนยาก จะลำบากไปใยมี
พึงปองข้าวของดี ณผู้อื่นอันเก็บงำ"
อธรรมเทวบุตร อนิรุทธิ์ทั่วเขตขันธ์
สงครามระหว่างธรรม เทวบุตรสุดล่ำลือ
นิทานที่สอนไว้ หาอ่านได้ตามหนังสือ
คำคมที่ล่ำลือ ขอฝึกปรือเดี๋ยวกลับมา.

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พึ่งตนเอง .......................พระอาจารย์เผด็จ.....ธรรมะคลายร้อน

รูปภาพ

พระพุทธเจ้าทรงสอนเราว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเท่านั้น เป็นที่พึ่งของตน
ไม่ใช่สอนเพื่อให้เกิดความถือตัวจัด จนแข็งกร้าว และสำคัญตน เหนือกว่าคนอื่น
ไม่ใช่สอนเพื่อให้สังคมต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องพึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

หากแต่ทรงสอน
เพื่อให้คนเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์ผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ สามารถแก้ไขปัญหา เอาชนะความทุกข์ต่าง ๆ ได้
ด้วยการประพฤติดี ปฏิบัติชอบของตนเอง โดยไม่ต้องหวังพึ่งอบายมุข สิ่งเสพย์ติด และสิ่งโลมเล้าภายนอก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ--------------------by พระมหาสมปอง[ธรรมะยกกำลัง2]

รูปภาพ

คำว่าพลิกวิกฤติให้เนโอกาสนั้นมีจริง
เพราะคนชนะ จะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
พอตกงาน เค้าก็จะไปทำอย่างอื่น
จนประสบความสำเร็จ และร่ำรวยขึ้นมาได้

แต่คนแพ้ จะคิดว่าการชนะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้...
มีเด็กจบปริญญาตรีคนหนึ่ง
ไปมองหาลู่ทางขายของ
เมื่อเห็นว่ามีก๋วยเตี๋ยวขายเยอะแล้ว
ก็หันมาขายข้ามหมกไก่
ขายได้วันล่ะหมื่น แต่อยากเพิ่มเป็นวันล่ะแสน
ก็ขยายเป็น 10 สาขา
ทำให้เดือนหนึ่งมีรายได้มากถึง 3 ล้านบาท

ฉะนั้นแล้ว
อย่าเป็นคนด้านได้ อายอด ใจหด หมดกำลังใจ
เราต้องต่อสู้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น

อย่าไปหมดหวัง ท้อแท้กำลังใจ
"คนท้อ ไม่แท้
คนแท้ ไม่ท้อ"

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron