.....พระพุทธเจ้าท่านเหมือนปรัชญาเมธี ท่านคิดค้นแนวทางการดำเนินชีวิต เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ปรัชญาของท่านได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มีลูกศิษย์มากมาย สืบทอดกันมาตลอดระยะเวลากว่า 2,500 ปี คำสอนของท่านถูกทดสอบหลายต่อหลายครั้ง ครั้งที่หนักที่สุดคือการล้มสลายในถิ่นกำเนิดของท่านเอง โชคดีว่า แนวทางปรัชญานี้ถูกแผ่ขยายออกไปทั่วทวีปเอเชีย มีหลายประเทศยังคงนำแนวทางปรัชญานี้ไปสอนผู้คน ประเทศไทยก็รับแนวทางนี้มายาวนาน โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้ถ่ายทอดให้ตรงตามแนวคิดของพระองค์ พระสงฆ์จึงเปรียบเสมือน “ครู”
.....ปัจจุบันนี้ดูเสมือนว่า ครู ผู้ท่องบ่นคำปรัชญาในภาษาที่ตนเองใจเข้าบ้างไม่เข้าใจบ้าง เข้าใจว่าแนวทางปรัชญานี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงนำคำสอนนี้มาปลุกเสก วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง กันยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแทนของพระองค์ รูปเทพเจ้าของศาสนาอื่น รูปสัตว์ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ จิ้งจก ตุ๊กแก ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศก็หลงงมงาย เข้าใจว่าวัตถุมงคลนี้สามารถดลบันดาลให้พวกตนหลุดพ้นจากกองทุกข์ ภยันตรายต่างๆ ประสพความร่ำรวย โคตรรวย โคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆรวย
.....ครูผู้หลงผิดคิดว่าตนมาถูกทาง ผู้คนให้ความเคารพ กราบไหว้บูชา ยกย่องให้เป็นเกจิอาจารย์ ครูผู้อื่นเห็นดีเห็นงาม จึงมีการแข่งกันออกมาผลิต วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ กระจ่ายไปทั่วทุกย่อมหญ้า ครั้งใหญ่ที่สุดดูเหมือนจะเป็นการผลิต “เทพจตุคาม” ผู้คนบ้าคลั่งไปทั่วประเทศ เกจิอาจารย์ก็เหน็ดเหนื่อยไปตามๆกัน ต้องวิ่งรอกขึ้นเหนือลงใต้ปลุกเสกเทพจตุคามให้ทันกับความต้องการขอตลาด ส่วนเทพจตุคามผู้เฝ้ารักษาพระธาตุมาเป็นพันๆปี ครั้งนี้ท่านรักษาพระธาตุ ไว้ไม่ไหว องค์พระธาตุแตกร้าง ทรุดเอียง เดือดร้อนหน่วยงานของรัฐต้องเข้าไปซ่อมแซมเร่งด่วน ส่วนวัตถุมงคลจตุคามผลิตออกมามากเกินความต้องการของตลาด จนกลายเป็นจตุเข่ง คือจากราคาองค์ละเป็นหมื่นเป็นแสน เหลือเพียงเข่งละไม่กี่สตางค์
.....เมื่อเร็วๆนี้ หมอดูดัง ท่านผลิตพระบูชา ปลุกเสกที่วัดสระเกศฯ ผู้คนไปร่วมงานเรือนแสน (ใครได้ไปร่วมงานเก็บมาเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้างก็ดี) พระบูชาของท่านดูแปลกมาก ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พระของท่านมีรูปแบบเหมือน พระปรางค์ขัดสมาธิ ส่วนพระพักตร์ของพระพุทธรูป มี 4 พระพักตร์ ถ้าไม่มีใครช่วยเตือนสติ อีกไม่นานพระพุทธรูปคงมีอะไรงอกออกมาอีก
......คงใกล้ถึงยุกต์เสื่อมของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ผู้คนมองหาเทพเจ้าองค์ใหม่ที่มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ที่จะดลบันดาลให้ตนประสพความเจริญร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง หนึ่งในพระรัตนตรัย คือพระสงฆ์ ท่านกำลังสอนให้คนเกิดความโลภกันอย่างมโหฬาร

ทำผิด..มี

แต่ที่..ทำถูก..ก็มี

อย่าดูแต่เพียงภายนอกแล้วไปตัดสิน..ว่าผิด..ว่าถูก

ผิดหรือถูก..อยู่ที่วัตถุ..หรือ..อยู่ที่คน??

คนผิด..ก็สร้างวัตถุแบบผิด ๆ

คนถูก..ก็สร้างวัตถุแบบถูกต้องได้

คนผิด..สร้างแบบผิด ๆ ..คนผิด..รับไป..ก็คิดแบบผิด ๆ...
คนผิด..สร้างแบบผิด ๆ ..คนถูก..รับไป..ยังคิดแบบถูกต้องได้..

อยู่ที่ปัญญาของคนรับ..

วัตถุมงคลจึงไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมหรอกครับ..

มีแต่คนเท่านั้น..ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนได้ถูกต้อง..ไม่ได้มรรคไม่ผลอะไรเลยต่างหาก..จึงทำพุทธศาสนาเสื่อมไปจากโลก

แค่คิดว่า..ศาสนาพุทธเป็นปรัชญาเมธี..นี้แหละ..ตัวเริ่มจะทำให้เสื่อมแล้ว

ลองลงมือปฏิบัติจริง ๆ ..จะรู้ที่กบฯว่ามา..จริงเท็จอย่างไร

เริ่มที่..ทาน..ศีล..ภาวนา..นี้แหละครับ


อย่ามั่วไปโทษ..คนอื่นเลยครับ..เสียเวลา

เหอๆๆ

คนโง่เ่ท่านั้น ที่หลงเข้าใจ ว่าวัตถุ และคน เป็นของแตกต่าง
ทั้งๆที่เป็นสิ่งเดียวกัน

ตามความคิดเห็นส่วนตัว
วัตถุมงคลไม่น่าจะถึงกับทำให้ศาสนาเสื่อมหรอกค่ะ
อยู่ที่คนนำไปใช้มากกว่าค่ะ
จริงๆ แล้วมองว่าสามารถนำมาใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจได้
หรือเป็นเครื่องเตือนสติเราในยามเผลอไผล

วัตถุมงคลไม่ใช่สิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ฝึกจิตดีแล้ว
แต่ก็เป็นประโยชน์สำหรับหลายๆ คนนะคะ

ก็เหมือนมีดนั่นแหละครับ

คนใช้เป็น ก้จะใช้ไปในทางประโยชน์เกื้อกุลตนเองและผู้อื่น
เช่นให้ทำมาหากิน ใช้ทำข้างปลาอาหาร ให้ทำงานจักรสานสร้างภาชนะ ใช้ดายหญ้า ผ่าฟืน
และอีกสารพัดงานที่เป้นไปเพื่อรประโยฃน์และความสุขของตนและผู้อื่น

แต่คนใช้ไม่เป็น มีดปอกผลไม้ก็กลายเป้นอาวุธฆ่าคนได้
ขวดน้ำธรรมดาก็กลายเป้นระเบิดเพลิงได้

สรุปว่ามันอยู่ที่ปัญญาของผู้ใช้ ถ้าจะแก้ไขพัฒนาอะไร
ก้ต้ิองแก้ที่คนใช้ คือความเข้าใจของคน
ให้เขาได้เข้าใจให้ถูกทาง เขาก็จะใช้ไปในทางที่ถูก

ถ้าไปคิดในรูปแบบที่ว่า "ต้องมีพระเครื่อง" หรือ "ต้องไม่มีพระเครื่อง"
อันนี้มันเป้นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด จับผู้ร้ายแต่ไม่โดนผู้ร้าย

เหมือนบอกว่า เพราะมีดบาดมือคนได้ เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ ห้ามมีมีด
อันนี้ก็เป้นการโยนความผิดให้มีดไป ทั้งๆที่มีดไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่
มันเป้นวัตถุ เป็นสิ่งที่ไม่มีใจครอง ไม่มีจิต ไม่มีเจตนา
จึงไม่มีความสามารถที่จะไปทำกิจกรรมทั้งหลายด้วยตนเอง
ต้องมีคนมาจับไปใช้ ดังนั้น ต้องไปแก้ไขที่ผู้ใช้มีด

กฏหมายนั้น มันเป็นยาทา ฉาเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า
พอเราออกกฏหมายว่าห้ามใช้พระเครื่อง มันก็อาจจะแค่บรรเทาปัญหาลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แล้วต่อให้ไม่มี "พระเครื่อง" เด๊่ยวก้จะมี "อย่างอื่นเครื่อง" มาแทนพระเครื่องอยู่ดี
เพราะปัญหาอยู่ที่ความอ่อนแอของจิตใจผู้คน ที่สติปัญญาน้อย
ย่อมต้องหวังพึ่งพลังอื่นๆภายนอกตนเอง
พระพุทธเจ้าท่านถึงสอนว่า "อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"
ก็เพราะมนุษย์มีลักษณะแสวงหาที่พึ่งพิงอื่นภายนอกตนเองทั้งสิ้น

อีกอย่างนะ ผมว่า พระเครื่องกับพระประธานในโบสถ์
ทั้งสองอย่างนั้น "ศักดิ์เท่ากัน"
ถ้าห้ามพระเครื่อง ต้องห้ามพระประธานในโบสถ์ด้วย

ยุ่งล่ะคราวนี้

วัตถุไม่ได้ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม แต่การปรุงแต่งของจิตตัวเองต่างหาก
ที่ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมไปจากใจของตนเอง

ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมไปจากใจของเราได้นะ
ถ้าเราไม่เป็นผู้กระทำให้มันเกิดขึ้นมาเอง

เรื่องการปลุกเสกก็ดี เรื่องการสอนคนที่เราอาจจะมองดูว่าสอนคนให้งมงายก็ดี
ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง มีคนอีกมากที่ได้มาปฏิบัติ ได้มาทำกรรมฐานกัน พื้นฐานมาจากความงมงายก็มี
งมงายคืออะไร คือ ความศรัทธาแต่ขาดปัญญา

ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆทั้งสิ้น เพราะ เหตุมี ผลย่อมมี เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่กระทำมา

วัตถุมงคล ทำให้พุทธศาสนายั่งยืนต่างหาก

ไม่มีวัตถุมงคล พุทธศาสนาอาจจะล่มไปแล้วก็ได้ เพราะมีวัตถุมงคล เช่น พระเครื่องราง หรือ พระเครื่อง ฯลฯ นี่เอง มีพลังจิตของผู้เสกคอยช่วยเหลือผู้คนในเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องคงกระพัน แคล้วคลาด ฯลฯ คนไทยจึงเชื่อและยังศรัทธาในพุทธศาสนา

วัตุมงคลช่วยเรื่องต่างๆได้จริง ตัวอย่างเช่น อริสมันต์ โดนตำรวจโยนระเบิดเข้ามาในห้องพัก 4 ลูก 3 ลูกด้าน ลูกที่ 4 กระเด็นกลับไปหาตำรวจระเบิดที่ขา ต้องเข้าโรงพยาบาล

เรื่องนี้ทำให้ผมเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากขึ้น ปฏิบัติสมาธิทุกวัน หวังว่าวันหนึ่งจะมีพลังจิตอย่างพระเกจิเหล่านี้บ้าง

มีใครรู้บ้างอริสมันต์ห้อยพระเครื่องอะไรไว้ที่คอ?

พระเครื่องของอริสมันต์เขาดีจริงๆ พิสูจน์ให้เห็นได้จริงๆ ไม่มีการบาดเจ็บแม้แต่น้อย

พระเครื่องของสนธิ ลิ้ม..ก็พอใช้ได้ แต่ยังบาดเจ็บที่หัว

เอารูปมาเดี๋ยวบอกให้

ถ้าผมมีรูป ผมถามคนที่บ้านหรือใกล้บ้านก็ได้ พวกเขาเซียนพระทั้งนั้น ผมไม่ต้องไปถามคุณหรอก

วัตถุมงคล ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม หรือไม่

คำก็บอกแล้วว่า เป็นวัตถุ ที่เป็น มงคล
ดังนั้นจะทำให้ศาสนาเสื่อมได้อย่างไร
เพราะทุกอย่างที่เป็นวัตถุ ล้วนเป็นตัวแทนของศาสนาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น พระประธาน เจดีย์ พระอุโบสถ ลูกนิมิตร ช่อฟ้าใบระกา พระเครื่อง จนถึงวัดวา อาราม ฯลฯ ล้วนเป็นวัตถุมงคลทั้งสิ้น


ตรงกันข้าม วัตถุมงคล เป็นสิ่งจรรโลง ศาสนา ให้อยู่คู่โลกมาจนถึงปัจจุบัน เป็นสิ่งบ่งบอกถึงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิถีแห่งพุทธะ มาแล้วกว่าสองพันห้าร้อยปี
อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวที่เอนเอียง ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด มาเป็นอารมณ์เล้วตัดสิน ฟันธง ว่าผิดว่าถูก
(อะน่ะ ครับอย่าไปว่าเลยว่าใครจะปลุกเสกอะไร หรือทำพิธีของขลังใดๆ เพราะทุกอย่างมีมาก่อนเราเกิดนานแล้วดำรงอยู่และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เอาว่าจุดประสงค์ของผู้สร้างเป็นกรรมของเขาเอง ถ้าจุดประสงค์ดีก็ได้กรรมดี จุดประสงค์ไม่ดีก็ได้กรรมไม่ดี เพราะทุกๆอย่าง ล้วนเกิดจากศรัธราทั้งสิ้น ใจเย็นๆ ครับคุณแกงได เพราะตอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆออกเผยแพร่ศาสนา ยากเย็นมาก เพราะคนทั่วไปไม่เชื่อเยอะ ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ก็บ่อยครั้ง เพื่อให้เกิดความเชื่อถือในศาสนา แต่ท่านก็ไม่ได้สอนให้เอามาใช้เพื่ออวดอุตริในโลกปัจจุบัน แต่ถ้าถามว่าของดีของวิเศษในศาสนาพุทธมีจริงหรือไม่ ขอตอบชัดๆว่า จริงครับ คอนเฟิร์ม)

ขออนุโมทนา..สาธุครับ

เรื่องวัตถุทำให้ศาสนาเสื่อมนี่ผมไม่กล้าว่าเลยนะ เพราะมันอาจทำให้คนเขาไปปรามาสครูบาอาจารย์มากมายที่ท่านได้เคยสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา อย่างสมเด็จโตอย่างนี้ หลวงปู่ทวดอย่างนี้ และอีกหลายๆท่านอีก

แต่ถ้าว่าตามพวกพี่ๆที่เขาว่านั่นแหละที่ทำให้พระศาสนาเสื่อมอันนี้กล้าพูดตามเขา เพราะคนไม่ได้น้อมพระสัทธรรมมาศึกษามาปฏิบัติให้เห็นผลกันจริงๆ อย่างพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ นี่ก็เห็นกันอยู่เต็มๆ คนก็ไม่ค่อยสนใจศึกษาวิชาความรู้ตามแบบอย่างน้อมนำมาสู่ตน อันนี้น่าห่วงมากกว่าขุนแผน3เข่งแจกฟรีอีก

สมาชิกใหม่ครับ
อนุโทนาสาธุด้วยครับ :b41:
บทความที่คุณเขียนมามีความหมายดีครับ อย่างน้อยๆก็ยังมีคุณหนึ่งคนที่เข้าใจพระพุทธศาสนา
อายุพระพุทธศาสนา 5000 ปี ผ่านมาแล้ว 2553 ปี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ชัดเจนไม่ต้องอธิบาย
อย่าสนใจเรื่องภายนอก สนใจเรื่องภายในกายเรา คุณชอบพระนอก หรือพระในครับ
เลือกเอาเองนะครับ

เดิมจะใช้หัวข้อว่า "เกจิอาจารย์ ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม" ดูจะแรงไป จึุงใช้ "วัตถุมงคล" แทน
ตั้งใจจะสื่อเรื่องพระสงฆ์ปลุกเสกวัตถุมงคลในพุทธศาสนา มิได้สื่อในเรื่องวัตถุเป็นหลัก
ต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้ความหมายหลักเปลี่ยนไป