วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
กระเทยไซเบอร์อย่างแก มันจะไปรู้อะไร :b32: 55555555555 :b32: :b32: :b32:


อิอิ

เรื่องในที่รโหฐาน ของคุ่ดูโอ้ หลับอยู่ กับ อ.หื่นกลัดกาม

ปิดไงก็ปิดไม่มิด

สังวรอายตนะทวาร จนสดใส ซาบซ่าาา

ยังประทับใจมิรู้คลาย


555+


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


55555555555 เดี๋ยวถ้าเจอ ไอ้ตั้ม ดาจิม(ไม่เจอหลายปี) จะบอกมันว่า เฮ้ย พี่เอาเพลงแก มา ให้ตุ๊ดซซซ์ ไซเบอร์ฟังว่ะ555555555555 :b32: :b32: :b32:





ปล เพิ่งรู้จากคุณกรัชกายว่ามีเพลงนี้ด้วย smiley :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
55555555555 เดี๋ยวถ้าเจอ ไอ้ตั้ม ดาจิม(ไม่เจอหลายปี) จะบอกมันว่า เฮ้ย พี่เอาเพลงแก มา ให้ตุ๊ดซซซ์ ไซเบอร์ฟังว่ะ555555555555 :b32: :b32: :b32:





ปล เพิ่งรู้จากคุณกรัชกายว่ามีเพลงนี้ด้วย smiley :b32:


555+
ช่างเป็น
ความประทับใจ
ที่ถูกปั๊มลงในแผ่นทวารอินทรีย์ จนลืมไม่ลง
รักแห่งสยาม

ของคู่ ดูโอ หลับอยู่ กับ กลัดกาม
เหอๆๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้หน้าตัวตุ๊ด enlighted สัตว์2เพศ โสเภณีกระเทยทางวิญญาณ ตงฟางปุ๊ป้ายโคตรมิจฉาทิฐิ วิปริตจิตวิปลาส เติบโตมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง !เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ๆลๆ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 3207 ครั้ง ]
เบาๆหน่อยเดี๋ยวท่านประธานก็เตือนเอาอีกนะเออ :b1: จะเหน็บแนมระบายความกดดันก็ได้คนล่ะที แล้วก็

แทรกด้วยสารธรรมบ้าง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหอๆๆ

รักแห่งสยาม คู่ดูโอ หลับอยู่ กลัดกาม เตือนกันกระหนุงกระหนิง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้ก่อนหน้าได้กล่าวถึงอินทรีย์ 22 แล้ว ต่อไปจะกล่าวถึงอายตนะ 12 พอมองเห็นที่มา

อายตนะ 12

-จักขวายตนะ (ตา-จักขุ+อายตนะ)

-รูปายตนะ (รูป-รูปะ+อายตนะ)

-โสตายตนะ (หู-โสตะ+อายตนะ)

-สัททายตนะ (เสียง-สัททะ+อายตนะ)

-ฆานายตนะ (กลิ่น-ฆานะ+อายตนะ)

-คันธายตนะ (คันธะ+อายตนะ)

-ชิวหายตนะ (ลิ้น-ชิวหา+อายตนะ)

-รสายตนะ (รส- รสะ+อายตนะ)

-กายายตนะ (กาย-กายะ+อายตนะ)

-โผฏฐัพพายตนะ (ผัสสะ-โผฏฐัพพะ+อายตนะ)

-มนายตนะ (ใจ-มนะ+อายตนะ)

-ธัมมายตนะ (ธรรมารมณ์-ธัมมะ+อายตนะ)

อายตนะ แปลว่า ที่ต่อ หรือแดน หมายถึงที่ต่อกันให้เกิดความรู้, แดนเชื่อมต่อให้เกิดความรู้

หรือแหล่งที่มาของความรู้

แปลง่ายๆว่า ทางรับรู้ มี 6 อย่าง ดังที่เรียกในภาษไทยว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ท่านจัดเป็นคู่ๆ ได้ 6 คู่ ทางอายตนะที่เกิด เช่น

ตา+รูป

หู+เสียง

กลิ่น+จมูก

ลิ้น+รส

กาย+โผฏฐัพพะ

ใจ + ธัมมารมณ์ (= สิ่งที่ใจคิด)

เมื่อตากับรูปกระทบกันเกิดความรู้ คือ วิญญาณแล้วจึงมีชื่อเรียกตามอายตนะนั้นๆ เช่นมีการรับรู้ทางตา

ก็เรียกชื่อว่า จักขุวิญญาณ ทางหูเรียกชื่อว่า โสตวิญญาณ เป็นต้น

การรับรู้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีองค์ประกอบเกิดขึ้นครบทั้งสามอย่าง คือ อายตนะ อารมณ์และวิญญาณ

ภาวะนี้ในภาษาธรรมมีคำเรียกโดยเฉพาะว่า ผัสสะ หรือ สัมผัส แปลตามรูปศัพท์ว่า การกระทบ

แต่มีความหมายทางธรรมว่า การประจวบหรือบรรจบพร้อมกันแห่งอายตนะ อารมณ์ และวิญญาณ

พูดอย่างเข้าใจง่ายๆ ผัสสะ ก็คือการรับรู้นั่นเอง

ผัสสะ หรือ สัมผัส หรือการรับรู้นี้ มีชื่อเรียกแยกเป็นอย่างๆ ไปตามทางรับรู้คืออายตนะนั้นๆ ครบจำนวน 6

คือ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผัสสะ = การกระทบระหว่างอายตนะภายใน กับอายตนะภายนอก และวิญญาณทางอายตนะนั้นๆ


ผัสสะ เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการรับรู้ เมื่อผัสสะเกิดขึ้นแล้ว กระบวนธรรมก็ดำเนินต่อไป เริ่มแต่

ความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามานั้น ปฏิกิริยาอย่างอื่นของจิตใจ การจำหมาย การนำอารมณ์นั้น

ไปคิดปรุงแต่ง ตลอดจนการแสดงออกต่างๆที่สืบเนื่องไปตามลำดับ

เมื่อมีความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามา ซึ่งเกิดขึ้นในลำดับถัดจากผัสสะ ความรู้สึกนี้ในภาษาธรรมเรียก

ว่า “เวทนา” เวทนา แปลว่า การเสวยอารมณ์หรือการเสพรสอารมณ์ คือความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้

เข้ามานั้น โดยเป็น สุขสบาย ไม่สบาย หรือเฉยๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง

เวทนานี้ถ้าแบ่งทางรับรู้ ก็มี 6 เท่าจำนวนอายตนะ คือ เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางตา

เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางหู เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางจมูก เป็นต้น

แต่ถ้าแบ่งตามคุณภาพจะมีจำนวน 3 คือ

1. สุข ได้แก่สบาย ชื่นใจ ถูกใจ

2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบาย เจ็บปวด

3. อทุกขมสุข ไม่ทุกข์ ไม่สุข คือเรื่อยๆ เฉยๆ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า อุเบกขา

หรือแบ่งให้ละเอียดลงไปอีกเป็น 5 (เวทนา 5) คือ

1. สุข ได้แก่ สบายกาย

2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบายกาย เจ็บปวด

3. โสมนัส ได้แก่ สบายใจ ชื่นใจ

4. โทมนัส ได้แก่ ไม่สบายใจ เสียใจ

5. อุเบกขา ได้แก่เฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์

กระบวนการรับรู้เท่าที่กล่าวมานี้ เขียนให้ดูง่ายๆดังนี้

อายตนะ +อารมณ์ (รูปารมณ์เป็นต้น)+วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

ทางรับรู้ + สิ่งที่ถูกรู้ + ความรู้ = การรับรู้ => ความรู้สึกต่ออารมณ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 เม.ย. 2010, 10:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ผัสสะ = การกระทบระหว่างอายตนะภายใน กับอายตนะภายนอก และวิญญาณทางอายตนะนั้นๆ


ผัสสะ เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการรับรู้ เมื่อผัสสะเกิดขึ้นแล้ว กระบวนธรรมก็ดำเนินต่อไป เริ่มแต่

ความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามานั้น ปฏิกิริยาอย่างอื่นของจิตใจ การจำหมาย การนำอารมณ์นั้น

ไปคิดปรุงแต่ง ตลอดจนการแสดงออกต่างๆที่สืบเนื่องไปตามลำดับ

เมื่อมีความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามา ซึ่งเกิดขึ้นในลำดับถัดจากผัสสะ ความรู้สึกนี้ในภาษาธรรมเรียก

ว่า “เวทนา” เวทนา แปลว่า การเสวยอารมณ์หรือการเสพรสอารมณ์ คือความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้

เข้ามานั้น โดยเป็น สุขสบาย ไม่สบาย หรือเฉยๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง

เวทนานี้ถ้าแบ่งทางรับรู้ ก็มี 6 เท่าจำนวนอายตนะ คือ เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางตา

เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางหู เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางจมูก เป็นต้น

แต่ถ้าแบ่งตามคุณภาพจะมีจำนวน 3 คือ

1. สุข ได้แก่สบาย ชื่นใจ ถูกใจ

2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบาย เจ็บปวด

3. อทุกขมสุข ไม่ทุกข์ ไม่สุข คือเรื่อยๆ เฉยๆ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า อุเบกขา

หรือแบ่งให้ละเอียดลงไปอีกเป็น 5 (เวทนา 5) คือ

1. สุข ได้แก่ สบายกาย

2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบายกาย เจ็บปวด

3. โสมนัส ได้แก่ สบายใจ ชื่นใจ

4. โทมนัส ได้แก่ ไม่สบายใจ เสียใจ

5. อุเบกขา ได้แก่เฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์

กระบวนการรับรู้เท่าที่กล่าวมานี้ เขียนให้ดูง่ายๆดังนี้

อายตนะ +อารมณ์ (รูปารมณ์เป็นต้น)+วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

ทางรับรู้ + สิ่งที่ถูกรู้ + ความรู้ = การรับรู้ => ความรู้สึกต่ออารมณ์


เหอๆๆ

มีแต่บวกไม่มีลบ เลยไม่มี ละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:

(กรัชกายถาม)
อยากเห็นการแสดงอินทรีย์สังวร ของ enlighted หน่อย ไหนลองแสดงมาดิขอรับ

(enlighted ตอบ)
เหอๆๆ
อินทรีย์ ที่ไม่เกิดผัสสะ

(กรัชกายถาม ต่อ)
อธิบายขยายความหน่อยดิขอรับ อินทรีย์ที่ไม่เกิดผัสสะยังไง
อินทรีย์ได้แก่อะไร ผัสสะได้แก่อะไร

(enlighted ตอบ)
เหอๆๆ
อินทรีย์อายตนะ
อินทรีย์ ภาวะ
อินทรีย์พละ
อินทรีย์โลกุตระ
และอินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา


รายละเอียดไปเปิดหาเอาเอง


อีกสามประเด็นที่ว่า อินทรีย์ภาวะ, อินทรีย์พละ, อินทรีย์โลกุตระ

ตอบเสียคราวเดียวกันเลยขอรับ ว่าได้แก่อะไร หมายถึงอะไร ขอคำอธิบายพอให้เป็นแนวทางการ

ปฏิบัติด้วยเถอะขอรับ

ที่ถามนั่นนะขอรับ รอคำตอบอยู่


ไปอ่าน ก.ไก่ ให้ออกก่อน เหอะ

เหอๆๆ
[/quote][/quote][/quote]



สรุปคำอธิบายอินทรีย์สังวรของผู้ใช้ชื่อ enlighted (สปอร์ตไลท์ไฟรั่ว :b1: :b32: :b13: )

เป็นการนำศัพท์ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างมาต่อๆกัน เพื่อลวงคนไม่รู้ แล้วก็อธิบายมั่วไปภาษาคนหาปลาเรียกว่า

เหวี่ยงแหหรือทอดแห ติดอะไรขึ้นมาเอาหมด

ครั้นมีคนบอกว่านั่นงู ไม่ใช่ปลา ก็โยนทิ้ง หยิบ (อธิบายใหม่) เอาอันใหม่ ฯลฯ จึงหาจุดยืนไม่มี

สุดท้ายก็ไปลงที่คัมภีร์เว่ยหล่าง ฮวงโป เดี๋ยวพอมีคนค้านคงดอดไปลงสิงคโปว์ ฯลฯ แล้วก็ออกทะเล

ไปแล :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:

(กรัชกายถาม)
อยากเห็นการแสดงอินทรีย์สังวร ของ enlighted หน่อย ไหนลองแสดงมาดิขอรับ

(enlighted ตอบ)
เหอๆๆ
อินทรีย์ ที่ไม่เกิดผัสสะ

(กรัชกายถาม ต่อ)
อธิบายขยายความหน่อยดิขอรับ อินทรีย์ที่ไม่เกิดผัสสะยังไง
อินทรีย์ได้แก่อะไร ผัสสะได้แก่อะไร

(enlighted ตอบ)
เหอๆๆ
อินทรีย์อายตนะ
อินทรีย์ ภาวะ
อินทรีย์พละ
อินทรีย์โลกุตระ
และอินทรียเวทนา ที่ไม่เกิดผัสสะ คือไม่เกิดอินทรีย์เวทนา


รายละเอียดไปเปิดหาเอาเอง


อีกสามประเด็นที่ว่า อินทรีย์ภาวะ, อินทรีย์พละ, อินทรีย์โลกุตระ

ตอบเสียคราวเดียวกันเลยขอรับ ว่าได้แก่อะไร หมายถึงอะไร ขอคำอธิบายพอให้เป็นแนวทางการ

ปฏิบัติด้วยเถอะขอรับ

ที่ถามนั่นนะขอรับ รอคำตอบอยู่


ไปอ่าน ก.ไก่ ให้ออกก่อน เหอะ

เหอๆๆ
[/quote][/quote]



สรุปคำอธิบายอินทรีย์สังวรของผู้ใช้ชื่อ enlighted (สปอร์ตไลท์ไฟรั่ว :b1: :b32: :b13: )

เป็นการนำศัพท์ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างมาต่อๆกัน เพื่อลวงคนไม่รู้ แล้วก็อธิบายมั่วไปภาษาคนหาปลาเรียกว่า

เหวี่ยงแหหรือทอดแห ติดอะไรขึ้นมาเอาหมด

ครั้นมีคนบอกว่านั่นงู ไม่ใช่ปลา ก็โยนทิ้ง หยิบ (อธิบายใหม่) เอาอันใหม่ ฯลฯ จึงหาจุดยืนไม่มี

สุดท้ายก็ไปลงที่คัมภีร์เว่ยหล่าง ฮวงโป เดี๋ยวพอมีคนค้านคงดอดไปลงสิงคโปว์ ฯลฯ แล้วก็ออกทะเล

ไปแล :b9: :b32:[/quote]

เหอๆๆๆ

ไปลอกตำรามามันก็เป็นแบบนี้แหละ

กระบวนการรับรู้เท่าที่กล่าวมานี้ เขียนให้ดูง่ายๆดังนี้

อายตนะ +อารมณ์ (รูปารมณ์เป็นต้น)+วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

ทางรับรู้ + สิ่งที่ถูกรู้ + ความรู้ = การรับรู้ => ความรู้สึกต่ออารมณ์

เหอๆๆ ไม่มีลบ ไม่มีละ มีแต่บวก
พวกตำรา จะไปเห็นเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร
ไปเปิดตำราหาจนตลอดชีวิต เลย

เหอๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อายตนะ +อารมณ์ (รูปารมณ์เป็นต้น)+วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

เหอๆๆ ไม่มีลบ ไม่มีละ มีแต่บวก
พวกตำรา จะไปเห็นเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร
ไปเปิดตำราหาจนตลอดชีวิต เลย

เหอๆๆ


เข้าตำราสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคมเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย

อายตนะ +อารมณ์ +วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา


เครื่องหมาย + ไม่ใช่แทนเครื่องหมายคณิตศาสตร์ จะใช้อย่างนี้ก็ได้ อายตนะ -อารมณ์-วิญญาณ= ผัสสะ

แล้วก็ เวทนา

เพื่อให้ผู้ใช้นามว่า enlighted มองเห็นกระบวนธรรมดังกล่าวชัดยิ่งขึ้นจะนำข้อความในบาลีแห่งหนึ่ง

มาให้ดูนิดหน่อยเท่าที่เกี่ยวข้องตรงนี้ขอรับ
:b1:

“อาศัยตาและรูป เกิดจักขุวิญญาณ ความประจวบพร้อมแห่งธรรมทั้งสามนั้น เป็นผัสสะ เพราะผัสสะ

เป็นปัจจัย เวทนาจึงมี ฯลฯ


เบื้องต้นเพราะตำรานี่แหละจึงรู้ว่าใครพูดผิดพูดถูก ปฏิบัติผิดปฏิบัติถูก :b28:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 เม.ย. 2010, 17:34, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:

555+ช่างเป็น
ความประทับใจ
ที่ถูกปั๊มลงในแผ่นทวารอินทรีย์ จนลืมไม่ลง
รักแห่งสยาม ของคู่ ดูโอ หลับอยู่ กับ กลัดกาม
เหอๆๆๆ


555+ หมายถึงอะไรขอรับผู้ใช้ชื่อ enlighted (สปอร์ต์ไลท์ไฟรั่ว) ทำไมเห็นแต่บวก หารไม่มีหรอขอรับ

แล้วทวารอินทรีย์ ได้แก่อะไร หมายถึงอะไร ขอฟังคำอธิบายเพื่อประเทืองปัญญาหน่อยขอรับนะ* :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
อายตนะ +อารมณ์ (รูปารมณ์เป็นต้น)+วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

เหอๆๆ ไม่มีลบ ไม่มีละ มีแต่บวก
พวกตำรา จะไปเห็นเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร
ไปเปิดตำราหาจนตลอดชีวิต เลย

เหอๆๆ


เข้าตำราสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคมเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย

อายตนะ +อารมณ์ +วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา


เครื่องหมาย + ไม่ใช่แทนเครื่องหมายคณิตศาสตร์ จะใช้อย่างนี้ก็ได้ อายตนะ -อารมณ์-วิญญาณ= ผัสสะ

แล้วก็ เวทนา

เพื่อให้ผู้ใช้นามว่า enlighted มองเห็นกระบวนธรรมดังกล่าวชัดยิ่งขึ้นจะนำข้อความในบาลีแห่งหนึ่ง

มาให้ดูนิดหน่อยเท่าที่เกี่ยวข้องตรงนี้ขอรับ
:b1:

“อาศัยตาและรูป เกิดจักขุวิญญาณ ความประจวบพร้อมแห่งธรรมทั้งสามนั้น เป็นผัสสะ เพราะผัสสะ

เป็นปัจจัย เวทนาจึงมี ฯลฯ


เบื้องต้นเพราะตำรานี่แหละจึงรู้ว่าใครพูดผิดพูดถูก ปฏิบัติผิดปฏิบัติถูก :b28:


เหอ ก็เบื้องต้นไปเหอะ

เวทนาไม่มี ก็เพราะลบละที่ผัสสะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร