วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 21:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปุจฉา
ตกงาน แต่อย่า ตกใจ

ปุจฉา

ผมเพิ่งลาออกจากงาน และมาทำธุรกิจของตัวเอง แต่มาเจอสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เครียดมากเลยครับ การค้าขายไม่รุดหน้าเลย แถมนับวันมีแต่จะนั่งรอเจ๊งเท่านั้น พระอาจารย์ช่วยแนะวิธีแก้ไขด้วยครับ และขอคำแนะนำวิธีการสร้างความสามัคคีในที่ทำงานและในหมู่คนไทยด้วยครับ

คนมองหาทางออก





วิสัชนา

วิสัชนา

ขอเล่าประสบการณ์ตรงของมหาเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งเคยล้มละลายจนเกือบจะฆ่าตัวตายในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ ให้ฟัง

ตอนที่เกิดวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นที่ประเทศไทยนั้น รัฐบาลลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินลุกลามไปทั่วโลก มหาเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งมีเงินกว่าพันล้าน ก็ถูกพายุต้มยำกุ้งรุมกระหน่ำจนล้มทั้งยืน แกทำใจยอมรับความล้มเหลวไม่ได้ ทุกข์หนักหนาสาหัสถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายซูบผอม ไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน มองเห็นแต่ม่านสีดำครอบคลุมชีวิตไปทุกแง่ทุกมุม จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง แกเริ่มบ่นว่าจะฆ่าตัวตาย ญาติ ๆ กลัวแกจะทำจริงๆ จึงพากันเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ต่อมาเมื่อเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงเพื่อนคนหนึ่งของแกซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกมรสุมลูกเดียวกันกระหน่ำไม่น้อยไปกว่ากัน แต่เพื่อนคนนี้ตั้งตัวได้ ไม่เสียใจจนเสียจริต เสียผู้เสียคน เพื่อนคนนี้ แวะมาเยี่ยมเพื่อนเก่า ระหว่างสนทนาปราศรัยกันนั้น แกก็ถามขึ้นว่า

“เห็นลือกันว่า แกจะฆ่าตัวตาย”

“ใช่, ฉันไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”

“เพื่อนเอ๋ย - - ฉันว่า ถ้าแกกลัวทุกข์ จนคิดว่าจะฆ่าตัวตายนั้น นับว่าแกเป็นยอดคนจริงๆ เพราะในโลกนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ความตาย แต่ตอนนี้ แกบอกว่า แกไม่กลัวตาย ซ้ำยังพร้อมจะตายอีกต่างหาก ก็ในเมื่อความตาย แกยังไม่กลัว แล้วแกจะกลัวทำไมกับความล้มเหลว”

เพราะคำปลอบใจที่ว่า

“ก็ในเมื่อความตาย แกยังไม่กลัว แล้วแกจะกลัวทำไมกับความล้มเหลว”

แท้ ๆ ทำให้อดีตมหาเศรษฐีคนนั้นเกิดอาการ “สว่างโพลง” ขึ้นมา แกตบไหล่เพื่อนด้วยความดีใจ ประกาศว่า

“เออ - - จริงของแกว่ะ ขนาดความตายฉันยังไม่กลัว ถ้างั้นโลกนี้จะมีอะไรให้ต้องกลัวอีก”

พอคิดได้อย่างนี้เท่านั้นแหละ แกจึงเกิดกำลังใจอันใหญ่หลวง ลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่า ผลของการ “ตกงาน” แต่ไม่ “ตกใจ” ทำให้คนที่คิดฆ่าตัวตายได้กลับกลายมาเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านอีกครั้งหนึ่ง ทุกวันนี้ มหาเศรษฐีคนนี้ก็ยังคงมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในโลกธุรกิจอย่างมีความสุข

ปัญหาทางการเมืองไทย ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณในวันนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า คงไม่ถึงหลักพันล้าน เพราะฉะนั้น ก็ควรจะบอกตัวเองว่า “หากเราไม่ปล่อยให้ใจเสีย ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องมานั่งเสียใจ” ในยามวิกฤติ สิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เงิน (เพียงอย่างเดียว) หากแต่หมายถึง “ใจ” ต่างหาก เราต้องรักษาใจเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ใจเสีย เพราะถ้าใจเสียอาจเสียทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต

ยามที่เราทุกข์หนักหนาสาหัส อย่าหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์นั้น จนไม่ยอมลุกขึ้นมาทำอะไร ขอแนะนำว่า

หากคุณทุกข์เพราะไม่มีรองเท้าใส่ ลองนึกถึงคนที่เขาไม่มีเท้า

หากคุณทุกข์เพราะไม่มีเสื้อใส่ ลองนึกถึงคนที่ไม่เคยได้ใส่เสื้อ

หากคุณทุกข์เพราะไม่มีข้าวกิน ลองนึกถึงคนที่ไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน

หากคุณทุกข์เพราะไม่มีเพื่อน ลองนึกถึงคนที่ถูกเพื่อนรุมทำร้าย

หากคุณทุกข์เพราะไม่มีแว่นตา ลองนึกถึงคนตาบอด

ด้วยวิธีคิดที่ว่า ในโลกนี้ ยังมี “เพื่อนทุกข์” อีกมากมายนัก ไม่ใช่เราเท่านั้น ที่ทุกข์อยู่คนเดียว จะทำให้เราก้าวข้ามความทุกข์ออกมาดำนเนิชีวิตอย่างมีความสุขได้ ก็หวังว่า คุณจะลองนำวิธีมองโลกในแง่ดีเช่นนี้ไปปรับใช้กับการทำงานจนฟันฝ่าวิกฤติไปได้ในที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปุจฉา
สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

เคยรับปากกับเพื่อนว่าจะร่วมกันทำงานชิ้นหนึ่งแต่มีเหตุผลส่วนตัวทำให้ไม่ได้ทำ เพื่อนนำเอาไปนินทาลับหลัง จะทำอย่างไรดีครับ







วิสัชนา

ถ้าเขาเป็นเพื่อนที่แท้ของคุณ เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง “ปล่อยมันไป” ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัวแต่จะนับ “เม็ดทรายในแม่น้ำคงคา” (มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง) เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่ คนที่ทำตัวเป็น “มิสเตอร์เยส” นั้น เขาจะไม่มีวันได้อยู่อย่างมีความสุขหรอก เพราะหลังจากที่คุณ “เยส” กับเรื่องนี้กับคนนี้ไปแล้ว ก็จะมีเรื่องใหม่ และคนใหม่ มาขอให้คุณทำอะไรอยู่เสมอ ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ปล่อยมันไป” หรือมิเช่นนั้น จากบทเรียนคราวนี้ คุณก็ควรฝึกเป็น “มเตอร์โน” บ้าง เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบบเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร