วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 13:44
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนเช้า เมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดพระ และประชาชน พระอรหันต์ทุกองค์ก็ฟังเหมือนกัน บางท่านคิดว่าพระอรหันต์หยุดทำความดีนั้นไม่ตรงความจริงตามความเป็นจริงแล้ว พระอรหันต์ขยันทำความดีมาก ทั้งนี้เพราะใจท่านสะอาด ท่านก็เลยชอบความสะอาด เมื่อความดีเป็นความสะอาด ท่านก็เลยทำเป็นปกติ และทำหนักกว่าท่านที่มีใจไม่ใคร่สะอาด เมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์ ท่านเทศน์สอนวิธีทำใจให้สะอาด พระอรหันต์ต่างก็ฟังและเอาไปสอนคนอื่นต่อ หน้าที่ของพระสงฆ์ต้องทำใจให้สะอาด และสอนคนอื่นให้ทำความสะอาดใจ ไม่ใช่พระสงฆ์ทำใจให้สกปรกแล้วก็ชวนชาวบ้านให้สกปรกเหมือนตน เช่น เมาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข วุ่นวาย เพราะเสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อาการอย่างนี้ ไม่ใช่อาการของพระ เป็นอารมณ์ความต้องการของนักไปอบายภูมิ คุยกันต่อไป
เมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์จบแล้ว พระโมคคัลลาน์ท่านประสงค์ให้ประชาชนและพระปุถุชนเข้าใจเรื่องเจตนา จึงกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
คนที่ตั้งใจจะทำบุญ แต่ยังไม่ทันได้ทำ ตายเสียระหว่างทาง ไปเกิดเป็นเทวดามีไหม
พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ก็เมื่อคืนนี้เธอไปพบมาแล้วใช่ไหม" พระโมคคัลลาน์รับว่า ใช่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราขอกล่าวว่า ความตั้งใจนั้นนั่นแหละเป็นบุญ" มีความหมายว่า อานิสงส์ของบุญกุศลเริ่มมีตั้งแต่เมื่อตัดสินใจว่าจะทำบุญแน่นอน ที่เอาพระสูตรเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อประโยชน์ของท่านที่ทำบุญ เวลาประเคนของบางสถานที่จะต้องรอคนนั้นคนนี้ให้มาประเคนพร้อมกัน บางแห่งก็เล่นงูกินหาง เกาะกันเป็นแถวยาวเหยียด ที่เกาะไม่ทันก็คิดว่าไม่ได้บุญที่เป็นเช่นนี้เห็นจะเป็นเพราะผู้แนะนำศึกษาพลาดไปนิดหนึ่ง ผู้แนะนำควรเข้าใจว่า เมื่อจะประเคนของก็แจ้งให้ทราบทั่วกัน แล้วก็ประเคน ก็เป็นการดีมากแล้ว การเกาะกันโยงกันแบบนั้น คนที่ไม่เข้าใจจะเห็นเป็นจำอวดไปและทำกำลังใจของคนบางคนให้เสียเพราะประเคนไม่ถึงเกาะกันไม่ทัน ดีไม่ดีคนที่เกาะกันไกลเลยคิดว่าได้บุญน้อยกว่าคนที่อยู่ใกล้พระ เจตนาลดตัวหลัง ทำให้บุญที่จะพึงได้นั้นน้อยไป ทายกควรเข้าใจตามพระสูตนี้ก็จะดีมาก
สูตรก่อนพูดถึงเรื่อง กากะเปรต จึงเอาสูตรนี้มาเปรียบเทียบให้ทราบว่า การทำบุญหรือทำบาป ผลจะเกิดขึ้นได้ในลักษณะไหน พระที่อนุญาตให้ของแก่ผู้ขอก็ต้องระมัดระวังของที่เป็นสิทธิ์ของท่าน ท่านให้ได้ แต่ของส่วนกลางอย่างอาหารถวายพระพุทธรูปท่านไม่มีสิทธิ์ให้ เป็นของสังฆทาน ต้องหมดเวลาอาหารหลังเพลเสียก่อนจคงมีสิทธิ์ พระผมไม่เตือนมาก ถ้าเตือนมากเกินไปท่านจะต้องเหนื่อยมาก เพราะด่าผม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร