วันเวลาปัจจุบัน 06 พ.ค. 2025, 01:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

วิมุตติปฏิปทา : ทาน ศีล ภาวนา มีผลจริงแก่ผู้กระทำ โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงรับนิมนต์ไม่เว้นแต่ละวัน หลังจากฉันเสร็จ จากนั้นก็จะทรงแสดงธรรมเพื่อโปรดญาติโยม พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

ทาน-ศีล-ภาวนา มีผลจริงแก่ผู้กระทำ
ทานนั้นมีผลแน่ เพราะมีประโยชน์ อย่างเช่นการมาใส่บาตรก็ทำให้พระสงฆ์ ที่ได้ฉันได้มีชีวิตอยู่ไปอีกวันหนึ่ง เพราะหากขาดอาหารหลายวันก็จะยิ่งเพลีย การใส่บาตรนี้จึงเป็นการให้ชีวิตเป็นทานแก่พระสงฆ์ซึ่งไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ หุงหาอาหาร เพราะว่าพระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้าม โดยทรงให้พระสงฆ์ ทำเฉพาะแต่การเจริญสมถะและวิปัสสนาภาวนา เพียรเผากิเลส เพราะจุดมุ่งหมายของผู้บวช คือ ฆ่ากิเลส ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ อติเรกลาภ แต่เพื่อปฏิบัติธรรม ชำระจิตให้ผ่องใสสะอาดปราศจากกิเลส ถ้าเราจิตใจผ่องใสเบิกบานก็จะมีความสุข และตรงกันข้าม ถ้าหากใจ ขุ่นมัว ก็จะไม่มีความสุข แต่กลับจะเป็นทุกข์เดือดร้อน เพราะว่า จิตมัวหมอง ตกเป็นทาสของอกุศล แถมยังมักไม่ค่อยรู้ตัวว่าเป็น เพราะอะไรจิตใจจึงมัวหมอง จึงคลางแคลงสงสัยอยู่เสมอ
ดังนั้น ศีล การมาฝึกฝนอบรมใจ ปฏิบัติด้วย ทาน-ศีล-ภาวนาและไหว้พระ จิตก็ผ่องใส คัดเลือกบาปออกไป ให้เพียรพยายามให้ทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เพื่อกันขโมย (คือ กิเลส อกุศล) ไม่ให้เข้าบ้านได้ เมื่อสมาทาน ศีลแล้วก็ต้อง รักษาศีล ด้วย อย่าสมาทานเสร็จแล้วก็วางคืน ไว้ที่พระหรือที่วัด ต้องสมาทานด้วยจิตยินดี และตั้งใจรักษา ไม่ควรให้สูญหายไป พากันรักษากาย-วาจา-ใจ ให้บริสุทธิ์ อย่างเช่น ไม่สร้างเวร ให้กับตัวเองด้วยการฆ่าหรือทำทุกข์ให้แก่สัตว์ตัวเล็กเท่าที่มองเห็นด้วย ตาไปจนถึงตัวใหญ่ที่สุดคือช้าง โดยเจตนา เป็นต้น

ภาวนา พยายามเพ่งใจให้สงบ บริสุทธิ์จากนิวรณ์ 5 ภาวนามีอานิสงส์มากกว่า ทานและศีลเพราะว่ากิเลสบาปธรรมนั้นอยู่ภายใน เมื่อใครสามารถเข้าถึง ก็จะเกิดการละ อกุศลก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะเหตุว่าการภาวนานั้นจะโน้ม สติและสัมปชัญญะเข้าไปสู่จิต ถ้าไม่ภาวนา สติและสัมปชัญญะก็จะไม่มี จิตก็จะคอยแต่ส่งออกนอกไปสู่นอก เช่น การงานและกิเลสต่างๆ บุญกุศลก็ไม่เกิด เกิดไม่ได้ จิตไม่น้อมต่อบุญกุศล
กิเลสนั้น นำไปเกิดในที่ทุกข์ยากลำบาก กิเลสบาปอธรรมก็อยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่ที่อื่น ถ้าเราเพียรเพ่งบริกรรม กิเลสก็มาครอบงำจิตไม่ได้ ก็จะห่างออกไป บุญกุศลก็จะเข้ามาใกล้ ใจก็อิ่ม เป็นสุข
เราทุกคนมีบาปกันทั้งนั้นไม่มากก็น้อย จงสะดุ้ง หวาดกลัวต่อบาปต่อกรรม ต่อเวร และระมัดระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในใจ เช่น ระวังไม่ให้เกิดความโลภ ยินดีเท่าที่มีอยู่ เท่าที่หาได้ ไม่ผูกโกรธ เพราะความโกรธเป็นไฟ เผาจิตใจให้ร้อนทั้งวันและคืน ให้อโหสิกรรมเสีย ยกโทษ โทษก็จะหมดไปเพราะว่าไม่ถือมั่นในความโกรธ ความพยาบาท ตรงกันข้าม เมื่อจิตถือมั่น บาปก็ติดตามไป เมื่อได้โอกาส เมื่อไหร่ก็ให้ผลเมื่อนั้น

ให้เพียรดูจิตใจ ถ้าบาปครอบงำก็รู้ ถ้าจิตผ่องใสก็รู้ ถ้าใจจะเผลอ สติก็รู้ก็ระลึกได้ จะโกรธจะว่าใคร สติก็จะคอยเตือนคอยห้าม และไม่ยึด อโหสิกรรมให้เค้าไป บาปกิเลสก็จะเบาบางไป
ดังนั้น อย่าชอบใจกับคำว่าใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ก็คือทุกข์ คือบาป ใจผ่องใสเบิกบาน ก็คือบุญ
พากันมีสติสัมปชัญญะเสมอ ระลึกเข้ามารู้ตัวทั่วพร้อมไม่ว่าจะยืน-เดิน-นั่ง-นอน ทำการงานหรืออะไรก็ตาม

เมื่อรู้ว่าจิตเป็นกุศลก็จะเกิดปิติในใจ การสร้างจิตใจให้เป็นกุศลเสมอ จิตใจก็จะสุข สงบ ทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อใครมาว่ามาทำอะไร จิตใจก็ไม่หวั่นไหว ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท แต่มีสติเสมอ
มีสติรู้ว่ากายนี้ไม่เที่ยง-เป็นทุกข์-ไม่เป็นไปตามบังคับของใคร เมื่อรู้ก็เบื่อ เมื่อเบื่อก็คลายความยึดความถือ อาจยังยึดกาย แต่ไม่ยึดความโกรธ
ขอให้พากันฝึกฝนอบรมตนไปเรื่อยๆ กิเลสก็จะเบาบางไป จนหมดไปได้ และนี่เอง คือจุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 06:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7820

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


tongue :b8: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ ท่านวรานนท์ :b20: smiley

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สาธุ อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร