วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 06:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 10:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในปัจจุบันกาลนี้ ถึงแม้ว่าเราจะโชคดีโดยได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่บรรจุคำสอนเรื่องกรรมไว้อย่างถูกต้อง ตามความเป็นจริงแล้วก็ตามที แต่ก็อย่าเพิ่งดีอกดีใจในความเป็นผู้โชคดีของเราให้มากมายไปนัก
ทั้งนี้ก็เพราะว่าเรายังไม่หมดกรรม ยังมีกรรมอยู่มากมาย ตราบใดที่ยังเผาผลาญสังหารกรรมไม่ได้ คือ ยังมีกรรมมีเวรเป็นปุถุชนอยู่ ตราบนั้นปราชญ์ผู้มีปัญญาทั้งหลายเตือนว่าให้คอยระวัง ! ระวังอะไร ระวังภัยลึกลับในอนาคต ที่คอยจ้องตะครุบสัตว์โลกเอาไว้ไปบริโภคเป็นอาหารอยู่ตลอดกาล เพราะมีฤทธิ์เดชร้ายกาจหนักหนา ภัยลึกลับในอนาคตมีฤทธิ์ร้ายที่ควรนำมากล่าวไว้ มีอยู่ดังนี้

นานาสัตถุอุลโลกนภัย
ภัยลึกลับในอนาคตซึ่งมีชื่อปรากฎเป็นศัพท์ว่า "นานาสัตถุอุลโลกนภัย" นี้ ได้แก่ภัยอันเกิดจากการคอยแหงนหน้ามองดูศาสนาต่าง ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ในชาตินี้เรามีโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้มีโอกาสพบเคารพเลื่อมใสพระบวรพุทธสาสนาวิเศษโดยมีสมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นองค์พระศาสดา เป็นศาสนาประเสริฐ มีคำสอนสมบูรณ์ถูกต้องตามสภาพธรรมความเป็นจริง เมื่อมีใจศรัทธาอุตสาหะปฏิบัติตามหลักการพระพุทธศาสนา ก็อาจจะคว้าเอาสมบัติตามจิตปรารถนาบรรดามี คือ มนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ พรหมสมบัติ ตลอดจนถึงนิพพานสมบัติ มาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนได้โดยง่าย
หากว่าเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว มีคติผ่องแผ้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในอนาคต การที่ว่าจะมีโอกาสสดใสได้พบพระพุทธศาสนาอีกนั้นเป็นอันยากยิ่งยากนักหนา ทั้งก็เพราะว่า พระบวรพุทธศาสนาวิเศษแห่งเรานี้ ใช่ว่าจะเป็นศาสนาที่อยู่ประจำโลกเมื่อไหร่เล่า ปรากฎอยู่ในโลกเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จะถึงกาลล่วงลับดับสูญไป เมื่อเราเกิดมาใหม่ไม่พบพระพุทธศาสนาแล้วจะพบอะไร ก็ต้องพบศาสนาที่ศาสดาอื่นประกาศขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นศาสนาอะไรก็ได้มีไม่ใช่บวรพระพุทธศาสนา ด้วยว่า ธรรมดาสันดานของมนุษย์ทั้งหลายมักชอบอวดรู้อวดฉลาดอยู่เป็นวิสัยเห็นใครโง่กว่าตน ก็มักอวดตนเป็นผู้วิเศษโดยแสดงตนเป็นศาสดา ประกาศลัทธิศาสนาไปตามสติปัญญาอันโง่เขลาแห่งตน เช่น ศาสดาปูรณกัสสปผู้ประกาศลัทธิศาสนามิจฉาทิฐิ เป็นต้น มนุษย์ที่ชอบแสดงตนเป็นศาสดาเจ้าลัทธิประกาศศาสนาตามใจชอบนี้ ย่อมมีประจำมนุษย์โลกอยู่เนืองนิตย์ เมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์ในอนาคตแล้วได้ฟังคำสอนผิด ๆ จากปากของผู้ที่แสดงตนเป็นศาสดา ซึ่งประกาศออกมาว่า
"เจ้าทั้งหลายเอ๋ย ! บาปบุญไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี คุณแห่งบิดามารดาไม่มี คนเราตายไปแล้วก็แล้วกัน ฉะนั้น เจ้าทั้งหลายไม่ต้องประหวั่นพรั่นพรึงอะไร อยากทำการสิ่งใดจงทำไปเถิดตามใจชอบ อย่ากลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษหรือนรกสวรรค์ ที่คนโบราณว่าให้เสียเวลาเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้ คือไม่มี เป็นสิ่งที่คนโบราณเพ้อฝันไปเองต่างหากเล่า"
"เออ...เห็นจะจริงอย่างท่านว่า" ตัวเราเองในอนาคตผู้ไม่ค่อยจะรู้ประสีประสา ซึ่งมีกิริยาแหงนหน้าฟังศาสดาประกาศศาสนาในภายหน้าอาจจะอุทานออกมาด้วยความเลื่อมใสเป็นใจความฉะนี้ แล้วก็ยินดีประพฤติปฏิบัติไปตามคำสอนของศาสดาป่าเถื่อนและโง่เขลานั้น ประพฤติการอันเป็นบาปชั่วช้าล่วงอกุศลกรรมบถนานาประการ เมื่อวายปราณตายไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปสู่อบาย เพราะอกุศลกรรมชักนำไป เช่นเดียวกับเหล่าสาวกของปูรณกัสสปเดียรถีร์ ซึ่งต้องไปเกิดเป็นผีนรกเพราะประพฤติตามคำสอนอันเป็นมิจฉาทิฐินั้น ครั้นพ้นจากทุกข์โทษในอบายได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ย่อมจะต้องพบหน้ามนุษย์ซึ่งอ้างว่าตนเป็นศาสดาผู้วิเศษอื่น ๆ ซึ่งเราจำต้องฟังคำสอนเขาอีก และเขาก็สามารถพาเราผู้ซึ่งแหงนหน้าฟัง และประพฤติตามคำสอนของเขาให้ไปลงนรกได้อีกเช่นกัน สภาพการณ์จะปรากฎมีอยู่อย่างนี้ไปไม่มีวันสิ้นสุด เพราะว่าศาสดาเหล่านั้นไม่ใช่พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล่าวว่า นานาสัตถุอุลโลกนภัย คือ การที่ต้องตั้งคอแหงนหน้าคอยฟังคำสอนของศาสดาในภายหน้านี้ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัวซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

.....................................................
บริหารกายเจริญวัย บริหารใจเจริญจิต เจริญธรรมเป็นนิจจิตผ่องใส

บำเพ็ญอยู่เสมอไม่เผลอใจ อะไร ๆ ก็จะโปร่งเบาเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:37
โพสต์: 54

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

ขอให้ท่านพ้นภัย

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ภัยนี้น่ากลัวจริงๆ ขอบคุณท่านninja95 มากครับ.. smiley :b54: :b55: :b55:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนานับว่าโชคดี...ที่เลิศกว่าคือเกิดแล้วได้พบพระพุทธเจ้า...
...สำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมินั้น...ยังไงก็ต้องได้เกิดพบพุทธศาสนาอ่ะค่ะ...
...ดูอย่างพระสัมมามัมพุทธเจ้าสมณโคดมสิเจ้าคะ...เกิด-ตายนับชาติหาได้ไม่...
...ที่นับชาติได้น่ะ...นับเฉพาะเริ่มตั้งปณิธานและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า...
...เป็นเวลาสี่อสงไขยกับแสนมหากัปป์...พบพระพุทธเจ้ามานับได้ถึงห้าแสนกว่าพระองค์...
...ฉะนั้นควรหมั่นทำบุญสร้างกุศลคือคุณงามความดีทุกประการเพื่อให้พบพระศรีอริยเมตตรัยเถิด...
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=18&t=26751
:b20:
:b17: :b27:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 10:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อปายิกภัย

ภัยลึกลับในอนาคตอีกประการหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อเรียกเป็นศัพท์ว่า "อปายิกภัย" นี้ ได้แก่ ภัยที่เกิดจากการไปอุบัติเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ! หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าในชาตินี้เราโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในมนุษย์โลกซึ่งจัดว่าเป็นสุคติภูมิ แล้วยังประสบโชคดีเป็นซ้ำสอง เพราะได้เกิดมาพบบวรพระพุทธศาสนา หากว่ามีความประสงค์จะได้บรรลุธรรมวิเศษ คือมรรคผลนิพพาน เพื่อนำตนให้พ้นภัยในวัฏสงสารถึงความเป็นผู้สิ้นเวรกรรม เราก็สามารถที่จะกระทำได้ ด้วยการปฏิบัติตามกระแสพระพุทธฎีกา แม้ว่าจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ เพราะวาสนาบารมียังไม่แก่กล้าสมบูรณ์ดี แต่ก็อาจจะเป็นอุปนิสัยปัจจัย เพื่อให้ได้บรรลุธรรมวิเศษในอนาคตกาลภายหน้า
หากว่าเราปล่อยให้ความโชคดีซึ่งเราได้รับอยู่นี้ผ่านไป โดยไม่ได้ทำอะไรให้สมกับโอกาสดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เมื่อถึงแก่กาลกิริยาตายจากชาตินี้ไป การที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนในชาตินี้อีก ในฐานะที่เป็นปุถุชนคนมีกรรมอยู่เช่นนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะพึงได้ยากหนักหนา ปราชญ์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า บรรดามนุษย์ที่ตายไปจากมนุษย์โลกนั้น เขาต่างพากันไปสู่อบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิ อุปมาเหมือนกับขนโคกับเขาโค คือ มนุษย์ทั้งหลายที่ทำกิริยาตายลงไปทุกวันนี้น่ะ เขาพากันไปเกิดในจตุราบายภูมิ โดยไปเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรภูมิบ้าง ไปเกิดเป็นเปรตในเปตติวิสยภูมิ ไปเกิดเป็นอสุรกายในอสุรกายภูมิบ้าง และไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานในเดรัจฉานภูมิบ้าง ต่างไปเกิดในอบายภูมิทั้ง 4 นี้ มีปริมาณมากเท่าขนโค ส่วนมนุษย์ที่โชคดีได้กลับมาเป็นมนุษย์ในมนุษย์โลก และได้ไปเกิดเป็นเทวดาในเทวโลกเป็นสุคติภูมิ มีปริมาณน้อยยิ่งนักเทียบได้กับเขาโคเท่านั้น โคตัวหนึ่งมี 2 เขา แต่มีขนเท่าไหร่เล่า ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย โอ...มีจำนวนมากมายจนไม่มีใครอยากจะนับทีเดียว ขนโคทั้งตัวที่มีจำนวนมากมายนั่นแล เทียบได้กับเหล่ามนุษย์ที่พากันไปเกิดในจตุราบาย ฝ่ายเหล่ามนุษย์ที่มีโอกาสกลับมาเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทวดา ย่อมมีแต่เพียงคู่หนึ่งซึ่งเท่ากับจำนวนเขาโค
สมมติว่าตัวเราซึ่งกำลังได้รับโชคดีได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาอยู่ขณะนี้ หากมีอันเป็นแก่ถึงกาลกิริยาไปมิใช่อยู่ในประเภทเขาโค แต่บังเอิญไพล่เข้าไปอยู่ในประเภทขนโค โซซัดโซเซพลัดไปอุบัติเกิดในจตุราบายอันชั่วร้ายภูมิใดภูมิหนึ่งเข้าแล้ว จะเป็นอย่างไร คงจะวุ่นวายน่าเสียดายนัก เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว อย่าว่าแต่จะปรารถนาเอามรรคผลนิพพานอันเป็นยอดสมบัติเลย แม้แต่มนุษย์สมบัติ เทวดาสมบัติ คือ การได้เกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทวดา ก็เป็นอันเหลือวิสัยที่จะสมปรารถนา ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงกล่าวว่า อปายิกภัย คือการที่ต้องไปอุบัติเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัว ซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

.....................................................
บริหารกายเจริญวัย บริหารใจเจริญจิต เจริญธรรมเป็นนิจจิตผ่องใส

บำเพ็ญอยู่เสมอไม่เผลอใจ อะไร ๆ ก็จะโปร่งเบาเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 10:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ภัยที่เกิดจากการที่ต้องตั้งคอแหงนหน้าคอยฟังคำสั่งสอนของศาสดาต่าง ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด และภัยที่เกิดจากการที่ต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุราบายให้ได้รับความทุกข์ทรมานในอนาคตกาลภายหน้าเช่นกล่าวมานี้ ล้วนเป็นภัยลึกลับที่น่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง น่าเกรงกลัวยิ่งกว่าภัยที่ปรากฎเฉพาะหน้า เช่น อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย โจรภัย ราชภัย และวาฬภัย เป็นต้น ซึ่งให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนในปัจจุบันชาตินี้เสียอีก เพราะเหตุไร!
เพราะเหตุว่า ภัยอันตรายเหล่านี้สามารถจะเห็นผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนเฉพาะในชาติปัจจุบันชาติเดียวเท่านั้น แล้วก็แล้วกันไป แต่ภัยลึกลับร้ายกาจซึ่งเกิดจากการต้องคอยแหงนหน้าดูศาสดาต่าง ๆ ที่เป็นศาสนาที่สั่งสอนแบบผิด ๆ และภัยที่เกิดจากการที่ต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุราบายนั้น นอกจากจะให้ผลร้ายในชาติปัจจุบันแล้ว ยังสามารถฉุดกระชากลากไปเกิดในอบายภูมิทั้งหลายได้ หลายชาติหลายภพหนักหนา มิใช่ว่าแต่เพียงชาติเดียวภพเดียว และการไปเกิดในอบายภูมิ เช่น การไปเกิดเป็นสัตว์นรกนั้น แม้แต่ไปเกิดอยู่เพียงชาติเดียว ก็เป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวสะดุ้งใจยิ่งนัก หากมีญาณวิเศษได้เห็นความเป็นไปในนรกภูมิแล้วไซร์ คงจะเกิดความสะดุ้งใจเกรงขามไปตาม ๆ กัน
ทั้งนี้ก็เพราะในนรกบางขุมนั้น ปรากฏมีหม้อน้ำทองแดงอันเดือดพล่าน ตั้งแต่ปากไหม้จนถึงก้นไหม้ สัตว์นรกที่เคยเป็นมนุษย์แต่ตายไปตกนรกหม้อทองแดง จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาแต่ละครั้งนานแสนนาน ท่านกล่าวว่า ระยะเวลาที่สัตว์นรกจมลงไปและลอยขึ้นมาแต่ละครั้งอย่างรวดเร็ว ก็ต้องใช้เวลานานถึง 60,000 ปี พอโผล่ขึ้นมาที่ปากหม้อได้ไม่ถึงอึดใจก็ให้มีอันจมลงไปในหม้อนรกนั้นอีกเสียแล้ว ลอยขึ้นและจมดิ่งลงอยู่อย่างนี้ ไม่รู้ว่ากี่เที่ยวต่อกี่เที่ยวจึงจะพ้นจากทุกข์โทษ และนรกบางขุมปรากฏว่ามีไฟนรกอันร้อนแรงเผาไหม้อยู่ตลอดกาล บรรดาสัตว์ที่ไปเกิดในนรกขุมนั้น ย่อมจะถูกไฟนรกเผาไหม้เป็นนิรันดรกาล จนกว่าจะสิ้นชาตินรกซึ่งนับเวลานานเป็นแสนเป็นล้านปี เช่นนี้แล้วจะเป็นอย่างไร
หมายความว่าสัตว์นรกเหล่านั้น จะได้รับความทุกข์ทรมาน ด้วยความร้อนแรงแหงไฟนรกขนาดไหน เพียงแต่หัวไม้ขีดไฟกระเด็นถูกอวัยวะร่างกายนิดหน่อย เราทั้งหลายก็ให้มีอันสะดุ้งโหยงกันแล้ว เพราะฤทธิ์ที่เกิดจากความร้อนของไฟธรรมดา ถ้าไปถูกไฟนรกเผาไหม้ทั้งร่างกายนานนับเป็นร้อยเป็นพันศตวรรษเล่า จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวได้รับความทุกข์ทรมานสักเพียงใด ขอให้ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายจงพิจารณาไตร่ตรองดูเถิด จะอย่างไรก็ดีใคร่ขอย้ำความไว้ในที่นี้ เพื่อให้รับทราบโดยตระหนักว่า มหาภัยลึกลับอันมีฤทธิ์ร้าย ซึ่งสามารถจะฉุดกระชากตัวเราผู้มีกรรมไปสู่อบายภูมิในอนาคตกาลภายหน้านั้น มันกำลังจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย
เมื่อหยั่งทราบความเป็นไปในปัจจุบันว่า ตัวเรานี้เป็นผู้โชคดีเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ซึ่งปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นมหาลาภอันประเสริฐสุด และหยั่งทราบในอนาคตภายหน้าว่า หากตัวเรามีมหาลาภในปัจจุบันนี้ ยังมีกรรมติดตัวก็ย่อมจักต้องมีมหันภัยลึกลับจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย ในกรณีจะทำอย่างไรดี ก็ต้องหาวิธีป้องกันภัยลึกลับไม่ให้ตกต้องมาถึงตัวเราได้เท่านั้นเอง วิธีป้องกันที่ถูกต้องและดีที่สุดก็คือ ต้องพยายามปฏิบัติตามพระโอวาทานุสาสนีแห่งสมเด็จพระชินสีห์เจ้า โดยการเข้าบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนกระทั่งได้บรรลุพระอริยะมรรคญาณอันประเสริฐ แต่พอพระอริยมรรคญาณบังเกิดขึ้นในขันทสันดาน พระอริยมรรคญาณนั้นจะกลายเป็นไฟเผาผลาญสังหารกรรมทันที ตอนนี้เอง กรรมอันเป็นตัวการสำคัญซึ่งทำหน้าที่ชักนำให้ไปพบกับภัยลึกลับในอนาคต ก็จักถูกเผาผลาญสังหารให้หมดสิ้นออกไปตามลำดับ และเมื่อกรรมอันเป็นตัวการสำคัญถูกสังหารเผาผลาญทำลายลงเช่นนี้แล้ว เราก็จะเป็นผู้ปลอดแคล้วจากภัยลึกลับที่จ้องคอยอยู่นั้นโดยไม่ต้องสงสัย

.....................................................
บริหารกายเจริญวัย บริหารใจเจริญจิต เจริญธรรมเป็นนิจจิตผ่องใส

บำเพ็ญอยู่เสมอไม่เผลอใจ อะไร ๆ ก็จะโปร่งเบาเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 10:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากจะเป็นวิธีป้องกันภัยลึกลับในอนาคตได้อย่างเด็ดขาดดังกล่าวมา การบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฏีกา ยังอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้บำเพ็ญเป็นเอนกประการ ตั้งแต่ประโยชน์สุขชั้นต้นจนถึงประโยชน์สุขชั้นสูงสุดคือพระนิพพาน ดังนั้นจึงใคร่จะขอโอกาสกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายในที่นี้ว่า อีกไม่ช้านาน เราก็จะพากันถึงแก่กาลกิริยาตายจากบวรพระพุทธศาสนาไปแล้ว แต่ก่อนที่จะจากไป สมควรที่จะได้แสวงหาสมบัติแก้ว คือพระนิพพานเอามาเป็นสมบัติแห่งตนให้จงได้ อย่ามัวพะวงหลงใหลเที่ยวไขว่ขว้าแสวงหาสมบัติอื่นใดให้วุ่นวายไปนักเลย ไม่สำเร็จประโยชน์ที่แท้จริงหรือเป็นแก่นสารอย่างไรหรอก จงเชื่อเถิด ทั้งนี้ก็เพราะสมบัติทั้งหลายอื่นไม่สามารถชักนำเราผู้มีกรรมให้พ้นไปจากเวรกรรมได้ แต่พระนิพพานสมบัติอันมีอยู่แต่เฉพาะพระพุทธศาสนา ควรจะนับได้ว่าเป็นยอดสมบัติทรงคุณประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติทั้งปวง เพราะอาจช่วยเราให้ล่วงพ้นจากกองทุกข์ใหญ่ในวัฏสงสาร อันเป็นการหมดสิ้นเวรกรรมทั้งหลายได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้ทานผู้มีปัญญาจงอนุสรณ์ถึงพระนิพพานสมบัติแล้วรีบเร่งวิปัสสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฎีกา เพื่อคว้าเอาพระนิพพานสมบัติมาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนเสียแต่บัดนี้ จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ขอจงรับทราบไว้โดยตระหนักเถิดว่า เวรกรรมของเรานี้จะไม่มีวันสิ้นสุดลงไปเป็นอันขาด หากว่าไม่มีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามพระโอวาทานุสาสนี แต่เวรกรรมของเรานี้จะถึงความสิ้นสุดลงไปได้ ในเมื่อมีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามครรลองแห่งพระพุทธโอวาส ปราชญ์ทั้งหลายสรรเสริญสดุดีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่า เป็นผู้สร้างปราการอันแข็งแกร่งสำหรับปิดกั้นอบายภูมิให้กับตน อันจะเป็นเหตุให้ล่วงพ้นมุขมณฑลแห่งมฤตยู เพื่อเดินทางเข้าไปสู่สถานถิ่นที่สิ้นเวรกรรมคืออมตมหานฤพาน ด้วยประการฉะนี้

ที่มา : จากหนังสือ "กรรมทีปนี" พ.ศ.2517 หน้า 1089 โดยพระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)

:b8: :b8:
เจ้าอาวาสวัดดอน กรุงเทพมหานคร

.....................................................
บริหารกายเจริญวัย บริหารใจเจริญจิต เจริญธรรมเป็นนิจจิตผ่องใส

บำเพ็ญอยู่เสมอไม่เผลอใจ อะไร ๆ ก็จะโปร่งเบาเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 02:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron