หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องยุ่งยาก น่าเบื่อ
ต้องเล่นที่สนาม ต้องใส่ชุดวอร์ม ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือถูกประเภทกับชนิดกีฬา
ต้องรู้กติกา ต้องฝึก ต้องนั่น ต้องนี่ ต้อง ฯลฯ โดยในที่สุดมักอ้างง่ายๆ ว่า"ไม่มีเวลา"
ก็เลยไม่ต้องเสียเหงื่อเพื่อสุขภาพกันเสียที





การคิดอย่างนี้ขัดแย้งกับคำแนะนำของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างยิ่ง
เพราะการทำกิจกรรมเพื่อรักษาร่างกายและจิตใจที่ดีที่สุดคือ 'การออกกำลังกาย'


การออกกำลังกายต่างจากการแข่งขันกีฬา เป็นการเล่นเพื่อสุขภาพ
ด้วยการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
เลือดในหัวใจสูบฉีดเพื่อฟอกปอดให้สะอาด และขับเหงื่อ
ซึ่งเป็นของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องได้ชัยชนะ
แต่จะได้รับความสดชื่นแจ่มใสเป็นรางวัล


ฉะนั้น เราต้องเริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังกายเสียใหม่
เลิกวิตกกับพิธีรีตองต่างๆ สละเวลาให้กับสุขภาพตัวเองวันละ 15-30 นาที
แล้วเริ่มปฏิบัติไปพร้อมๆ กับกิจกรรมตามปกติในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องใส่ใจว่า
ฉันกำลังแข่งกับใคร ที่สำคัญ พยายามเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่า
วันนี้เราทำอะไรเพื่อสุขภาพแล้วหรือยัง­ ถ้ายัง ก็เริ่มกันเลย


อยู่โรงเรียน .. ทำอย่างไร­

หากตกอยู่ในสถานการณ์จริงจัง เช่น กำลังนั่งเรียน หรืออยู่ระหว่างประชุม
อันนี้ก็คงต้องรู้จักกาละเทศะ ระงับใจไว้ก่อน (แหม...ถ้าอดใจไม่ได้ก็เกินไปล่ะ)
หาชั่วโมงที่ปลอดภารกิจหลัก ออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกห้อง
เดินขึ้น-ลงบันไดแทนการขึ้นลิฟต์ พอให้เหงื่อซึมๆ
ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก ง่าย ได้ผลรวดเร็วที่สุด ถ้าสถานที่ไม่อำนวย (ไม่มีลิฟต์)
ก็ใช้วิธีลุกเดินไปหยิบของ คุยกับคนโน้นคนนี้ อย่านั่งแก่วอยู่กับที่นานๆ


อยู่บ้าน

ถ้าอยู่บ้านยิ่งสะดวกใหญ่เลย มีกิจกรรมที่สามารถทำไปพร้อม
กับการออกกำลังได้เพียบ เช่น


ขณะนั่งดูทีวี ก็ยกขาเหวี่ยงแขนไปพร้อมๆ กับชมรายการโปรด ฝึกให้เคยชินจะรู้สึกว่า
เออ...ง่ายดีแฮะ รู้งี้ทำตั้งนานแย้ววว


กำลังคุยโทรศัพท์กับแฟนหรือเพื่อนอย่างออกรส ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าชั่วโมง
ก็อย่ายืนเม้าส์เฉยๆ ให้ขยับตัวลุกนั่ง หรือไม่ก็ยกแขนข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์
สะบัดสลับไปมา ข้างโน้นที ข้างนี่ที เดี๋ยวก็ได้เหงื่อ เชื่อเถอะ


หากที่บ้านเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ให้ลองเล่นไล่จับกับเจ้าตัวโปรดดูบ้างสิ จะกอดรัดฟัดเหวี่ยง
(เหวี่ยงด้วยความเอ็นดูนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นทรมานสัตว์)
หรือพามันจ้อกกิ้งรอบบ้านก็แล้วแต่ความสะดวกของเรา
สัตว์เลี้ยงก็ได้รับความอบอุ่นจากเจ้าของ
คนเลี้ยงก็ได้ความซื่อสัตย์ตอบแทนพร้อมความกระปรี้กระเปร่าอย่างไม่รู้ตัว


ทำงานบ้าน แหม.... อันนี้เวิร์คสุดจ้า..... เพราะนอกจากได้ออกแรงเรียกเหงื่อแล้ว
ยังใช้เวลาให้เกิดประโยชน์กับครอบครัวอีกด้วย การทำงานบ้านต่างๆ
เช่น ปัดกวาดเช็ดถู ซักผ้า ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ หรือแม้แต่ขัดส้วม
ล้วนเป็นงานบ้านที่ต้องใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวทั้งสิ้น
วิธีนึ้จึงเหมาะสมที่สุดเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
คือ ได้ออกกำลังและความสะอาดไปพร้อมๆ กัน


คราวนี้คงรู้แล้วสิว่า การออกกำลังกายแบบง่ายๆ และได้ผลดี มีจริงๆ


ที่มา... http://www.teenpath.net
http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_06178.php

ได้จ้า คุณย่าทักทาย...ช่างคิดท่าใหม่ๆ ลองทำดูนะจ๊ะ

เครื่องออกกำลังการแบบ "อิลิปติคอล"


เครื่องออกกำลังกายที่มีลักษณะการทำงานเหมือนการวิ่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ

ผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อ มีอาการปวดเข่า ปวดข้อเท้า เพราะจะช่วยลดแรงกระแทก มี 2 ลักษณะ คือ ไม่มีคันโยก และมีคันโยก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกล้ามเนื้อไหล่และแขน

โดยการออกกำลังกายแต่ละครั้งควรใช้เวลาอย่างน้อย 20-30 นาที เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจและปอด รวมทั้งได้เผาผลาญพลังงานขจัดไขมัน



............ ............ ............ ............ ............ ............ ............




ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำหนักเยอะ (หลีกเลี่ยงคำว่า "อ้วน" สุดชีวิต)
จึงทำให้หาวิธีใรการลดน้ำหนัก หลากหลายวิธีมากๆ สุดท้ายก็ได้ผลแบบชั่วครั้ง ชั่วคราว ไม่เคยถาวรเลยสักนิด

เพราะเราไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารนะเอง

จนวิธี ณ ปัจจุบันนี้ คือการ ไปถอยเจ้าเครื่องออกกำลังตามด้านบนมา 1 เครื่อง แรกๆก็ออกดีค่ะ ขยันขันแข็ง ฮิตเพราะเป็นของใหม่ สุดท้ายทุกวันนี้ก็ตั้งไว้แบบเท่ห์ๆ

แต่ขอบอกว่า ตอนนี้หันกลับมาออกกำลังกายด้วยเครื่องอิลิปติคอลอีกครั้ง กล้ามเนื้อที่เข่าแข็งแรงขึ้น จนใช้สเตปที่ 4 ในการขับเคลื่อนแล้ว

แต่พฤติกรรมการกินของเราก็ไม่ยอมลดหรืออดนะคะ เพียงแต่วันใหนกินมากก็จะ เดินเร็วๆ บนเครื่องมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป ผลที่ได้มาก็โอเคค่ะ แม้น้ำหนักจะแทบไม่ลงเลย แต่ระบบหัวใจทำงานดีขึ้น และน้ำหนักเราก็ไม่เพิ่ม แม้จะทานเยอะเช่นเดิม.....คุคุ

เอาเป็นว่า การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ดีที่สุดต่อสุขภาพและร่างกายเราเพียงแต่หาวิธีออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเองนะคะ






.

อันนี้เห็นด้วยสุดๆ ไปเลยค่ะ

ยายมัทขออนุญาตบอกเคล็ดอีกอย่าง....ที่ตนทำอยู่
เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง

อีกวิธีนึงเป็นการป้องกัน ก่อนแก้ไข
นั่นคือ....ควบคุมความอยากอาหาร

กินเมื่อหิว ไม่ใช่กินเมื่ออยาก

คือว่า..

มื้อแรกนะคะ
อยากกินอะไร ก็กินเข้าไปให้เต็มที่เลย
ให้ได้สารอาหารครบถ้วนทั้ง ๕ หมู่

มื้อกลางวันให้เน้นเฉพาะโปรตีน เพราะอิ่มนาน
แป้งให้น้อยๆ (ไ่ม่มีเลยยิ่งดี)

สำหรับมื้อเย็นไม่ต้องมีแป้งเลย
เน้นผักสลัด ผลไม้....ซุป ส้มตำ

แล้วก็ดื่มน้ำตลอดวันเยอะ

รับรองผอมเพรียว..ในเวลาไม่นาน

หรืออีกวิธี..งดข้าวเย็น ก็ถือ ศีล ๘ ไปเลยไงคะ
ได้ทั้งศีลบารมี และผลพลอยได้เรื่องน้ำหนักด้วย

อันนี้เวิร์คสุดๆ...ไปเลย

ขอบคุณเคล็ดลับดีดีค่ะ...คุณดุสิตธานี และคุณยายมัท

แล้วนำมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ...กลเม็ดเคล็ดลับสุขภาพดี แถมความสวยมาด้วย

ระลึกถึงค่ะ