วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 14:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2010, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีสอนฆราวาสอีกวิธีหนึ่งของหลวงพ่อ
คือ การพาไปธุดงค์


สมัยที่หลวงพ่อยังแข็งแรง ท่านเคยพาโยมใกล้ชิดออกธุดงค์ด้วยบ้าง ตาเสยเป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น ก่อนบวชพระ ท่านเป็นลูกศิษย์วัดหนองป่าพงอยู่หลายปี

เมื่อเป็นโยมนิสัยของท่านค่อนข้างหนักไปทางโสภจริต

หลวงพ่อจึงมักหาวิธีทรมานกิเลสของท่านอยู่เรื่อย วิธีหนึ่งที่หลวงพ่อใช้ก็คือ พาตาเสยออกธุดงค์ให้ลูกศิษย์ได้เห็นทุกข์


ท่านได้เล่าประสบการณ์จากการไปธุดงค์กับหลวงพ่อให้ฟังหลายตอน ดังนี้

ท่านพาธุดงค์ทางกิ่งบุณฑริก ตอนแรกไปด้วยกัน 6-7 คน

คืนแรกหนีไป 2 คน คืนต่อมาก็ค่อยๆ หนีไปเรื่อยจนลงท้ายเหลือผมคนเดียว

ผมก็คิดถึงบ้าน ท่านบอกว่าจะพาไปสักปี ยิ่งอยากกลับยิ่งไม่พากลับผมจึงปล่อยเลยตามเลย


ไปถึงไหนก็มองหาแต่ลูกสมอ

มีอยู่คืนหนึ่งท่านให้พักนอนข้างกอไผ่ทั้งๆที่ตรงนั้นเหม็นจะตาย

เหม็นขี้! ยิ่งน้ำค้างลงยิ่งเหม็นใหญ่

พอผมบ่นท่านก็ดุว่า อย่าพูดมาก ขี้ในท้องยิ่งเยอะกว่านี้

ไปถึงตำบลคูเมือง เจอต้นสมอต้นหนึ่งงามมาก

ท่านสั่งให้ขึ้นไปเขย่า ลูกสมอล่วงลงมาตั้งเยอะ ก็เก็บใส่ห่อผ้าขาวม้า ทีนี้ผมต้องสะพายทั้งบาตรทั้งห่อสมอ

ย่ามก็หนัก หลวงพ่อท่านไม่ถืออะไรเลย เดินไปผมก็อยากควักทิ้งเสียบ้าง แต่ก็ไปเจออีกต้น งามกว่าเดิม

ท่านก็สั่งให้เก็บได้อีกกองใหญ่ ผมก็นึกว่าท่านจะช่วยถือบ้าง แต่ท่านก็ไม่ยอมถือ


ชิมสมอต้นนั้นที ต้นนี้ที ผมเลยถ่ายเป็นการใหญ่ จะวางของก็ไม่ได้ หนักเหลือเกิน

หลวงพ่อต้องสอนวิธีการถ่ายแบบลูกทุ่งให้ผม

“ไม่ต้องนั่งหรอก ยืนจับต้นไม้ไว้ เหมือนควายขี้น่ะ ทำไม่เป็นเหรอ?”

ผมก็เลยต้องยืนถ่ายจนหมดท้อง

สี่ทุ่มแล้วท่านก็พาเดินอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมนอนไปถึงห้วยแห่งหนึ่ง

ท่านไต่ไม้ข้ามไป ผมไต่ไม่ไหวก็เลยต้องลงเดินลุย น้ำก็ลึก ของก็หนักผมเลยขึ้นไม่ได้ ห

ลวงพ่อต้องลงมาฉุดผมขึ้น สองยามท่านจึงพานอนพักทั้งเปียกๆอย่างนั้นแหละ

“ทุกข์เหลือเกิน” ผมคร่ำครวญ

“ก็มาให้เห็นทุกข์นะซิจึงจะพ้นทุกข์” หลวงพ่อทำเสียงเหมือนปลอบผม “เพราะเห็นทุกข์แล้วจึงจะมีปัญญา”

ผมเหนื่อยเต็มที่ ฟังไปก็เคลิ้มหลับไปบ้าง ท่านก็ดุเอาเสียอีก

“เอ๊ะ พูดให้ฟังยังหลับเสียอีก”

แต่ท่านก็เอาผ้าขาวม้ามาปัดไล่ยุงให้ ผมหลับไปนาน ลืมตาขึ้นมาทีไรก็ไม่เห็นท่านนอนสักที นั่งอยู่นั่นแหละ

“หลวงพ่อไม่เหนื่อยเลยหรือครับ ผมไม่เห็นนอนสักที” ผมอดรนทนไม่ได้ ทักขึ้นมา

“ยิ่งเหนื่อยนั่นแหละ ยิ่งภาวนาดี” ท่านตอบกลับไปเสียอย่างนั้น แถมยังต่อว่าผมอีก

“คนไม่มีอะไร ไม่คิดอะไรน่ะ เอาแต่นอน ทำอะไรเป็นตัวอย่างให้ดู ก็ไม่ทำตาม”

“โธ่ ก็มันง่วงนี่นา” ผมอดเถียงท่านไม่ได้ ในที่สุดผมก็ชวนท่านกลับ

“เออ กลับก็กลับ” ท่านคงเห็นผมจวนตายเต็มทีแล้ว


มีรถผ่านมาคันหนึ่ง สมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ รถต้องวิ่งตามทางเกวียน

พอเห็นเราเขาก็จอดรถ วิ่งมานิมนต์ ท่านก็

“เออ”

ผมก็เตรียมตัวนึกว่าท่านจะมาขึ้นรถ เปล่า เขาวิ่งมานิมนต์อีก ท่านก็ “เออ” อีก แต่ไม่ไปขึ้นรถ เขาก็เลย

ไป พอผมต่อว่า ท่านก็ย้อนเอา

“มาขึ้นรถหรือมาธุดงค์”

“เอาถุงสมอฝากเขาไปได้ไหมครับ” ผมต่อรอง

“เอ๊อ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ารถเขาจะไปไหน” หลวงพ่อเอะอะ

ถึงตอนนี้ผมชักโกรธแล้ว รถก็วิ่งห่างออกไปทุกทีๆ

“หลวงพ่อจะฆ่าผมหรือยังไง”ผมตัดพ้อ

“ใช่ซี” ท่านตอบทันที

“พามาฆ่ากิเลส กิเลสทั้งนั้นล่ะที่พูดออกมาหมดนั่นน่ะ ไม่มาอย่างนี้จะพ้นทุกข์ได้ยังไง

ลองนอนอยู่เฉยๆซีจะพ้นไหม มีแต่ทุกข์มันจะวิ่งเข้าใส่น่ะซี ให้รู้จักทุกข์

แล้วจึงจะพ้นทุกข์ ได้พบสุข

เคยทำหรือเปล่าล่ะอย่างนี้ พามาทำบุญนะนี่ มาหาบุญเห็นหรือเปล่าล่ะ

ตัวบุญตัวกิเลสน่ะมันอยู่ที่ตัวทั้งนั้น ความอยากไม่หมดสักที

หาเงินได้สิบบาทก็อยากได้ร้อยบาท หาได้ร้อยบาทก็อยากได้พันบาท

ทีนี้ให้มันหยุดอยาก ให้มีแต่เหนื่อย ไม่อยากได้อะไรสักอย่าง ได้แล้วจะเอาไปไหน ไม่คิดว่าจะตายหรือยังไง

วันหนึ่งๆให้คิดถึงความตายบ้างซี มันจะตายอยู่นา”


หลวงพ่อว่าไปยืดยาว ก่อนที่จะหันมาถาม

“คนรวยตายหรือเปล่า คนจนตายหรือเปล่า”

“ตายทั้งนั้นแหละ”ผมตอบอย่างหงุดหงิด

“ก็นั่นน่ะซี”หลวงพ่อได้ดอกาสย้อน

”ตัวเองจะไม่ตายบ้างหรือ หาความทุกข์ให้มันพ้นทุกข์ ได้มาแล้วจะพ้นความตายหรือ จนก็ตาย รวยก็ตาย พ้นจากมันจึงจะพบสุข แล้วจะทำยังไงล่ะ”

ท่านลงท้ายด้วยการย้อนถามผมตามเคย

“ก็บวชน่ะซี”ผมตอบอย่างนึกว่าฉลาดเต็มทีแล้ว แต่ท่านก็บอกว่า

ไปบวชแล้วจะพ้นทุกข์หรือ ถ้าไม่ปฏิบัติไม่ทำเอา

กรรมคือการกระทำ ความชั่วเราก็ทำเอา ความดีเราก็ทำเอา เราทำดีก็ได้ดี

ทำชั่วก็ได้ชั่ว จะไปทำยังไงล่ะทำดี ก็นี่ยังไงพามาทำดี มาตรากตรำ เราก็พ้นทุกข์เท่านั้นเอง”




:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:



มีอยู่ครั้งหนึ่งเดินธุดงค์ไปถึงดรงเลื่อย คุณนายจ่ายเงินให้คนขับรถ สั่งว่าระหว่างทางแวะพักที่ไหน ก็ให้ซื้อของถวาย

จนตีห้าถึงโคราช คนขับรถก็ให้เงินที่เหลือมาอีก100บาทตามที่คุณนายสั่ง

ไปๆมาๆก็มาถึงบ้าน หยุดพักที่กลางทุ่งนาบ้านหนองตาโพนพวกเลี้ยงควายอยู่แถวนั้นก็พากันมา ท่านก็สั่งผม

“เอาเงินไปซื้อน้ำอัดลมไป๊ หาบมาสามสี่ลังเลยนะ”

ผมนึกโมโหเพราะอยากเก็บเงินไว้ท่านก็สั่งซื้อๆมาให้พวกเลี้ยงควายกินกินไม่หมดให้เขาเอากลับไปกินที่บ้านด้วย

กลับถึงวัดยังมาถามอีก

“เงินเหลือเท่าไหร่ เอาไปซื้ออิฐซื้อปูนนะ”

“ถ้าเก็บเงินไว้ซื้ออิฐซื้อปูนยังจะดีกว่าซื้อน้ำอัดลม”ผมต่อว่าท่าน

“ไม่ดีหรอก”หลวงพ่อตอบ “เพราะจะไม่ได้ทำทาน พวกเลี้ยงควายอยู่ตามป่าจะไม่ได้กินของทานของเรา

เขาเหน็ดเหนื่อบก็ต้องอยากกินเหมือนกันนี่ เรากินแล้วก็สดชื่นใช่ไหมล่ะ”

“ครับ”ผมรับคำเสียงอ่อย

“นั่นแหละ”หลวงพ่อสำทับทันที ก่อนที่จะเทศน์ผมอีกยืดยาว

“ความสุขที่เราให้เขา เราก็ต้องมีความสุข ความสุขนั้นมันก็เข้าถึงเราอย่างนี้

จะไปหาความสุขอย่างไหนอีก ไปแบกหามขุดหอย หาปู ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้ บาปทั้งนั้น

เราต้องทำให้จิตใจสูงกว่ามนุษย์ มนุษย์ทั้งหลายให้อยู่ใต้อำนาจเรา ไม่เห็นเหรอจิตใจสูงเป็นยังไง น้ำหลากมาตอนนั้นท่วมหมด ไม่ท่วมเฉพาะที่บ้านเนิน นั่นแหละของสูงเป็นอย่างนั้น เ

กลือกกลั้วมัวเมากับของต่ำจิตใจก็ต่ำลง ปฏิบัติยังไงก็ไม่เห็นธรรมะไม่เห็นศาสนา

คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นของเก่าก็จริง แต่พูดทีไรก็น่าฟังทุกที

ของเก่าของต่ำพวกนั้นพูดทีไรก็มีแต่เศร้าหมอง การพูดต้องให้เบิกบานขึ้นเรื่อยๆ”



ครั้งหนึ่งหลวงพ่อตาเจ็บ ผมเห็นแล้วทนไม่ได้ พยายาม

หายามาถวาย แต่ท่านไม่ยอมใส่ยา
แถมบอกว่า

“เอาวางไว้นั่นแหละ ถ้ายาดีจริงไม่ใส่มันก็หาย”

ผมจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไง เลยร้องไห้ ก็โดนท่านดุไปด้วย สอนไปด้วยว่า

“แก่จะตายแล้วยังร้องไห้อีก หัวเราะซี มันเจ็บก็ตาต่างหากที่เจ็บ เราต้องหัวเราะเหมือนไม่เจ็บ ต้องสู้ตาย เอาให้มันเลยตายไปโน่น”



อีกสองวันต่อมาหลวงพ่อคงนึกได้ ให้ผมไปหาใบกุยช่ายมาขยี้แล้วป้ายตาให้ท่าน จึงหาย

“นี่แหละกรรม” ท่านเล่าให้ฟัง

“รู้อยู่หรอกว่านี่เป็นผลของกรรมที่สร้างไว้

สมัยเด็กๆเห็นตุ๊กแกเป็นไม่ได้ ต้องทิ่มตาดปนๆของมันทุกที แล้วก็จับเอาไปสับกับหัวหอม ปิ้งไฟอร่อยดี

แท้ๆทีนี้มันตามทันซี

ใครสร้างกรรมดีก็ได้ดี ใครสร้างกรรมชั่วก็ได้ชั่ว มันเป็นอย่างนี้แหละกรรมมันตามทันทุกคนเลย

อย่านึกว่าแล้วก็แล้วไปนะ ใครไปฉ้อดกงเขาไว้ที่ไหน เขาก็ตามมาทวงคืนทั้งนั้นแหละ”



“กรรมชั่วอย่างที่เคยทำสมัยเป็นนักเลงโตนั้นเลิกละได้หมดหรือยัง”หลวงพ่อถาม

“ถ้าอยู่กับหลวงพ่อเลิกได้” ผมตอบอ่อยๆ

”แต่ถ้าไปอยู่กับเพื่อนฝูง เห็นเขากินเหล้ากัน ได้ยินเสียงปี่เสียงกลอง จิตใจมันก็เตลิดไปแล้ว คงเลิกไม่ได้”



ต่อมาเมื่อผมเลิกละได้ ก็นึกให้รังเกียจเรื่องเหล่านั้น พอไปเล่าความรู้สึกให้หลวงพ่อฟังท่านบอกว่า

“นั่นแหละมันข้ามพ้นห้วยเล็กๆมาได้แล้ว นั่นแหละพ้นทุกข์ มันพ้นกันอย่างนั้นแหละ

เหล้าเราก็เลิกได้ ยาเราก็เลิกได้ การเล่นต่างๆการเป็นนักเลงหัวไม้เราก็เลิกได้ เรามาทางนี้ก็เรียกว่าบรรลุได้บ้าง

ถ้าจะให้บรรลุมากขึ้นต้องโกนหัวบวช เรียกว่าบรรลุในระดับหนึ่ง

สมมติว่าบรรลุ ถ้าบรรลุจริงๆต้องเห็นธรรม ธรรมคืออะไร ธรรมคือพระพุทธเจ้า เห็นพระพุทธเจ้าก็เห็นธรรม

มันก็สว่างขึ้นเรื่อยๆอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่มันจะมืดอยู่เสมอไป ถ้าออกมาอยู่สว่างมันก็สว่าง กลับเข้าไปที่มืดมันก็มืด”





จากหนังสือ อุปลมณี.... :b20: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 19 มี.ค. 2010, 00:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2010, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44:

“โง่ก็ไม่อยากทิ้ง..ของชั่วชอบ..เอาความชั่วไว้ในใจ

แต่ธรรมะช่วยเปิดได้ เปิดให้เห็นความชั่ว เห็นความผิด

แต่ปุถุชนคนหนาเราช่วยปิดความชั่ว

ช่วยปิดความชั่วของตัวไว้ไม่ให้ใครรู้ มันต่างกันอย่างนี้

คนมีกิเลสตัณหาอยู่ มันก็เป็นอย่างนั้น”





:b8: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2010, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะครับ
ได้ประโยชน์มากเลย

วิธีทรมานกิเลส cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


.. :b8: :b8: :b8: ..

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron