วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 06:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 01:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 23.97 KiB | เปิดดู 2249 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

ก่อนจะถึงคาถา เอานี้ก่อนครับ...

เพื่อไม่ให้หลุดยุค ในยุคสังคมเศรษฐกิจแบบนี้ องค์การต่าง ๆ ที่ต้องต่อสู้แข่งขันดิ้นรนทำธุรกิจ ซึ่งต่างก็มุ่งหวังทั้งความอยู่รอดและความก้าวหน้าเติบโต ต่างต้องการคนทำงานที่มีคุณลักษณะจำเพาะเจาะจง ซึ่งอย่างน้อยก็คือเรื่องต่าง ๆ ซึ่งท่านผู้รู้หลายท่าน และผมขอสรุปนำเสนอท่านผู้อ่านรวม 6 ลักษณะของทักษะที่ต้องการและจำเป็นดังต่อไปนี้ ครับ

1. ทักษะการคิด (Thinking)

คนทำงานในสังคมยุคใหม่ที่ว่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักการสร้างความคิด คิดให้มากเข้าไว้ และพยายามคิดให้ได้คิดให้เป็นด้วยตัวเขาเอง พร้อมทั้งมีทักษะความสามารถในการคิดต่อยอดความรู้ที่ได้รับมา ทั้งจากการเรียน การอ่านหนังสือหรือจากประสบการณ์การทำงาน เพื่อสร้างความสามารถและโอกาสของความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

ทักษะของการคิดที่จำเป็นสำหรับการทำงานที่ว่านี้ได้แก่ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) การคิดเชิงบวก (Positive Thinking) การคิดนอกกรอบหรือแนวขวาง (Lateral Thinking) เพิ่มเติมจากการคิดเชิงเหตุผล (Rational Thinking) ผมเองมองว่า ทักษะความคิดต่างๆ เหล่านี้ เป็นพื้นฐานความจำเป็นเพื่อการสร้าง ต่อยอดและพัฒนาความรู้ในอนาคตของคนทำงาน

2. ทักษะการเขียน (Writing)

ตามธรรมดาเมื่อคิดได้ แล้วไม่แสดงออกอะไรมาสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจากสิ่งที่คิด หรือการปฏิบัติในสิ่งที่คิดได้มันมักจะลืมเลือนไปในช่วงเวลาไม่นานนัก คนที่คิดได้คิดเก่งแต่ไม่มีวิธีหรือขาดทักษะการนำเสนอก็ไม่อาจจัดได้ว่ามีขีดความสามารถกว้างขวางเท่าใดนัก ผู้รู้ท่านว่า เมื่อคิดอะไรออกมาได้แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นวิธีการทำงาน วิธีการปรับปรุงงานในหน้าที่รับผิดชอบ ต้องรู้จักการเขียนสิ่งที่คิดออกมา

แต่บังเอิญและโชคร้ายเสียจริงว่า คนทำงานจำนวนไม่น้อย คิดเก่งและคิดได้สารพัด แต่ไม่ยักกะมีใครชอบที่จะนำเสนอมันออกมาด้วยการเขียน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า นิสัยดั้งเดิมของคนไทยนั้น ไม่ค่อยชอบขีดเขียน ซึ่งเรื่องนี้ สังเกตหรือเห็นได้จากเอกสารอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ที่บ้านเรามีน้อยมากเมื่อเทียบกับสังคมอารยะที่ก้าวหน้า ด้วยข้อจำกัดแบบนี้ ก็เลยมีข้อเสนอแนะให้คนทำงานทั้งหลาย รู้จักเทคนิคการนำเสนอความคิดดีดีผ่าน “สุนทรียสนทนาหรือ dialoque”

แต่กระนั้น การฝึกทักษะในการเขียนก็ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นนะครับ คนที่เติบโตในสายงานก้าวไปเป็นผู้บริหารขององค์การ แม้จะไม่ได้เขียนอะไรออกมาโดยตรง หากแต่เหล่านั้นก็ถึงพร้อมด้วยทักษะความสามารถในการเขียน การฟังและการนำเสนอมาก่อน

โดยเนื้อแท้นั้น การเขียนก็คือ การถ่ายทอดข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ทั้งหลายไปสู่ผู้อื่นด้วยตัวอักษร หรืออาจจะเป็นภาพแต่ชะรอยว่า คนทำงานยุคใหม่จำนวนไม่น้อย ถนัดกับการแชทออนไลน์กันมาก หากแต่พอให้เขียนหรือนำเสนออะไรที่เป็นเรื่องเป็นเรา กลับทำไม่ค่อยได้

3. ทักษะการอ่าน (Reading)

การอ่านนั้น จัดได้ว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเสริมความรู้ให้แก้เราได้อย่างมหาศาล การอ่านนั้น นอกเหนือจากจะเติมเต็มในสิ่งที่เรายังไม่รู้แล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ที่จะรับฟังและยอมรับความคิดความเห็นของผู้อ่านที่บรรจงเขียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งออกมา อย่างไรก็ตาม การนิยมอ่านแต่เรื่องบันเทิงเข้าทำนองว่าเป็นเจ้าแม่ละครหรือรอบรู้เรื่องดาราสารพัด ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องรู้จักเลือกเรื่องที่จะอ่านด้วย และเมื่อด่านแล้วก็รู้จักวิเคราะห์ เพื่อเค้นเอาสารัตถะอะไรบางอย่างจากเรื่องที่อ่านออกมานำไปใช้ประโยชน์

4. ทักษะการพูด (Speaking)

ผมคิดว่า คนทำงานทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า การพูดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญของการสื่อสาร คนทำงานยุคใหม่จำเป็นนะครับที่จะต้องเรียนรู้และรู้จักวิธีการพูดให้ถูกต้อง เหมาะสม รู้จักวิธีการนำเสนอต่อผู้อื่น

การจะพูดให้ได้ให้ดีนั้น ผมคิดว่ามันอยู่บนพื้นฐานของการที่เรามีข้อมูลหรือรู้เรื่องที่เราจะพูดนั้นอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง และโดยทั่วไปเราก็มักจะมั่นใจมากขึ้นเมื่อเรารู้ข้อมูลหรือเรื่องราวนั้น ๆ อย่างถ้วนถี่หรือมีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ การจะพูดจะสื่อสารให้ใครเข้าใจเจตนาที่จริงของสิ่งที่ต้องการสื่อนั้น มันก็ไม่ใช่สักแต่ว่าจะพูด คนทำงานก็เลยจะต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการพูดในหลากหลายสถานการณ์ เรียนรู้และทดลองปฏิบัติเพื่อลดจุดอ่อนของการพูด เพื่อให้ตรงประเด็นและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

5. ทักษะการฟัง (Listening)

การฟังเป็นอีกทักษะที่เรามักจะลืมกันไปครับ ในงานเขียนตอนก่อนหน้า ผมได้นำเสนอท่านผู้อ่านไปว่า เราจะฟังกันอย่างไรจึงจะชื่อว่าเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะเรามักพบว่า คนเรานั้นไม่ชอบฟังใคร เอาแต่จะพูด สุดท้ายก็แย่งกันพูดและต่างคนต่างพูด จนกระทั่งนำไปสู่ความขัดแย้งแค้นเคืองกัน

การฟังนั้น หากจะว่าไปแล้วก็เป็นการเปิดโลกทัศน์ของความคิด และเป็นการเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่น้อยเช่นกัน เพราะการฟังนั้น โดยทั่วไปก่อให้เกิดการรับรู้ได้รวบเร็วกว่าการอ่านเป็นไหนไหน

6. ทักษะการปฏิบัติ (Doing)

จากทักษะทั้ง 5 อย่างที่ผมได้นำเสนอไปนั้น แม้จะฝึกฝนมาให้ได้เป็นอย่างดีแล้ว หากไม่อาศัยทักษะอย่างที่ 6 หรือทักษะของการนำไปปฏิบัติแล้ว ก็ไม่ค่อยจะเกิดผลเท่าใดครับ

ทักษะการปฏิบัตินั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทักษะต่างๆ ที่เรามีเราจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับการทำงานหรือกับการดำรงชีวิตได้จริง ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่า ไม่ใช่เก่งแต่พูด หรือเป็นจ้าวแห่งทฤษฎี แต่ยังสามารถ “ทำ” ได้ด้วย คนทำงานทั่วไป เรียกคนพวกที่เก่งแต่พูด แต่ทำไม่เป็นว่าพวกนักวิชาการ ซึ่งผมก็อยากแย้งนะว่าโลกทัศน์หรือความคิดแบบนั้นไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดหรอก แต่มันก็จริงครับที่ว่า นักวิชาการจำนวนไม่น้อยก็หลุดลอยไปจากโลกของความเป็นจริง เพราะดีแต่คิด หรืออ่านจากความคิดของคนอื่น ๆ แล้วแต่เอาไปใช้ประโยชน์จริง ๆ ไม่ได้เพราะไม่เคยทำด้วยตัวเอง แต่กระนั้น นักวิชาการเก่ง ๆ ที่จัดเจนในการปฏิบัติก็มีไม่น้อยเลยนะครับ

เลาล่ะครับ ทักษะทั้ง 6 ด้านหรือ 6 อย่างที่ผมนำเสนอไปนี้ เชื่อว่าเป็นเรื่องพื้น ๆ ที่ไม่ได้ยากเกินไปหากเราท่านทั้งหลายจะได้ทดลองนำฝึกฝนและไปปฏิบัติจริงให้ได้ผล เพราะมันก็คือมูลค่าเพิ่มในตัวที่ท่านทั้งหลายจะสร้างให้กับตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงของชีวิตการทำงานนั้น ไม่ใช่ท่านฝ่ายเดียวที่อยากจะพัฒนาให้ทักษะเหล่านี้เกิดขึ้น หากแต่องค์การก็ยังต้องการด้วยเช่นกัน แต่หากเข็นไม่ไหว หรือสุดที่จะเคลียร์ ท่านก็อาจจะกลายเป็น “คนที่องค์การไม่ต้องการ” ก็ได้นะครับ

แต่ก็อย่าได้เผลอไผลไปเป็นเช่นนั้นเลย !!!! จะดีกว่าครับ

smiley ----------------------------



3 คาถาของคนทำงาน โดนจริง ๆ...@0@...

1 . คาถาคนทำงาน ขั้นแรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ

อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน
อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน <====== อันนี้ โดน
พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า

2. คาถาปล่อยวาง

กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา
เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย
จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

3. คำสอนของพระพุทธเจ้า

อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เหนือ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' ต่ำ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เสมอ เท่าเรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
จงนึกเสมอว่า 'คนอื่นทุกคน' เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด


(จาก Fwd Mail""""......)

:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:

เจริญในธรรมทุกท่านครับ :b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


แก้ไขล่าสุดโดย ningnong เมื่อ 10 ก.พ. 2010, 01:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




11-1.jpg
11-1.jpg [ 21.22 KiB | เปิดดู 2022 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

cool

* วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด *
ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่ทำงานด้วยกันในที่ทำงานเดียวกันทุกๆ วัน ผมควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ มันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกับคนคนนี้
==========================
วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า

ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้! อง
ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)

คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน
ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า

'' น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด ''


คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเห! นื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ

นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า

บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า

คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
คว! ามโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย !
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า '' การกลับมาอยู่กับตัวเอง ''
กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา '' มองด้านใน ''
แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น
เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น

วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ
การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่กับเราทุกขณะ


(จาก FWD Mail ครับ) :b16: :b16: :b16:

:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8: smiley

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร