วันเวลาปัจจุบัน 06 พ.ค. 2025, 04:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2010, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อ้อ ถ้างั้นคนนี้ก็ได้อภิญญาแล้วดิขอรับ
มันก็มีสองอย่าง คือ ได้จริงๆ กับเป็นนิมิตหลอก (มีหาง มีสี่ขา ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นหาเป็นแมวเป็นวันเป็นควาย) ตั้งแต่ขณิกกะขั้นปลายๆ เปรตมันก็แทรกได้แล้ว

ถ้าจะนับชาติภพที่เกิดมาเป็นคน มันนับไม่ได้นะ ทุกคนมีกำเนิดมาจากพรหมเหมือนกันหมด นับตั้งแต่จักรวาลและโลกได้ก่อกำเนิดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ ตกต่ำลงมาเรื่อยๆ จนไปเกิดในนรก ตามที่ถูกอวิชชาครอบงำ

ก็มีบางครั้งบางคราวที่เราได้เกิดเป็นมนุษย์ ไปฆ่ามนุษย์ด้วยกัน ถ้าเป็นนักรบ เผลอๆ สมรภูมิหนึ่งๆ ฆ่าเป็นร้อยเป็นพัน พวกนั้น หากเกิดเป็นเปรตอสูรกายตอนชาตินี้พอดิบพอดี เราก็แย่ เพราะพวกนี้มีสภาพเป็นทิพย์ ในขณะที่เราต้องแบกกายหยาบ เสียเปรียบเห็นๆ

เรื่องสมาธิขั้นโลกียะ หากจะศึกษากันจริงๆ ก็ต้องไปดูตำราฤาษี เพราะเป็นต้นตำหรับ ไม่มีในตำราพุทธ (แต่มันมีแอบบมาเสียบช่วงพันปีหลังพุทธกาล) แล้วจะรู้ว่า ได้ที่นั่งๆ กันอยู่ทุกวันนี้มันไม่ถึงฌาน โดยมาก ร้อยละเก้าสิบเก้า มีความพอใจในความสงบ เพราะคิดว่าสุข ไม่ต่างอะไรกับคนนั่งตกปลา ลงนรกขุมเดียวกัน เพราะบำเพ็ญความพอใจ หรือโลภะให้ตัวเองตลอดเวลาทุกลมหายใจ บวกกับโดนเปรตหลอกจนติดเป็นนิสัยที่ละเอียด เลิกไม่ได้ นั่งทุกวัน ทำทุกวัน พอตายลงนรก พวกนั้นพากันปรบมือชอบอกชอบใจ

เหตุของ รูปภพ อรูปภพ โลกุตระภพ คือ กุศลเหตุ ๓ ได้แก่ อโลภะ อโทสะ อโมหะ จะมีจิตที่เป็นอกุศลปนมาไม่ได้เลย หากไม่ใช่อริยบุคคลไปนั่งสมาธิ อวิชชาที่ครอบงำบุคคลผู้นั้นอยู่ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นประกบจิตเกือบทุกดวง ยากที่จะทัดทานได้ พวกฤาษีจึงต้องผลบผัสสะ ไปอยู่ป่าอยู่ถ้ำ ข่มจิตข่มใจ อดทนสาพัด หามาสาพัดอุบาย กฏกติกามากมาย ใช้ความพยายามถึงที่สุด พวกโดนเปตรครอบ มักจะพูดว่า สมาธิก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยาก กลายเป็นทิฏฐิมานะ แก้ไม่ได้เลย

ตราบใดที่อวิชชาที่สั่งสมในจิตยังมากกว่าวิชชาอยู่ บุคคลผู้นั้นไม่มีทางสั่งตัวเองได้

สมาธิแบบพุทธ หรือ โลกุตระฌาน เป็นผลมาจากการสิ้นอุปธิ หรือการที่เราไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ปรุงแต่ง ต่อสิ่งที่เข้ามากระทบสัมผัส ผลก็คือ จิตสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ความสงบของจิตจึงจะเกิด เป็นสมาธิที่มั่นคงมาก ไม่เกิดกับตัวไม่มีทางรู้ ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งสมวิชชาเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง จากนั้นค่อยๆ ดับองค์ธรรมในฌานไปทีละดวงจนถึงอุเบกขา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่เห็นคนที่สำเร็จเป็นอริยบุคคลไปตั้งหน้าตั้งตาเจริญสมถะต่อ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รู้จะเอาไปทำไม

นี่เอาไปอ่านเล่นๆ เย็นๆ ใจ
Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น มารผู้ลามกเข้าสิงเวฏัมพรีเทพบุตรแล้วได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า “สัตว์เหล่าใด ประกอบแล้ว ในความเกลียดบาปด้วยตบะรักษาความสงบสงัดอยู่ ติดอยู่ในรูป ปรารถนาเทวโลก สัตว์เหล่านั้น ย่อมสั่งสอนชอบ เพื่อปรโลกโดยแท้ ฯ”

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี้เป็นมารตัวร้ายกาจ จึงได้ทรงภาษิตคาถา ตอบมารผู้ลามกว่า “รูปใดๆ จะอยู่ในโลกนี้หรือโลกหน้า และจะอยู่ในอากาศ มีรัศมีรุ่งเรืองก็ตามที รูปทั้งหมดเหล่านั้น อันมารสรรเสริญแล้ว วางดักสัตว์ไว้แล้ว เหมือนเขาเอาเหยื่อล่อเพื่อฆ่าปลาฉะนั้น ฯ”
(นานาติตถิยสูตรที่ ๑๐)

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 25 ก.พ. 2010, 20:07, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณว่า

อ้างคำพูด:
หนักที่สุดก็คือลูกที่แท้ง เรียกว่า เจ้ากรรมนายเวรปัจจุบัน เล่นแรง ไม่ลดละ

ส่วนตัวผมถูกลูกเล่นงานมากว่าสิบปี กว่าจะรู้ก็เล่นเอาเกือบหมดบุญ เกือบหมดตัว


คุณถูกเล่นงานยังไงอ่ะครับ ตั้งสืบกว่าปี

แล้วที่ว่าหมดตัวนี่ หมดเงินหรือหมดอะไรครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณถูกเล่นงานยังไงอ่ะครับ ตั้งสืบกว่าปี

แล้วที่ว่าหมดตัวนี่ หมดเงินหรือหมดอะไรครับ


โดยตรงก็คือเรื่องงานและเรื่องรายได้ มีรายเมื่อใหร่รายจ่ายะมารอ เกิดทุกครั้งที่งานเสร็จ เก็บเงินได้ ไม่มีรายได้ก็ไม่มีเรื่องพวกนี้ สุดท้ายก็ถึงขาดทุน ปีหนึ่งหางานได้กว่าสิบล้าน วางแผนอย่างดี Dark-cost โผล่มาแบบ un-seen เอาจนยับ พูดกับภรรยาไม่เกินสามนาทีก็ต้องทะเลาะกัน

หลังๆ ก็เข้าหาทางเทพ เพราะออกอาการแย่ เริ่มนั่งสมาธิ สวดมนต์ จนเริ่มเห็นอะไรบ้างแล้ว ศึกษาธรรม ดีที่ว่าเจอลุงคนหนึ่งไล่ให้ไปอ่านพระไตรปิฎก อ่านจบรอบแรกพวกรูปปั้นเทพเทวรูปบทสวดผมเอาทิ้งหมด

ที่ลำพูนนี่ฤาษีเยอะ เมืองนี้สร้างมาจากฤาษี มีหมู่บ้านชื่อ ฤาษีพันตน เป็นสำนักของฤาษียะ ฤาษีคะ เมื่อสมัยพระนางจามเทวี มีลูกศิษย์มาฝึกวิชาฤาษีเป็นพัน ปัจจุบันเป็นวัดๆ หนึ่ง หน้าวัดจะมีรูปปั้นพระสองรูป คือรูปปั้นของฤาษียะ ฤาษีคะ ที่ปราถนาจะบวชในพระพุทธศาสนาในชาติต่อไปที่เกิดเป็นคน จึงขอให้พระนางจามเทวีปั้นไว้ก่อนตาย

สำนักฤาษีใหญ่ๆ ที่นี่ ก็มี สำนักที่ดอยอ้อยช้าง หรือปัจจับันเรียกดอยสุเทพ สำนักดอยติ สำนักดอยไซ โดยเฉพาะที่ดอยไซ พระเกจิอาจารย์เกือบทุกรูปเคยมาจำวัดอยู่หลายๆ ปี โดยเฉพาะ อาจารย์โตพรหมรังษี หนี ร.๔ มาอยู่ดอยไซถึง ๓๐ ปี

พระที่ไปฝึกวิชาฤาษีก็เยอะ มีรูปหนึ่งอยู่แถวๆ บ้าน มีตาทิพย์ หูทิพย์ ผมก็ยังคิดจะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ถ้าไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก ไม่รู้ว่าอะไรพุทธ อะไรพราหมณ์ แยกน้ำกับน้ำมันไม่ออก ป่านนี้เป็นฤาษีไปแล้ว

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b38: บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไปเกิดเป็นเทวดา ประกอบด้วยเมตตาสิ้นราคะไปเป็นพรหมณ มีฌานกดราคะได้ ก็หนีนรกไปเป็นหรหม สิ้นบุญ สิ้นกำลังของฌาน ต้องจุตติจากภพนั้นไปภพใหนต่อ ... น้อ ... :b6:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1:

แล้วเรามาจากไหน...และจะไปไหน...น๊อออออ...

:b1: :b1: :b12: :b12:

พระพุทธองค์ได้สอนทุกอย่างที่พระพุทธองค์รู้...หรือไม่...ท่าน...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 14:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
:b38: บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไปเกิดเป็นเทวดา ประกอบด้วยเมตตาสิ้นราคะไปเป็นพรหมณ มีฌานกดราคะได้ ก็หนีนรกไปเป็นพรหม สิ้นบุญ สิ้นกำลังของฌาน ต้องจุตติจากภพนั้นไปภพใหนต่อ ... น้อ ... :b6:


:b1: เหตุผลที่ พรหมต้องประกอบด้วยเมตตา สิ้นราคะ และต้องมีฌานกดราคะไว้ เพื่ออะไร...

และมีกรณีเดียวหรือ ที่พรหมสิ้นกำลังฌาน จึงต้องจุติจากภพนั้น ๆ... :b1:

มีกรณีอื่น อีกหรือไม่....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุ้น ๆ ว่าพระพุทธองค์เคยไปเทศน์โปรดพรหม...

พรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ มีพรหมท่านใดบ้าง...

และพรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์แล้ว...ว่าเช่นไร...

มีพรหมท่านใดบ้างที่ตัดสินใจ มุ่งไปนิพพานตามคำสอนของพระพุทธองค์บ้าง

แล้วพรหมท่านนั้น...ทำเช่นไร...

แล้วมีท่านใดไปแล้วบ้าง แล้วมีท่านใดยังคงไม่ยอมไป...

แล้วที่ไม่ไปเพราะอะไร...

แล้วถ้าหากว่าพรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ มุ่งสู่นิพพานหมด

ก็น่าจะเกิดเหตุการณ์หมดพรหม แล้วอะไรจะเกิดต่อไป... แล้วววว.... :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 26 ก.พ. 2010, 15:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พรหม....หน้าตา..รูปลักษณ์...เป็นเช่นไร....ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...
แล้วรูปลักษณ์เช่นนั้น...มีประโยชน์อันใดต่อพรหม...
แล้วพรหม...มีอยู่...เป็นอยู่ทำไม...
แล้วพรหม...มีการรับรู้เช่นไร...และมีความรู้มีสติปัญญาทางธรรมอย่างไร...

แล้วววววววววว.....


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 26 ก.พ. 2010, 15:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วเอกอนกำลังจะโดน supareak เอาไม้ตีแมงวัน ตบรึเปล่านี่... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b9: ...คุณเอรากอนขา...ดิฉันติดตามอ่านจน :b23:
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
พระพุทธองค์ได้สอนทุกอย่างที่พระพุทธองค์รู้...หรือไม่...ท่าน...
ไม่ สอนแค่เรื่องทุกข์ กับการดับทุกข์ ที่เหลือ เป็นความรอบรู้ เป็นปัญญาที่ดับทุกข์ไม่ได้ มาจากการที่มีผู้ไปถาม ท่านก็ตอบ

เอรากอน เขียน:
เหตุผลที่ พรหมต้องประกอบด้วยเมตตา สิ้นราคะ และต้องมีฌานกดราคะไว้ เพื่ออะไร...

และมีกรณีเดียวหรือ ที่พรหมสิ้นกำลังฌาน จึงต้องจุติจากภพนั้น ๆ...
พรหมไม่มีเพศ (ไม่ปรากฏเพศชายเพศหญิง) เพราะไม่มีราคะ ทางเดินไปสู่ความเป็นพหรม มี ๒ ทาง คือ เจริญเมตตาเป็นหลัก (เป็นบุญอันดับ ๙) หรือไปเป็นพรหมแบบฤาษีพราหมณ์ (อ่านดูในมหาโควินทรสูตร) หมดบุญก็ต้องจุตติจากชั้นพรหม ตามกฏแห่งกรรม ส่วนอีกพวกหนึ่งใช้สมาธิหนีหนรก เพราะสมาธิเป็นอริโดยตรงกับราคะ พอสมาธิเสื่อม ก็ต้องจุตติจากชั้นพรหม มีข้อแม้ว่า ก่อนตายต้องเข้าฌานให้ทัน ไม่งั้นฟาว มีอยู่แค่นี้แหละ

พวกเทวดากินแต่บุญเก่า ไม่ค่อยได้ทำบุญใหม่ ยังต้องอาศัยมนุษย์ หรือไม่ก็ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์เสียเอง

อ้างคำพูด:
คุ้น ๆ ว่าพระพุทธองค์เคยไปเทศน์โปรดพรหม...

พรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ มีพรหมท่านใดบ้าง...
นับไม่ถ้วน ไม่เฉพาะพรหมในกาแลกซี่นี้ พรหมในกาแลกซี่อื่นๆ ก็มาฟังธรรมด้วย บรรลุได้ถึงโสดาบัน

อ้างคำพูด:
และพรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์แล้ว...ว่าเช่นไร...
ส่วนหนึ่งก็บรรลุธรรม ส่วนหนึ่งมืดมาก็มืดไป ไม่ต่างอะไรกับคน

อ้างคำพูด:
มีพรหมท่านใดบ้างที่ตัดสินใจ มุ่งไปนิพพานตามคำสอนของพระพุทธองค์บ้าง
นับไม่ถ้วน

อ้างคำพูด:
แล้วพรหมท่านนั้น...ทำเช่นไร...
ก็อยู่ปรกติสุข รอวันกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ รอวันนิพพาน

อ้างคำพูด:
แล้วมีท่านใดไปแล้วบ้าง แล้วมีท่านใดยังคงไม่ยอมไป...
นับไม่ได้

อ้างคำพูด:
แล้วที่ไม่ไปเพราะอะไร...
ทิฏฐิ บุญเก่า กรรมเก่า

อ้างคำพูด:
แล้วถ้าหากว่าพรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ มุ่งสู่นิพพานหมด

ก็น่าจะเกิดเหตุการณ์หมดพรหม แล้วอะไรจะเกิดต่อไป.
ชีวิตมีจำนวนเป็นอนันต์ จักรวาลมีจำนวนเป็นอนันต์ ทุกจักรวาลมีส่วนประกอบเหมือนๆ กัน มีชีวิตอยู่เหมือนๆ กัน คนโง่ยังงัยก็มากกว่าคนฉลาด ไม่ต้องกลัวจะหมดหรอกท่าน

อ้างคำพูด:
พรหม....หน้าตา..รูปลักษณ์...เป็นเช่นไร....ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...
แล้วรูปลักษณ์เช่นนั้น...มีประโยชน์อันใดต่อพรหม...
แล้วพรหม...มีอยู่...เป็นอยู่ทำไม...
แล้วพรหม...มีการรับรู้เช่นไร...และมีความรู้ทางธรรมอย่างไร...
ยังต้องสั่งสมวิชชาอีกระยะ ยังต้องอาศัยเวลาอีกนาน กว่าจะคุยกับพรหมได้ แล้วจะมาบอกว่าพรหมหน้าตาอย่างไร บรรลุธรรมแล้วใช่ว่าธรรมอันเอกจะผุดขึ้นมาเลยทันที นอกจะจะเป็นของที่สั่งสมมาก่อน (ตอนนี้ยังปีหนึ่งเทอมหนึ่งอยู่)

พรหมก็ไปจากคน คนก็มาจากพรหม ความคิดอ่านก็ไม่ต่างจากคน รับรู้ด้วยใจ เพราะไม่มีกายหยาบ พวกหนึ่งยังมีเวทนาเหลืออยู่ อีกพวกหนึ่งไม่มีเวทนาเหลืออยู่เลย ที่พรหมมีอยู่ ก็เหมือนกับที่คนมีอยู่ เทวดามีอยู่ ฯ เพราะล้วนเป็นสัตว์โลกเหมือนกัน เกิดขึ้นมาเพราะธรรมชาติเหมือนกัน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วตอนที่พระพุทธองค์เทศน์โปรดพรหม....ท่านนำธรรมเรื่องใดมาเทศน์บ้าง...หง่ะ...

น่า...นะ...ขออีกสักข้อ.... :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ้างคำพูด:
และพรหมที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์แล้ว...ว่าเช่นไร...
ส่วนหนึ่งก็บรรลุธรรม ส่วนหนึ่งมืดมาก็มืดไป ไม่ต่างอะไรกับคน


ยังมีพรหมประเภทโง่เขลา เบาปัญญา ขนาดฟังธรรมพระพุทธองค์แล้วยังไม่รู้เรื่องอีกหรือนี่...

อ้างคำพูด:
ยังต้องสั่งสมวิชชาอีกระยะ ยังต้องอาศัยเวลาอีกนาน กว่าจะคุยกับพรหมได้ แล้วจะมาบอกว่าพรหมหน้าตาอย่างไร บรรลุธรรมแล้วใช่ว่าธรรมอันเอกจะผุดขึ้นมาเลยทันที นอกจะจะเป็นของที่สั่งสมมาก่อน (ตอนนี้ยังปีหนึ่งเทอมหนึ่งอยู่)


:b20: อย่าลืมมาเล่าให้ฟังต่อนะ :b17: :b17: :b17:

อ้างคำพูด:
พรหมก็ไปจากคน คนก็มาจากพรหม ความคิดอ่านก็ไม่ต่างจากคน รับรู้ด้วยใจ เพราะไม่มีกายหยาบ พวกหนึ่งยังมีเวทนาเหลืออยู่ อีกพวกหนึ่งไม่มีเวทนาเหลืออยู่เลย ที่พรหมมีอยู่ ก็เหมือนกับที่คนมีอยู่ เทวดามีอยู่ ฯ เพราะล้วนเป็นสัตว์โลกเหมือนกัน เกิดขึ้นมาเพราะธรรมชาติเหมือนกัน


งั๊น...ก็เป็นไปได้สิ่...ที่เราเองก็คงจะหน้าตาเหมือนสัตว์ ในมุมมองของพรหม...

แบบว่า กำลัง เห็นภาพลำดับห่วงโซ่อาหาร...หง่ะ... :b14: :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 11:39
โพสต์: 85

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบนะครับ

ตอบง่าย ๆ ตามหลักที่เคยเรียนมา

ก่อนอื่นให้เข้าใจตรงกันอย่างนี้ก่อน

"ตายแล้ว จะไปเกิดในภพภูมิไหนต่อไป ขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่จิตหน่วงเหนี่ยวในขณะจะตาย"

(ในมรณาสันนกาล จิตจะหน่วงอารมณ์ กรรม กรรมนิมิต หรือคตินิมิต อย่างใด อย่างหนึ่ง หรือ พร้อมกัน
จิตดี ไปดี จิตร้าย ไปร้าย จิตเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคฺคติ ปาฏิกงฺขา จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา)


มนุษย์จะหน่วงอารมณ์ได้หมดทุกภูมิ (นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน)

เทวดาจะหน่วงอารมณ์ได้หมดทุกภูมิ (นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน)

พรหมจะหน่วงได้ ๓ ภูมิ (สวรรค์ พรหม นิพพาน ยกเว้น นรก)

แปลง่าย ๆ ทุกภูมิ เวลาเคลื่อนหรือตาย ไปเกิดได้ทุกภูมิ
ยกเว้น ผู้ที่เคลื่อนจากพรหม จะไม่เกิดในอบายภูมิ ๔


เหตุผล

พรหมอายุยืนมาก จิตจะทรงฌานตลอด เวลาจะเคลื่อน(ตาย) หมดอายุไข จิตจะหน่วงอารมณ์
ได้ต่ำสุด ก็ยังเป็นกุศลจิต อย่างต่ำ ยังคงเกิดเป็นมนุษย์ก่อน ต่อจากนั้นก็ไม่แน่

ที่มา ติดไว้ก่อนนะครับ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2010, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b16:
...แบบว่า...ชีวิตไม่เที่ยง...เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...
...สัตว์ล้วนแต่ถูกจิตตัวเองขังให้เที่ยวเกิด-ตายไม่หยุด...

:b6:
อ้างคำพูด:
เอรากอน / เขียน
งั๊น...ก็เป็นไปได้สิ่...ที่เราเองก็คงจะหน้าตาเหมือนสัตว์ ในมุมมองของพรหม...

แบบว่า กำลัง เห็นภาพลำดับห่วงโซ่อาหาร...หง่ะ...

Lips
...คงเหมือนข้าพเจ้าเห็นภาพเอรากอนนนน...มั้ง... :b9: :b32:
cheesy
...แซวเล่นอ่ะค่ะ
:b13: :b13:
:b12: :b12: :b12: :b12: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร