วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 15:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ฉันเพิ่งอ่านหนังสือจบไปเล่มหนึ่งชื่อ"เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า"

ของ"ภูมิชาย บุญสินสุข"เป็นหนังสือเกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่อ่านสนุกมาก

(ไม่ได้ค่าโฆษณา)มีอยู่ตอนหนึ่งเล่าว่า"กษัตริย์โซโลมอนทรงมีพระประสงค์จะ

ทดสอบปัญญาของอมาตย์เอกนาม เบเนอา โดยรับสั่งให้เสาะหาแหวนวิเศษ

อันมีอำนาจที่จะทำให้มนุษย์ผู้กำลังมีความสุข กลายเป็นระทมทุกข์ได้เพียง

จ้องมองแหวนนั้น และขณะเดียวกันก็สามารถบันดาลให้ผู้เศร้าหมองสามารถ

รู้สึกสุขขึ้นมาได้ เพียงเพราะได้มองแหวนวิเศษวงเดียวกัน

รูปภาพ

เบเนอาหายไปหลายเดือน และกลับมาพร้อมแหวนทองหน้าตาธรรมดา

แต่เมื่อเห็นข้อความที่สลักบนแหวน คิงโซโลมอนก็เบรกพระสรวลแทบไม่ทัน

ข้อความภาษาฮีบรูบนแหวนนั้นปรากฎเป็นประโยคว่า"Gimel,Zayin,Utd"

แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ "This,too,shall pass."

แปลเป็นภาษาไทยอีกทีว่า"และสิ่งนี้ ก็จะผ่านไปเช่นกัน"

คนที่เคยผิดหวัง เศร้าเสียใจในระดับที่คิดว่า"เจียนตาย"แต่ที่สุดแล้วไม่ตาย

คนคนนั้นจะพบว่า"And this,too,shall pass."นั้นแสนจะเป็นจริง

รูปภาพ

สิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุดในการ์ตูนดัง"ดราก้อนบอล"คือการที่ผู้เขียน

ได้สร้างให้ชาวไซย่า มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง นั่นคือ เมื่อไหร่ที่รบจน

บาดเจ็บเจียนตาย แล้วรอดมาได้ พลังชีวิตจะทวีขึ้นหลายเท่าเสมอ

ผมว่าตรงนี้ไม่ค่อยการ์ตูนเท่าไหร่ เพราะเหมือนชีวิตจริงมาก

เกิดขึ้น และผ่านไป

นี่คือ"ความจริงของอะไรก็ตามบนโลกใบนี้"

รูปภาพ

ฉันดื่มกลืนความเศร้า

เหมือนจิ้งหรีดดื่มกินหยาดน้ำค้าง

ผิดกันแต่ว่า....

จิ้งหรีดกรีดเสียงร้องเพลง

แต่ฉันกรีดเสียงร่ำไห้

เมื่อไหร่...ยามเช้าจะมาถึง

วันคืนอันปวดร้าวและมืดมิด

อีกนานไหม...จะผ่านไป

รูปภาพ


ภาพจาก อินเตอร์เน็ต

เรื่องเล่าบางตอน จาก หนังสือ"เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า"

ของ ภูมิชาย บุญสินสุข


:b48: :b47: :b48: :b47: :b47: :b48: :b47:


:b8: ที่มา http://www.oknation.net/blog/chance/2009/10/08/entry-1

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


แล้วทุกๆอย่าง.. ก็จะผ่านไป


อดีต ก็ คืออดีต ผ่านไปแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆไม่ได้แล้ว
ใครที่เคยทำอะไร จะผิดจะถูก จะดีจะร้ายแค่ไหน ก็เป็นเรื่องของอดีต
ลาภ เกียรติยศ ชื่อเสียง ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่คงทน
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ดังได้ ก็ดับได้ เป็นเรื่องธรรมดา

การกระทำใดๆ หากผิดศีล ผิดธรรม ผิดธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามแล้วล่ะก็ มีโอกาสนำความทุกข์มาสู่ผู้กระทำได้เสมอ
แน่ล่ะ ยิ่งผิดมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก
บางคนก็กลัวผู้อื่นจะล่วงรู้ และทำผิดยิ่งขึ้นไปอีก ก็ยิ่งทุกข์แสนสาหัสขึ้นไปอีก ตัวอย่างมีมากมาย ตามหน้าหนังสือพิมพ์ (กำลังโด่งดัง ตามกระแส...)

การโกหกเป็นบาป และก่อให้เกิดทุกข์ เห็นชัดๆ
ไม่มีใคร นับถือคนที่โกหก หลอกลวง
การทำผิด หากยอมรับผิด และหาทางแก้ไข ย่อมได้รับความเห็นใจมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ เพราะคุณไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับสู่อดีต

ณ เวลาปัจจุบัน สิ่งที่จะทำได้ คือตั้งสติ
ยอมรับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ใช้สติปัญญา แก้ไขปัญหา เหตุการณ์เฉพาะหน้า
ศึกษาและหาวิธี แก้ไข อย่างถูกต้อง ถูกธรรม
ไม่แก้ไขโดยใช้วิธีที่ผิดศีล โดยเฉพาะศีล 5

ถ้าคุณสังเกตให้ดี คนที่แก้ไขปัญหาผิดวิธี มักเกิดทุกข์ยิ่งขึ้น
เช่น การโกหก ย่อมถูกผู้อื่นประนาม และต่อว่า หากเขาล่วงรู้ความจริง
หรือ การดื่มสุรา เพราะยิ่งขาดสติ ก็อาจไปมีเรื่องที่อาจไม่อยากให้มีขึ้นได้
เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือ การทะเลาะวิวาท หรือ
ยิ่งถ้ายังอยู่ในวัยเรียนล่ะก็ อาจทำให้สูญเสียเวลาในการศึกษา และ ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง
หรือ สอบไม่ผ่านได้

ดังนั้น ควรแก้ปัญหาอย่างมีสติ หาสาเหตุ ของ ปัญหานั้นๆ และพยายามแก้ไขที่ต้นเหตุ
ทำปัจจุบันให้ดี เพราะปัจจุบันเป็นรากฐานแห่งอนาคต
คนเราเมื่อทำผิดแน่ล่ะ สถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว
จะแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมย่อมไม่ได้
จะให้คนรัก คนชอบ จะให้ชื่อเสียงงดงาม เช่นเดิมย่อมไม่ได้
ดังนั้น การที่ไม่เคยทำผิดเลย ย่อมจะทำให้ผู้นั้นสบายใจที่สุด

อะไรๆ มันก็ผ่านมาแล้วผ่านไป ชื่อเสียง เงินทอง ของรัก ก็เช่นกัน
คุณอาจแก้ไข เปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไม่ได้
สิ่งที่จะแก้ได้ คือ ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง
เปลี่ยนแปลงใจของตนเอง ให้ ยอมรับสถานการณ์
ทำใจ ปลง และ ปล่อยวาง คิดเสียว่าแล้วทุกๆอย่างก็จะผ่านไป
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป คุณจะพบว่าใจของคุณก็จะเปลี่ยนไป
ความทุกข์มันก็ไม่คงที่ เวลาจะช่วยทำให้ความทุกข์ในใจคุณจางลงได้
เพราะทุกๆอย่างอยู่ที่ใจ

ธรรมะช่วยคุณได้
ศึกษาธรรมะ นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ความทุกข์ในใจคุณจะลดลง และ ใจคุณจะเข้มแข็งขึ้น

ขอให้แก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี แล้วทุกๆอย่างก็จะผ่านไป ด้วยดี....



ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

พ่อ กับ ผู้ชายอีกคนหนึ่ง

เมล์นี้ใครส่งมาไม่รุ เศร้าเกินไปแล้ว
เลยเอามาให้คนอื่นเศร้ากันด้วย


หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูก้มเอาหน้าผากแตะพื้น แปลว่าช้อนเมื้อกี้เป็นช้อนสุดท้าย
แล้วหนูจะไม่หม่ำอีกเด็ดขาด ไม่ว่าพ่อจะมาไม้ไหนก็ตาม

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พจนานุกรมหนูมี 3 คำ มี้อาว แปลว่า ไม่เอา ... มะ แปลว่า แม่ ... จิ แปลว่า ฉี่
ซึ่งบางครั้งพ่อก็ต้องเดาเอาว่า จะฉี่ หรือ ฉี่ไปแล้วจงไปตามเช็ดด้วย)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เย็นวันที่พ่อกลับเร็วนั้นมีความหมายกับหนูแค่ไหน

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า หนูกินไม่เลือกเหมือนพ่อนั่นแหละ

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่ารัดจุกหนูกลางหัว
เพราะเวลาหนูคันหัวหนูจะเกาจนมันหลุด ให้รัดค่อนมาทางหน้าผาก

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูมาเกาะขาแล้วชี้ไปที่ไหน
แปลว่าสิ่งนั้นมันทำให้หนูเจ็บหรือไม่ชอบใจ (ซึ่งบางทีหนูก็เกาะขาแม่แล้วชี้มาที่พ่อ)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูยังไม่หลับ อย่าหวังว่าใครในบ้านจะได้หลับ(อย่างเป็นสุข)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า การจัดบ้านให้เป็นระเบียบนั้นเป็นการเสียเวลาและพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เมื่อหนูตื่นมากลางดึก ถ้าพ่อตบก้นหนูเบาๆแล้วหนูยังไม่หลับต่อ
แปลว่าหนูหิวน้ำ จงเอาขวดน้ำมาใส่ปากหนูซะดีๆ ไม่งั้นพ่อไม่ได้หลับต่อแน่ๆ ...

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่มีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก...
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่าลืมปล่อยหนูเล่นน้ำนานเกิน 10 นาที
เพราะหนูจะเป็นหวัด แล้วคนที่เดือดร้อนก็พ่อนั้นแหละ

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูนอนไม่หลับให้เอามือหนูมาแปะไว้ที่หน้าพ่อแล้วหนูจะหลับได้ง่ายขึ้น
(แต่ตอนตื่นมักจะกลายเป็นเท้าหนูเวียนมาอยู่บนหน้าพ่อแทนอยู่ร่ำไป)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ......................................

แล้ววันหนึ่งที่ ....
ความรักของพ่อ ... ถูกมองว่าน้อยกว่าความรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง

คำพร่ำเตือนสอนสั่งของพ่อ ... เสียงดังน้อยกว่าคำออดอ้อนของผู้ชายคนนั้น

ความห่วงใยของพ่อ ... มีค่าน้อยกว่าที่จะปฏิเสธคำขอผู้ชายคนนั้น

อ้อมกอดของพ่อ ... ดูเหมือนจะอบอุ่นน้อยไปกว่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น

พ่อหวังแค่เพียงว่า ผู้ชายคนนั้นจะรักและทนุถนอมหนูได้เพียงครึ่งที่พ่อรักหนู
.........

ณ. วันนี้หนูรู้ว่า.....ความรักที่พ่อมีให้ยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด...

:b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46:
เขียนดีมากเลยค่ะบทความนี้ ชอบจังเลย
จะมีใครรักเราเท่าพ่อและแม่ไม่มีอีกแล้วว่าไหมจ๊ะ

เป็นบุญแค่ไหนแล้วที่วันนี้มีแม่และพ่อให้ดูแลห่วงใยซึ่งกันและกัน

อ่านข้อความนี้ แล้วใครที่ไม่เคยเป็นบุพการีใคร
เคยเป็นแต่ลูกพ่อกะแม่เท่านั้น จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า
ท่านรู้สึกกับเราได้ลึกซึ้งและมากมายขนาดไหน

แต่สำหรับคนที่อ่านแล้วคิดว่าเข้าใจ ความรู้สึกของ "บุพการี" แล้วนั้น
ขอไรอย่างสิ .....
รักท่านให้มาก อย่าทำร้ายท่านเลยนะ


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




untitleddargoncat.bmp
untitleddargoncat.bmp [ 138.12 KiB | เปิดดู 5758 ครั้ง ]
. :b55: :b55: :b55: .


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 20 ก.พ. 2010, 18:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b16: ช่างกล้านะเพื่อนเรา...บินได้ป่าวอ่ะ :b7: :b6:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


แบบแมวแมว
By mangomoment

รูปภาพ

แมวเซาสีเทา
แต่ไม่ขี้เมา
เป็นแมวช่างเหงา
อยู่บนหลังคา

เช้านี้ฟ้าใส
อากาศเป็นใจ
ครึ้มอกครึ้มใจ
ออกไปเดินเล่น

ก้อนเมฆลูกนั้น
ก้อนเมฆลูกไหน
เมฆลูกใดใด
ก็ล้วนลอยเล่น

โดดตุ้บหนึ่งที
แมวน้อยได้เห็น
โลกกว้างเย็นเย็น
บนปุยเมฆนุ่ม

แต่แล้วทันใด
แมวน้อยแปลกใจ
ได้ยินเสียงหนึ่ง

รูปภาพ

เจ้าฝูงปลานึ่ง
ลอยบินหึ่งหึ่ง
ส่งเสียงเหมือนผึ้ง
บินวนบินหึ่งรอบแมวสีเทา

แมวเซาดีใจ
เจอเพื่อนแล้วหนา
ฉันเป็นมิตรจ้า
ไม่กินพวกเธอ

ปลาเล็กปลาน้อย
ไม่กลัวสิ่งใด
เพราะต่างเชื่อใจ
และต่างไว้ใจ
คำพูดของแมว

ปลาปลาแมวแมว
ฝอยฟุ้งคุยฝัน
ตั้งแต่วันนั้น
เราเป็นเพื่อนกัน
ในโลกปลาแมว

ฟ้าสวยเมฆใส
แมวน้อยยิ้มละไม
อบอุ่นกว่าใคร
รักมิตรเพลินใจ
ไม่มีต่อไป
แมวเหงาขี้เซา

รูปภาพ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เรื่องมีอยู่ว่า มีชาวเดนมาร์กคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน
มีนางฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก เขาก็ตกลงไปด้วย

นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่งแล้วบอกว่า " ถึงนรกแล้ว "

ที่นั่นเป็นห้องใหญ่ๆ
มีโต๊ะยาวๆ บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีต อร่อย มีคุณค่าทุกประเภท
มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าก็บอกว่า " นี่สัตว์นรก "
คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลกแต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร
นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดีๆ ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ
ต้องใช้ช้อนที่ยาว 1 เมตร ตักอาหารกินเท่านั้น
เวลาจะใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเองคนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที
อาหารที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก
พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก
จึงผอมโซเพราะอดอาหารทั้งที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ
แต่ไม่สามารถเอาเข้ามาถึงปากของตนเองได้


นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่งแล้วบอกว่า" ถึงสวรรค์แล้ว "

ห้องที่ 2 นี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ
มีโต๊ะอาหารยาวๆ อาหารประณีตหลายๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก มีเก้าอี้รอบ
มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าบอกว่า " นี่เทวดาบนสวรรค์ "
แต่แปลกที่คนบนสวรรค์นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย
ดูว่าเขากินอาหารอย่างไร ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาว 1 เมตรเหมือนกับที่นรก

" เอ...ทำไมมันไม่เหมือนที่นรก ? ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรง "

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

พอดูดีๆ
อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์ คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนตรงข้าม
คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้ ก็เลยได้กินกันทุกคนอยู่อย่างสุขสบาย
สรุปว่า ที่นรกนั้น...คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว
คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ
โดยไม่คิดถึงคนอื่น แต่ที่สวรรค์นั้น...มีการช่วยเหลือกัน
มีความรักสามัคคีกัน คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย

จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


* * * * * ** * * * * * * * *คนโง่ คนฉลาด คนมีปัญญา
หนังสือ พ็อกเกตบุ๊ก หน้าปกสีขาว พิมพ์จำหน่ายมาตั้งแต่ ปี 2542
มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “THE FOOLISH, THE CLEVER, THE WISE”
แปลเป็นไทย “คนโง่ คนฉลาด คนมีปัญญา” เขียนโดย ไชย ณ พล
เห็นว่ามีหลายส่วนเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงขอหยิบยกมาเขียนดังนี้

ว่าด้วยการพูด “คนโง่” ชอบให้ อารมณ์ พูด จึงกระทบตนกระทบคนอื่นเนือง ๆ ผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย “คนฉลาด” ชอบให้ เหตุผล พูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึกและประสบแต่ความสำเร็จอัน แห้งแล้ง “คนมีปัญญา” ชอบให้ ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด เป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม

ว่าด้วยการทำงาน “คนโง่” ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างเหนื่อยยาก และมักไม่ได้คุณค่าอื่น ๆ ของงาน “คนฉลาด” ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้เงินตามมาโดยไม่ยาก “คนมีปัญญา” ทำงานเพื่อ หยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม จึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียง มิตร และ ความสุข ย่อมติดตามมา

ว่าด้วยการดำเนินชีวิต “คนโง่” มักโกงเขากิน กรรมจึงกระหน่ำให้เสียทรัพย์ จะจนอยู่ร่ำไป ซ้ำมีศัตรูคอยกัดกร่อนตลอดเวลา “คนฉลาด” แข่งขันแย่งกันกินอย่างถูกกฎหมาย จึงยุ่งยากและพลาดไม่ได้ จะโดนแย่งเพราะ มีคู่แข่งพร้อมเหยียบย่ำเสมอ “คนมีปัญญา” แบ่งปันกันกินตามความพอดีในระบบสมดุล จึงมีคน ช่วยสร้าง ช่วยรักษา และ ช่วยเสพ มีมิตรร่วมรับผิดชอบ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขโดยมาก

ว่าด้วยการปรนเปรอ “คนโง่” เอาแต่ใจตนเอง จึงได้รับ ความสะใจ เป็นผล และ ความรังเกียจ เป็นรางวัล “คนฉลาด” เอาใจคนอื่น จึงมักจะได้รับ ความลำบาก เป็นผล และ ความรัก ความเห็นใจ เป็นรางวัล “คนมีปัญญา” ไม่เอาทั้งสองอย่างเพราะรู้ดีว่าคือ กิเลส และ ตัณหา ทั้งคู่ แต่เอา สัจจะ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแท้สำหรับทุกฝ่ายเป็นที่ตั้ง จึงได้รับ คุณค่า เป็นผลและ ความสุข เป็นรางวัล

ว่าด้วยสติ “คนโง่” เมาคำพูด ประคองสติไม่อยู่ จึงพลั้งพูดพล่อยบ่อย ๆ สร้างกรรมสร้างศัตรู มากมาย “คนฉลาด” บ้าความคิด เขม่าเต็มสมอง จึงเต็มไปด้วย จิตหลอน สร้างมายา หลอกตน และ คนอื่น “คนมีปัญญา” บ้าความสงบ จึงพบ สติเต็มตื่น เป็นหลักให้ตนและคนอื่นได้

ว่าด้วยการอวดตน “คนโง่” ชอบอวดตัว จึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้านและความเจ็บปวดเป็นรางวัล “คนฉลาด” ชอบถ่อมตัว จึงได้รับความเห็นใจ และความช่วยเหลือเป็นรางวัล “คนมีปัญญา” มั่นใจตน แต่ไม่นิยมแสดงตัว ถ่วงดุลเป็นระหว่างการยกตนและการถ่อมตัว วางตนและสำแดงบทบาทตามหน้าที่ จึงได้รับ ความเคารพ และ ความเชื่อถือ เป็นรางวัล

ว่าด้วยมารยาท “คนโง่” แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ปฐพี “คนฉลาด” ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านในพื้นปฐพี “คนมีปัญญา” อ่อนโยน จึงเจริญงอกงามดั่งยอดไม้ที่พุ่งขึ้นสู่ที่สูง

ว่าด้วยเวลา “คนโง่” พร่ำเพ้ออยู่กับอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ “คนฉลาด” เพ้อเจ้ออยู่กับอนาคตที่ยังไม่จริง “คนมีปัญญา” ยืนอยู่บนปัจจุบัน และ ยึดอดีต ปัจจุบัน อนาคตให้เป็นเส้นตรงเดียวกัน

ว่าด้วยการบริหารอารมณ์ “คนโง่” มักจมอยู่ในอารมณ์ “คนฉลาด” ปฏิเสธอารมณ์ “คนมีปัญญา” จะบริหารอารมณ์เป็น สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง เสพอารมณ์ที่ควรเสพ รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา สลายอารมณ์ที่ควรสลาย เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดยสมบูรณ์

ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม “คนโง่” คิดแต่เรื่องส่วนตัว “คนฉลาด” คิดแต่ เรื่องส่วนรวม “คนมีปัญญา” คิดแต่เรื่อง คุณธรรม

ว่าด้วยการอยู่รอด “คนโง่” เอาแต่ตัวรอด จึงโดดเดี่ยวไร้กำลัง “คนฉลาด” เอาหมู่คณะรอด จึงอยู่รอดปลอดภัยแต่อาจไร้ระเบียบ “คนมีปัญญา” เอาระบบรอด จึงสามารถสานสร้างสิ่งใหม่บนฐานเก่าได้โดยเร็ว

ว่าด้วยธรรมะ “คนโง่” ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ “คนฉลาด” ศึกษาธรรมะ จึงรู้ลึกและดำเนินชีวิตด้วยดี “คนมีปัญญา” ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น

“ฉลาด” ย่อมดีกว่า “โง่” แต่ “ฉลาด” เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่พอ “ปัญญา” จะต้องเข้ามาช่วย ทำอะไรถ้ามี “ปัญญา” นำร่องความวุ่นวายจะไม่เกิดขึ้นกับตนเองและสังคม.


:b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47:
บทความนี้ คัดลอกมาจาก เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 คอลัมน์เห็นมาอย่างไร เขียนไปอย่างนั้น โดย นาม อนุภพ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 14:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b49: นาฬิกาชีวิต :b49:


ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาก็พบว่านาฬิกาพกของตนได้หล่นหายไปเสียแล้ว นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขาอย่างมาก ด้วยเป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้า รื้อหาจนทั่วบริเวณ แทบพลิกแผ่นดินหา แต่ก็หาไม่พบ...

เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้ว หูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ แต่เด็กๆ หูตายังแหลมคม น่าจะหาเจอก็เป็นได้ เขาจึงเรียกเด็กๆ มาแล้วบอกว่า “เด็กๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ”

เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็กๆ เดินกลับออกมาจาก
คอกม้าทีละคน ต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ

ขณะที่ชาวนากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า “ผมจะลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง! แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น”

ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหา ยังไม่เจอ... แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร....

เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนานก็ยังไม่กลับออกมา ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง ในขณะที่ชาวนาคิดจะเลิกรอและเดินจากไปนั่นเอง เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าหาเจอได้อย่างไร”

เด็กชายบอกว่า...... “พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย.... เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ‘ติ๊กตอก’ ‘ติ๊กตอก’ จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้”

.... ข้อคิดเตือนใจ ....
ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องสงบจิตใจ มาคิดตรึกตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้อง และเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของ คำโบราณที่ว่า....

“บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรตึงเครียด บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย”

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b48: อย่าคิดมาก.. :b48:



ธิติมาเป็นพนักงานบริษัทไอทีแห่งหนึ่ง เริ่มทำงานกันตั้งแต่เช้า
เวลาผ่านไปจนได้เวลาพักทานข้าว ธิติมาก็ชวนพี่ๆ ในแผนกไปทานข้าวข้างนอก
(ซึ่งแผนกที่ธิติมาทำงานมีชาวต่างชาติทำงานอยู่ด้วย)
ระหว่างทางเดินไปทานข้าว มีร้านขาย “ขนมถังแตก” อยู่
พี่ที่บริษัทก็ได้หยุดแวะซื้อ…

ฝรั่งที่เดินไปด้วยถามว่า: “What is it?”

พี่คนไทยที่ไปด้วยก็พยายามอธิบาย....
พี่คนแรก: “Um...uh..the bankruptcy sweet, I think.”

พี่คนที่สอง: “No, it's a dessert of economic failure.”

พี่อีกคน: “But I think you should call it a broke guy's food.”

ฝรั่งก็งงเป็นไก่ตาแตก ขนมอะไรหว่า กินแล้วหมดตัวเลยเหรอ...
สักพัก คนขายคงทนไม่ได้ ก็เลยบอกมาว่า… “มา... พูดไม่เป็น เดี๋ยวพี่เอง”

“It's a pancake with coconut, sir!”


:b6: :b9: :b32: :b17: :b4:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร