วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 16:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
กรัชกาย/ เขียน
"สวรรค์ลองใจ"

:b12:
...kanalove and Bwitch have been tested by...อาโหลเทสก์จาก...ซา..หวังอยู่Ah...
:b27:
:b48:
:b48:
:b48:
:b48:
:b48:
:b13:
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หวังว่าจะกลับใจได้นะคะ คนดี ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สังขาร ได้แก่ องค์ประกอบ หรือ คุณสมบัติต่างๆ ของจิตมีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่ง

แต่งจิตให้ดี หรือ ชั่ว หรือ เป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา

ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฐิ

อิสสา มัจฉริยะ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา เป็นต้น

เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือ เครื่องปรุงของ

กรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 20 ก.พ. 2010, 15:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กฎแห่งกรรม

พระพุทธศาสนาสอนหลักความจริงว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์ หรือสิ่งของเป็นรูปธรรม

หรือนามธรรม เป็นวัตถุ หรือ เป็นเรื่องจิตใจ ไม่ว่า ชีวิต หรือ โลกที่แวดล้อมอยู่ก็ตาม

ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย เป็นเรื่องของปัจจัยสัมพันธ์

ธรรมดาที่ว่านี้ มองด้วยสายตาของมนุษย์เรียกว่า “กฎธรรมชาติ” เรียกในภาษาบาลีว่า “นิยาม” แปลว่า

กำหนดอันแน่นอน ทำนอง หรือ แนวทางที่แน่นอน หรือ ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอน เพราะปรากฏให้เห็น

ว่า เมื่อมีเหตุปัจจัยอย่างนั้นๆแล้ว ก็จะมีความเป็นไปอย่างนั้นๆ แน่นอน



กฎธรรมชาติ หรือ นิยามนั้น แม้จะมีลักษณะทั่วไปอย่างเดียวกันทั้งหมด คือ ความเป็นไปตามธรรมดาแห่งเหตุ

ปัจจัย

แต่ก็อาจแยกประเภทออกไปได้ตามลักษณะอาการจำเพาะที่เป็นแนวทาง หรือ เป็นแบบหนึ่งๆ ของความ

สัมพันธ์ อันจะช่วยให้กำหนดศึกษาได้ง่ายขึ้น

เมื่อว่า ตามสายความคิดของพระพุทธศาสนา พระอรรถกถาจารย์แสดงกฎธรรมชาติ หรือ นิยาม ไว้ 5 อย่าง

คือ

1.อุตุนิยาม -กฎธรรมชาติ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ฝ่ายวัตถุ โดยเฉพาะความเป็นไปของธรรมชาติแวดล้อม

และความเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ เช่น เรื่องลมฟ้าอากาศ ฤดูกาล ฝนตก ฟ้าร้อง

การที่ดอกบัวบานกลางวัน หุบกลางคืน

การที่ดินน้ำปุ๋ยช่วยให้ต้นไม้งาม การที่คนไอหรือจาม การที่สิ่งทั้งหลายผุพังเน่าเปื่อย เป็นต้น

แนวความคิดของท่าน มุ่งเอาความผันแปรที่เนื่องด้วยความร้อน หรือ อุณหภูมิ


2.พืชนิยาม -กฎธรรมชาติ เกี่ยวกับสืบพันธ์ หรือที่เรียกกันว่า พันธุกรรม เช่น หลักความจริงที่ว่า พืชเช่นใดก็ให้

ผลเช่นนั้น พืชมะม่วง ก็ออกผลเป็นมะม่วง เป็นต้น


3.จิตตนิยาม - กฎธรรมชาติ เกี่ยวกับการทำงานของจิต เช่น เมื่ออารมณ์ (สิ่งเร้า) กระทบประสาท จะมีการ

รับรู้เกิดขึ้น จิตจะทำงานอย่างไร คือ มีการไหวแห่งภวังคจิต ภวังคจิตขาดตอนแล้วมีอาวัชชะนะแล้ว

มีการเห็น การได้ยิน ฯลฯ มีสัมปฏิจฉนะ สันตีรณะ ฯลฯ หรือ เมื่อจิตที่มีคุณสมบัติอย่างนี้เกิดขึ้น

จะมีเจตสิกอะไรบ้างประกอบได้ หรือประกอบไม่ได้ เป็นต้น


4.กรรมนิยาม - กฎธรรมชาติ เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คือ กระบวนการก่อการกระทำและการให้ผล

ของการกระทำ หรือ พูดให้จำเพาะลงไปอีกว่า กระบวนการแห่งเจตน์จำนง หรือความคิดปรุงแต่งสร้างสรรค์

ต่างๆ พร้อมทั้งผลที่สืบเนื่องออกไปอันสอดคล้องสมกัน เช่น ทำกรรมดีมีผลดี ทำกรรมชั่วมีผลชั่วเป็นต้น


5. ธรรมนิยาม – กฎธรรมชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์และอาการที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กันของสิ่งทั้งหลาย

โดยเฉพาะอย่างที่เรียกกันว่า ความเป็นไปตามธรรมดา เช่นว่า สิ่งทั้งหลายมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

เป็นธรรมดา คนย่อมมีความเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา ธรรมของคนยุคนี้มีอายุขัยประมาณร้อยปี

ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติ หรือ ไม่ก็ตาม ย่อมเป็นธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย ที่เป็นสภาพไม่เที่ยง ถูกปัจจัย

บีบคั้น และไม่เป็นอัตตา ดังนี้ เป็นต้น


:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:


ศึกษาเกี่ยวกับกรรมลิงค์นี้ เป็นต้นไป


viewtopic.php?f=4&t=19058&p=86360#p86360


พึงศึกษาความหมายของนิยามต่างๆให้เข้าใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




a599397540.gif
a599397540.gif [ 33.65 KiB | เปิดดู 3663 ครั้ง ]
"คนใจหิน" :b1:

http://daraoke.gmember.com/idxplaymv.do ... 0200793902

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลส แปลว่า สิ่งเกาะติด สิ่งเปรอะเปื้อน สิ่งสกปรก

กิเลส คือ สิ่งที่แฝงติดอยู่ในใจแล้วทำให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัว มีอุปมาเหมือนสีที่ใส่ลงไปในน้ำทำให้น้ำมีสีเหมือนสีที่ใส่ลงไป ใจก็เช่นกัน ปกติก็ใสสะอาด แต่กลายเป็นใจดำ ใจง่าย ใจร้ายก็เพราะมีกิเลสเข้าไปอิงอาศัยผสมปนเปอยู่

กิเลสที่ชอบซุกหมักหมมอยู่ในใจคนมากที่สุด คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เพราะกิเลสชอบซุกหมักหมมอยู่ในใจของคน จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กิเลสาสวะ หรือ อาสวกิเลส แปลว่า กิเลสที่หมักดองอยู่ในจิต

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81% ... 5%E0%B8%AA


เหตุใดการละกิเลสจึงยากนัก ?


การละกิเลสยากมาก เพราะเหตุใดหรือแม้พิจารณาให้ดีย่อมได้รับความเข้าใจพอสมควรว่าการละกิเลสยากมาก เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้ จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา แสงแห่งพระธรรมคำทรงสอนในสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นทุกเวลานาที

อย่าไปมุ่งเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่น แม้ปรารถนาเป็นผู้พ้นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเพราะการเพ่งเล็งแก้กิเลสผู้อื่นนั้น นอกจากจะไม่ทำให้กิเลสของตนเบาบางห่างไกลออกไป ยังจะเพิ่มกิเลสของตนให้มากขึ้น

กิเลสของใครคนใด ใครคนนั้นต้องแก้ ไม่ใช่คนอื่นจะไปแก้ให้ได้ สมเด็จพระบรมครูยังทรงมีพระพุทธดำรัสไว้ว่าทรงเป็นผู้ชี้ทางให้ ผู้ปรารถนาแห่งจุดหมายปลายทางต้องปฏิบัติดำเนินไปด้วยตัวเอง

มิได้มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า ต้องพากันช่วยพระพุทธองค์ชี้คนอื่นให้เดิน โดยตนเองยังไม่ได้เดินทางสายนั้นจนบรรลุจุดหมายปลายทางแล้ว ผลสำเร็จจะเกิดไม่ได้

ดังนั้นแม้คิดจะไปเพ่งโทษคนอื่น คือคิดไปแก้กิเลสของคนอื่นนั้นเอง ก็พึงมีสติรู้ให้เร็วที่สุด ว่ากำลังทำไม่ถูก ที่ถูกคือต้องแก้กิเลสของตนเอง กิเลสของตนเองของทุกคนที่ทุกคนควรแก้ของตนเอง ไม่ใช่ไปมุ่งแก้ของคนอื่น คนนั้นก็ไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนี้ เช่นนี้ไม่มีทางที่ตนจะถึงความสุขได้


ขอบคุณแหล่งที่มา:พลังจิตดอทคอม


-----------------------------------------

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Bwitch จะมองเห็นกิเลสที่อยู่ในใจของตัวเอง ดังที่ได้สนทนากันมาในคอมเม้นแรกๆ และก็ปรับปรุงตัวเองเพื่อให้ชีวิตดียิ่งๆขึ้นไปคะ ^^

ขอให้ Bwitch เป็นคนดีนะคะ

เราช่วยได้แค่นี้คะ ช่วยได้แค่บอกทางคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การให้ผลของกรรม โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ

1. ระดับภายในจิตใจ - ว่ากรรมทำให้เกิดผลภายในจิตใจ มีการสั่งสมคุณสมบัติ คือ กุศลธรรม

และอกุศลธรรม คุณภาพและสมรรถภาพของจิต มีอิทธิพลปรุงแต่งความรู้สึก นึกคิด ความโน้มเอียง

ความนิยมชมชอบ และความสุขความทุกข์ เป็นต้น อย่างไรบ้าง


2. ระดับบุคลิกภาพ - ว่ากรรมให้ผลในด้านการสร้างเสริมนิสัย ปรุงแต่งลักษณะความประพฤติ

การแสดงออก ท่าทีการวางตนปรับตัว อาการตอบสนอง ความเกี่ยข้องสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

และต่อสถานการณ์ หรือสภาพแวดล้อมทั่วๆไปอย่างไรบ้าง


การให้ผลระดับนี้ ต่อเนื่องออกมาจากระดับที่ 1 นั่นเอง และมีขอบเขตคาบเกี่ยวกัน แต่แยกพิจารณา

เพื่อให้มองเห็นแง่มุมของการให้ผลชัดเจนยิ่งขึ้น


3. ระดับวิถีชีวิตของบุคคล -ว่ากรรมชักนำความเป็นไปในชีวิตของบุคคล ทำให้เขาได้ รับประสบการณ์

ที่น่าปรารถนา และไม่น่าปรารถนา ประสบผลตอบสนองจากภายนอก พบความเสื่อมความเจริญ ความล้มเหลว

ความสำเร็จ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และความสูญเสียต่างๆที่ตรงข้าม ซึ่งรวมเรียกว่า โลกธรรมทั้งหลาย

อย่างไรบ้าง

ผลระดับนี้อาจแยกมองได้สองด้าน คือ

-ผลสนองจากปัจจัยด้านอื่นๆ ของสภาพแวดล้อมที่นอกจากคน

-ผลสนองจากปัจจัยด้านบุคคลอื่นและสังคม


4. ระดับสังคม - ว่ากรรมที่บุคคลและคนทั้งหลายกระทำ มีผลต่อความเป็นไป ของสังคมอย่างไรบ้าง เช่น

ทำให้เกิดความเสื่อมความเจริญ ความร่มเย็นเป็นสุข ความทุกข์ยากเดือดร้อนร่วมกันของมนุษย์ทั้งหลาย

รวมทั้งผลจากการที่มนุษย์กระทำ ต่อสภาพแวดล้อมอื่นๆ แล้วย้อนกลับมาหาตัวมนุษย์เอง


จะเห็นได้ชัดว่า ผลในระดับที่ 1 และที่ 2 คือ ผลภายในจิตใจและบุคลิกภาพ เป็นขอบเขต ที่กรรมนิยาม

เป็นใหญ่


viewtopic.php?f=4&t=29576&p=177842#p177842

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y5852945-7.gif
Y5852945-7.gif [ 136.67 KiB | เปิดดู 3556 ครั้ง ]
mouth for war ของวง...
pantera(มือกีต้าร์ถูกแฟนเพลง ผู้บ้าคลั่ง ยิงตายคาเวที)




แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 19 ก.พ. 2010, 22:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y5852945-7.gif
Y5852945-7.gif [ 136.67 KiB | เปิดดู 3534 ครั้ง ]
Metallica - St Anger









แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 19 ก.พ. 2010, 22:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 13:53
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เข้าไปดูตามลิ้งค์กระทู้ที่คุณ "kanalove" แนบมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่าเศร้าสลดใจจริงๆครับ มีการใช้ภาษาวิบัติเยอะจริงๆ ใครใช้ภาษาวิบัติคงไม่ต้องบอกครับ ใครที่มีพฤติกรรมทำลายล้างภาษาไทยอย่างไม่ลดละ ขอให้ท่านจงเอาสองเท้าของท่านไปเหยียบบนผืนแผ่นดินอื่นที่ไม่ใช่ผืนแผ่นดินไทยเถอะครับ...ขออนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นคุณค่าของภาษาบ้านเกิดผืนแผ่นดินที่เขายืนเหยียบอยู่... ก็แบบนี้แหละคะ

ในคอมเม้นนี้เราขอออกมาเปิดเผยอะไรอีกก็แล้วกัน

ความจริงจากภายในใจของ kanalove

หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ราวๆ 2-3 วันแล้ว ในใจของเราก็คิดพิจารณาต่อไป...

เราจำได้ ถึงคำพูดของคนหลายคน ที่มีการสนทนากันในเหตุการณ์ครั้งนี้...

ทุกคน ล้วนมีความทุกข์ เป็นของตัวเอง

หากเป็นไปได้ ก็คงไม่มีใคร อยากจะทำร้ายผู้อื่น

แต่เพราะความไม่รู้ จึงออกมาทำร้ายกัน

ฉันเข้าใจ... ว่าแต่ละคน มีความทุกข์เป็นของตัวเอง

เธอก็มีความทุกข์ ฉันเองก็มีความทุกข์ อยู่ภายในไม่ต่างกัน

ตอนนี้ฉันรับรู้... ว่าเธอคงทุกข์ใจ มากกว่าฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันเองก็เห็นใจเธอ ในฐานะที่เราเองต่างก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน


เธอทุกข์ใจเพราะเธอหลงรักใครคนหนึ่ง และความเหงาของเธอ
แต่เธอปลดปล่อยมันออกมาอย่างไม่ถูกต้อง และขาดสติ....


เธอจำได้ไหม ว่าไม่กี่ปีที่แล้ว เธอได้ไปทำร้ายจิตใจของผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ได้พบกับความทุกข์แสนสาหัส

การกระทำของเธอช่างเลวร้าย... แต่เธอก็ทำลงไปด้วยความไม่รู้ของเธอ...

ในเวลานี้ ฉันเลือก ที่จะออกมาปกป้องคนที่ฉันรัก

จากการกระทำของเธอ

เธอน่าจะรู้สึกตัวได้แล้วนะ ว่าสิ่งที่เธอได้กระทำลงไป และสิ่งที่เธอได้เจออยู่ในขณะนี้ มันน้อยด้วยซ้ำหากเทียบกับการกระทำของเธอที่ได้ทำลงไป

ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องชดใช้มากกว่านี้ นี่เป็นเพียงน้ำจิ้ม เป็นแค่เรื่องราวจากฉันที่ออกมาสั่งสอนคนอย่างเธอ



ฉันขอให้เธอ ได้ตรวจดูพฤติกรรมของตัวเองในเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ที่เธอเคยได้ไปติดตามราวีผู้หญิงคนหนึ่ง

และได้โปรดละอายใจ ในสิ่งที่เธอทำลงไปนั้น ไม่มีคุณสมบัติการเป็นชาวพุทธที่ดีแม้แต่น้อย


และสุดท้าย ฉันหวังว่าเธอจะรู้สึกและสำนึกผิดในตัวเอง
เหตุการณ์ครั้งนี้ ฉันเองก็ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป แต่นั้นก็เพื่อปกป้องบอร์ดแห่งนี้ และอีกหลายๆอย่าง ดังที่ได้กล่าวในคอมเม้นสีแดงในหน้าแรกของกระทู้นี้

สำหรับชายที่เป็นตัวตนเหตุ เขาก็จะได้รับผลแห่งกรรมในสิ่งที่เขาได้กระทำอยู่ตอนนี้เช่นกัน

เพีนงแต่ต้องใช้เวลา

ขอให้ชีวิตต่อจากนี้ของเธอ ไปในทางที่ดีขึ้น ขอให้เธอหลุดพ้นจากมิจฉาทิฐิที่อยู่ภายในใจของเธอ เปลี่ยนเป็นสัมมาทิฐิเถอะนะ


อย่างที่เคยได้กล่าวไป... เราช่วยได้แค่นี้ และที่เหลือ... เธอต้องช่วยตัวเอง

ขอให้เราสองคน ไม่มีความแค้นต่อกัน

ที่เราทำลงไป ไม่มีความแค้นอะไรกับเธอ

เราแค่มาเตือนสติเธอ เตือนว่าเธอได้ดคยทำอะไรลงไป และการกระทำของเธอที่ผ่านมา ขอให้รับรู้ตรงนี้นะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร