วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 11:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุขใกล้ๆแค่ปลายจมูก



ในทางพระพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เพราะสิ่งนี้สามารถบ่งบอกถึงสภาวะอารมณ์ของเราว่าเป็นเช่นไร เช่น ถ้าหายใจสั้นแสดงว่าเราอาจจะกำลังโกรธจัด เศร้า เสียใจ ตกใจ ส่วนคนที่ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองกำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก ก็ถือได้ว่า “ขาดสติ”



มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาจารย์และศิษย์คู่หนึ่ง ว่าหนึ่งศิษย์ถามอาจารย์ว่า



“อาจารย์ครับ ผมก็ปฏิบัติธรรมมานานแล้ว ทำไมผมรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติเลย ผมรู้สึกท้อแท้ครับอาจารย์”



ฝ่ายอาจารย์ได้ยินอย่างนั้นก็อธิบายว่า



“ก่อนที่ครูจะสอนเธอต่อไป ในความคิดของเธอ เธอคิดว่าการปฏิบัติธรรมนี้เปรียบเหมือนการกระทำดังต่อไปนี้



“เสมือนการเรียนในโรงเรียน เสมือนการรักษาโรคทางใจเสมือนการสั่งสมบุญ เสมือนการได้พักใต้ร่มเงาใหญ่หรือศาลาริมทาง หรือเสมือนการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้



“ถ้าเธอเปรียบการปฏิบัติธรรมเสมือนการเรียนในโรงเรียน เธอจะต้องพยายามให้ตัวเองได้เกรดสูงๆ ไม่น้อยหน้าใคร เธอจะมีแต่ความโลภ นี่คือโทษของการคิดแบบนี้



“ถ้าเธอมองว่าเสมือนการรักษาโรคทางใจ เธอจะเฝ้าเพียรถามหมอว่า เมื่อไรโรคจะหายเสียที ฉันเสียเงิน เสียเวลามามากแล้วนะเธอจะมีแต่ความโกรธ นี่คือโทษของการคิดแบบนี้



“ถ้าเธอมองว่าเสมือนการสั่งสมบุญ เธอจะมีเวลาให้การปฏิบัติน้อยเพราะมุ่งแต่จะสะสมบุญเพื่อเป็นเสบียงไปยังภพหน้า ซึ่งนั่นมิใช่เป้าหมายที่เธอหวัง นี่คือโทษของการคิดแบบนี้



“ถ้าเธอมองว่าเสมือนการได้หยุดพักใต้ร่มเงาไม้ใหญ่หรือศาลาริมทาง เธอจะพอใจ ที่ได้พักใจคลายทุกข์ชั่วคราว หรือเธออาจจะภูมิใจในความสุขอันเนื่องจากสมาธิ จนทำให้ไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติ เพราะทำให้การเดินทางยาวนานยิ่งขึ้น นี่คือโทษการคิดแบบนี้



“ถ้าเธอมองว่าเสมือนการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ เธอจะจ้องแต่เป้าหมายด้วยจิตใจที่รุ่มร้อน อยากให้ถึงเส้นชัยเร็วๆ เธอจะไม่ใช่ชีวิตในปัจจุบัน เธอจะขาดสติ นี่คือโทษของการคิดแบบนี้”



“แล้วผมควรคิดอย่างไรดีครับ” ลูกศิษย์ใจร้อนถาม



“เธอควรคิดว่า ธรรมะนี้เปรียบเสมือนลมหายใจของเธอ เธอจะขาดเขาไม่ได้ และเขาจะอยู่กับเธอจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตไม่ว่าเธอจะสนใจเขาหรือไม่ เขาก็จะอยู่กับเธอ เป็นเพื่อนเธอ เพียงแต่เธอใส่ใจเขา เรียนรู้ที่จะมีสติจะระลึกถึงเขาเสมอๆ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ในปัจจบัน ไม่มุ่งหวังอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่อาลัยถึงอดีตที่ล่วงลับไปแล้ว”



“ถ้าจะสรุปสั้นๆ ให้จำง่ายๆ ก็คือ ธรรมะเสมือนลมหายใจของเรา การปฏิบัติธรรมก็คือการหายใจอยู่ในปัจจุบัน เธออาจคิดว่าสิ่งนี้ยากเกินไปที่จะทำได้ อยากถามเธอว่า เธอเสียลมหายใจไปเท่าไรแล้วในชาตินี้ และเสียมาแล้วกี่ชาติ ทำไมเธอไม่สำนึกคุณค่าของเขา เรียนรู้และมีสติกับเขา เพื่อที่เขาจะได้เป็นเพื่อนที่ดีกับเธอไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต”



“ครับอาจารย์” ลูกศิษย์จ้องมองใบหน้าของอาจารย์ ดวงตาฉายแววอิ่มเอิบด้วยกำลังใจ ก่อนเดินจากไปด้วยกิริยานอบน้อม



จากเรื่องเล่านี้อาจกล่าวได้ว่า การปฏิบัติธรรมไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกลตัวเราเลยสักนิด แต่เป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดเลยทีเดียว เพียงหายใจเข้าและหายใจออกอย่างมีสติ ก็จะทำให้เรามีจิตใจที่สงบและพบความสุขที่แท้จริงได้



หายใจช้าๆ เพื่อสุขภาพ

นอกจากการหายใจเข้า-ออกช้าๆ อย่างมีสติจะเป็นวิถีทางหนึ่งในการปฏิบัติธรรมแล้ว การหายใจแบบนี้ยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน



เมื่อปีพ.ศ. 2545 คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุญาตให้จำหน่าย “เครื่องฝึกหายใจช้าๆ (RESPeRATE)” เพื่อช่วยการฝึกการหายใจ จากปกติที่คนเรามักจะหายใจนาทีละประมาณ 10-15 ครั้ง เครื่องฝึกหายใจช้าๆ จะช่วยให้เราหายใจช้าลงจนเหลือเพียงนาทีละ 10 ครั้งหรือต่ำกว่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัวชั่วคราวและมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น รวมทั้งทำให้ความเครียดและความดันโลหิตลดลงอีกด้วย



ท่านติช นัท ฮันห์ พระชาวเวียดนาม แห่งหมู่บ้านพลัมประเทศฝรั่งเศส แนะวิธีฝึกหายใจเข้า-ออกอย่างมีสติ เพื่อคลายเครียดไว้ง่ายๆดังนี้

· ให้ฝึกรับรู้ลมหายใจเข้า-ออกในทุกๆ อิริยาบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน

· ใช้คำบริกรรมหรือคำท่องจำง่ายๆ เช่น “หายใจเข้า-ฉันรู้ว่า-หายใจเข้า” และ “หายใจออก-ฉันรู้ว่า-หายใจออก” เพื่อเป็นเครื่องดึงสติให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ

· ทำอะไรๆ ให้ช้าลง โดยค่อยๆ เพิ่มเวลาในการทำกิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวันขึ้นทีละนิด เช่น ลองฝึกกินอาหารช้าๆ เคี้ยวช้าๆ ดังที่หนังสือปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ แนะนำว่า ให้ลองฝึกกินส้มช้าๆ โดยเริ่มจากการค่อยๆ ล้างส้ม ปอกส้ม แยกกลีบส้ม และกินส้มทีละกลีบช้าๆอย่างมีสติ แล้วค่อยๆขยายเวลา และนำไปใช้กับกิจกรรมอื่นๆให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งสามารถทำกิจกวัตรประจำวันทุกอย่างได้อย่างมีสติ

· ขณะที่กำลังทำอะไรช้าๆ ให้พยายามเรียนรู้ธรรมชาติของลมหายใจ ด้วยการสังเกตลมหายใจเข้า-ออก อยู่เสมอ ว่าในแต่ละขณะ ลมหายใจเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เวลาเครียดหายใจอย่างไร เวลาผ่อนคลายหายใจอย่างไร



ในชีวิตประจำวัน เรามักจะมองออกไปนอกตัวด้วยการเฝ้าสังเกตสิ่งนั้น ติเตียนสิ่งนี้ ไม่พอใจคนรอบข้าง ไม่พอใจสภาพแวดล้อมรอบตัว ซึ่งนับวันจะยิ่งทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความสุขได้ยากขึ้นทุกที การดึงใจของเรากลับมาอยู่กับลมหายใจจะนำมาซึ่งความชื่นบานในชีวิตเพราะช่วยให้เราสามารถพัฒนาจิตวิญญาณได้อย่างคนที่รู้ตัวทั่วพร้อม ที่สำคัญ เมื่อใจของเรารู้เท่าทันปัจจุบัน ไม่มัวเมา ไม่ประมาท จิตก็จะเบิกบานผ่องใสอยู่เสมอ



ก่อนที่ความหดหู่เศร้าหมอง จะทำให้คุณทุกข์ไปมากกว่านี้ ลองตั้งสติแล้วสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆดูสักรอบ แล้วจะรู้ว่าความสุขนั้นอยู่ใกล้ๆแค่ปลายจมูกของคุณนี่เอง



หายใจเรียกไอเดีย

หากวันไหนรู้สึกว่าสมองตีบตันหรือไม่มีสมาธิในการทำงานลองนั่งหลังตรงบนเก้าอี้ แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นด้านบนพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยๆ ลดแขนลงแล้วหายใจออกยาวๆ นับเป็น 1 ครั้ง การทำเช่นนี้เพียง 3 ครั้ง นอกจากช่วยให้สมองปลอดโปร่งแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้เลือดลมเดินดีและเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันได้ด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร