วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 17:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 21:35
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีความรู้เรื่องธรรมะน้อยมาก หนูอยากรู้อยากถามอะไรที่คิดว่าเกี่ยวกับธรรมะหนูก็จะถามไปตามที่อยากรู้ค่ะ ครั้งนี้หนูขอถามว่า---------คือหนูไม่แน่ใจว่า หนูได้อ่านมาหรือว่าได้ฟังมานี่แหละที่ว่า การให้ทานต่างๆ นั้นคือบุญ แต่การไหว้พระ การสวดมนต์นั้นเป็นเพียงความสบายใจไม่ใช่บุญทำนองนั้น (ถ้าหนูจำไม่ผิด) ถ้าเป็นอย่างนี้หนูจึงสงสัยและขอถามว่า----ทำไมที่ว่าการไหว้พระ การสวดมนต์นั้นสามารถอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ล่วงลับไปได้ ถ้าเป็นอย่างนี้เอาอะไรอุทิศค๊ะ ถ้าการไหว้พระ การสวดมนต์ไม่ใช่บุญ

......หรือว่าที่หนูจำมานั้นจำผิด หรือหากจำไม่ผิดก็อาจเป็นความเข้าใจผิดๆ ของหนูหรือเปล่าคะ ท่านผู้รู้ได้โปรดเมตตาตอบคำถามของหนูด้วยค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 11 ม.ค. 2010, 00:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การไห้วพระ การสวดมนต์ นั้นเป็นการสรรเสริญคุณ น้อม บูชาในองค์พระรัตนตรัย ขื่อก็บอกตรงอยู่แล้ว ไห้วก็คือไหว้ สวดก็คือสวด ไม่ได้เป็นบุญ ที่ว่านั้นนะ บุญ หรือ ความสบายใจ เบาไป นั้นนะจัดว่าเป็นผลของการได้ทำซึ่งการสักการะบูชา น้อม สรรเสริญไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยอะไรมาก ได้ทำแล้วก็แล้วๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


การสวดมนต์ เป็นบุญที่เนื่องด้วยภาวนา เพราะเกิดได้บ่อย เกิดได้นาน..การสวดมนต์หากเป็นไปด้วยศรัทธาเป็นประธาน ศรัทธาที่เชื่อว่า การสวดมนต์นี้ เป็นกรรมดี ย่อมมีผล...ประกอบด้วยความปีติโสมนัส จิตใจย่อมเต็มไปด้วยความสงบสุข..ยิ่งผู้สวดเข้าใจในอรรถคือ ความหมายของบทสวดด้วย จะยิ่งมีอุปการะต่อศรัทธาและปัญญามาก เป็นกุศลที่เกิดได้มากทีเดียว
อานิสงส์ ย่อมจะทำให้บุคคลผู้สวดมนต์เป็นประจำนั้น มีความสุขสงบ สุขด้วยความสงบของชีวิตเป็นสำคัญ กำจัดความกลุ้มรุมของจิตใจ ไม่ค่อยจะฟุ้งซ่าน มีความผ่องใส

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบให้ดีๆหน่อย ข้างบนตอบตรงประเด็นจนเกินไป
คุณพุทธะ ธรรม อริยะสงฆ์ พระโพธิสัตว์ นั้นสรุปรวมตรงที่ความไม่ยึดติด ไม่ข้อง ไม่ขัด ไม่ ลุลวงพ้นทุกข์ทั้งหมด เพราะบารมี หรือ องค์คุณทั้งหลายที่ชึมซาบอยู่ในโลกธาตุนี้ ที่รองรับโลกและสังสารวัฏนี้ เมื่อสัตว์โลก มนุษย์ เทพเทวา ทั้งหลาย ได้ระลึก นึกน้อมบ้าง ด้วยการสวดบ้าง ในองค์คุณทั้งหลายเหล่านี้ จากที่วุ่นวาย สับสน มืดมัว ร้อนร้นอยู่ อยู่กับกะลาตัวเอง ย่อมยังผลความไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา ตามท่านทันทีทันใดย่อมมีอานุภาพที่ เย็น โปร่งเบา สบาย คลี่คลาย ผ่อนคลายจากทุกขเวทนาตรงนั้นไป และเมื่อจิตที่เบา สบาย คลี่คลายนี้เรียกว่าบุญ เกิดขึ้นแล้วในตรงนี้ละ เมื่อเราดำริไปเผื่อแผ่ไปให้แก่ สรรพสัตว์ จากความแผ่วเบา โปร่ง สบาย นี้นึกน้อมไปสรรพสัตว์นั้นก็มีส่วนในความคลี่คลายนี้ได้เช่นกัน
อานุภาพบุญกุศลก็เป็นเช่นนี้แล ชัดกว่านี้เข้าไปศึกษาที่วัดแล้วกัน

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/
ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 20:20
โพสต์: 47

ชื่อเล่น: ซี
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะทำการสิ่งใดอย่าหวังว่าจะได้บุญเสมอไป

บางคุณทำบุญทำทาน เพราะนึกหวังอยากให้กุศลผลบุญ

ย้อนกลับมายังตัวเองร้อยเท่าทวีคุณ

โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งนั้นเปล่าประโยชน์ หากการสวดมนต์ไหว้พระ

สร้างความสบายใจ รู้สึกสงบจากการได้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย

เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้วครับ

:b50: สำหรับการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลจะทำได้อย่างไร หากการสวดมนต์ :b50:

พี่ว่าหากการสวดมนต์ กระทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเคลือบแฝง

ก็น่าจะทำได้นะครับ แต่ยังไม่รู้ถึงหลักการจริง ๆ

ต้องรอผู้รู้มาอธิบายแล้วล่ะครับ พี่ก็จะรอฟังอีกคน :b1:

.....................................................
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น
ตามแต่บาปบุญแล ก่อเกื้อรักษา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆ เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องของกำลังจิต (บารมี)

การทำทาน เป็นสิ่งที่แนะนำให้กับคนทั่วไป เพราะสิ่งที่ทำทาน จะเป็นตัวช่วยสร้าง รูป ที่จะส่งออกไป เวลาทำทานก็พยายามสงบจิตสงบใจ อธิษฐานว่า สิ่งที่เราทำทานนี้ อุทิศให้แก่ใคร

การสวดมนต์ คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง สิ่งที่อุทิศออกไป จะไม่มี "รูป" ถ้าสวดส่งๆ ไป ไม่ได้ตั้งใจสวด ก็ไม่เกิดผลอะไรหรอกนะ
ในคนที่ฝึกสมาธิ เขาก็มีบทแผ่เมตตา ซึ่งก็คล้ายๆ กัน
ถ้าให้เปรียบเทียบ ทาน ก็เหมือนส่งเสื้อผ้าให้ แต่สวดมนต์หรือแผ่เมตตาก็เหมือนส่งเงินให้

ในคนที่มีสมาธิสูงๆ เขาสามารถแผ่กำลังจิตให้เลย โดยไม่ต้องสวดมนต์หรือแผ่เมตตาแต่อย่างใด...

ทีนี้ เมื่อทานนั้น มี รูป ทานจึงอุทิศให้ได้เฉพาะโอปปาติกะเท่านั้น การทำทานแล้วอุทิศให้คนที่ยังมีชีวิต จึงไม่มีผล และทานที่อุทิศให้โอปปาติกะที่มีบารมีสูงกว่า ก็ไม่เกิดผลเช่นกัน เพราะเขาสามารถสร้างรูปได้เอง ตามที่ต้องการอยู่แล้ว
ว่าง่ายๆ คือ ทานสามารถอุทิศให้กับ เปรต เท่านั้น ส่วนโอปปาติกะอื่นที่มีบารมีมาก เช่น เทวดา หรือเปรตบางพวกที่มีอำนาจจิตสูง เราอาจเชิญเขามาร่วม อนุโมทนา ในการทำทานนั้น แต่ไม่ใช่ อุทิศ ให้

การอนุโมทนา ก็เหมือนกับว่า เรามาทำทานด้วยกัน อะไรแบบนั้น

คำว่า รูป นั้น เป็นคำที่ใช้ในเชิงกำลังจิต (จะเรียก รูปนิมิต ก็ได้) ไม่ใช่รูป แบบที่ตามองเห็น อันที่จริง เรื่องพวกนี้เป็นรายละเอียด ซึ่ง... ไม่ต้องรู้ก็ได้ อิอิ :b13:

เวลาทำทาน ก็ใช้คำแบบปกตินั่นแหล่ะ ใครที่รับได้ก็จะรับ ที่รับไม่ได้ (เพราะบารมีสูงเกิน) ก็จะไม่ได้ ส่วนการเชิญมาร่วมอนุโมทนา โอปปาติกะใดที่มี สัญญา กับเรา เขาก็มาเอง...


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 10 ม.ค. 2010, 21:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.onion.

ถึงหลวงจีนจะงมงาย
แต่ไม่อยากให้คนถามงมงาย



ไหว้พระสวดมนต์ ให้ทำด้วยกุศลจิต

จิตไม่เป็นบุญ จะยกมือไหว้ก็แสนหนัก

ขอให้มีศรัทธา

บุญ บุญ บุญ บุญมหาศาล

บุญตั้งแต่เริ่มคิด

ได้บุญทั้งกาย วาจา ใจ

จิตเป็นบุญ กายจึงเคลี่อนไหว

จิตเป็นบุญ จึงเตรียมดอกไม้ธูปเทียน

จิตเป็นบุญ จึงจุดธูปเทียนได้

จิตเป็นบุญ จึงกราบได้

จิตเป็นบุญ จึงเปล่งวาจาได้

จิตเป็นบุญ จึงนั่งได้นาน ๆ

ศรัทธามี ความเพียรมี สติมี สมาธิมี ปัญญามี เป็นบุญ

เกิดปีติชื่นใจ ตั้งใจทำเอง เข้าใจในสิ่งที่ทำ เป็นสุดยอดมหากุศล

ขอให้ตั้งใจเถิด

ไหว้ด้วยศรัทธา ไหว้ด้วยศรัทธา ไหว้ด้วยศรัทธา


ครั้งพุทธกาล แค่ถือดอกทองกวาว ตั้งใจจะไปไหว้พระเจดีย์
ยังไม่ได้ไหว้ ตายก่อนยังเกิดในสุคติ (กิงสุกเทพ
)

เป็นกบข้างกุฏิพระ ตายขณะฟังพระสวด ยังเป็นเทพบุตรกบได้ (มัณฑุกเทพ)


ขอให้ใจศรัทธา ขอให้ใจศรัทธา ขอให้ใจศรัทธา

สทฺธา สาธุ ปติฎฺฐิตา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว สำเร็จได้ทุกอย่าง

ไหว้พระ สวดมนต์ เป็นพื้นฐานให้กุศลธรรมอื่นเกิดขึ้น



สาธุ สาธุ สาธุ

หลวงจีนขอกราบอนุโมทนา ขอกราบ ขอกราบอีก

ตั้งใจนะ ทำถูกแล้ว


:b53:

โอมฺ มณี ปทฺเม หุมฺ

หลวงจีนงมงาย

:b51: :b51: :b51:


แก้ไขล่าสุดโดย หลวงจีนงมงาย เมื่อ 10 ม.ค. 2010, 22:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้บุญครับ

ธมฺมปีติ สุขํ เสติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สทา รมติ ปณฺฑิโต


ผู้มีปีติในธรรมมีใจผ่องใสแล้วย่อมอยู่เป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้วในกาลทุกเมื่อ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การไหว้พระ สวดมนต์เป็นบุญหรือเปล่าคะหรือเป้นเพียงความสบายใจ


"ความสบายใจ" ก็คือ "บุญ"

ผมมีหลักฐาน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
Quote Tipitaka:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าได้กลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้เป็นชื่อแห่ง
ความสุข

จาก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 761&Z=4790


สมเด็จพระสังฆราชตรัสว่า
อ้างคำพูด:
- บุญนี้เป็นชื่อแห่งความสุข

ชีวิตของทุกๆคนที่ผ่านพ้นไปในรอบปีหนึ่งๆนับว่าเป็นลาภอย่างยิ่ง
จึงถือเหตุทำบุญ เพื่อความเจริญอายุ วรรณะ สุข พละ อันเป็นพรที่ทุกๆคนปรารถนา
พรเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นจากการทำบุญ เราจึงยินดีในการทำบุญ
และยินดีได้รับพรจากพระ ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคล

พิจารณาในเรื่องนี้โดยตลอดแล้ว จะเห็นว่าพึงเป็นสิริมงคลจริง
เพราะได้ทำบุญแล้ว คำอวยพรต่างๆ จึงตามมาทีหลัง
สนับสนุนกันให้จิตใจมีความสุขขึ้นในปัจจุบันทันที
ความสุขอันบริสุทธิ์นี้แหละคือ บุญ

ดังมีพุทธภาษิตตรัสไว้แปลว่า "ท่านทั้งหลายอย่ากลัวบุญเลย บุญนี้เป็นชื่อแห่งความสุข"
หมายถึง ความสุขที่บริสุทธิ์ คือความสุขอันเกิดจากกรรมที่บริสุทธิ์ เรียกว่า บุญ


ที่มา : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ



พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวว่า
อ้างคำพูด:


จุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

จุดหมายสูงสุด ของพระพุทธศาสนา พึงบรรลุได้ด้วยความสุขหรือ
ด้วยข้อปฏิบัติที่มีความสุข

มิใช่บรรลุด้วยความทุกข์ หรือด้วยข้อปฏิบัติที่เป็นทุกข์

ผู้ปฏิบัติจะต้องไม่ติดใจหลงไหลในความสุขที่เกิดขึ้นแก่ตน
ไม่ปล่อยให้ความสุขที่เกิดขึ้นนั้น ครอบงำจิตใจของตน
ยังมีจิตใจเป็นอิสระ สามารถก้าวหน้าไปในธรรมเบื้องสูงต่อๆไป
จนบรรลุความเป็นอิสระ หลุดพ้นโดยบริบูรณ์

ซึ่งเมื่อบรรลุจุดหมายนั้นแล้ว ก็สามารถเสวยความสุขที่เคยเสวยมาแล้ว
โดยที่ความสุขนั้น ไม่มีโอกาส ครอบงำจิตใจ ทำให้ติดพันหลงไหลได้เลย

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)


คำว่า บุญ ก็คือคำว่ากุศล
กล่าวคือจิตมีกุศล

จิตกุศล หมายถึงจิตมีความนุ่มนวล เบาสบาย ว่องไว
บุญกับสบายใจก็คืออันเดียวกัน


กล่าวโดยสรุปแล้ว สวดมนต์ไหว้พระจะเป็นบุญก็ต่อเมื่อมีความสุขในการทำกิจกรรมนี้
ถ้าสวดไปไม่มีความสุขในการสวด เช่นว่า ถูกบังคับ กระทำการสวดการไหว้โดยไม่มีความสุข
ก็เรียกว่าไม่ได้บุญ เพราะใจไม่เป็นบุญ ใจมันวุ่นวายฟุ้งซ่านอยู่

แต่บางทีจิตใจที่ร้อนรุ่มกระวนกระวาย
บางที ถ้าได้สวดมนต์ อาจจะช่วยให้เกิดความสงบขึ้นบ้าง
อย่างน้อย ก็วุ่นวายน้อยลง
อย่างกลาง จิตใจสงบ
อยา่งมาก ไปๆมาๆ ได้จิตใจมีสมาธิ ในที่สุดมีสุขเป็นผลพลอยได้

ทำไมท้อกับการสวดมนต์ซะแล้วล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 21:35
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงหลวงจีนจะงมงาย
แต่ไม่อยากให้คนถามงมงา
----------------------------------------------------------------------------------

หนูไม่ได้งมงายอะไร ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาในเรื่องธรรมะของหนู หรือด้วยความไม่รู้และด้วยความอยากรู้จึงถาม ดั่งที่ว่าไม่รู้ให้ถามนั่นแหละ และที่มาถามที่นี่ก็หวังว่าท่านผู้รู้ทางธรรมคงจะได้ให้ความเมตตาช่วยอธิบายให้จะได้เป็นความรู้ทางธรรมค่ะ ถึงแม้คำถามหนูจะไม่ควรถามสำหรับท่านผู้รู้แล้วก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้อย่างหนูและต้องการมาศึกษาธรรมะที่อยากรู้อะไรก็จะถามไปเท่าที่อยากรู้เท่านั้นเอง ขอขอบคุณทุกคำตอบและขอขอบคุณท่านที่เข้าใจในเจตนาในการถามของหนูค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

หลวงจีนกราบขอโทษ
หลวงจีนกราบขอโทษ
หลวงจีนกราบขอโทษ

ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน

ช่างหม้อ ตีหม้อ ไม่เคยหวังให้หม้อแตก
ตีเพื่อความสวยงาม

:b45:

โอมฺ มณีปทฺเม หุมฺ

หลวงจีนงมงาย

:b51: :b51: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:

การสวดมนต์ทำให้เกิดสมาธิได้ระดับหนึ่ง เมื่อจิตเป็นสมาธิก็เกิดกุศลจิตอนุภาพของการแผ่เมตตาก็มีมาก ส่วนบุญเป็นการให้ทาน ทำให้อิ่มเอิบใจ ปิติ ใจฟูสำหรับคนให้ ผู้ที่ได้รับก็เกิดใจอิ่มเอิบ ปิติเช่นเดียวกับคนให้ นั้นคือบุญ บุญกับกุศลมันคนละตัวกันคับ กุศลเกิดจากผู้ที่ปฎิบัติธรรมเท่านั้น เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา ได้เฉพาะบุคคลเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ข้าพเจ้าขอขยายความเกี่ยวกับ ทาน ศีล ภาวนา ว่า...
...การให้ทานเป็นการเสียสละเพื่อลดกิเลสในจิตใจตัวเราเองลง...3 ทางคือกาย วาจา ใจ...
...การรักษาศีลเป็นการรักษากฎระเบียบในสังคมของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์เพื่อมิให้เบียดเบียนกัน...
...การภาวนาเป็นการฝึกทำจิตใจตนเองให้บริสุทธิ์ เช่น การสวดมนต์ การรักษาศีล ทำสมาธิ เป็นต้น...
:b8:
...ข้าพเจ้าขอขยายความเกี่ยวกับ ศีล สมาธิ ปัญญา ว่า...
...การรักษาศีลมีตั้งแต่ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ศีล 311 ข้อแล้วแต่เพศทางธรรมของผู้ปฏิบัติ...
...การทำสมาธิในพุทธศาสนาเรียกว่าการเจริญกรรมฐาน(พิจารณาที่ตั้งแห่งกายตนเอง) 2 องค์ประกอบ
...ได้แก่1)การเจริญสมาธิคือการฝึกทำความสงบของจิตใจเพื่อลดความคิดฟุ้งซ่านภายในจิตใจตนเอง
...และ2)การเจริญสติคือการฝึกคิดหาเหตุผลเพื่อหาหนทางดับทุกข์ในจิตใจตนเองที่สร้างขึ้นจากกิเลส
:b16:
...ข้าพเจ้าขอขยายความเกี่ยวกับ การมีปัญญาในที่นี้คือปัญญาทางธรรมเกิดได้ 3 อย่างคือ...
1)สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการได้ยินได้ฟังหรือได้ศึกษาธรรมมาแล้วตัวเราเองคิดได้
2)จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการคิดพิจารณาไตร่ตรองเห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นตามเป็นจริง
3)ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติธรรมคือเจริญกรรมฐานจนรู้เห็นเป็นจริงในตัวของเราเอง
:b20:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 22 ม.ค. 2010, 17:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 17:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...การที่คุณน้อง Baal... สวดมนต์ไหว้พระ... เป็นการทำบุญคือความดีด้วยกาย วาจา ใจ...
...เป็นการแจกทานบุญที่เราทำแล้วแผ่เมตตาให้ผู้อื่นมีความสุขและไม่เบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ปรารถนาดี...
...บุญสำเร็จด้วยใจ...ใจเป็นใหญ่...ใจเป็นประธาน...คิดดี...พูดดี...ทำดี...ใจเราผ่องใสนี่คือบุญ...
:b8:
...หลักเบื้องต้นของพุทธศาสนิกชนคือให้ทานก่อนกิน...ถือศีลก่อนออกจากบ้าน...ภาวนาก่อนนอน...
...ทานก่อนกินเพราะเราเอื้อเฟื้อผู้อื่นก็เท่ากับเอื้อเฟื้อตนเอง...เจตนาในใจรักษาศีล5ให้บริสุทธิ์...
...กลับมาบ้านก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน...ทำกุศลตลอดวัน...ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น...
:b27:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 22 ม.ค. 2010, 17:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 22:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยปัจจุบันมีคำว่า คุณภาพชีวิต แต่สมัยโบราณ ไม่มีคำนี้ มีแต่คำว่าบุญ
ทำบุญ1ครั้ง คุณภาพชีวิต ก็จะดีขึ้น ยิ่งทำคุณภาพชีวิตก็จะยิ่งดี
การสวดมนต์ นี่ให้ผลเป็นความสุข ยิ่งเราได้อุทิศ ให้แก่สัตว์ในภพภูมิพิเศาที่สามารถรับได้
ก็จะได้บุญถึงสองต่อ อย่างวันนี้ รู้สึกว่าคิดมาก ในมันตื้อๆ ได้สวด ยอดพระกัณฑ์ไตตปิกก และอุทิศให้แก่พระภูมิเจ้าที่ บริเวณนั้น จิตก็พลิกจากความตึงเครียด เป็นความสุข น่าอัศจรรย์ใจมาก

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร