วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 20:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

วันนี้ขอเปลี่ยนแนวมาอยู่ในหมวดชาดกบ้างครับ :b13:


พยัคฆชาดก
ว่าด้วยเรื่องของมิตร


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ โกกาลิกภิกษุ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้
เรื่องพระโกกาลิกะจักมีแจ้งในตักการิยชาดก เตรสนิบาต
ก็พระโกกาลิกะคิดว่า จักไปพาพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมา จึงออกจากกาสิกรัฐไปยังพระวิหารเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดา แล้วเข้าไปหาพระเถระทั้งสอง แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้อาวุโส มนุษย์

ชาวแว่นแคว้นเรียกหาท่านทั้งหลาย มาเถิดท่าน เราทั้งหลายจะได้ไปด้วยกัน
พระเถระทั้งสองกล่าวว่า ไปเถอะคุณ พวกเรายังจะไม่ไป
เมื่อพระเถระทั้งสองปฏิเสธแล้ว พระโกกาลิกะนั้นจึงได้ไปโดยลำพังตนเอง

ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันใน โรงธรรมสภาว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระโกกาลิกะไม่อาจเป็นไปร่วม หรือเว้นจากพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ แม้ร่วมก็อดกลั้นไม่ ได้ แม้พลัดพรากก็อดกลั้นไม่ได้ พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ? เมื่อ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า มิใช่ ในบัดนี้เท่านั้นดอกนะภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน พระโกกาลิกะนี้ ไม่อาจอยู่ร่วมหรือเว้นจากพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะได้แล้ว ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลวิมานของพระโพธิสัตว์นั้น มีรุกขเทวดาตนหนึ่ง อยู่ในต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง สีหะและพยัคฆ์ก็อยู่ในไพรสณฑ์นั้น พวกชาวบ้านจึงไม่ไถนา ไม่ตัดไม้ในไพรสณฑ์ นั้นเพราะกลัวสีหะและพยัคฆ์ ชื่อว่าบุคคลผู้สามารถที่เหลียวกลับมาดู ย่อมไม่มี ก็สีหะและ พยัคฆ์เหล่านั้นฆ่าเนื้อทั้งหลาย แม้มีประการต่าง ๆ เคี้ยวกิน ทิ้งสิ่งที่เหลือจากการเคี้ยวกินไว้ในที่นั้นนั่นเองแล้วก็ไปเสีย ไพรสณฑ์นั้นจึงมีกลิ่นซากสัตว์อันไม่สะอาด เพราะกลิ่นของเนื้อเหล่านั้น

ลำดับนั้น วันหนึ่งรุกขเทวดาผู้โง่เขลาไม่รู้จักเหตุและมิใช่เหตุผู้หนึ่ง ได้กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนสหาย ไพรสณฑ์เกิดกลิ่นซากสัตว์ อันไม่สะอาดแก่พวกเรา เพราะอาศัยสีหะและพยัคฆ์เหล่านี้ เราจะไล่สีหะและพยัคฆ์เหล่านี้ให้หนีไปเสีย พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อน สหาย เพราะอาศัยสีหะและพยัคฆ์ทั้งสองตัวนี้พวกเราจึงรักษาวิมานอยู่ได้ เมื่อสีหะและพยัคฆ์เหล่านี้หนีไปเสีย วิมานของพวกเราก็จักฉิบหาย เพราะพวกมนุษย์เมื่อไม่เห็นรอยเท้าของสีหะและพยัคฆ์ ทั้งหลาย ก็จักตัดป่าทั้งหมดกระทำให้เป็นเนินลานเดียวกันแล้วไถนา ท่านอย่าชอบใจอย่างนี้เลย แล้วกล่าวคาถา ๒ คาถาแรกว่า :

[๔๑๕] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเสื่อมไปเพราะการคบหากับมิตรคนใด บัณฑิตพึงรักษาลาภ ยศ และชีวิตของตน ที่มิตรนั้นครอบงำไว้เสียก่อน ดุจบุคคลผู้รักษาตาของตนไว้ ฉะนั้น

[๔๑๖] ความเกษมจากโยคะ ย่อมเจริญเพราะการคบหากับมิตรคนใด บุรุษผู้ฉลาดในกิจทั้งมวล พึงกระทำกิจทุกอย่างของกัลยาณมิตรให้เหมือนของตน

พระโพธิสัตว์แม้จะกล่าวเหตุผลอย่างนี้ เทวดาเขลาตนนั้นก็ไม่พิจารณาใคร่ครวญเลย วันหนึ่งจึงแสดงรูปอันน่ากลัว ทำให้สีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นหนีไป พวกมนุษย์ไม่เห็นรอยเท้าของสีหะ และพยัคฆ์เหล่านั้นรู้ได้ว่า พวกสีหะและพยัคฆ์หนีไปอยู่ป่าอื่น จึงถางป่าชัฏได้ด้านหนึ่ง

เทวดาเขลาจึงเข้าไปหาพระโพธิสัตว์แล้ว กล่าวว่า ดูก่อนสหาย ข้าพเจ้าไม่กระทำตามคำของท่านจึงทำสีหะและพยัคฆ์ทั้งหลายให้หนีไป บัดนี้ มนุษย์ทั้งหลายรู้ว่าสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นหนีไปแล้วจึงพากันตัดถางป่า เราจะพึงทำอย่างไรหนอ

พระโพธิสัตว์กล่าวว่า บัดนี้ สีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นอยู่ในป่าโน้น ท่านจงไปนำเอาสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นมา เทวดาเขลาจึงไปที่ชัฏป่านั้น ยืนประคองอัญชลีข้างหน้าสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้น แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :
[๔๑๗] ดูกรราชสีห์และเสือโคร่ง จงมาเถิด เชิญท่านทั้งสองจงกลับเข้าไปยังป่าใหญ่ พวกมนุษย์อย่ามาตัดป่าของเราให้ปราศจากราชสีห์และเสือโคร่งเสียเลย ราชสีห์และเสือโคร่ง อย่าได้เป็นผู้ไร้ป่า
สีหะและพยัคฆ์ทั้งสองนี้ แม้ถูกเทวดานั้นอ้อนวอนอยู่อย่าง นี้ก็ยังคงปฏิเสธว่า ท่านไปเถอะ พวกเรายังไม่ไป เทวดากลับมายังป่าผู้เดียวเท่านั้น ฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายก็ตัดป่าทั้งหมด โดย ๒ - ๓ วันเท่านั้น กระทำให้เป็นเนื้อนาแล้วกระทำกสิกรรม

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจจะแล้วทรงประชุมชาดกว่า เทวดาผู้ไม่ฉลาดในกาลนั้น ได้เป็น พระโกกาลิกะในบัดนี้ ส่วนเทวดาผู้ฉลาดในกาลนั้น ได้เป็นเรา ตถาคต ฉะนี้แล

จบ พยัคฆชาดก

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุกับชาดกที่ท่านวรานนท์นำมาสอนในวันนี้ครับ...ดีมากครับ หามาให้อ่านอีกน่ะครับ ผมจะคอยติดตาม tongue

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญในธรรมครับ
คุณวรานนท์

:b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร