วันเวลาปัจจุบัน 17 มิ.ย. 2025, 02:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง





กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ตอบปัญหาธรรม

...ธรรมบางข้อ สอนญาติโยมในต่างประเทศ


โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดยคุณ คำกลาง [ 27 พ.ย. 50 ]
ถอดธรรมบรรยายจากแผ่นเทศน์ -มาเลเซีย-
ที่มา...ลานธรรมเสวนา


:b48: :b8: :b48:


:b8: ถาม - ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำในสิ่งที่ดี
ทำแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล แต่ในชีวิตของมนุษย์บางครั้งบางคราว
มีเหตุการณ์ที่ร้ายเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
เราจะต้องตัดสินใจที่จะทำอะไรที่อาจจะเป็นอธรรมก็ได้
เราควรจะทำอย่างไร เมื่อชีวิตของโลก ชีวิตในโลกนี้ รู้สึกว่ามันประกอบด้วยทุกข์
บางครั้งเราก็ต้องตัดสินใจทำแต่สิ่งที่ไม่ดี เราควรจะคิดอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร

:b42: พระอาจารย์เปลี่ยน - เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเรียน ต้องตอบปัญหา จึงจะแก้ไขปัญหานั้นได้
ว่าสิ่งนี้ทำให้เกิดทุกข์ ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราก็ไม่ต้องทำ นี่วิธีแก้ไข
แต่ว่าเรายังทำอยู่ ก็แปลว่าเรายังไม่รู้สิ่งนั้นจะทำให้เกิดทุกข์
เราก็เลยทำบาปทำชั่วกันด้วยกาย วาจา ใจ ก็คือ ไม่เข้าใจจริงนั่นเอง เลยทำบาป

ถ้าหากว่าคนเข้าใจจริง เขาก็ไม่ทำ
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็น เพราะเรายังไม่บรรลุเป็นโสดาบันบุคคล
(จำเป็น)ที่จะต้องฝึกให้เข้าใจชัดเจนว่าอะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป
อะไรถูกอะไรผิด ที่ควร ก่อนที่จะตัดสินใจด้วยตนเองได้
ว่าสิ่นนั้นมันไม่ถูกและเราไม่ควรที่จะทำ

อันนี้คือกฏที่บังคับ ที่เราทำก็คือ เรายังไม่รู้ เราขาดสติปัญญาแนวทาง
ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เกิดทุกข์ เขาก็ทำให้เกิดทุกข์อยู่
ถ้าไม่เกิดขึ้นมันก็พ้นทุกข์อยู่ เดี๋ยวนี้เราปฏิบัติอยู่นั้น
ถ้าจิตไม่ติดอะไรมันก็พ้นทุกข์ตรงนั้นล่ะ เพราะรู้หมด รู้เข้าใจ
รู้หน้าตาของกิเลสแล้ว กิเลสมันไม่ทำให้ทุกข์ มีแต่ใช้กิเลสเท่านั้นแหละ

ทีนี้กิเลสมันควบคุมเรา เราไม่รู้เขา เราก็อยู่ใต้อำนาจของกิเลส
กิเลสจูงมาทางนี้ก็มาทางนี้ กิเลสจูงไปทั่วโลกก็ไปกับมันอย่างนั้น
ทีนี้ถ้าเรารู้ว่าเราอยู่ที่ไหน ก็เท่ากันหมดทั่วโลก เมื่อไรจะรู้ล่ะทีนี้

ต้องโลกะวิทู รู้แจ้งโลก ไม่มีอะไรในโลก ไม่มีมาเลเซีย ไม่มีไทยเลย
ไม่มีสิงคโปร์ ไม่มีอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ไม่มี ไม่มีประเทศ
ประเทศเป็นสมมติ คนทุกคนนี่มีขันธ์ 5 เหมือนกันหมด
ก็สมมติเป็นขันธ์ 5 ทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่เป็นคนประเทศไหน ไม่มี มันเป็นสมมติหมด

ถ้าจะลบ สมมติได้ก็คือ ต้องรู้แจ้ง รู้แจ้งว่า โอ โลกนี้มันเป็นอย่างนี้เอง
โลกและธรรมชาติ ที่เขาเรียกว่าคนชาตินั้นชาตินี้มันไม่ใช่ มีขันธ์ 5 เท่ากัน แน่ะ
กำลังมาละความรู้ ร่างกายนี้ทุกข์เท่ากัน พระก็ทุกข์ โยมก็ทุกข์ ทุกข์เท่ากัน

ทีนี้ที่จิตใจ ฝึกที่รู้ มันจะต่างกัน ใครรู้เข้าใจแล้ว คนนั้นก็สบาย
คนที่ไม่เข้าใจก็ทุกข์ ก็ทุกข์กันอยู่ในโลกนี้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราติดอยู่ ติดร่างกายของตนเองอยู่ หลงตนเองอยู่
ไม่ใช่ไปหลงคนอื่น หลงตนเอง เรียนสักกายทิฏฐิให้เข้าใจ
ถ้าไม่หลงตนเองแล้วจะเข้าใจล่ะทีนี้ ได้เรียนสิ่งนั้น ศึกษาสิ่งนั้น
แต่ก็ยังสงสัยอยู่ ตนเองก็ยังว่าเป็นตนเอง ยังไม่เห็นไตรลักษณ์เลย เข้าใจบ่?

ไม่เห็นว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ก็ยังไปสงสัยนิพพาน หลงตนเอง ติดตนเอง
ต้องเข้าใจตนเอง ในความไม่เที่ยงของร่างกายตนนี้แหละ
ยังเป็นทุกข์กับร่างกายอยู่ เกิดมามันเป็นยังไง มันบังคับไม่ได้
ที่ว่าเป็นของตนเองควบคุมอยู่นั้น ทำไมมันบังคับไม่ได้ล่ะ
ทำไมจึงล่วงลับ ดับ ตาย ไปได้
ถ้าปราศจากการควบคุมดูแลได้ มันก็เหมือนคนอื่นนั่นแหละ เป็นอนัตตา

จะทำยังไงล่ะตอนนี้ มันเป็นอยู่อย่างนี้
จะทำมันได้อย่างไร ก็เรียนรู้เท่านั้นแหละ
เรียนรู้ให้เข้าใจ เข้าใจแล้วก็จะได้สบายไปพักหนึ่งหน่อย

ถ้ารู้จักตนเองแล้ว
ยังไม่ได้เป็นพระโสดา ก็ยังย่างเข้าไปยืนใกล้ถนนหน่อย
ถ้าเห็นทั้ง 3 ข้อ ถึงจะได้เหยียบถนนถูก
ให้ได้ขั้นพระโสดาฯ พระนิพพานยังอยู่ไกลอยู่
มีหลายขั้น มีขั้นที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นก็บอกโยม อย่าไปคิดถึงพระนิพพานแบบสงสัย อย่าไปสงสัย
ให้พยายามปฏิบัติต่อไปเลย

ความสุข คือ ที่เรามีสมบัติ คือ สามิสสุข
นิรามิสสุข คือ สุขที่ไม่อิงอามิสนี่มันสุขมาก
เราก็จะเข้าใจทั้งสุขที่อิงอามิสและนิรามิสสุข
ศึกษาไปทั้งสองอย่างก็จะดำเนินไปได้ดีเหมือนกัน


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 16 พ.ย. 2009, 15:50, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: ถาม - มีผู้ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
มีธรรมนำจิตใจของเขา เขายังไม่มีความรู้ถึงเป็นพระโสดาบัน
แต่เป็นผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระศาสนา และเป็นผู้ตามพระธรรมเป็นอันดับที่สอง
เขาก็อยากจะทราบว่า ขอให้หลวงพ่ออธิบายเรื่องผู้ที่มีศรัทธากล้าในพระพุทธศาสนา
ที่จะตามพระธรรมอันนำเขาไปสู่โสดาปัตติมรรค

:b42: พระอาจารย์เปลี่ยน - เราบอกให้เขาไปรู้เรื่องร่างกายของเขาก่อน
มาพิจารณากายเมื่อจิตใจสงบแล้ว หรือความเกิดขึ้นของกาย
หรือ ความเสื่อมไปของกาย และความแตกสลายของกาย
ให้เข้าใจว่าร่างกายของเรานี้ตั้งแต่เกิดมาเป็นอนิจจัง
เกิดมาแล้วมีความทุกข์ ให้เข้าใจว่ามีความทุกข์ มีเยอะ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ถ้าอธิบายก็จะยาว มันเป็นอนัตตา
เราควบคุมดูแลให้สมความคาดหวังไม่ได้สักคนเดียวในโลก เป็นสักกายทิฏฐิ
เราจะได้เชื่อว่ากายมันไม่ใช่ของเราจริงๆ เป็นของที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์เท่านั้น

ด้านจิตใจที่จะรู้ เราจะสามารถรู้ได้ไหม ถ้าได้ก็คือ เราจะละสักกายทิฏฐินี้เสีย
จะไม่ได้ถือตนถือตัว มีมานะทิฏฐิ หลง
หลงอยู่กับกาย ในการที่จะดำเนินเชื่อมั่นเกิน หรือเชื่อมั่นแต่บุญแต่บาป
มีศรัทธา เชื่อมั่นอันนั้นแต่ยังไม่เข้าใจกาย
ต้องรู้กายก่อน จึงได้ให้พิจารณาให้เข้าใจกาย
วิกิกิจฉา นั้นว่า พอมีศรัทธาพอรู้ ก็เลยจะไม่ทำบาป
ทำแต่สิ่งดี ถ้ามีศรัทธาก็มีตัวเดียว ไม่ครบ สีลัพพตปรามาส ศีลสมบูรณ์ไหม
สงสัยไหมว่าเราผิดศีลข้อไหน เรามาเข้าใจตรงนี้สิ
สักกายทิฏฐิ วิกิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ต้องละกิเลสในสามข้อนี้ได้ก่อน
จึงจะได้มรรค ผลมันจึงจะเกิดขึ้นมาที่ว่าเราเข้าใจจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: ถาม - สมมุติว่ามีพระโสดาบันมรณภาพไปแล้ว
และยังมีอีกอย่างมาก 7 ชาติ และชาติต่อไปถ้าเกิดเป็นมนุษย์
เขาจะรู้ไหมว่า เขาเป็นพระโสดาบันแล้ว ครับผม

:b42: พระอาจารย์เปลี่ยน - ถ้าตามพระพุทธศาสนาว่าไว้ บุคคลนี้ไม่ทำบาป
เขาจะรู้มาแต่เด็ก เหมือนเด็กบางคนเขาไม่ชอบทำบาป
ฆ่ามดฆ่าปลวกฆ่าอะไรต่างๆ
เขาจะรักษาตัวมาแต่เล็กจนใหญ่มาก็ยังรู้จัก ที่เมืองไทยก็มีหลายคน
เด็กนะ จบปริญญาโท เอกแล้วก็มี เขาไม่เคยฆ่าสัตว์เลย
เขาว่ามา เขาก็ยังต้องศึกษาเล่าเรียนอยู่
ตั้งแต่เด็กมา พ่อแม่ คุณตา คุณยาย
ต้องพาไหว้พระสวดมนต์ก่อนจึงจะให้เข้านอน
นั้นภูมิของพระโสดาบันบุคคล รักษาความดีของตนเองไว้ในใจอยู่
ต่อมาเขาก็จะบำเพ็ญได้สูงขึ้นตามลำดับของเขาได้
เราก็จะได้เห็น แต่ก็จะมีน้อย
ทุกวันนี้ที่เห็นเยอะก็คือ เด็กน้อยเข้าวัดเข้าวา รู้จักไหว้เป็น
แต่บางคนเฒ่า 70-80 ปี ยังไหว้ไม่เป็น มันคนละเกรดกัน
เหตุฉะนั้น พื้นฐานของคนก็ต้องไปเกิดในที่ดี และตนไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวาย....
คนที่ไม่เป็นก็เกิดทั่วไป

ถ้าเรารู้และเข้าใจ เหมือนศึกษาเล่าเรียนมา จบชั้นไหนมันต้องรู้
เพราะรู้ว่าตนเองนี้ละ สักกายทิฏฐิ วิกิกิจฉา สีลัพตปรามาส เราละได้ เราก็รู้ว่าละได้
เรียกว่า วิญญูชน รู้ได้เฉพาะตัว คนอื่นยังไม่รู้จัก
เว้นแต่ผู้ที่มีสติปัญญาบรรลุธรรมขั้นสูงกว่า จึงจะเข้าใจขั้นตอนของคน
ได้อะไร ได้บรรลุอะไร ได้เข้าใจอะไร
เหมือนด็อกเตอร์รู้นักเรียนอนุบาล ประถม มัธยม
ปริญาตรี ปริญญาโท แต่เขาเป็นด็อกเตอร์ เขารู้จัก
คนที่เขาเรียนจบเขาก็รู้จักทั้วโลก ทางพุทธศาสนาจึงรู้จริงด้วยว่าตนเองได้อะไร
และมีความสุขอย่างไร เห็นอะไรจึงทำให้ตนเองมีความสุขอย่างนั้น
ก็จะเข้าใจว่าได้แค่นั้น

ทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็ตนเองรู้ เข้าใจบ่?
ร้อนมาก ร้อนน้อย ตนเองรู้
หนาวมาก หนาวน้อย ตนเองก็รู้เอง
เหมือนกันไหม ใครจะรู้เท่าตนเอง
หิวมากก็รู้จัก หิวน้อยก็รู้จัก
วิญญูชน รู้ได้เฉพาะตัวว่าเป็นอย่างไร
ก็เลยเข้าใจว่า ตนเองนี้ละได้หรือละไม่ได้
ต้องรู้จัก เรียกว่า คนมีสติปัญญารู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: ถาม - เมื่อพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว
ทำไม เช่น ในประวัติหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นได้เห็นพระอรหันต์ปรากฏขึ้นมา
และ ถ้าท่านได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ทำไมท่านจะปรากฏขึ้นมาได้
ทำไมพระพุทธเจ้าหรือครูบาอาจารย์ก็สอนไว้ว่าพระพุทธเจ้ายังมาช่วยสงเคราะห์เราได้
หรืออาจจะมีพระธาตุปรากฏขึ้นมาได้
ทำไมสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เมื่อพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว

:b42: พระอาจารย์เปลี่ยน - ดับแต่รูปร่างกาย ดับแต่ขันธ์ 5 นี่ ใจไม่ได้ดับ
เคยเห็นตัวปัญญาไหม เคยมีตัวมั๊ย ได้รู้แจ้ง เคยเห็นปัญญามันดับไหม
ไม่ มันดับแต่รูปร่างกาย ผู้ละขันธ์ 5 ได้ ผู้นั้นก็พ้นทุกข์
ถ้าเราพ้นทุกข์ก็ไม่มาเกิดอีกนั่นเอง เราไม่เกิดอีก เราก็ไม่ทุกข์นะ

ถ้าคนรู้ รู้แจ้งเห็นจริงก็ไม่มาเกิดอีก
เพราะเราเกิดมีตัว เราก็ทุกข์กันอยู่เดี๋ยวนี้
ถ้าไม่มีก็ไม่ทุกข์แล้ว ไม่เปลืองอะไรแล้วนี่
จิตใจที่พ้นทุกข์จริงๆนั้น เปรียบเทียบได้
ไม่ใช่อาตมาได้จริงๆนะ จะพูดให้ฟัง
ตัวที่พ้นทุกข์เรียกว่า ตัวปัญญา เรียกว่า จิตบริสุทธิ์
เมื่อมารู้แจ้งโลกแล้วก็ไม่ติดโลก ไม่ต้องเกิดกับใคร
เมื่อไม่เกิดกับใครก็ตัวปัญญานี้เอง
ก็คือ พ้นทุกข์ไม่เกิดอีก คนที่เกิดอีก ก็มาทุกข์อีกอยู่

เหตุฉะนั้น เรายังสงสัยอยู่ เราต้องปฏิบัติ
ปฏิบัติจนเข้าใจสติปัญญาจริงๆแล้วเป็นตัวอย่างไร อยู่อย่างไร
ขันธ์ 5 คืออะไร เข้าใจชัดเจนก่อน
เราวางขันธ์ 5 ได้ไหม วางรูปได้ไหม เวทนาได้ไหม สัญญาได้ไหม
สังขารได้ไหม ปรุงแต่งอยู่ไหม จิตใจ วิญญาณ
เครื่องหมายรู้ ลด ละ ปล่อย วางทิ้งลงหมดไหม
จะเข้าใจ เข้าใจขันธ์ 5 ที่ตัวรู้
แต่ว่าสมมุติตัวรู้ขึ้นมา ปัญญาวิชชาความรู้เป็นสมมุติออกมา
นิพพานจริงๆแล้วมันพ้นจากสมมุติ ไม่มีสมมุติ ลบสมมุติหมด
เราสมมุติขึ้นมานั้นเป็นสมมุติอยู่

เหตุฉะนั้นหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน
หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่สิม
หลวงปู่ตื้อ ฟังท่านเทศน์แล้วไม่มีเอวัง
เทศน์ไปๆแล้วท่านหลุดไปเลย
เพราะไม่มีอะไรสมมุติ ให้ถึงที่สุดแห่งความทุกข์
เหตุฉะนั้นที่เราปฏิบัติไม่ได้ เราก็ต้องสงสัยอยู่นั่นแหละ
ถ้าหายสงสัยมันคืออะไร ก็จะเข้าใจเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ผมมีครูบาอาจารย์เป้นที่พึ่งได้อีกคนแล้วครับ
สังฆังสรนังคัจฉามิ


๑.สุปฏิปันโน
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีคือ
๑.ปฏิบัติไม่ตามมัชฌิมาปฏิปทา อัน เป็นทางสายกลาง ไม่หย่อนนัก ไม่ตึงเครียดนัก
๒.ปฏิบัติไม่ถอยหลัง ปฏิบัติได้ดีเท่าเดิม หรือก้าวหน้าสูงขึ้นไป
๓.ปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า


๒.อุขุปฏิปันโน พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติตรง
คือ ๑. ไม่ปฏิบัติลวงโลก คือ ปฏิบัติต่อหน้าคนอย่างหนึ่ง ปฏิบัติลับหลังคนอีกอย่างหนึ่ง
๒. ไม่ปฏิบัติเพื่อโอ้อวด คือปฏิบัติเพื่อให้คนทั่วไปเห็นว่าตนปฏิบัติเคร่งครัดกว่าใคร ๆ
๓. ปฏิบัติตรงต่อพระพุทธเจ้า และพระสาวกด้วยกัน ไม่อำพรางความในใจ ไม่มีแง่งอน

๓.ญายปฏิปันโน
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติถูกทางคือ
๑.ปฏิบัติมุ่งธรรมเป็นใหญ่ ๒.ปฏิบัติถือความถูกต้องเป็นสำคัญ ๓.ปฏิบัติเพื่อความตรัสรู้


๔.สามีจิปฏิปันโน พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติสมควรคือ
๑. ปฏิบัติน่านับถือ สมควรได้รับความเคารพ
๒.ปฏิบัติชอบอย่างยิ่ง
๓.ปฏิบัติดีที่สุด

๕.อาหุเนยโย พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ควรแก่สิ่งของคำนับ
คือ ควร ได้รับสิ่งของที่เขานำมาถวาย เพราะท่านมีคุณสมบัติ ๔ ประการ
ดังกล่าวแล้วข้างต้นนั้น ด้วยว่าสิ่งที่เรียกว่าอาหุนะ เป็นของที่ท่านใช้บูชาคุณความดีของคน
เมื่อพระสงฆ์ประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นนั้น จึงควรแก่อาหุนะ คือสิ่งของคำนับ

๖.ปาหุเนยโย พระ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ
คือ ผู้ปฏิบัติงามเช่นนี้ เมื่อท่านไปในบ้านเมืองใด
ย่อมเป็นผู้สมควรแก่การต้อนรับเหมือนการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ พระสงฆ์อยู่ในฐานะนั้น

๗.ทักขิเณยโย พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ควรแก่ทักษิณา
ควรแก่สิ่งของทำบุญ คือ พระสงฆ์ผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์ตามที่ปรารถนา
แม้การอุทิศกุศลเพื่อผู้ตาย พระสงฆ์ก็จัดเป็นทักขิไณยบุคคล คือ ควรรับทักษิณาทานนั้น ๆ

๘.อัญชลีกรณีโย พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี
คือ พระสงฆ์เป็นผู้มีคุณความดีอยู่ในสันดาน ย่อมอยู่ในฐานะที่ใคร ๆ
ควรแสดงความเคารพด้วยการกราบไหว้ เพราะทำให้ผู้ไหว้มีความรู้สึกว่าตนได้ไหว้ผู้ที่มีคุณธรรม
สมควรแก่การไหว้ ทั้งเป็นการช่วยให้ผู้ไหว้เจริญด้วยพรทั้ง ๔ ประการ อันได้แก่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ด้วย

๙.อนุตตรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ พระ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นเนื้อนาบุญของโลก คือ พระสงฆ์เป็นผู้บริสุทธิ์
ทักษิณาที่บริจาคแก่พระสงฆ์ย่อมมีอานิสงส์มาก เปรียบเหมือนนามีดินดีและน้ำดำ
พืชที่หว่านไปย่อมให้ผลไพบูลย์ จึงเป็นที่บำเพ็ญบุญของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

http://www.kanlayanatam.com/sara/sara29.htm


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร