วันเวลาปัจจุบัน 30 พ.ค. 2025, 01:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 143 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กว่าพระศรีอารย์องค์จริงจะมา องค์ปลอมจะเกิดก่อนอ่ะครับ

ปัจจุบันนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่รู้ว่า สีอะไรต่อศรี ฯอะไรนักก็ไม่รู้ อ่านๆแล้วนึกขำอุจาระแตกอุจจาระแตน :b9: :b32:


:b2: :b2: :b2: :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q7a5.gif
q7a5.gif [ 72.74 KiB | เปิดดู 5479 ครั้ง ]
อาจารย์ Buddha ขอรับ เห็นท่านกล่าวว่า


อ้างคำพูด:
เรียนทุกท่านที่ติดตามเรียนรู้และศึกษาทำความเข้าใจ ในเรื่อง ของ "จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก"
เนื่องด้วยมีเหตุขัดข้องหลายประการ จึงยังไม่สามารถที่จะเผยแพร่ ในเรื่องของ " ฌาน, สติปัฏฐาน๔,กสิณ,อริยสัจ๔,ฯ"

เพราะติดที่ว่า ข้าพเจ้า เกรงไปว่า ถ้าฆราวาส รู้มาก รู้แจ้ง รู้จริง จนสามารถบรรลุโสดาบัน ได้ ก็อาจเป็นผลเสีย ต่อบรรดา
พระสงฆ์ ทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องหยุดไว้ก่อน

โอกาสต่อไป หากพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้น ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เรื่องของ "จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก" ดีแล้ว ข้พาเจ้าก็จะเขียนต่อจนจบ

ในที่นี้หมายความว่า หากพวกผู้ที่เกี่ยวข้อง กับ พุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็น สำนักพุทธศาสนา,
กระทรวงที่เกี่ยวข้อง, คณะสงฆ์ ไม่สนใจ ในหลักการ หรือหลักสูตร หรือ คำอธิบาย เกี่ยวกับ
"จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก ที่ข้าพเจ้า ได้เผยแพร่ไปแล้วบางส่วนนี้
ข้าพเจ้าก็จะเผยแพร่ทั้งหมด
และผู้ที่เกี่่ยวข้อง ในพุทธศาสนา ก็อย่ามากล่าวหาข้าพเจัาในทางที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่ได้นะขอรับ



viewtopic.php?f=1&t=26418&p=151217#p151217


ท่านปิดที่นั่น มา (เปิด)แสดงที่นี่เถอะขอรับ ให้โอกาสท่านเต็มเหนี่ยวเลย :b32:

มีอะไรอีกบ้างก็ว่ามา คายออกมาให้หมดเลยขอรับ กระทู้นี้ไม่มีขีดจำกัด เรื่องจิต เจตสิก รูป นิพพาน

ส่วนกรัชกายจะถอยออกไปยืนขอบสนาม ให้คุณศิริพงศ์ (เล่น)ไต่ถามสิ่งที่เขาสงสัยจากท่านให้กระจ่าง

ก่อน ท่านตอบคำถามเค้าได้ตามอัธยาศัยขอรับ :b1:



ว่าแต่ว่า ท่านจะไหวฤาขอรับ ดูๆเหมือนอ่อนระโหยโรยแรงลงทุกทีๆ เหมือนถอดใจแล้วนะขอรับ อิอิอิ

ถ้าเป็นไก่ชนก็เอาหัวซุกใต้ปีกแล้ว

ถ้าเป็นนักมวยก็ประมาณว่า เข้ากอดคุ่ต่อสู้ถ่วงเวลา ส่วนสายตาก็มองหน้าพี่เลี้ยง จริงไม่จริงขอรับ
:b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 พ.ย. 2009, 10:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า "กรัชกาย"เอ๋ย ปัญญาเจ้ามีเท่านั้นหรือ อ่านภาษาไทยแล้วไม่รู้เรื่อง หรือ ถามอะไรเจ้า เจ้าตอบไม่ได้ เอ้าถามใหม่ ถ้าไม่ตอบ จะไม่มาคุณกับเจ้าอีก
ถามว่า
"การก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด" มีวิธีการอย่างไร ทำไมต้องก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด"

ถ้าไม่รู้ ก็ตอบไม่รู้ อย่าทำตัวเป็น ....ตุ๊ด....(เซ้นเซอร์)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




bird02.gif
bird02.gif [ 18.04 KiB | เปิดดู 5423 ครั้ง ]
Buddha เขียน:
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า "กรัชกาย"เอ๋ย ปัญญาเจ้ามีเท่านั้นหรือ อ่านภาษาไทยแล้วไม่รู้เรื่อง หรือ ถามอะไรเจ้า เจ้าตอบไม่ได้ เอ้าถามใหม่ ถ้าไม่ตอบ จะไม่มาคุณกับเจ้าอีก
ถามว่า
"การก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด" มีวิธีการอย่างไร ทำไมต้องก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด"

ถ้าไม่รู้ ก็ตอบไม่รู้ อย่าทำตัวเป็น ....ตุ๊ด....(เซ้นเซอร์)



ไม่มาคุยกับกรัชกายได้ไงขอรับ กระทู้นี้ก็บอกอยู่โต้งๆว่า "สนทนาเรื่องจิต เจตสิก รูป นิพพาน กับ

อาจารย์ Buddha" ท่านไม่มาท่านก็เสียคนนะขอรับ



ปัญหาที่ท่านถามก็ตอบไปแล้วที่ผ่านมา ไม่เห็นหรอขอรับ หรืออ่านภาษาไทยไม่ออกหรืออย่างไร



ตอบใหม่นะขอรับ


ตอบเป็นวิภัชชวาทะ คือ แยกเป็นสองประเด็น

ประเด็นแรก ตอบว่าไม่รู้ ถึงรู้ก็ไม่ตอบ

ถามว่า ทำไม่ถึงไม่ตอบ

เพราะถึงตอบ ท่านก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ

เพราะอะไร ? ก็เพราะว่า แม้แต่รูปหรือรูปธรรม ท่านยังไม่รู้เลยนะขอรับ

แล้วจะรู้เรื่องอรูปอย่างไร ถูกไหมขอรับ ข้ามขั้น ท่านพึงไปทำความรู้เข้าใจเรื่องรูปก่อน

ตอบแล้วนะขอรับ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 พ.ย. 2009, 18:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอบอย่างเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ในทางพุทธศาสนาเรียก ตอบแบบ "ดิ้นได้ไม่ตายตัว"คือทำเป็นวางฟอร์ม ไม่รู้ก็บอกไม่รุ้ คือไม่รู้ อธิบายไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่รู้ ยังหน้าด้านกล่าวว่าคนอื่นไม่รู้
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปล่อยไห้ไม่รู้อยู่อย่างนั้น แหละ ปล่อยให้โง่งม หลงผิด อวดเก่ง มีทิฏฐิ มีมานะ อยู่อย่างนั้นแหละ

ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าพเจ้าก็จะไม่คุยกับเจ้าอีก ดีนะที่ตอบ ให้ตอบก็ต้องตอบ จะรู้หรือไม่รู้ก้ต้องตอบ ตอบไม่ได้ ก็ต้องบอกว่าตอบไม่ได้ ไม่สามารถตอบได้ ด้วยเหตุผลใดก็ต้องบอก

ไม่ใช่ทำเป็นวางฟอร์ม แล้วหาข้ออ้างว่า หากตอบไป ผู้อื่นก็ไม่เข้าใจ มันเป็นนิสัย ของพวกอลัชชี เดียรถึย์นอกศาสนาที่ไม่รุ้จริง ไม่รู้แจ้ง

ถ้าข้าพเจ้าไม่เสวนากับเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ข้าพจ้าไม่เสียหายดอกขอรับ แต่ถ้าเสวนากับเจ้ามากๆ ก็จะเสียหาย เพราะอาจเกิดปัญญาอ่อน ปัญญานิ่ม ตามเจ้าไปก็ได้ ฮาาาาาาาาาาาาาาา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามคุณbuddhaนะครับ ผมเองยังใหม่อยู่อยากรู้ว่า ที่กล่าวว่าท่านคือพระศรอริยนั้นหมายความว่าท่าน คงละเลิกกิเลสทุกอย่างได้แล้วใช่ไหมครับ หมายความว่าท่าน หมดความรู้สึกเรื่องยังว่าแล้วสินะ หมดโกรธ หมดโลภ หมดหลงแล้วใช่มั้ยครับ แล้วทำไมท่านไม่บวชเลยละครับหรือว่าท่านบวชอยู่ในขณะนี้ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหมครับ อยากรู้ครับเพื่อจะเป็นการดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อผมอาจจะบรรลุกับเขาบ้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00180.gif
00180.gif [ 97.18 KiB | เปิดดู 5382 ครั้ง ]
อาจารย์บุดฯ ขอรับ กระทู้ เรื่องจิ เจ รุ นิ จะจบลงยังไง ขอฟังความเห็นขอรับ ไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกัน

แล้ว อิอิอิ


http://www.imeem.com/vichisiri/music/nmpA1EGU//

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 พ.ย. 2009, 09:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
ขอถามคุณbuddhaนะครับ ผมเองยังใหม่อยู่อยากรู้ว่า ที่กล่าวว่าท่านคือพระศรอริยนั้นหมายความว่าท่าน คงละเลิกกิเลสทุกอย่างได้แล้วใช่ไหมครับ หมายความว่าท่าน หมดความรู้สึกเรื่องยังว่าแล้วสินะ หมดโกรธ หมดโลภ หมดหลงแล้วใช่มั้ยครับ แล้วทำไมท่านไม่บวชเลยละครับหรือว่าท่านบวชอยู่ในขณะนี้ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหมครับ อยากรู้ครับเพื่อจะเป็นการดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อผมอาจจะบรรลุกับเขาบ้าง


คุณขอรับ ข้าพเจ้าเคยบอกคุณไปครั้งหนึ่งแล้วว่า ตัวคุณ ได้รับการขัดเกลาทางด้านศาสนามาไม่ถูกต้อง คือ ได้รับการขัดเกลาจากผู้ที่ไม่รู้จริง รู้แจ้งอะไรเลย
คุณก็เลยคิดไป่ว่า ถ้ามนุษย์บรรลุธรรมต่างๆแล้ว จะละเลิกกิเลสทุกอย่างได้
ความคิดของคุณเป็นความคิดของคนที่มีความผิดปกติ เบี่ยงเบนจากหลักความเป็นจริงตามธรรมชาติ คุณก็เลยมีความคิดตามความเข้าใจที่คุณได้รับการขัดเกลามา คิดไปว่า ถ้าละเลิกกิเลสได้ ก็ย่อมหมดความรู้สึก คิดแต่จะหนีโลก หนีเข้าป่า น่าสงสารในความคิดของคุณยิ่งนัก

คุณอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้ว จดจำ คิดพิจาณาให้ดีนะขอรับ เพราะข้าพเจ้าจะย่อและย่อ ของการย่อความให้สั้นลง

มนุษย์ ล้วนมีพฤติกรรม ด้านต่างๆ เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติต่างๆ คือ ต้นตอ หรือแม่แบบ ของ หลักธรรม และหลักปฏิบัติ
การปฏิบัติธรรมตามหลักพุทธศาสนา คือการขจัด กำจัด ละ หรือสำรอก กิเลส และอาสวะแห่งกิเลส บุคคลผู้บรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันเป็นต้นไป จะ"รู้จักทำอาสวะให้สิ้น" ตามแต่ ญาณ หรือความรู้ที่มีอยู่ ที่เป็นเช่นนั้น ก็๋เพราะบรรดากิเลส ทั้งหลาย มีลักษณะ หรือสภาวะภาพ อยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้า บ้างก็ถูกเก็บไว้ในสมอง และส่วนอื่นๆของร่างกาย ดังนั้น หากบุคคลบรรลุธรรมตังแต่ชั้นโสดบันเป็นต้นไป ก็จะสามารถขับดัน หรือ ป้องกัน คลื่นแห่งกิเลส ทั้งหลาย ตามแต่ความรู้ที่มีอยู่ และตามแต่ความชำนาญในการฝึกตนของบุคคลนั้นๆ
ดังนั้น การบรรลุธรรม จึงไม่ใช่การละเลิก อย่างที่คุณได้รับการขัดเกลามา ที่เขาเขียนสอนไว้ว่า ละเลิกนั้น เป็นเพียงพฤติกรรมชั้นพื้นฐาน อันเป็นพฤติกรรมภายนอก อันเกี่ยวโยงหรือเกี่ยวข้องกับภายในอยู่บ้าง ซึ่งป็นการสอนสำหรับชั้นปุถุชนคนธรรมดา ฆราวาสทั่วไป ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงพระภิกษุ
เมื่อคุณอ่านที่ข้าพเจ้าอธิบายไปข้างต้นแล้ว
ก็จะตอบคำถามที่คุณถามว่า
แม้จะละเลิกกิเลสได้หมด ก็จะมีระบบการทำงานของร่างกายเหมือนเดิม เพราะการละเลิกกิเลสได้หมด ไม่เกี่ยวกับการทำงานของระบบร่างกาย (อันนี้ยังมีรายละเอียดอีกมาก เอาเป็นว่า ไม่เกี่ยวกับการทำงานตามปกติของร่างกาย) นั่นก็หมายความว่า คุณย่อมมีความรู้สึก นึกคิด มีอารมณ์ มีความรู้สึก รับรู้เป็นปกติ เพราะคุณไม่ได้เป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต นี้ในแง่ของบุคคลธรรมดาทั่วไป ถ้าเป็นในแง่ของระดับพระอริยบุคคล เขาไม่เรียกว่า ละเลิกกิเลส แต่เรียกว่า "รู้จักขจัดอาสวะให้สิ้น" หรือ รู้จักทำอาสวะให้สิ้น ขณะ ที่ทำอาสวะให้สิ้น ก็จะเกิด ฉัพพรรณรังสี เพราะคลื่นแห่งกิเลสทึังหลายเป็นคลื่อนไฟฟ้า เวลาขจัดออกมา ก็จะปรากฎเป้นแสงสีแตกต่างกันไป ตามคลื่นแห่งกิเลสนั้นๆ
ส่วนเรื่องที่คุณแนนำให้ข้าพเจ้าไปบวช ข้าพเจ้าบวชเรียนมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบวชอีก เอาแค่นี้ ไม่เขียนอีกเพราะอาจทำให้พระสงฆ์เสียหาย


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 10 พ.ย. 2009, 13:45, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณbuddha ผมเข้าใจครับว่าการบรรลุธรรมระดับเป็นพระศรอริยนั้นน่าจะไปทำอะไรที่เป็รประโยชน์น่าเคารพนับถือกว่าการที่จะมาทำอาชีพทางโลก ให้คนเขาเข้าใจผิดนะครับยังไงแล้วหมดกิเลสแล้ว น่าจะไปบวชเพื่อให้เกิดการศรัทราที่ตรงต่อความน่าเชื่อถือ พระพุทธองค์และสาวกทั้งหลายที่บรรลุอรหันต์ก็บวชกันหมดไม่ใช่หรือ หรือว่าตรงนี้คุณก็คัดค้าน ถ้าคุณบรรลุเพียงโสดาบันก็อาจจะทำงานทางโลกต่อก็น่าจะยังพอทำความเข้าใจได้ แต่บรรลุธรรมชั้นสูงสุดทางโลกมันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ ไปสร้างความศรัทราให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษย์ชาติน่าจะเป็นการดีกว่านะครับ ผมและทุกท่านจะได้กราบได้สนิทใจเพราะเพศบรรพชิตนั้นเป็นเพศที่น่าเคารพนับถือยิ่ง คุณธรรมสูงสุดอย่างท่านน่าจะเกิดพลังแห่งการสร้างความศรัทราได้สูงสุด ธรรมะจะได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป


แก้ไขล่าสุดโดย ศิริพงศ์ เมื่อ 10 พ.ย. 2009, 18:54, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาระนิพพาน สั้นๆ

ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ เรียกว่านิพพาน

(สํ.สฬ.18/497/310; 513/321)

ความบำราศราคะ ความบำราศโทสะ ความบำราศโมหะ นี้เป็นชื่อของนิพพานธาตุ

(สํ.ม.19/31/10)


(เพื่อให้เห็นการดำเนินชีวิตของท่านเหล่านั้นชัดขึ้น)

“พระพุทธเจ้า...ทรงดำรงอยู่ในสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ จักยังอัตภาพให้เป็นไป

(ทรงดำเนินพระชนม์ชีพ) เพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย

คือจักทรงอยู่ด้วยทิฏฐธรรมสุขวิหาร จนกว่าจะทรงบรรลุอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ”

(วิสุทธิ.ฎีกา 3/317)

พระอรหันต์ทั้งหลาย ดับไฟราคะ เป็นต้น หมดสิ้น ด้วยอรหัตมรรคแล้ว

ดำรงอยู่ในสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ มีปัญญา...ไม่เฉื่อยชา ทั้งคืนวัน
...

เพราะจริมจิตดับไป ย่อมปรินิพพานไม่มีเหลือ ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ”

(อิติ.อ.389)

“เพราะหมดนันทิ (=ตัณหา) จึงเป็นสอุปาทิเสส และเพราะหมดภพ จึงเป็นอนุปาทิเสส”

(สุตฺต.อ.295)



:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

อิติ.อ.215 ว่าโดยความหมายสูงสุด หรือ ความหมายที่แท้จริง (ว่าโดยปรมัตถ์)

นิพพานไม่มีการแบ่งประเภท แต่ที่แบ่งเป็นสองนั้น เป็นการแบ่งโดยปริยายเท่านั้น


ศึกษาคำว่า นิพพาน ที่ท่านแบ่ง่เป็นสองประเภทลิงค์นี้


viewtopic.php?f=2&t=18339&p=82856#p82856

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 พ.ย. 2009, 21:14, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปัญหาที่ท่านถามก็ตอบไปแล้วที่ผ่านมา ไม่เห็นหรอขอรับ หรืออ่านภาษาไทยไม่ออกหรืออย่างไร



ตอบใหม่นะขอรับ


ตอบเป็นวิภัชชวาทะ คือ แยกเป็นสองประเด็น

ประเด็นแรก ตอบว่าไม่รู้ ถึงรู้ก็ไม่ตอบ

ถามว่า ทำไม่ถึงไม่ตอบ

เพราะถึงตอบ ท่านก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ

เพราะอะไร ? ก็เพราะว่า แม้แต่รูปหรือรูปธรรม ท่านยังไม่รู้เลยนะขอรับ

แล้วจะรู้เรื่องอรูปอย่างไร ถูกไหมขอรับ ข้ามขั้น ท่านพึงไปทำความรู้เข้าใจเรื่องรูปก่อน

ตอบแล้วนะขอรับ

:b6: :b6: :b6:

Buddha เขียน:
ตอบอย่างเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ในทางพุทธศาสนาเรียก ตอบแบบ "ดิ้นได้ไม่ตายตัว"คือทำเป็นวางฟอร์ม ไม่รู้ก็บอกไม่รุ้ คือไม่รู้ อธิบายไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่รู้ ยังหน้าด้านกล่าวว่าคนอื่นไม่รู้
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปล่อยไห้ไม่รู้อยู่อย่างนั้น แหละ ปล่อยให้โง่งม หลงผิด อวดเก่ง มีทิฏฐิ มีมานะ อยู่อย่างนั้นแหละ
ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าพเจ้าก็จะไม่คุยกับเจ้าอีก ดีนะที่ตอบ ให้ตอบก็ต้องตอบ จะรู้หรือไม่รู้ก้ต้องตอบ ตอบไม่ได้ ก็ต้องบอกว่าตอบไม่ได้ ไม่สามารถตอบได้ ด้วยเหตุผลใดก็ต้องบอก

ไม่ใช่ทำเป็นวางฟอร์ม แล้วหาข้ออ้างว่า หากตอบไป ผู้อื่นก็ไม่เข้าใจ มันเป็นนิสัย ของพวกอลัชชี เดียรถึย์นอกศาสนาที่ไม่รุ้จริง ไม่รู้แจ้ง

ถ้าข้าพเจ้าไม่เสวนากับเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ข้าพจ้าไม่เสียหายดอกขอรับ แต่ถ้าเสวนากับเจ้ามากๆ ก็จะเสียหาย เพราะอาจเกิดปัญญาอ่อน ปัญญานิ่ม ตามเจ้าไปก็ได้ ฮาาาาาาาาาาาาาาา

:b6: :b6: :b6:

ท่านBuddha ครับ ท่านกรัชกายก็ตอบให้แล้วไงครับ "ตอบว่าไม่รู้"
แล้วทำไมจึงจะไม่สนทนาต่อล่ะครับ :b10: :b10:
สนทนาต่อเถอะครับ :b20: :b20:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ท่าน Buddha ครับ ท่านกรัชกายก็ตอบให้แล้วไงครับ "ตอบว่าไม่รู้"
แล้วทำไมจึงจะไม่สนทนาต่อล่ะครับ
สนทนาต่อเถอะครับ



จะบอกอะไรให้ท่านประธาน

ที่อาจารย์ Buddha ไม่สนทนากับกรัชกายก็เพราะตอบว่า "ไม่รู้" นี่แหละครับ :b32:

ขออนุญาตโม้สักทีเถอะขอรับ :b32:

ในบอร์ดนี้ อาจารย์บุดฯ หวาดสะดุ้งกรัชกายผู้เดียว นี่คงหนีไปเข้าสมาบัดรักษาบาดแผลอยู่กระมัง :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเช่นนั้นจริงหรือ :b10: :b10:

ถ้างั้นก็น่าเสียดายครับ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
ตอบคุณbuddha ผมเข้าใจครับว่าการบรรลุธรรมระดับเป็นพระศรอริยนั้นน่าจะไปทำอะไรที่เป็รประโยชน์น่าเคารพนับถือกว่าการที่จะมาทำอาชีพทางโลก ให้คนเขาเข้าใจผิดนะครับยังไงแล้วหมดกิเลสแล้ว น่าจะไปบวชเพื่อให้เกิดการศรัทราที่ตรงต่อความน่าเชื่อถือ พระพุทธองค์และสาวกทั้งหลายที่บรรลุอรหันต์ก็บวชกันหมดไม่ใช่หรือ หรือว่าตรงนี้คุณก็คัดค้าน ถ้าคุณบรรลุเพียงโสดาบันก็อาจจะทำงานทางโลกต่อก็น่าจะยังพอทำความเข้าใจได้ แต่บรรลุธรรมชั้นสูงสุดทางโลกมันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ ไปสร้างความศรัทราให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษย์ชาติน่าจะเป็นการดีกว่านะครับ ผมและทุกท่านจะได้กราบได้สนิทใจเพราะเพศบรรพชิตนั้นเป็นเพศที่น่าเคารพนับถือยิ่ง คุณธรรมสูงสุดอย่างท่านน่าจะเกิดพลังแห่งการสร้างความศรัทราได้สูงสุด ธรรมะจะได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป


คุณผู้หลงผิดขอรับ อาชีพอะไรบ้างที่คุณคิดว่าเป็นอาชีพทางโลกบ้าง คุณน่าจะมีสมองสติปัญญาที่ไม่เข้าข้างความคิดของตัวคุณนะขอรับ คุณไปคิดให้ดีเถอะขอรับ เรื่องการบวชไม่ต้องพูดถึงเลยขอรับไม่อยากเขียนให้มากความ
อีกประการหนึ่ง คุณลองบอกมาซิขอรับ ข้าพเจ้าทำให้ใครหลงผิดขอรับ หลงผิดเรื่องอะไรขอรับ คุณไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของกิเลส ไม่มีความรู้ในเรื่องของศาสนา คุณไปเรียนรู้มาจากใครขอรับที่ว่า ถ้าจะตัดกิเลสต้องไปบวชอย่างเดียว หรือถ้าบรรลุธรรมชั้นสูงสุดได้ ต้องไปบวช อะไรที่คุณคิดว่าไม่มีประโยชน์
การจะสร้างศรัทธาให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษยฺ์ ข้าพเจ้าก็กำลังทำอยู่ ตามแต่จังหวะเวลาและโอกาส คุณเป็นใครถึงได้อวดรู้ สาระแน ว่า ถ้าข้าพจ้าบรรลุธรรมสูงสุดจริง ควรจะบวช คุณคิดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร กัน คุณคิดว่าข้าพเจ้าคือพระสมณโคดม อย่างนั้นหรือ ปํญญานิ่ม แล้วยังอวดฉลาดกระมั้งคุณ อิ อิ อิ

ศาสนาไม่สอนคนให้หนีโลก หนีปัญหา แต่สอนให้คนสร้างโลก ทำตัวให้มีประโยชน์ต่อตนเอง ฯลฯ ศาสนาพุทธสมณโคดม สอนให้พระสงฆ์ผู้ศรัทธาบวชให้รู้จักทุกข์ ฯลฯ
ข้าพเจ้า ศรีอารย์ มีหน้าที่แก้ไขศาสนาทุกศาสนา ไม่มีหน้าที่สร้างศรัทธาให้เกิดกับตัวข้าพเจ้า ใครจะศรัทธา หรือไม่ศรัทธา กราบหรือไม่กราบ ไม่เกี่ยวกับข้าพเจ้า การได้รับการกราบไหว้ของพวกคุณ มันจะทำให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นได้หรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า กิเลส เลยละคุณ
อนึ่ง การบรรลุธรรมชั้นใดใด ก็สามารถประกอบอาชีพใดใดได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องบวช ใครอยากบวช เพื่อสืบต่อพุทธศาสนา ก็บวชได้ ไม่มีใครห้าม เพราะมีมานาน ไม่ใช่เรื่องที่ข้พเจ้าจะต้องมาแก้ไข ข้าพเจ้แก้ไขเฉพาะส่วนที่เป็นหลักธรรม และให้ความรู้ความเข้าใจเท่าที่จะทำได้

นี้แหละคุณผู้หลงผิดได้รับการขัดเกลามาผิดๆ ก็เลยเกิดความคิดที่ผิดๆที่ใช้ชื่อว่า ศิริพงศ์ (ความจริงใช้หลายชื่อ) จงทำความเข้าใจไว้ ข้าพเจ้าบรรลุธรรมชั้นสูงได้จริง ข้าพเจ้าจะประกอบอาชีพใดก็ได้ทั้งนั้น ถ้ามีความรู้ มีทุนทรัพย์ ไม่มีคำว่าทางโลก ทางธรรม เพราะทุกอย่าง อยู่ในโลกทั้งนั้น มีแต่หลักธรรม อันเป็นธรรมชาติของโลก คุณจะต้องให้ข้าพเจ้าบอกคุณไหมว่า อาชีพในโลกนี้มีอะไรบ้าง อิ อิ อิ อิ อิ


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 11 พ.ย. 2009, 20:14, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณbuddha การบรรลธรรมนั้นเป็นจริงอย่างที่คุณพูดนะถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องบวชธรรมะเป็นธรรมชาติไม่มีกฎอะไรที่จะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้แต่พระสมณโคดมท่านมีความฉลาดเหนือมนุษย์เหนือเทวดาทั้งหลาย ท่านสร้างอาชีพที่ทำให้มนุษย์ทุกเหล่าต้องเคารพนับถือคือนักบวช แต่ท่านอ้างตัวว่าเป็นพระศรีอริยยังไม่เข้าใจเลยว่าการบวชเป็นอย่างไร แล้วท่านจะสั่งสอนศาสนาให้แก่มวลมนุษย์ชาติให้เจริญได้อย่างไร จริงแล้วการจะบวชหรือไม่บวชนั้นมันขึ้นอยู่กับโอกาสจริงก็ตาม การบวชอาจจะไม่ใช่เครืองหมายแห่งการบรรลุธรรมก็จริง แต่เป็นการเอื้อและส่งเสริมพุทธศาสนาที่ท่านดำรงอยู่และได้เรียนรู้ในธรรม ศิริพงศ์อาจจะมีกิเลสมันสมองน้อยนิดอยู่แต่ก็รักในศาสนาไม่แพ้ใครผมพร้อมที่จะโต้ตอบหรือปกป้อง อาชีพนักบวชเป็นอาชีพที่ดีที่สุดทำมัยท่านเป็นถึงพระศรีอริยไม่แนะนำหรือเป็นตัวอย่างและครับ
และตราบใดท่านไม่สามารถสร้างความศรัทธาท่านจะประกาศศาสนาหรือแก้หลักธรรมให้คนเข้าใจและทำตามได้อย่างไร แค่นี้ท่านยังไม่เข้าใจเลย


แก้ไขล่าสุดโดย ศิริพงศ์ เมื่อ 11 พ.ย. 2009, 21:04, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 143 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร