วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 10:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 143 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


natdanai เขียน:
:b14: :b14: :b14:
ท่านกรัชกาย...โยนลูกนี้สวยมากครับ smiley สายตาดีจริงๆเลย... :b13:
เพื่อนเติมเกมส์รุกทางริมเส้นปุ๊บ....ก็โยนให้ปั๊ปเลย :b32: :b32:

แต่แหม...ท่านBuddha...แนวรับก็มาสกัดทันทีเหมือนกันนะครับ :b32: :b32:

คู่นี้นี่มันส์เหมือนศึกวันแดงเดือดเลย :b9: :b9:


ตกลงนี่รายการ...บอล
หรือ...มวย....หรือ...ม๊อบ...ค่ะคุณnatdanai :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 02 พ.ย. 2009, 02:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ตกลงนี่รายการ...บอล
หรือ...มวย....หรือ...ม๊อบ...ค่ะคุณnatdanai :b32:

เป็นได้ทุกอย่างเลยครับ...แล้วแต่จะพิจารณา :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q11a5.gif
q11a5.gif [ 47.05 KiB | เปิดดู 5159 ครั้ง ]
natdanai เขียน:
taktay เขียน:
ตกลงนี่รายการ...บอล
หรือ...มวย....หรือ...ม๊อบ...ค่ะคุณnatdanai

เป็นได้ทุกอย่างเลยครับ...แล้วแต่จะพิจารณา



ท่านประธาน ในสายตาของผู้เล่นเอง มองเป็นโจ๊ก

หมายความว่า ท่านอาจารย์บุดฯ เป็นโจ๊กไปแล้ว พูดตามภาษาของกิน :b1:

ถ้าพูดภาษานักมวยก็ว่า ท่านบุดฯ เป็นมวยทะเล มวยภูธร

ส่วนกรัชกายเป็นนักมวยเกรดเอแล้ว เข้ามาต่อยในเมืองหลวงแล้ว :b9:

หากพูดแบบภาษาชาวฟ้า กรัชกายเหมือนเทวดาขี่ก้อนเมฆรบ

ส่วนท่านอาจารย์บุดฯ เป็นชาวดินขี่รถไถนาทำศึก

แล้วจะสู้กันได้อย่างไรมันคนละชั้นกัน :b9: :b32:

จริงไม่จริงอาจารย์ Buddha

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 02 พ.ย. 2009, 10:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ

ทุกคน

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สุนัข...มันย่อมยกหางมันฉันใด
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ก็ยกหาง(ตน) ฉันนั้น.....อิ อิ อิ

ถามเจ้ากรัชกาย สองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้รับคำตอบ แล้วยังมีหน้าทำมาเป็นคุย .........
" การก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ" มีวิธีการก้าวล่วงอย่างไร ตอบมาซิ เจ้าหนูน้อย....ผู้ใฃ้ชื่อว่า กรัชกาย


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 02 พ.ย. 2009, 14:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

ขอมีส่วนร่วมหาคำตอบ...เพราะศึกษามาบ้างเจ้าค่ะ


นิพพานัง ปรมังสุขัง...นิพพานังปรมัง สูญญัง...ถ้าถึงได้แล้วนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งเพราะถึงเมืองพอ...


นิพพาน มาจาก
นิ อุปสรรค
(แปลว่า ออกไป หมดไป ไม่มี เลิก)
+
วาน (แปลว่า พัด ไป หรือ เป็นไปบ้าง เครื่องร้อยรัดบ้าง)
ใช้เป็นกิริยาของไฟ หรือการดับไฟหรือของที่ร้อนเพราะๆไฟ
แปลว่า ดับไฟ หรือดับร้อน หมายถึง หายร้อน เย็นลง หรือเย็นสนิท(แต่ไม่ดับสูญ)
แสดงภาวะทางจิต หมายถึง เย็นใจ สดชื่น ชุ่มชื่นใจ ดับความร้อนใจ
หายร้อนรน ไม่มีความกระวนกระวาย หรือแปลว่า เป็นเครื่องดับกิเลส คือ
ทำให้ราคะ โทสะ โมหะหมดสิ้นไป


ในคัมภีร์รุ่นรองและอรรถาฎีกาส่วนมากนิยมแปลว่า
ไม่มีตัณหาเครื่องร้อยรัดหรือออกไปแล้วจากตัณหาที่เป็นเครื่องร้อยติดไว้กับภพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
ยังงงอยู่เลยพระศรีอริยะที่จะตรัสรู้นั้นกำลังบำเพ็ญเพรียรเพื่อจะบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะประจักพระนิพพานในขณะนี้ได้อย่างไรมันขัดกับ พระไตรปิฏกนะงงจัง แต่ถ้าเป็นโพธิสัตว์ก็โอเคนะ


มันขัดกับพระไตรปิฎกอย่างไรหรือขอรับ พระไตรปิฎก เขียนไว้กี่พันปีแล้ว และภาษาที่เขียน วัฒนธรรมจารีตประเพณี สภาพสิ่งแวดล้อม ในยุคนั้น กับยุคนี้ เหมือนกันหรือไม่ขอรับ สภาพจิตใจของคนในสมัยนั้น กับ สภาพจิตใจของคนในสมัยปัจจุบันเหมือนกันหรือไม่ ถ้าไม่เหมือนกัน
ก็ไม่ขัดกับอะไรทั้งสิ้นขอรับ ที่ไม่ขัดเพราะต้องเป็นไปตามยุคสมัย ก็เท่านั้น มีสมองก็ใช้สมองคิด ให้เป็นไปตามหลักความจริง ก็รู้จริงแหละน่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue

ขอมีส่วนร่วมหาคำตอบ...เพราะศึกษามาบ้างเจ้าค่ะ


นิพพานัง ปรมังสุขัง...นิพพานังปรมัง สูญญัง...ถ้าถึงได้แล้วนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งเพราะถึงเมืองพอ...


นิพพาน มาจาก
นิ อุปสรรค
(แปลว่า ออกไป หมดไป ไม่มี เลิก)
+
วาน (แปลว่า พัด ไป หรือ เป็นไปบ้าง เครื่องร้อยรัดบ้าง)
ใช้เป็นกิริยาของไฟ หรือการดับไฟหรือของที่ร้อนเพราะๆไฟ
แปลว่า ดับไฟ หรือดับร้อน หมายถึง หายร้อน เย็นลง หรือเย็นสนิท(แต่ไม่ดับสูญ)
แสดงภาวะทางจิต หมายถึง เย็นใจ สดชื่น ชุ่มชื่นใจ ดับความร้อนใจ
หายร้อนรน ไม่มีความกระวนกระวาย หรือแปลว่า เป็นเครื่องดับกิเลส คือ
ทำให้ราคะ โทสะ โมหะหมดสิ้นไป


ในคัมภีร์รุ่นรองและอรรถาฎีกาส่วนมากนิยมแปลว่า
ไม่มีตัณหาเครื่องร้อยรัดหรือออกไปแล้วจากตัณหาที่เป็นเครื่องร้อยติดไว้กับภพ


เขียนได้ขอรับ จะเขียนอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
แต่ไม่มีใครรุ้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครประสบพบว่า "นิพพาน"ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ยกเว้นข้าพเจ้า อิ อิ อิ อิ เรื่องจริงนะขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
การแบ่งประเภทของนิพพาน
นิพพานธาตุ 2 ตามคัมภีร์อิติวุตตกะ ได้แก่

1) สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
นิพพานธาตุมีอุปาทิเหลือหรือนิพพานยังมีเชื้อ

2) อนุปาทิเสสนิพพาน
นิพพานธาตุไม่มีอุปาทิเหลือหรือนิพพานไม่เหลือเชื้อ

อุปาทิ=สภาพที่ถูกกรรมกิเลสถือครองหรือสภาพที่ถูกอุปาทานยึดไว้มั่น หมายถึง
เบญจขันธ์(ขันธ์ 5)

เมื่อถือความตามคำอธิบายนี้ จึงได้ความหมายว่า

1) สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ได้แก่
นิพพานยังมีเบญจขันธ์เหลือ หรือ นิพพานที่ยังเกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์

หมายถึงดับกิเลส=นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่

2) อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ได้แก่
นิพพานไม่มีเบญจขันธ์เหลือ หรือ นิพพานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์

นิพพานของพระอรหันต์เมื่อสิ้นชีวิต=ปรินิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิพพานธาตุ

ก.พระเสขะ(ผู้ยังต้องศึกษา) หรือสอุปาทิเสสบุคคล(ผู้ยังมีเชื้อคืออุปาทานเหลืออยู่) คือ ทักขิไณยบุคคล 7 ใน 8 ได้แก่
1.พระโสดาปัตติมรรค 2.พระโสดาปัตติผล 3.พระสกิทาคามิมรรค 4.พระสกิทาคามิผล
5.พระอนาคามิมรรค 6.พระอนาคามิผล 7.พระอรหัตตมรรค


ข. พระอเสขะ (ผู้ไม่ต้องศึกษา) หรือสอุปาทิเสสบุคคล(ผู้ไม่มีเชื้อคืออุปาทานเหลืออยู่เลย)
คือ พระอรหันต์(8.พระอรหัตตผล) ผู้ควรแก่การรับทักขิณาหรือการบูชาพิเศษ

สั้นๆพอเข้าใจ... :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

...ลองนำวิธีนี้ไปใช้นะเจ้าคะ...เผื่อจะถูกจริตกับการปฏิบัติธรรม...ของใครหลายๆคน...

ท่องในใจหรือออกเสียงก็ได้...เป็นการใช้หลักสติปัฏฐานสี่...คิดพิจารณาไปด้วยนะเจ้าคะ...

ไม่สงวนลิขสิทธิ์ของท่านพระครูพิศาลวิริยคุณ...อ.บ้านเชียง/อุดรธานี

...(ยืน เดิน นั่ง นอน หมุน(กลับตัวจงกรม))...อยู่นี่คือกาย

...สุข...ทุกข์...คือเวทนา...

...ความรู้สึกนึกคิดคือจิต...

...สิ่งที่กำหนดรู้คือสติ...

...กิเลสที่เกิดคืออกุศลธรรมและนิวรณ์ธรรม...

...ตัวเราของเราไม่มี...


...ขออนุโมทนาสาธุกับผู้ที่จะนำไปใช้ทุกท่าน...นะเจ้าคะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ขาดไป1บรรทัด เพิ่มเข้าไปก่อนบรรทัดสุดท้าย

...สิ่งที่พิจารณาเห็นอยู่คือปัญญา...

...ตัวเราของเราไม่มี...

...ขออนุโมทนาสาธุกับผู้ที่จะนำไปใช้ทุกท่าน...นะเจ้าคะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7516

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
แก้คำผิด
ข้อข. พระอเสขะ (ผู้ไม่ต้องศึกษา)
หรือสอุปาทิเสสบุคคล(ผู้ไม่มีเชื้อคืออุปาทานเหลืออยู่เลย)
แก้เป็น
[color=#FF00FF]หรืออนุปาทิเสสนิพพาน(ผู้ไม่มีเชื้อคืออุปาทานเหลืออยู่เลย)[/color]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




P8450250-6.gif
P8450250-6.gif [ 130.68 KiB | เปิดดู 5123 ครั้ง ]
Buddha เขียน:
สุนัข...มันย่อมยกหางมันฉันใด
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ก็ยกหาง(ตน) ฉันนั้น.....อิ อิ อิ

ถามเจ้ากรัชกาย สองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้รับคำตอบ แล้วยังมีหน้าทำมาเป็นคุย .........
" การก้าวล่วง อากาศไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ" มีวิธีการก้าวล่วงอย่างไร ตอบมาซิ เจ้าหนูน้อย....ผู้ใฃ้ชื่อว่า กรัชกาย




ก่อนหน้าให้ท่านพิจารณาข้อความนี้=>


อ้างคำพูด:
เมื่อคืนก่อน นอนสมาธิเอา เรานอนนึกถึงภาพของพระพุทธชินราช เอาจิตจับภาพท่าน

เป็นสีทององค์ใหญ่ แจ่มใสมาก เราก็จับภาพท่านไปเรื่อยๆ

สักพัก ก็นึกว่า อยากไปไหว้ท่าน ก็เห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ในโบสถ์อยู่คนเดียวหน้าท่าน

เราก็นึกว่า อยากกราบท่าน นั่งสมาธิต่อหน้าท่าน ก็เห็นภาพตัวเองกราบท่านสามที

แล้วก็นั่งสมาธิต่อหน้าท่าน


เห็นๆอยู่ท่านยังไม่รู้ไม่เข้าใจ แล้วจะบีบให้กรัชกายพูดสิ่งที่ท่านถามซึ่งเป็นอรูป

อย่าว่าแต่สองอาทิตย์เลยขอรับ สองปีก็ไม่ตอบ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
ยังงงอยู่เลยพระศรีอริยะที่จะตรัสรู้นั้นกำลังบำเพ็ญเพรียรเพื่อจะบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะประจักพระนิพพานในขณะนี้ได้อย่างไรมันขัดกับ พระไตรปิฏกนะงงจัง แต่ถ้าเป็นโพธิสัตว์ก็โอเคนะ


มันขัดกับพระไตรปิฎกอย่างไรหรือขอรับ พระไตรปิฎก เขียนไว้กี่พันปีแล้ว และภาษาที่เขียน วัฒนธรรมจารีตประเพณี สภาพสิ่งแวดล้อม ในยุคนั้น กับยุคนี้ เหมือนกันหรือไม่ขอรับ สภาพจิตใจของคนในสมัยนั้น กับ สภาพจิตใจของคนในสมัยปัจจุบันเหมือนกันหรือไม่ ถ้าไม่เหมือนกัน
ก็ไม่ขัดกับอะไรทั้งสิ้นขอรับ ที่ไม่ขัดเพราะต้องเป็นไปตามยุคสมัย ก็เท่านั้น มีสมองก็ใช้สมองคิด ให้เป็นไปตามหลักความจริง ก็รู้จริงแหละน่า



ขึ้นชื่อว่าคนแล้วล่ะก็ อาจารย์บุดฯ ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีกิเลสตัณหาอุปาทานด้วย

กันทั้งนั้นแหละขอรับ
:b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 143 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร