วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 22  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 03:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




242885nqvkan2byv.gif
242885nqvkan2byv.gif [ 115.48 KiB | เปิดดู 5352 ครั้ง ]
สายน้ำ.. การเดินทางที่ไม่สิ้นสุด
กระแสธาร สายน้ำ เยือกเย็นใส ไหลจากไหน อย่างไร ที่ใดนั้น
ไหลรินผ่าน แนวหิน ที่สูงชัน กระแทกกระทั้น แตกฝอย ละอองเย็น..

สายน้ำไหล ตกจากผา กระทบหิน หลั่งไหลริน กระเซ็นซ่าน ได้แลเห็น
กระทุ้งฝั่ง น้ำกระเพื่อม สาดกระเซ็น น้ำใสเย็น แลเห็น หอยปูปลา..

ดูใต้น้ำ หินหลากสี แลดูสวย มีแนวกล้วย ต้นอ้อ พันธุ์พฤกษา
เป็นสายน้ำ สายชีวิต ช่วยหล่อเลี้ยง ให้ชื่นบาน..

ยามแดดอ่อน สาดแสงทอ ล้อผิวน้ำ ช่างงามล้ำ ระยิบยับ ดุจทิพย์สถาน
มีโขดหิน แซมต้นหญ้า สวยตระการ..

สุขสำราญยลสายน้ำแห่งชีวี สายน้ำใส เปลี่ยนไป สีมั่วหมอง
ถูกครอบครองสนองใช้จนหมองสี โอ้! สายน้ำ ถูกป่นเปื้อน เขาย่ำยี
สายนทีเคยมีค่าหมดสิ้นไป..

มองสายน้ำไหลผ่านสู่ปลายทาง ใจโอดคราง หาใช่ สิ้นสุดไม่
เพราะสายน้ำถูกเผ่าผลาญแห้งเหือดไป กลายเป็นไอลอยสู่ฟ้าไปตามลม..

จากสายน้ำแปรเปลี่ยนเป็นเมฆขาว สูงดั่งดาว พราวบนฟ้า น่าสุขสม
และวันหนึ่งลอยต่ำตามสายลม เย็นผสม กลั่นตัวเป็น หยาดฝนพร่ำ..

จากสายฝน หล่นจากฟ้า มาสู่ดินไหลระริน สู่สายธาร เป็นสายน้ำ
ดูวงเวียน เปลี่ยนไป ดุจกงกรรม นี้คือธรรม วงเวียนแห่งชีวิต ทุกสิ่งเอย.


http://www.youtube.com/watch?v=63-Pyk2mX3c
ดาวใจใน..สายน้ำ...

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 04 ก.ย. 2009, 03:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




9.bmp
9.bmp [ 167.33 KiB | เปิดดู 5510 ครั้ง ]

และนี่คือเสียง เสียงเพลงที่มาจากใจ

เธอจะอยู่ที่ไหน ขอจงได้รับ... รู้

หากเธอมีทุกข์ ร้อนใจตอนที่ฉันไม่อยู่

อยากให้เธอรู้ ว่ายังมีฉันยืนอยู่ข้างเธอ

จะยืนอยู่ตรงนี้ จะรอเธอตรงนี้ เพื่อเธอคนเดียว

ไม่ว่าทางจะคดเคี้ยว ทางจะลดเลี้ยวเท่าไร

จะนานสักเพียงไหน ยาวนานสักเพียงไหน

จะนาน นานเท่าไหร่ ยังคงเก็บเธอไว้

จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ

อยู่ในใจเสมอ ๆ ๆ ๆ


http://www.youtube.com/watch?v=8wfl6d-Q ... re=related

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1220405295.jpg
1220405295.jpg [ 111.52 KiB | เปิดดู 5277 ครั้ง ]
อยู่คนเดียวที่ไร....โดนความเหงาๆทำร้ายตัวเองทุกที่...ซิน่า ยิ้มหวาน

บางครั้งบางคราว...อะไรก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดซะทุกอย่าง

และบางที...เราอาจจะเจอกับเรื่องที่ไม่ถูกใจ...ไม่เข้าใจ...และสงสัย

แต่ตราบใด...ที่เรายังมีสังคม เรื่องแบบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำ

แต่ละคน...มาจากคนละที่ จะคิดจะทำ ความคิดย่อมแตกต่างกันไป

บางครั้ง...ใครบางคน...ก็อาจจะเข้าใจคุณผิดไป หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำเลย

แต่บางที...เราเองก็ต้องปล่อยวาง...อย่าได้ใส่ใจมากนัก...

เพราะบ่อยครั้ง...ที่เราไม่สามารถทำให้ใคร...มาเข้าใจเราได้ทุกเรื่อง

แต่หากว่า...ใครคนนั้น...เตือนคุณด้วยความหวังดี ก็รับฟังด้วยความเต็มใจ

แต่อย่าได้คาดหวัง...ว่าเขาเองจะเข้าใจคุณไปทุกอย่าง....

บางสิ่ง....บางอย่าง...เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราเป็นอย่างไร

แค่นั้น...ก็เพียงพอ...ถ้าหากเราวางเฉย...ต่อคำพูดใดๆก็ตาม

ที่ใคร...อาจจะมองเราไปแบบนั้น ขอเพียง...เราไม่หลอกตัวเองเข้าใจตัวเอง

ก็เพียงแค่รับฟังความหวังดี...ของคนที่หวังดีต่อเราเท่านั้น อย่าได้เก็บเป็นอารมณ์

ให้ขุ่นเคืองในจิตใจ... พยายามเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น...

ว่าเพราะอะไรเขาถึงพูดแบบนั้น มองกลับกันน้อยคนนัก

ที่จะพูดในสิ่งที่เราไม่อยากได้ยิน อย่าเพิ่งโกรธ...หากต้องเจอกับคำพูดที่ไม่ต้องการ...

ทุกสิ่ง...ที่เราพบเจอ...มันก็มีสองด้านเสมอ....

เหมือนเหรียญๆหนึ่งที่มีหัวกับก้อย ก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกพลิกดูด้านใด

เมื่อมองทุกอย่างเป็นบวกเราก็จะได้อะไรดีๆกลับมาทุกครั้ง

ทุกสิ่งก็อยู่ที่เราจะเลือกมองเท่านั้น...เอง

ไม่มีใคร...เข้าใจเรา...ไปทุกอย่าง

ปล่อยไปบ้าง...ก็ได้...จะดีกว่า

ความเป็นจริง...อยู่ข้างใน...เรารู้ดี

ให้เวลา...เป็นคำตอบ...ของทุกสิ่ง

หากพูดไป...คือแก้ตัว...ก็เท่านั้น

ผิดใจกัน...เปล่าเปล่า...ไม่คุ้มเลย

ทุกความคิด...มีแตกต่าง...ย่อมไม่เหมือน

อยู่ที่เรา...จะเลือกรับ...และเลือกมอง

ความหวังดี...ยังรับฟัง...ทุกถ้อยคำ

แล้ววันหนึ่ง...ความเป็นจริง...จะบอกเอง


http://www.youtube.com/watch?v=yuNX4Shi ... re=related
ความคิด....แสตมป์

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




DSCN2124 copy.jpg
DSCN2124 copy.jpg [ 43.69 KiB | เปิดดู 5267 ครั้ง ]
หันมองกาล ทางเดินที่ผ่านพ้น คือถนนแห่งชีวิตลิขิตเขียน
เป็นลำนำเรื่องราว ที่ต้องเรียน ใช้ความเพียร เดินผ่านโชคชะตา
ทั้งทุกข์ สุข รู้สึกได้ ยามเสพสม ทุกอารมณ์ ลิ้มรส ดั่งปรารถนา
ทั้งผิดถูก ได้กระทำ ด้วยใจพา ดั่งดินฟ้า ได้กำหนด ให้เราเป็น
ทุกกระทำทุกเรื่องราวเราต้องเลือก กลายเป็นเชือก พันธนาการ ความทุกข์เข็ญ
เลือกทางผิด ต้องเจ็บปวด ในกรรมเวร น้ำตากระเด็น ผ่านพ้น บนรอยทาง
ทุกก้าวย่าง..คือบทเรียน ได้ทดสอบ มีคำตอบ ในความยาก คอยสะสาง
พลิกวิกฤติ ที่แอบซ่อนเป็นหลุมพราง ใจเปราะบาง กลับเข็มแข็ง แกร่งทันที
ทุกขณะ ลมหายใจ ที่เข้าออก คอยเตือนบอก คิด พูด ทำ ต้องขัดสี
ตามบทบาท หน้าที่ อันพึงมี ให้พอดี สมเหตุ ตามครรลอง
ทั้งหมดคือ รางวัล แห่งชีวิต ฝึกพินิจ แก้ไข ไม่มั่วหมอง
ก้าวต่อไป บนหลักธรรม หมั่นตริตรอง แม้โลกหมอง จิตใจนั้น มั่นคงเอย
รางวัลชีวิต..คือความภูมิใจ อิ่มเอมใจที่เราได้ผ่านความยากของชีวิต..
และได้เห็นคนที่เราช่วยเหลือนั้นมีความสุข..
แม้โลกจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร..จิตใจเรายังมั่นคงอยู่เสมอ :b41:

รางวัลแด่คนช่างฝัน.....
http://www.youtube.com/watch?v=Eve7BMP9 ... re=related

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 08 ก.ย. 2009, 18:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2009, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




I_need_a_really_good_title_by_xBluepearlx.jpg
I_need_a_really_good_title_by_xBluepearlx.jpg [ 110.48 KiB | เปิดดู 5259 ครั้ง ]
มวลหมู่ดาวพร่างพราวสว่างไสว
ทะเลหลับใหลให้ชวนฝัน
พาข้ามขอบฟ้าในคืนอัศจรรย์
จนง่วงงันพาฉันเข้านอน

หมอนสีน้ำตาลผ้าปูที่นอนสีขาว
เตียงนุ่มราวปุยนุ่นไหวอ่อน
ลมลู่หน้าผากมวลกอดเพ้อเว้าวอน
กระซิบเบาเบาก่อนนอนให้..."ฝันดี"

คืนเวียนเปลี่ยนผันดวงตะวันสาดแสง
แดดต้องแก้มแดงงดงามเสมอ
ทะเลยามเช้าดั่งสวรรค์เลิศเลอ
เหมือนมีเธอคลอเคลียอยู่ข้างกาย

"อยากขอบคุณทุกวันที่ผ่าน"
จากวันวานเนิ่นนานไม่เปลี่ยนผัน
ยังมีเธอคอยดูแลห่วงใยกัน
สุขนานเนาว์เพราะมีเธอเสมอมา

แสงเนียนผ่องอำไพดูใสสะอาด
คลื่นซัดสาดหาดทรายยามอุษา
มองทะเลแสนรื่นชื่นเสน่หา
ปรารถนาให้เธอเห็นเหมือนฉัน

ก้อนสำลีสีขาวสกาวสดใส
แนวภูเขารำไรทอดไกลตรงนั้น
คลื่นระรื่นชื่นผืนทรายทุกวี่วัน
ฟ้าทะเลชิดสัมพันธ์เหมือนสัญญา...ณ.ปลายฟ้า


http://www.youtube.com/watch?v=ptAT0_Qa ... re=related
ฝากฟ้าทะเลฝัน : ธงไชย แมคอินไตร์

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 10 ก.ย. 2009, 22:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled011.bmp
untitled011.bmp [ 133.53 KiB | เปิดดู 5256 ครั้ง ]

หากฉันจะรัก รักใครสักคน
เรื่องของเหตุผล สำคัญน้อยกว่าจิตใจ
จะบอกว่ารักเพราะอยากจะรัก ก็คงไม่มากเกินไป
ใครจะมองยังไง ฉันคิดว่าไม่สำคัญ

แค่รู้ว่ารัก รักเธอจนหมดใจ
ไม่รู้ตรงไหน ขอเพียงแต่ให้เป็นเธอ
ไม่มีตรงไหนที่ไม่รัก รักเธอที่เธอเป็นเธอ
ไม่ได้พลั้งได้เผลอ ฉันรักเธอเพียงผู้เดียว

ไม่ขอให้เป็นอย่างใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

ที่เขาว่าสวย เขามองกันอย่างไร
ที่เขาว่าหรู เขาดูกันที่ตรงไหน
แต่สิ่งที่เห็นสิ่งที่รู้ ฉันดูเธอตรงหัวใจ
ไม่ว่ามองยังไง ก็เห็นเพียงความงดงาม

ไม่ขอให้เป็นอย่างใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

ไม่ขอให้เป็นอย่างใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

จะเป็นอย่างไร ไม่เสียใจที่รักเธอ

http://www.imeem.com/people/823Kwgt/mus ... kai/?rel=1


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 11 ก.ย. 2009, 20:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1326-20080224150506.jpg
1326-20080224150506.jpg [ 37.23 KiB | เปิดดู 5407 ครั้ง ]
http://www.youtube.com/watch?v=GF7ftC600X4
s003 "หนี้กรรม"

หนี้กรรม...how to

ข้อแรก..."ทำใจยอมรับ"..ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเป็นผลของกรรมในอดีต..
ก็ถือโอกาสนี้ใช้หนี้เวรหนี้กรรมให้หมดไป

ข้อสอง..."ทำดีแลกหนี้"...อย่างเวลาเราติดเงินใคร..
ถ้าเราไม่มีเงินชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้..เราก็ต้องยอมให้เขายึดบ้าน..ยึดรถ..
แต่การทำดีแลกหนี้นั้น..เราทำได้ด้วยการ "ทำบุญ"..
แล้วอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร..แทนหนี้ที่เราก่อไว้..

ข้อสาม..."ทำดีหนีหนี้"...คือ คิด พูด ทำ แต่เรื่องดี ๆ
ทุกขณะที่เราตื่น..ทำดีให้ต่อเนื่อง..เพื่อให้ความดีหรือบุญที่สั่งสมอยู่ใน
จิตวิญญาณมากพอจนกระทั่ง..ความดีให้ผลตลอดเวลา...หนี้เวรกรรมจึงตามไม่ทัน..

ข้อนี้..หลวงปู่ท่านว่า...ถ้าจะให้สอนเกี่ยวกับเรื่องรถคันสีขาว..และ คันสีดำ...
เราต้องคอยหมั่นเติมกำลังให้รถคันสีขาวขับรถเลยคันสีดำไปไกล..จนมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว..

แต่ มีกรรมอยู่บางประเภทที่หนีไม่ได้..ไม่ว่ารถคันสีขาวจะขับไปได้ไกลแค่ไหน ..
มองหันกลับมา..รถคันสีดำ..ก็จ่อหลังรอให้ผลติดอยู่อย่างนั้น..
ก็คือ "อนันตริยกรรม" ซึงถือว่าเป็นกรรมหนัก..อันได้แก่..
1 ฆ่าพ่อฆ่าแม่
2 ฆ่าพระอรหันต์
3 ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ
4 ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน

ข้อสี่..."หนีเข้านิพพาน"...แบบพระพุทธเจ้า...ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด...
เพราะเรามีบาปที่สั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณเป็นจำนวนอนันต์..
ใช้หนี้อย่างไร..ก็คงไม่มีวันหมด..
แม้พระพุทธเจ้าเอง..ก่อนจะมาเป็นพระพุทธเจ้า..ยังต้องเวียนเกิดเวียนตาย
และ ถูกจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรอย่างพระเทวทัตมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ..เป็นเวลานานแสนนาน..

แม้กระทั่งชาติสุดท้าย..เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว..ก็ยังถูกตามราวีไม่เลิก ..
เพราะความอาฆาตแค้นพยาบาทของพระเทวทัตยังไม่สิ้นสุด...
ถึงขนาดกลิ้งก้อน หินลงมาจากยอดเขาหมายจะให้ทับพระพุทธเจ้า..
หรือปล่อยช้างตกมันให้ไล่แทง พระองค์...

...แต่ในที่สุด...เมื่อพระพุทธเจ้าดับรูปดับนามเข้านิพพานได้แล้ว...
หนี้เวรกรรมที่เหลือ...จึงกลายเป็น "อโหสิกรรม"....

กรรมที่เราทำไปแล้ว..เราแก้ไม่ได้..แต่เราสามารถบริหารจัดการได้ค่ะ...
เราต้องหมั่นทำแต่ความดี..ละเว้นทำกรรมชั่ว..
เพราะจะเป็นการสร้างหนี้ใหม่ให้เราเดือดร้อนอีกไม่จบไม่สิ้น..

หากผลของกรรมที่เรากำลังรับอยู่นั้น..ถ้าร้ายแรงมาก..ก็ต้องพยายามหลีก
เลี่ยงหรือหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก..ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด..อย่างที่ บอกก็คือ..
ก็แค่เลิกทำกรรมชั่ว..เลิกแล้วต่อกันแค่นั้นพอ...

แต่ถ้ามันกำลังเกิดขึ้น...ก็ขอให้อดทน..แบบทนได้ทนไป...เหมือนกับ..การผ่อนเงินกู้..

ในเมื่อเรามีหนี้..เราก็ต้องใช้คืนตามวิสัย..แม้ใจจริงไม่อยากใช้..แต่เราจำ เป็นต้องใช้..
ดังนั้น..เราต้องรู้จักเลือกใช้คืนในระดับที่เราพอทนไหว..และ ทนได้....

สิ่งที่สำคัญของการทำความดีก็คือ.."ทำดีแล้วต้องหมั่นคอยอุทิศบุญ"
เพราะความดี..อยู่ส่วนความดี...ความชั่ว..อยู่ส่วนความชั่ว...

ต่อให้เราทำความดีมากแค่ไหน..ความชั่วที่เคยทำไปแล้ว
ก็ยังอยู่เหมือนเดิม..หักกลบลบหนี้ลบล้างกันไม่ได้..

ดังนั้น..ทุกครั้งที่เราทำความดี..มีบุญสั่งสมอยู่ในตัว..แต่ถ้าเราไม่ใช้ หนี้..
เจ้ากรรมนายเวรก็จะตามทวง..เพราะถ้ามีบุญแล้วไม่อุทิศ..
เจ้ากรรมนาย เวรอาจตามราวี..ก่อความเดือดร้อน..ความรำคาญใจ..
จนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ..หรือถึงแก่ชีวิตได้...

สรุป..วิธีการบริหารหนี้ที่ดีที่สุด..ไม่ว่าหนี้กรรม..
หรือหนี้บัตรเครดิต : ก็คือ..."หยุด" สร้างหนี้...
ตั้งสติก๋อน..คิด..พูด..และทำ..และ...ตั้งสติก่อนรูดการ์ดกันทุกครั้ง..

วิธีการทำความดีที่ดีที่สุด..
นอกจากการให้ทาน..รักษาศีล ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เราทำความชั่ว
ก็คือการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน...

ถ้าเราเข้าใจกฏแห่งกรรม..เและการบริหารหนี้กรรมแล้ว..

เราจะได้รู้จักกลับมาบริหารชีวิตด้วยการพัฒนาจิตของเราโดยการ..
หันกลับมาศึกษากายใจของเราซะ..

เราสามารถพัฒนาศักยภาพของ "สติ"
โดยการฝึกพรากใจจากอดีตและอนาคตให้มาอยู่กับปัจจุบัน...
อยู่กับกายและใจนี้ ของเรา..ด้วยการ "เจริญสติ"...
เพื่อหาหนทางดับทุกข์...ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก...

และรู้ให้เท่าทันใจของเราอันเป็นบ่อเกิดแห่งกิเลส โลภ โกรธ หลง ตัณหา และอุปาทาน..
ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง..

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




87.jpg
87.jpg [ 100 KiB | เปิดดู 5235 ครั้ง ]
พบแล้วพราก จากแล้วเจอ เธออีกครั้ง
พรากแล้วยัง อาจหวนคืน ชื่นอีกหน
จากไปไกล ในไม่ช้า ชะตาดล
เจอเพราะมนต์ ปนบุญกรรม ที่ทำมา

จะหลบหลีก เลี่ยงห่าง ไปทางไหน
หนีไปไกล เมื่อวนจบ ก็พบหน้า
ห่างเพียงกาย ใจไม่ยุด ฉุดกลับมา
เสียเวลา หลีกหนี ที่เพียรทำ

เพียงรู้คิด จิตมั่น ไม่หวั่นไหว
ควบคุมใจ ไม่ติดหล่ม จมถลำ
อยู่จนชิด ติดผิวกาย ไม่อาจทำ
ให้ก้าวล้ำ ล่วงข้าม ทุกยามไป

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 04:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




28-1-1057498355.jpg
28-1-1057498355.jpg [ 48.22 KiB | เปิดดู 5165 ครั้ง ]
:b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47:

:b47: กาลเวลาคู่กันไปกับไตรลักษณ์
พึงประจักษ์ดุจดังสายน้ำไหล
ผันแปรเปลี่ยนเวียนว่ายสลายไป
เป็นกลไกปฏิจจสมุปบาทธรรม์


:b47: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ชาติชรามรณะสังขารขันธ์
มายากาลสันตติทุกคืนวัน
มิแปรผันผ่านมิพ้นมนต์แห่งกาล

:b47: พุทธธรรมนำใจให้ปรากฎ
สว่างสุกสดใสแผ่ไพศาล
ธรรมจักษุเห็นเกิดดับปัจจุบันกาล
ดับสังขารดับอวิชชาด้วยวิชชา


:b47: รู้ด้วยหลักอริยสัจประหัตประหาร
รู้วิชชารู้ดำเนินจำเริญมรรค
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ
ลุนิพพาน ผ่านพ้น กลแห่งกาล.


:b54: :b47: :b54: :b47: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47: :b54: :b47:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
"โบตั๋น"
การได้รับรู้ความรู้สึกดีๆ ของใครคนหนึ่งที่มอบให้ใครอีกคนอย่างสม่ำเสมอ
เป็นความอบอุ่นที่ละมุนละไมของอารมณ์ อันชวนให้อดหวามไหวตามไปด้วยมิได้
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญกับการที่ใครสักคนจะประทับใจและมีความรู้สึกดีๆ ให้ใครอีกสักคน
เป็นเวลาไม่นานแต่เข้าใจจนเกิดเป็นความผูกพัน
ความรู้สึกของผู้ถูกหมายปองกับผู้เฝ้าใฝ่ปอง
หรือความรู้สึกของผู้ปรารถนาจะชิดใกล้กับของผู้ปรารถนาจะเลี่ยงหลบ
แม้จะไม่เท่ากันแต่คงจะไม่ต่างกันนัก

ทำให้ผมมโนภาพเปรียบไปประหนึ่งว่า....
เธอเปรียบประดุจดังเช่นบุปผางดงาม..เบ่งบานให้เฉยชมแค่ปีละครั้งเท่านั้น
กับอีกหลากหลายสายตาของผู้ฝันใฝ่ ช่างเป็นอะไรที่ลงตัวยิ่งนัก

“ความจริงใจและความสม่ำเสมอ มักสมหวังเสมอสำหรับการรอคอย"

สู้ต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่าน ที่กำลังต่อสู้กับใจตัวเอง

รูปภาพ

ตำนานเรื่องดอกโบตั๋น
อ่านดูแล้ว จะหลงรักดอกโบตั๋นมากขึ้น เขาดูหยิ่งทะนงและเชื่อมั่นในตนเองดี

ในตำนานเล่ากันว่า กลางฤดูหนาว
นางบูเช็กเทียนอยากชมดอกไม้ จึงออกคำสั่งให้ ดอกไม้ทั้งหมดในเมืองบาน
ด้านเทพดอกไม้ต่างๆ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจกลัวพากันบาน โดยพร้อมเพรียง
จะมีแต่ก็เพียงเทพเจ้าดอกโบตั๋นเท่านั้น ที่แข็งขืนไม่ยอมบาน เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ถึงฤดูกาล
หากดอกโบตั๋นบานก็จะเป็นการผิดกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
ด้านนางบูเช็กเทียนเมื่อเห็นว่าดอกโบตั๋นไม่ยอมบาน
จึงสั่งให้ขุนนางเอาไฟเผาที่ต้นเสียจนดอกโบตั๋นต้องยอมบาน
เรื่องนี้เป็นตำนานที่เล่ากันต่อๆ มาว่าทำไมก้านดอกโบตั๋นจึงแห้ง
และมีสีเข้มเหมือนถูกไฟเผา

ดอกโบตั๋นสำหรับชาวจีน นอกจากจะมีความหมายเกือบจะเป็นดอกไม้ประจำชาติแล้ว
เนื่องจากความใหญ่อลังการของลักษณะดอก ยังทำให้โบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ถึงความเป็นผู้ดี
ความร่ำรวยและฐานะอันสูงส่งอีกด้วย

เครดิต http://forums.popcornfor2.com/index.php ... 5755&st=20

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.12.bmp
.12.bmp [ 132.71 KiB | เปิดดู 5130 ครั้ง ]

จากปลายภู่กันที่แต้มเติม แต่งฝันที่มีในใจ

ให้เป็นภาพจริงที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม

แต่ความจริงกลับแสนจะต่าง จากใจที่ฝ่ฝัน

จากนี้ ...

วันนี้ ...

ฉันจะทำทุกสิ่ง ..

ด้วยสองมือและหัวใจ ...

ไม่มีวิมานให้เฝ้ารอ ไม่เหลือภาพงามใดใด

ไม่มีแสงดาวที่พร่างพราย ให้เห็นทาง

บอกให้ใจต่อสู้ความจริง .....

อย่างไม่มีหมดหวัง ...

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=12036

นิรมิต :b15:


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1124368242.jpg
1124368242.jpg [ 73.07 KiB | เปิดดู 5137 ครั้ง ]
รูปภาพ
ฉันเดินหลงทางนี่เอง
ฉันใส่รองเท้าผิดคู่ ในวิถีทางที่ผิดเส้น
ระหว่างการเดินทางที่ฉันพยายามไปให้ไกลที่สุด
ฉันพบว่า ความทุกข์ มันเกาะขามากขึ้นทุกลมหายใจ
สองเท้าหนักขึ้น ใจก็เหี่ยวแห้งลง ตัวรู้ทำหน้าที่ของมันหนักหน่วง
ฉันมั่นใจแล้วว่า "หลงทาง"
เป็นการหลงทางที่สลด และ หม่นมืด

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

แวะมาทักทายค่ะ...กัลยาณมิตรทุกท่าน
สบายดีกันนะคะ...รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

:b48: ระลึกถึงนะคะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




01-01.jpg
01-01.jpg [ 63.89 KiB | เปิดดู 5101 ครั้ง ]
เคยถามตัวเองหรือเปล่า
ว่าทุกวันที่ผ่านไปของชีวิต ได้ทำอะไรที่มีความสุขจริงๆแค่ไหน
เคยรู้สึกไหมว่า
ทำไมต้องมานั่งทำอะไรวันแล้ววันเล่า ซ้ำซากไม่จบสิ้น
ทั้งที่ในใจคิดอยากไปไหนไกลๆ
ทำตัวง่ายๆสบายๆ หายใจโล่งปอด
อยู่กับคนที่รัก อ่านหนังสือดีดีสักเล่ม นอนฟังเพลง
และได้คุยกับใครสักคนที่อยากคุย..

มีสักกี่คนที่มีความสุขกับการใช้เวลา ทุกวันมีแต่เรื่องต้องทำ
ไม่ทำก็เหมือนไม่รับผิดชอบ
ไม่คิดถึงความก้าวหน้า ไม่ทะเยอทะยาน ไม่เป็นคนเก่ง.
เพราะการเป็นคนเก่งที่ใครๆยอมรับ คือคนที่ทุ่มเท
ให้กับอะไรสักอย่างที่เขาทำแล้วประสบผลสำเร็จ
ทุ่มเทจนบางครั้งหลงลืมการเป็นชีวิต
ลืมนึกไปว่า ที่เหนื่อยล้าแทบด่าวดิ้นทุกวันนั้น
ทำเกินไปกับการเป็นชีวิตหนึ่ง..
เวลาที่มีอยู่ อาจมีแค่นาทีนี้
ไม่มีนาทีต่อไปให้ต่อสู้กับอะไรอีก อาจหลับแล้วไม่ตื่น
อาจไม่มีพรุ่งนี้ให้ลุกมาโต้เถียงกับใครๆ
ลืมนึกไปว่า เกิดมามีแต่ตัว แล้วก็กลับไปแต่ตัว
ทำไมไม่ใช้เวลาให้มีความสุข
กับการทำสิ่งดีดี คิดดีดี
และทำดีกับคนด้วยกัน......

จริงแล้ว ความสุขหาง่าย เกิดง่าย ถ้าเพียงแต่อยากมีความสุข...
แต่ทุกคนกลับทำแต่สิ่งที่เกิดทุกข์
ลืมเวลาแห่งความสุขที่ควรได้ใช้...กลับใช้เวลาในบ่วงทุกข์ยาวนาน
..ด้วยการดิ้นรนจนเหนื่อยล้า..

ทั้งๆที่แค่เพียงมีที่ให้นอนหลับ
มีอาหารให้กินอิ่ม และตื่นมายิ้มให้แก่กัน..
เท่านี้ความสุขก็อยู่ในเวลา
และไม่นึกเสียดายถ้าจะไม่มีนาทีต่อไปให้ได้ใช้อีก...

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 17 ก.ย. 2009, 23:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:11
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

"ทุกข์มีไว้ให้เห็น … ทุกข์ไม่มีไว้ให้เป็น"

หลายวันก่อนได้คุยกับน้องคนนึง
ซึ่งอยู่ไกลโพ้นจากจังหวัดที่ผมอยู่ตอนนี้เหลือเกินแหน่ะ

คุยกันประสารุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัยเดียวกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

แต่ช่วงนี้รู้สึกได้ถึงความ"ระทมทุกข์"ในตัวของน้องเค้าได้อย่างชัดเจน

ผมก็ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้น้องคนนี้เค้าเคยมีความสุขมามากขนาดไหน?
ทราบแต่เพียงว่าตอนนี้น้องเค้ากำลังอินเลิฟ...

แต่ความรักที่น้องเค้ามีอยู่ในทุกวันนี้ "มันเป็นดาบสองคม"
คมหนึ่งก็คือ มันเป็นแรงผลักดันให้น้องเค้ามีชีวิตไปข้างหน้า เพราะน้องมี"ความหวัง"

แต่อีกคมหนึ่งก็คือ บางครั้งถ้าหากความรักของน้องเค้าไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ อยากเอาชนะ
มันก็ทำให้น้องดูหดหู่ หรือความรักกลับกลายเป็นมีดมาบาดตัวเราซะเอง

ช่วงที่เราได้คุยกับน้องเค้าตอนที่น้องเค้ามีความสุข เราก็พลอยดีใจไปด้วย

แต่ช่วงที่น้องเค้ามีความทุกข์ อันสืบเนื่องมาจากผิดหวังในการคาดหวัง ทำให้เธอน่าสงสาร

ผมก็ทำได้แค่เป็นที่ปรึกษา (ปลอบโยนไม่ได้กลัวเสียผี)

การที่ผมให้คำปรึกษาน้องเค้า บางทีผมก็ทำอะไรได้ไม่มากหรอกครับ
แต่ถึงแม้ผมทำอะไรให้ได้ไม่มากนัก อย่างน้อย การที่น้องเค้าได้มีที่ระบายความรู้สึก
ที่มันอัดอั้นออกมา ก็อาจจะทำให้อะไรที่มันอึดอัด ผ่อนเบาลง
ผมไม่ได้อ้างว่าผมเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตที่ดีที่สุด
แต่ผมสามารถรับฟังปัญหาของเค้าได้
และผมก็อาจให้คำแนะนำได้บ้างในบางกรณี โดยอ้างอิงจากสิ่งที่ผมผ่านพบกับปัญหานั้นๆมาก่อน
การแก้ปัญหาจากผู้ที่มอง ย่อมเห็นวิธีแก้ปัญหาเหล่านั้นมากกว่า "อย่างเป็นกลาง"

ผมยอมรับว่าบางครั้งผมเองก็เจอปัญหามารุมเร้า จนบางทีแทบเอาตัวไม่รอด
แต่ที่ผมหายเร็วขึ้น เพราะผมมีเพื่อนในการระบายปัญหา ที่จะพูดคุยด้วย
แต่เราต้องพร้อมจะรับฟังวิธีการปัญหาของเราจากเพื่อนด้วยเช่นกัน

การระบายมันออกมาโดยไม่"กั๊ก"ทำให้เรารู้สึกโล่ง
มันทำให้เราไม่หนักจากการแบกมันเอาไว้เพียงลำพัง

ตอนที่เรามีปัญหา มันก็เปรียบเสมือนตอนมีพายุฝน
หากเราจะฝ่าฟันปัญหาช่วงที่มีพายุพัดเข้ามา
มันก็เปรียบเสมือนการวิ่งฝ่าไปท่ามกลางสายฝน
ซึ่งฝนนั้นอาจไหลเข้ามาทำให้เราระคายเคืองแสบตา
อาจทำให้เราหกล้มก้นกระแทก
เพราะเราเร่งรีบในการวิ่งฝ่ามันไปให้ถึงปลายทาง

บางทีเราอาจต้องรอให้ฝนซาก่อน
เราถึงจะเห็นหนทางในการที่เราจะก้าวเดินไปชัดเจนขึ้น
และเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น

หลายคนเคยคิดว่าช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของโลกใบนี้คือเวลาที่ฝนตก
เพราะว่าไม่ชอบบรรยากาศตอนที่ฝนมันตก
มันมีทั้งความหม่นหมอง
ความเปียกชื้นแฉะ
ความน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้า และเสียงคำรามของฟ้าร้อง

แต่เราเคยคิดกันมั่งไหมว่า

การที่เราผ่านพ้นช่วงที่ฝนตกหนักมาได้
แล้วเราเห็นแสงอุ่นๆของแดดยามเย็นที่ส่องมากระทบผิวกายของเรา

มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่น และเห็นคุณค่าของความสดใส
ที่เราเคยมองข้ามมันก่อนหน้าที่ฝนจะตก

ชีวิตของคนแต่ละคนมีช่วงเวลาที่ฝนตกไม่เท่ากัน
บางคนฝนตกกินเวลาไปส่วนใหญ่ของช่วงชีวิตเค้า
บางคนก็มีช่วงเวลาที่แดดออกมากกว่า
ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกว่า อยากให้ชีวิตเราเป็นไปในทางไหน

บางคนเค้าอาจมีชีวิตที่ลำบากกว่าเรามากมาย
แต่เค้ายิ้มให้กับชีวิตได้ เพราะอะไร

บางคนมีความสมบูรณ์พร้อมทั้งเงินทองชื่อเสียง
แต่เค้ากลับเปียกปอนอยู่ใต้สายฝนแห่งความหม่นหมองตลอดเวลา เพราะอะไร

เป็นเพราะ"ความคิด"ของเราเองเท่านั้น
สูข หรือ ทุกข์ มันอยู่ที่ความคิดของเรา

ความคาดหวังก็เช่นกัน
มันเป็นศัตรูที่ร้ายกาจสำหรับเราเป็นอย่างมาก
อย่างที่ในบล๊อกของพี่กะว่าก๋าว่าเอาไว้
บางครั้งเราต้องคิดทบทวนใหม่ว่าเรา"คาดหวัง"มากเกินไปหรือเปล่า

เรารักคนๆนึง แล้วเราคาดหวังว่าต้องให้คนๆนั้นมารักเราตอบ เราจึงจะมีความสุข
อันนั้นเป็นวิธีคิดที่ผิดอย่างมหันต์

เพราะจริงๆแล้วความสุขของการที่เราได้รักใครคนหนึ่งนั้น
คือการที่เราได้ให้ความรักแก่เค้าอย่างเต็มความสามารถของเรา
คือการที่เราได้เห็นเค้ามีความสุข
คือการที่เราสบายใจที่เราได้"ให้ความรัก" ต่างหาก

ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปคาดหวังว่าเค้าคนนั้นจะมารักเราตอบ
เพราะถ้าหากว่าเค้าไม่รักเรา หรือว่าเค้าไม่ใส่ใจเรา
ยังไง เราก็จะไปเปลี่ยนแปลงให้เค้ามารักเราได้ยาก

มันจะทำให้เราเกิดความทุกข์ว่า...ทำไมเรารักเค้ามากขนาดนี้
แล้วเค้ามอบความรักกลับคืนให้เรามาเพียงเท่านี้
มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มอบให้เค้าไปอย่างนั้นหรือ?

แต่ถ้าหากว่าเราเปลี่ยนความคิดใหม่
ว่าฉันขอแค่ให้ได้มอบความรัก ความหวังดีให้กับเค้า
แล้วเห็นเค้ามีความสุข มีการดำเนินชีวิตที่สวยงาม
เราได้มองเค้าตรงจุดนั้น
อันนั้นมันก็จะทำให้เราได้รับความสุขกลับคืนมามากกว่า

เมื่อก่อนผมก็เคยเป็นแบบที่น้องเค้าเป็นอยู่ตอนนี้
เรามีเวลาหมกมุ่นอยู่กับตัวเองมาก
เราเอาใจไปผูกไว้กับคนที่เรารักมาก
จนเราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง

พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เค้าพึงพอใจ
จนเราเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ขาดซึ่งความสดใส ขาดซึ่งความสุข

และในระหว่างที่่เรากำลังทนทุกข์กับความคิดเหล่านั้น
เราหารู้ไม่ว่า คนที่เรากำลังคิดถึง หรือคนที่เราหลงไหลอยู่นั้น
เค้าก็มีความสุขตามประสาของเค้า เค้าไม่ได้มานั่งทนทุกข์อยู่กับเรา

ชีวิตของผมขณะนั้น มันเหมือนกับเราเป็นก้อนๆนึง
ที่เรานำไปผูกไว้กับขาของคนที่เราหลงไหล

เค้าพาเราลากถูไปตามพื้น บางทีถ้าเค้ารำคาญ
เค้าอาจจะจับเราขึ้นมา แล้วพาเดินไปด้วยกัน
แต่ถ้าเค้าเห็นของใหม่ ที่สดใส น่าประคับประคอง
เค้าก็พร้อมที่จะโยนเราทิ้ง แล้วไปโอบอุ้มสิ่งใหม่แทน
ปล่อยให้เราถูลู่ถูกังกับพื้นดินจนถลอกปอกเปิก

เราควรทำให้ความรักที่เรามีต่อคนอื่นเป็นแบบ Mutualism หรือเป็นแบบ"พึ่งพาอาศัย"

จงทำความสัมพันธ์นั้นๆให้กลมกลืนกันอย่างเหมาะสม
เสมือนหนึ่งเราเป็นกอกล้วยไม้ที่เกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่
ใช้ชีวิตเคียงคู่ไปกับเขา ไม่ไปรุกรานชีวิตเขาเฉกเช่นต้นไทร หรือกาฝากที่กัดกร่อนไปในต้นไม้

เมื่อเรามีความสุขกับการที่เราได้อยู่เคียงข้างเขา
โดยที่เราไม่ไปคาดหวังในตัวเขามาก หรือเราไม่ไปรุกรานความเป็นปัจเจกของเขา
เราก็จะเป็นเสมือนกอกล้วยไม้ห่อหุ้มให้ความชุ่มชื้นแก้ต้้นไม้ฉันได
เราก็จะสามารถผลิดอกอันสวยงาม ออกมาเพิ่มเติมความสดใสให้โลกใบนี้ต่อไป

ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนมีความ"สวยงาม"ในแบบของตนเอง มีเสน่ห์ในตัวของเราเอง
เราไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนตัวเราเอง เพื่อให้คนอื่นพึงพอใจ

หากว่าใครที่ไม่สนใจมองความงามในด้านที่เราเป็น
ทำอย่างไร เค้าก็ไม่สนใจ
อย่างมากบางทีเค้าก็อาจแค่มาชำเลืองมองดู แล้วก็หันกลับไป

เคยอ่านเรื่อง " ไม้ขีดไฟ " มั้ย ?
ไม้ขีดไฟ มันพยายามจุดตัวเองให้เกิดแสงสว่าง
เพื่อให้ดอกทานตะวันที่ดูสวยงาม หันมามองมัน
แต่ผลที่สุด ไม้ขีดไฟก็ต้องดับสูญ
เพราะมันอยากมีความสุขในการที่เห็นดอกทานตะวันหันมามองมันบ้าง

เราต้องการให้มันเป็นแบบนั้นหรือ?
หากคนๆนึง มองข้ามความสวยงามในตัวเราไปแล้ว
ก็ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกจะมองไม่เห็นความสวยงามของเรา

มีคนอีกมากมายที่ชื่นชมความสามารถ ชื่นชมความสดใสในความเป็นตัวของเราเอง
เพียงแต่ว่าเราพร้อมที่จะกราดตามองดูคนเหล่านั้นหรือไม่
เพราะตอนนี้เราเอาหน้าของเราเข้าไปจ่อประชิด กับคนที่เราแอบรักแอบหลง
จนภาพของคนนั้นมันมาบดบังคนอื่นอีกเยอะแยะที่ยืนอยู่ข้างหลัง

พี่มองเห็นความงามความสดใสและความมีเสน่ห์ในตัวของน้อง
และพี่ก็เชื่อว่าถ้าน้องเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น
น้องจะเป็นคนที่มีเสน่ห์มากขึ้นอีกทวีคูณ
ท่ามกลางคนนับหมื่นนับล้านที่อยู่รอบตัวเรา
หากเรามีความเป็นตัวของตัวเองแล้ว
เราก็จะดูสุขสดใส

แต่ถ้าหากเราขาดความเป็นตัวของตัวเอง
เพราะเราไปคาดหวังในความรักที่เราให้คนอื่นไป
โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ความรักนั้นกลับคืนมา

มันก็รังแต่จะทำให้เราเหี่ยวแห้ง เสมือนหนึ่งลูกไม้ที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยง
รอวันร่วงหลุดจากขั้ว หล่นลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง

โลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่"เรากับเขา"แต่เพียงสองคน
เพราะถ้าเราคิดอย่างนี้เราก็จะรู้สึกถึงความโดดเดี่ยว
เวลาที่เราผิดหวังจากคนนั้น เราก็จะเป็นเสมือนเราร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเบื้องล่าง
กลับมาเกลือกกลิ้งอยู่กับความสกปรกและหม่นหมองของพื้นดิน

จริงๆแล้วโลกใบนี้มี "เราและคนอื่นๆ"ต่างหาก
และมีหลายคนที่พร้อมจะโอบอุ้มเรา เมื่อถึงคราวที่เราหมดพลัง
ขอเพียงเราเปิดตา และเปิดใจมองมันบ้าง...

พี่ก็ขอให้น้องได้พบกับความสดใสของแสงแดดอุ่น หลังวันที่ฝนพรำ
และขอให้มีพลังที่จะเบ่งบาน ผลิกลีบใบแห่งความสดใส
พร้อมรับกับสายฝนระลอกใหม่ ที่จะเข้ามาเยือนในอนาคต

สู้..สู้..นะเจ้าตัวเล็ก..จำไว้..."..ลมไม่เคยหยุดหมุน..แม้จะดูนิ่งสงบก็ตาม.."

.....................................................
"ขอมีสติเข้มแข็งดั่งขุนเขา..แต่ขอมีจิตใจอ่อนโอนดั่งขนนก"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย เพลิง. เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 21:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 22  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร