วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 18:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ความพอดีของคนเราอยู่ตรงใหน?

คนเราทุกคนเกิดมาต้องดิ้นรนเสาะแสวงหาความพอดีให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครพบความพอดีให้กับตนเองง่ายๆ หรือไม่ก็ไม่เคยพบเห็นไม่เคยรู้มาก่อนว่าความพอดีของต้องการนั้นอยู่ที่ไหน บางครั้งก็พบความพอดีชั่วคราว ไม่ยั่งยืนตามที่คนเราจริงๆ นั้นต้องการ คนเรามีวิธีการเสาะหาความพอดีต่างๆ กันไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราเกิดมาไม่มีความรู้เพียงพอที่จะนำไปเสาะหาความพอดีให้กับตนเอง แม้กระทั่งความรู้เกี่ยวกับตนเอง คนเรายังไม่รู้จักทั้งๆ ที่อยู่กับตัวเองนี่แหละ

เพื่อจะได้มีความเข้าใจถูกต้อง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร คนเราเกิดมาเพื่อจะหนีทุกข์ไปหาสุขกันทุกคน สุขนั้นก็ต้องเป็นสุขถาวรตลอดไป สุขชั่วคราวนั้นไม่ใช่จุดหมาย สุขถาวรที่ทุกคนต้องการแปลเป็นภาษาธรรม เรียกว่า นิพพาน ทุกคนเกิดมาต้องการนิพพานกันทุกคน ฉะนั้นเป้าหมายของชีวิตคนเราทุกคนคือนิพพาน

ชีวิตคนเราคืออะไร ชีวิตของคนเราก็คือการเรียนศึกษาฝึกฝนตนเอง คนเราทุกคนเกิดมาไม่ได้อะไรฟรีๆ ต้องศึกษาเรียนรู้ฝึกฝนเอาทั้งหมด ถ้าไม่ได้ศึกษาเรียนรู้ก็ไม่ได้อะไรเลย และชีวิตคนเราต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐด้วยการฝึก ถ้าไม่ฝึกแล้วเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน แล้วคนเราฝึกตนเองได้โดยเครื่องมือธรรมชาติที่มีมากับตน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่เรียกว่า อินทรีย์ ๖ สิ่งนี้แหละที่ธรรมชาติให้มาเป็นเครื่องมือในการฝึกตนเอง คนเราจะดีหรือเลวอยู่ที่การใช้อินทรีย์ ๖ ถ้าใช้มันแต่รับรู้ความรู้สึกอย่างเดียว ชีวิตก็จะมีแต่ปัญหา ถ้าใช้ในการศึกษาเรียนรู้ ชีวิตก็จะมีปัญหาน้อย พบแต่ความสุข

บุคลที่รู้เรื่องราวโลกและชีวิตดีที่สุดในโลก ก็คือ พระพุทธเจ้าศาสดาเอกของโลก เป็นผู้รู้แจ้งโลกและชีวิต หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ โลกนี้หรือโลกไหนๆ พระพุทธองค์ตรัสสั่งสอนมนุษย์และเทวดาอยู่ ๔๕ พรรษา รวมคำสอนได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สรุปได้เพียงแต่ว่า พระองค์ท่านสอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์เท่านั้น คำสอนของพระองค์ท่านถูกจารึกไว้ในพระไตรปิฎกจำนวน ๔๕ เล่ม ถ้ามนุษย์ต้องการความพอดีในชีวิต ต้องเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ แล้วท่านจะหาความพอดีให้กับชีวิตได้

พระพุทธองค์ตรัสว่า ความสุดโต่งของมนุษย์ มี ๒ ด้าน คือ ความพอใจสุดโต่ง (กาลสุขัลลิกานุฌยค) และความไม่พอใจสุดโต่ง (อัตตกิลมถานุโยค) มนุษย์ส่วนมากจะตกไปอยู่ในที่สุด ๒ ด้านนี้ตลอด ความพอใจก็คือความโลภ ความไม่พอใจก็คือความโกรธ ตามความพอใจกับไม่พอใจไม่ทันก็คือความหลง ชีวิตของคนเราจึงไปหลงพอใจไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสพบความพอดีในชีวิต ความพอดีของชีวิตก็คือหลักทางสายกลาง หรือหลักความจริง รู้เท่าทันความจริงของโลกและชีวิต ไม่ไปเกี่ยวข้องกับความพอใจ ไม่พอใจ กฎธรรมชาติ ๒ กฎที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ กฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ เกิดขึ้น คงอยู่ ดับไป และกฎของเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยนตา ปกิจจสมุปบาท ในโลกนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอยๆ มีเหตุปัจจัยให้เกิดเสมอ

เมื่อคนเราฝึกตนเองให้รู้เท่าทันความจริงของโลกและชีวิตแล้ว รู้เท่าทันสิ่งที่มากระทบเราหรืออินทรีย์ ๖ ตามความเป็นจริงของโลกและชีวิตว่า สิ่งทั้งปวงไม่เทียง เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็ไม่หลงไปพอใจและไม่พอใจต่อสิ่งที่มากระทบ สัมมาทิฏฐิหรือปัญญาเกิดขึ้นทันที แล้วองค์ธรรมของมรรคมีองค์ ๘ เกิดขึ้นตามมา คือ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ หรือศีลเกิดขึ้นในตัวเรา จากนั้น สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ก็จะเกิดตามมาบริบูรณ์ นี่คือหลักความจริง หรือหลักทางสายกลาง หรือหลักความพอดี ความพอดีของคนเราอยู่ตรงนี้

การที่เอาความจริงของโลกและชีวิตและกฎธรรมชาติ ๒ กฎดังกล่าวมาตั้งไว้ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่เป็นทางแห่งการเกิดทุกข์ อย่างนี้เรียกว่าเอาความจริงหรือปัญญาหรือสัมมาทิฏฐิ มาตั้งรับกระทบสัมผัส จะทำให้ความคิดถูกต้องขั้น เมื่อคนเราปฏิบัติแบบนี้ พิจารณาขันธ์ ๕ อินทรีย์ ๖ อย่างนี้ตลอดเวลา องค์ธรรมของการบรรลุมรรคผล นิพพาน เกิดขึ้นครบโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปทาน ๔ อิธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ เมื่อมีองค์ธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นครบเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ชีวิตของเราก็จะพบความสุขความพอดีที่ถาวร

ความต้องการนี้อยู่ในจิตใต้สำนึกของทุกคน ถ้าสภาวะจิตเบาบางจากกิเลสตัณหาลงไปบ้างจะมองเห็นความจริงอันนี้ได้

ความจริงในโลกและชีวิต สิ่งทั้งปวงไม่เที่ยงเกิดดับ เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว ไม่มีตัวตนเป็นของตน ว่างจากตนและของตน รู้เห็นอย่างนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทแล้วก็จะพาตัวเองตั้งอยู่ในความพอดีของชีวิต

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่ที่ใจเรา

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร