วันเวลาปัจจุบัน 05 ส.ค. 2025, 00:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิ นั้น ทางด้านสภาวะภาพ หรือกายภาพ ของมัน คือ การที่บุคคลมีความสามารถควบคุมคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และคลื่นไฟฟ้าหรือความคิด,หรือความรู้ ความจำ จากสมอง ให้มีระเบียบ แบบแผน ไม่สับสน วุ่นวาย สามารถจัดลำดับ ว่าควรใช้คลื่นฯใดใด ในกิจการใด หรือไม่ควรใช้คลื่นฯใด หรือ สามารถจัดลำดับของ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อระงับ หรือเพื่อปฏิบัติ หรือเพื่อทำให้เกิดสภาพสภาวะแห่งความรู้สึก ตาม ความคิด ความรู้ ความจำ จากสมอง อย่างเป็นระเบียบ อย่างเป็นระบบ มิให้เกิดความสับสน วุ่นวาย
ดังนั้น สมาธิ จึง ต่างจากการ "ทำให้ใจสงบ" เพราะการทำให้ใจสงบนั้น หมายถึง การได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ แล้วเกิดความคิด ตามความรู้ ความจำ หากต้องการทำให้ใจสงบ ก็จะมีวิธีการหลายรูปแบบ ดังที่ท่านทั้งหลาย ที่ได้เรียน ได้ศึกษา คงจักมีความรู้อยู่บ้างแล้ว เพราะวิธีการทำให้ใจสงบนั้น จะทำให้เกิดการควบคุม ไม่ให้บุคคลเกิดความคิดฟุ้งซ่าน หรือคิดตามความรู้ ความจำ ที่ได้ประสบมา หรือปรุงแต่ง จาก ความรู้ ความจำเหล่านั้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านทั้งหลาย ต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะทั้ง "สมาธิ" และ"อุบายทำให้ใจสงบ" หรือ"การฝึกจิตให้สงบ" ใกล้เคียงกันมาก แทบแยกไม่ออกเลยก็ว่าได้ แต่หากท่านทั้งหลายได้สังเกต พฤติกรรมของตัวท่านเองแล้วจะพบว่า "ก่อนที่ท่านทั้งหลาย จะทำสิ่งใดก็ตามแต่ หรือก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเอาใจจดจ่อในสิ่งใดก็แล้วตาม ความตั้งมั่นในจิตใจ จะเกิดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก หรือจะกล่าวในอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ "การที่ท่านมีความตั้งใจ หรือมีความต้องการ ที่จะประกอบกิจกรรมใดใดก็ตาม ความตั้งใจ ความต้องการของท่านนั้น คือ "สมาธิ" นั่นก็หมายความว่า สมาธิ จะเกิดขึ้นก่อนเพียงเล็กน้อย หากท่านไม่สนใจ หรือไม่ได้สังเกต จะไม่รู้เลยว่า ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะประกอบกิจกรรมใดใด หรือก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเอาใจเข้าไปผูกอยู่ หรือการเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น สมาธิ คือ ความตั้งมั่นในจิตใจ ได้เกิดขึ้นแล้ว
ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป ท่านทั้งหลาย ทั้งในอดีต และปัจจุบัน เกิดความหลงผิด ด้วยอวิชชา คือความไม่รู้ อีกทั้งไม่สังเกต หรือสนใจตัวเอง จึงเกิดการเข้าใจไปในทางที่ผิดๆมาโดยตลอด ว่า "สมาธิ" กับ "การฝึกจิตให้สงบ" หรือ "อุบายการทำใจให้สงบ" เป็นสิ่งๆเดียวกัน
แต่ในทางกลับกัน "อุบายการทำใจให้สงบ" หรือ "การฝึกจิตให้สงบ" นั้น ก็สามารถสร้าง "สมาธิ" หรือความตั้งมั่นในจิตใจได้
อันนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี หรือหากจะอธิบายในอีกรูปแบบหนึ่ง "อุบายการทำใจให้สงบ" หรือ การฝึกจิตให้สงบ"นั้น มีความหมาย หรือ วิธีการ หรือหลักการ ที่หลากหลายรูปแบบ หากท่านทั้งหลาย ได้เรียน ได้ศึกษา "สติปัฏฐาน๔" และ "กรรรมฐาน ๔๐ กอง ประกอบด้วย ก็จะเกิดความเข้าใจได้ดีขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง
ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม


ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ....... tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจว่า สมาธิ, การทำใจให้สงบ ต่างจากการ " ลดละกิเลส " นะครับ

การทำใจให้สงบ หรือมีสมาธิ มีผลทำให้จิตมีพลัง ควบคุมคลื่นไฟฟ้า...ไปจนถึงมีอิทธิฤทธิ์ได้

แต่การลดละกิเลส มิผลทำให้กิเลสหมดไปได้

ดังนั้นการมีอิทธิฤทธิ์ อาจไม่ใช่การหมดกิเลสก็ได้ ซึ่งหลายๆคนยังหลงกันอยู่

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ผมเข้าใจว่า สมาธิ, การทำใจให้สงบ ต่างจากการ " ลดละกิเลส " นะครับ

การทำใจให้สงบ หรือมีสมาธิ มีผลทำให้จิตมีพลัง ควบคุมคลื่นไฟฟ้า...ไปจนถึงมีอิทธิฤทธิ์ได้

แต่การลดละกิเลส มิผลทำให้กิเลสหมดไปได้

ดังนั้นการมีอิทธิฤทธิ์ อาจไม่ใช่การหมดกิเลสก็ได้ ซึ่งหลายๆคนยังหลงกันอยู่



คุณเข้าใจผิดแล้วขอรับ สมาธิ ไม่ได้ทำให้ลดละกิเลส ขอรับ
และการทำใจให้สงบ ก็มิให้ทำให้ลดละกิเลส เช่นกัน
ให้คุณคิดพิจารณาตามคำบอกคำสอนของข้าพเจ้าให้ดีขอรับ

และสมาธิ กับ การทำใจให้สงบ ก็ไม่สามารถทำให้มีอิทธิฤทธิ์ ขอรับ
คุณหลงผิด เข้าใจผิดทั้งหมดขอรับ

ถ้าคุณมีอิทธิฤทธิ์ คุณก็ย่อมสามารถทำให้กิเลสหมดได้ขอรับ เรื่องเหล่านี้ซับซ้อน คุณคงไม่สามารถเข้าใจในระยะเวลาอันสั้นได้ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2009, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


. ____ . s006 ง ง. !. ?. ?.

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


งง.ทำไมหรือขอรับ

อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากขอรับ
พยายามอย่าสับสน จนไม่รู้ว่า อันไหนเป็นอันไหน ขอรับ
สมาธิ เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานของสภาพสภาวะจิตใจของสิ่งมีชีวิตที่มีสมอง
คุณมีเพียงสมาธิที่ดี อย่างเดียว ไม่ก่อให้เกิด การลดละกิเลสขอรับ ไปพิจารณาให้ดีเถอะขอรับ

ส่วนการมีอิทธิฤทธิ์ หรือ การมีฤทธิ์ทางใจ และแสดงฤทธิ์ได้ ยิ่งยากขึ้นไปอีก คุณคงไม่เข้าใจดอกขอรับ ว่า ฤทธิ์ทางใจนั้นมีกี่รูปแบบ ในปุถุชนคนธรรมดา มีฤทธิ์ทางใจหรือไม่ ถ้าจะอธิบาย คงต้องอธิบายหลายตอนขอรับ และเมื่ออธิบายแล้ว คุณก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะความรู้ ความเข้าใจที่มีอยู่ในตัวของคุณนั้น ได้รับมาผิดๆขอรับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร