วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมได้รึเปล่าครับ ตัวแทนอนาคต นี่ครับ
ท่านมี ทัศนะ ในเรื่องนี้อย่างไร
คือเหมือนว่าท่านกำลังมีเป้าหมายบางอย่าง ในด้านจิตอาสา อยู่ในใจน่ะครับ...
:b53: :b53: :b53:



ตัวแทนอนาคต ผมหมายถึงตัวแทนท่านผู้ชราครับ

เรื่องจิตอาสาผมคงยังไม่มีกำลังทำได้

แต่อยากทำครับ

เป็นเรื่องของอนาคตครับ

ตอนนี้ต้องขอเอาตัวเองให้รอดก่อน

เห็นแก่ตัวไหมครับ

:b34: :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่ปฏิบัติกรรมฐานตามแนวที่มีแบบแผน จะบรรลุธรรมหรือไม่
หมายความถึงว่า
ไม่นั่งกรรมฐาน สมถะ วิปัสสนา เดินจงกรม ตามแบบแผนที่สำนักต่างๆสอนกัน
แต่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
สำหรับบางคนทีดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือ เอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยาย ได้หรือไม่


ขอตอบเจ้าของกระทู้คุณ mes ดังนี้

สำหรับความคิดเห็นของผมแล้ว คนที่ดำเนินชีวิตตามปกติอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือเอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยายไม่ได้ครับ เพราะเนื่องจากองค์ธรรมที่นำมาปฏิบัติมานั้น ไม่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ของมรรคทั้ง ๘ ได้ครับ

สติ หากปฏิบัติมาก แต่ปฏิบัติไม่ถูก จะเป็นสติที่ขาดปัญญา หรือสัมปชัญญะภายใน ดังนั้นการปฏิบัติไปอย่างนี้จะทำเป็นเพียงได้สมถะเท่านั้น คือ สามารถที่จะระลึกสิ่งต่างๆ ได้ทันท่วงที ระลึกได้มากๆ เข้าการระลึกนั้นจะต่อเนื่องแนบแน่นกลายเป็นสมถะ เกิดสมาธิระดับต่างๆ ขึ้นในที่สุดครับ

มีสมาธิ หากปฏิบัติให้มาก แต่หากขาดซึ่งปัญญา หรือสัมมาทิฐิ สมาธินั้นก็เป็นมิจฉาสมาธิ

เอกัคตตาจิต หากได้มาแต่ไม่มีปัญญาประกอบร่วมย่อมเป็นเอกัคตตาจิตที่ไม่ทำให้เกิดปัญญาแต่อย่างไร เรียกว่า เป็นเหมือนกับ เอกคัตตาจิตของฤาษีชีไพรก่อนพระพุทธศาสนา

นอกเหนือจากนี้ การไปปฏิบัติตามรูปแบบของสำนักต่างๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้บรรลุได้นะครับ บางสำนักก็สอนถูก บางสำนักก็สอนผิดก็มีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิรัสพล เขียน:
ขอตอบเจ้าของกระทู้คุณ mes ดังนี้

สำหรับความคิดเห็นของผมแล้ว คนที่ดำเนินชีวิตตามปกติอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือเอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยายไม่ได้ครับ เพราะเนื่องจากองค์ธรรมที่นำมาปฏิบัติมานั้น ไม่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ของมรรคทั้ง ๘ ได้ครับ

สติ หากปฏิบัติมาก แต่ปฏิบัติไม่ถูก จะเป็นสติที่ขาดปัญญา หรือสัมปชัญญะภายใน ดังนั้นการปฏิบัติไปอย่างนี้จะทำเป็นเพียงได้สมถะเท่านั้น คือ สามารถที่จะระลึกสิ่งต่างๆ ได้ทันท่วงที ระลึกได้มากๆ เข้าการระลึกนั้นจะต่อเนื่องแนบแน่นกลายเป็นสมถะ เกิดสมาธิระดับต่างๆ ขึ้นในที่สุดครับ

มีสมาธิ หากปฏิบัติให้มาก แต่หากขาดซึ่งปัญญา หรือสัมมาทิฐิ สมาธินั้นก็เป็นมิจฉาสมาธิ

เอกัคตตาจิต หากได้มาแต่ไม่มีปัญญาประกอบร่วมย่อมเป็นเอกัคตตาจิตที่ไม่ทำให้เกิดปัญญาแต่อย่างไร เรียกว่า เป็นเหมือนกับ เอกคัตตาจิตของฤาษีชีไพรก่อนพระพุทธศาสนา

นอกเหนือจากนี้ การไปปฏิบัติตามรูปแบบของสำนักต่างๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้บรรลุได้นะครับ บางสำนักก็สอนถูก บางสำนักก็สอนผิดก็มีครับ


ท่านศิรัสพลครับ

ขอเปลี่ยนจากคำว่าไม่ได้

เป็น

ได้ยากมาก

ได้ไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะยืนยันอีกทีว่า ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

โดยมีผัสสะเป็นปัจจัย ให้เราได้ฝึกฝนเรียนรู้ที่จะลด ละ ล้างกิเลสต่างๆออกไปจากจิต

การนั่งสมาธิ นั่งกรรมฐาน นั่งสมถ นั่งวิปัสสนา เดินจงกลม ฯลฯ ต่างๆนั้นก็เป็นอุปการะ
ซึ่งถ้าปฏิบัติถูกทางสัมมาทิฐิก็ช่วยในการปฏิบัติได้มาก

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 06:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อยากจะยืนยันอีกทีว่า ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

โดยมีผัสสะเป็นปัจจัย ให้เราได้ฝึกฝนเรียนรู้ที่จะลด ละ ล้างกิเลสต่างๆออกไปจากจิต

การนั่งสมาธิ นั่งกรรมฐาน นั่งสมถ นั่งวิปัสสนา เดินจงกลม ฯลฯ ต่างๆนั้นก็เป็นอุปการะ
ซึ่งถ้าปฏิบัติถูกทางสัมมาทิฐิก็ช่วยในการปฏิบัติได้มาก


:b8: :b8: :b8:

ครับ

อย่าเสียเวลาเลี่ยนแบบกันอยู่ไช่ไหมครับ

ฝึกผัสสะอย่างมีฐานของสติเป็นที่ตั้ง

บนเส้นทางอริยะมรรค

จะ หนอ จะ พุทโธ จะสัมมาอรหันต์ ฯลฯ

ได้ทั้งนั้น

เพียงแต่

อย่าแผลงพิสดาร

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีครับคุณ mes
สำหรับบางคนทีดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือ เอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยาย ได้หรือไม่

ตามประโยคที่คุณยกมาข้างบนนี้ คนผู้นี้อาจไม่บรรลุธรรมได้ เพราะตกประเด็นสำคัญของการเจริญธรรมคือขาด การเจริญปัญญาประกอบไปด้วย

ปัญญาคือมรรค 2 ข้อแรกของมรรคมีองค์ 8 คือ
สัมมาทิฐิ คือ ปัญญาที่ไปเฝ้าดู เห็น รู้
สัมมาสังกัปปะ คือ ปัญญาที่ไปสังเกต พิจารณา


คนทีดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือ เอกัคคตาจิตโดยขาดปัญญากำกับ เขากำลังทำเหตุเพื่อจะไปเกิดเป็นพรหม เหมือนอย่างบรรดาฤาษี ชี ไพร ทั้งหลายในเมืองอินเดีย หรือบางแห่งในเมืองไทย และทั่วโลก

ส่วนคนที่จะบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้นั้น ต้องเจริญเหตุเพื่อให้ถึงมรรค ผล นิพพาน คือเจริญมรรคมีองค์ 8 หรือเรียกชื่อโดยรวมว่า "การเจริญวิปัสสนาภาวนา" อันได้แก่การเจริญ ปัญญา ศีล(สติ) สมาธิ ให้ได้สัดส่วนพอดีกัน อิงอาศัยซึ่งกันและกัน สนับสนุนกันอย่างพอดี มีสมดุลย์

:b19: คนฉลาดจะสามารถปฏิบัติธรรมไปได้ในชีวิตประจำวัน หลักง่ายๆในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาสอดแทรกเข้าไปในงานของชีวิตประจำวันก็คือ

:b8: "ให้มีปัญญาเฝ้าดู เฝ้ารู้ (สัมมาทิฐิ) เฝ้าสังเกต พิจารณา (สัมมาสังกัปปะ) เข้าไปในกายและจิต ณปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์(สัมมาสติ)" ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส" smiley

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
สวัสดีครับคุณ mes
สำหรับบางคนทีดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือ เอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยาย ได้หรือไม่

ตามประโยคที่คุณยกมาข้างบนนี้ คนผู้นี้อาจไม่บรรลุธรรมได้ เพราะตกประเด็นสำคัญของการเจริญธรรมคือขาด การเจริญปัญญาประกอบไปด้วย

ปัญญาคือมรรค 2 ข้อแรกของมรรคมีองค์ 8 คือ
สัมมาทิฐิ คือ ปัญญาที่ไปเฝ้าดู เห็น รู้
สัมมาสังกัปปะ คือ ปัญญาที่ไปสังเกต พิจารณา



เห็นตรงกับท่านอโศกะครับ

ศาสนาพุทธแตกต่างจากลัทธิอื่นตรงที่

ปัญญา

การดับทุกขอย่างหมดจรดดับด้วยปัญญา

การกดทับทุกข์ด้วยฌาณยังไม่ถือว่าสมบูรณ์

แต่หากขาดฌาณ

ปัญญาก็ไม่เกิดครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 01:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แต่หากขาดฌาณ
ปัญญาก็ไม่เกิดครับ

ปัญญาที่เกิดจากสมาธิ เรียกว่าปัญญายิ่ง เป็นการทำงานของจิต
ปัญญาที่ใช้ดับทุกข์ เรียกว่าปัญญารู้จริง ปัญญารู้แจ้ง เป็นการทำงานของเจตสิก
ปัญญาทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน เอามาต่อยอดกันไม่ได้

วิปัสสนาปัญญา ใช้ขณิกสมาธิ ก็เกิดได้ ฌานไม่ใช่เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญญาเพื่อดับทุกข์ แต่ทำให้เกิดความสงบและอภิญญา

พระพุทธองค์ใช้อธิปัญญาเพื่อการตรัสรู้ มีปัญญารู้ระลึกชาติได้ มีปัญญารู้การเกิดการตายของสัตว์ เมื่อพิจารณาด้วยวิปัสสนาปัญญาแล้ว จึงตรัสรู้ได้ เราจะทำแบบพระพุทธองค์นั้นไม่ได้ การสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องบำเพ็ญบารมีมาหลายแสนชาติ

ดังนั้น การเข้าใจว่าต้องมีสมาธิขั้นสูงก่อนจึงจะสามารถเจริญปัญญาได้นั้นไม่ถูกต้อง ไม่มีปรากฎในพระไตรปิฎก

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 01 ก.ย. 2009, 02:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b14: :b10: อ่ะ!!! กระทู้นี้น่าสนใจมั่กมาก ขอยืมคำถามไปถามแม่ชีที่วัดหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ได้คำตอบแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ยังไม่กล้าแสดงความคิดเห็นง่ะ... :b6:

Kiss นู๋เอจ้า

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue พระท่านว่าทางไปนิพพานมีทางเดียวคือสายสติปัฏฐาน 4
ไม่มีทางอื่น


คำพูดนี้สุดโต่งไปหน่อยครับ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงพระพุทธองค์ทรงแสดงแค่สติปัฏฐาน หรือมหาสติปัฏฐานสูตรแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสิครับ ทำไมต้องมีสูตรอื่นๆอีก ตั้ง 2,100 สูตร
ท่านที่บรรลุธรรมด้วยเจโตวิมุติ ก็ไม่มีสิครับ
ฯลฯ
cool

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปเกิดเป็นพรหม ก็ยังดีกว่าไปเกิดเป็นจิ้งจกนะ
ช่วงนี้มีข่าว หลวงพ่อไปเกิดเป็นจระเข้ โอ้... สงสัยลืมคิดไป จระเข้เป็นเดรัจฉาน ลูกศิษย์หนา ไม่น่าทำกับหลวงพ่อแบบนี้เลย... อิอิ


พระพุทธเจ้า ได้ฌาณ 4 และอรูปฌาณ 4 มาแล้วนะ ปัญญาจึงมีมากพอที่จะวิปัสสนาได้ลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ส่วนหนึ่งคือ รู้เห็นการเกิดการตายของจิตต่างๆ แล้วลืมกันไปหรือเปล่าว่า นั่นคือ อภิญญา

สมาธิอาจไปไม่ถึงนิพพานได้ก็จริง แต่หากขาดสมาธิ โอกาสถึงนิพพาน นับว่าเป็นศูนย์
สมาธิทำให้เกิดการระงับของอุปาทานต่างๆ ไม่ต้องบอกหรอกว่า เป็นการระงับชั่วคราว เพราะการระงับถาวรนั้น เข้าขั้นอรหันต์ ละสังขารเมื่อไร ก็นิพพานเมื่อนั้น

สมาธิไม่ใช่การกดข่ม ซึ่งเป็นการเก็บกด สมาธิทำให้ ปัญญาเจตสิก โดดเด่นขึ้นมา หากมีปัญญาแล้ว ไม่เอาไปใช้ ก็อยู่ในความว่าง ตามตำราว่า ไปเกิดเป็นพรหมก็แล้วกัน
มีปัญญาแล้ว เอาไปวิปัสสนากลไกของจิตต่างๆ ก็ละอุปาทานไปได้ตามลำดับชั้น ละได้ไม่หมด ก็ไปเกิดเป็นพรหมเหมือนกัน

อย่างแย่ๆ สมาธิที่ขาดสติ ก็ตกอยู่ในภวังค์ แย่หน่อยหากติดนิมิตอยู่ในฌาณ 2 ติดนิมิตในชั้นนี้ น่าจะไปเกิดเป็นจิ้งจก เพราะวิปลาสเป็นผู้วิเศษไปตามๆ กัน
สมาธิที่เขาว่า ได้ไปเป็นพรหม คงต้องระดับ 3 เป็นอย่างน้อย น้อยกว่านั้น คงได้เป็นเทวดานางฟ้า หรือเป็นมนุษย์ชั้นดี มีบุญมากกว่าคนธรรมดาๆ ที่ทำบุญทำทาน ไม่ผิดศีลหนักๆ หน่อยหนึ่ง


เอะอะก็นิพพานๆ คิดเหรอว่าจะได้นิพพาน
สักกายทิฎฐิ ความยึดมั่นในตน ยังไม่เห็นจะละกันได้ สังโยชน์ข้อแรกเลยนะนั่น


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 16 ก.ย. 2009, 10:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับคำถามว่า ไม่ปฏิบัติกรรมฐาน แล้วจะบรรลุธรรมได้ไหม บรรลุธรรมคืออริยะ ใช่ป่ะ

ก็ถ้าสามารถทำให้จิตสงบ จนละอุปาทานไปได้มากๆ ก็ถึงอริยะได้ ปัญหาคือ ถ้าไม่ทำกรรมฐานภาวนา แล้วจะทำด้วยวิธีไหน อ่านการ์ตูนทั้งวัน อินมาก ก็คงเป็นเอกัคคตาจิต แต่อุปาทานเต็มเอี๊ยด
จะดูกาย ดูจิต ก็เป็นการเจริญสติ จะดูจริงดูจัง มันก็เป็นกรรมฐานนะเออ เดินจงกลมไง

เรื่องกรรมฐานดูกายนี่ เข้าใจว่าเป็นเบื้องต้น เอาไว้ส่งจิตให้ถึงฌาณ 1 ไม่ไกลไปกว่านั้น...

เพิ่มเติม... บางคนเขาชอบวิปัสสนาสมาธิ คือไม่ได้จดจ่ออะไรซ้ำๆ แบบสมถะ แต่นั่นเป็น วิปัสสนาสมาธิ นะ คือวิปัสสนา ใน สมาธิ เป็นเอกัคคตาจิตไปนานๆ ก็ได้ฌาณเหมือนกัน และมันก็คือความสงบนะ

ส่วนพวกวิปัสสนาบนความฟุ้งซ่าน อันนั้นก็ระวังไปปฏิสนธิในไข่จิ้งจก อิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 20:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
tongue พระท่านว่าทางไปนิพพานมีทางเดียวคือสายสติปัฏฐาน 4
ไม่มีทางอื่น


คำพูดนี้สุดโต่งไปหน่อยครับ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงพระพุทธองค์ทรงแสดงแค่สติปัฏฐาน หรือมหาสติปัฏฐานสูตรแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสิครับ ทำไมต้องมีสูตรอื่นๆอีก ตั้ง 2,100 สูตร
ท่านที่บรรลุธรรมด้วยเจโตวิมุติ ก็ไม่มีสิครับ
ฯลฯ
cool



ลองฟังไว้เล่นๆก็แล้วกันครับ

ความจริงพระพุทธเจ้ามีชื่อให้เลยล่ะ
คือทรงยกย่องว่าสติปัฏฐานเป้นทางสายเอก "เอกายนมรรค"

ลองตามคำๆนี้ไปดูก็ได้ครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร