..















ขออนุโมทนาสาธุกับคำแนะนำของทุกท่านข้างต้นด้วยเจ้าค่ะ

แผ่เมตตาให้เขาซะเถิดท่านพระเอก

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

จงมีความสุขกาย สุขใจ
รักษาตนให้ทุกข์ภัยทั้งสิ้นทั้งปวงเถิด



ฮุ ฮุ ๆๆๆ ฮึ ฮึ ฮึ...ฮ่า ฮ่า
(ขอเลียนแบบท่านบัวศกล)

555

เลยป้ายเมตตามาแล้วอะคับ
ตอนนี้อยู่ป้ายอุเบกขาแล้ว ป้ายนี้ลงบ้านแล้ว
นึกทีไรก็ทวนเข้ามาที่บ้าน สิ่งที่ทวนก็หาย พบแต่บ้าน ถึงบ้าน สบาย จุ๊กกรู๊

สาธุ..สาธุด้วยจ้า

กรีตังครับคุณชายชาติสยาม..

คุณชายฯทราบดีว่าไม่มีมูล...เอ๊ย..เหตุ...ผลจะมาจากไหน.? .นี่ต่อหน้าไม่เห็น ยังทะเล้นขวนขวายไปพบเข้าจนได้..วิบากนี้ แรงจริงๆ.. ต้องเลิกคบปาปมิตร"กูเกิ้ล"..หุหุ

ว่าแต่ว่าที่เขาว่าน่ะมันจริงมั้ยครับ ถ้าจริงก็น่าขอบคุณเค้าที่ชี้ขุมทรัพย์ให้ อนุโมทนากับเขาด้วย ถ้าไม่จริงเราควรเจริญ"กรุณา"ให้เขาไปเพราะใครเล่าจะได้รับผลจากมิจฉาวาจา..?สงสารเขาที่ทำไปด้วยความขลาดเขลาเถิดครับ..ที่กล่าวมานี้ มิได้เจตนาจะซ้ำเติมท่านชายฯนะครับ ทราบดีว่าท่านทราบวิธีทำใจอยู่แล้ว แต่บางทีการทำใจเงียบๆคนเดียว"มันเหงา"(รึเปล่าหนอ..)

เห็นกำลังใจในที่นี้แล้วดันอยากได้บ้างอะคับ มันอบอุ่นจริงๆ จนต้องเริ่มขยายความกว้างความยาวของมุมปากให้เป็นรอยยิ้ม
แล้วปล่อยเสียงในลำคอออกมา 3 ครั้ง ว่า๕..๕..๕

ป.ล. ท่านชาติฯไม่คิดทำพิธีตัดกรรมบ้างหรือขอรับ...."in trend" ไงครับ... คริคริ

พูดได้เยี่ยมจิงๆเลยท่าน เจออย่างท่านข้าน้อยไม่ไหวแล้ว

ขอคารวะท่าน 1 จอก

อนุโมทนาสาธุกับคำกล่าวของท่าน -dd-
และขอคารวะท่านอีกซักถ้วย
ด้วยกาแฟยามบ่ายอีกคนนะเจ้าคะ

ก็ขนาดพระพุทธเจ้า ท่านทรงดีพร้อมทุกอย่าง ก็ยังมีบางคนติเตียนเลย

พระเจ้าแผ่นดินทรงทำเพื่อปวงชนมามากกว่า 60ปี ก็ยังมีคนกล่าวล่วงเกิน

แล้วเราเป็นใคร จะหนีพ้นคนนินทาไปได้ อย่าหวังเลย

พ.ท.สอนว่าได้ยินคำนินทา ว่าร้าย คำด่า ให้สำรวจตัวเองก่อนว่า เราไม่ดีอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า
ถ้าพบว่าเรามีส่วนบกพร่องจริงให้ขอบคุณเขา แล้วรีบแก้ไขที่ตัวเรา
ถ้าตรวจอย่างถี่ถ้วนไม่เข้าข้างตัวเอง ไม่พบว่าเรามีส่วนผิดตามที่เขาว่า ก็เป็นความผิดของเขา
ที่อาจเข้าใจผิด ได้ข้อมูลผิด ฯลฯ ถ้ามีโอกาสก็ชี้แจงได้ ไม่ควรเก็บมาไม่สบายใจ

จริงแล้วปัญหานี้เกิดบ่อยแม้นว่าเขาจะว่าอะไรเมื่อจิตของเรายังยึดมั่นอยู่ว่าเป็นเรา
เขาว่าเรามีตัวเราก็ย่อมเป็นทุกข์เกิดขึ้น
มีการปรุงแต่งมีโทสะมีกิเลสต่างๆเกิดขึ้นอีกมากมาย
ยิ่งจิตบันทึกและติดค้างอยู่ในใจใจก็จะเดือดเป็นโทสะอยู่ร่ำไป
แม้นว่าดูภายนอกเราบอกคนอื่นว่าไม่ได้โกรธ
หรืออีกคนที่แสดงว่าตัวเองโกรธต่างย้อมรับผลเช่นเดียวกัน
เพราะภายในยังรู้สึกทุกข์อยู่ไม่พอใจอยู่
นี้คือกิเลสตัวจริงที่แสดงออกมาให้เห็นอยู่
ต้องรู้ให้ทันปัจุบันไม่ยึดมั่นถือมั่นมองตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นที่จิต
เพียงรู้และวางไม่ปรุงแต่งเพิ่ม
เมื่อเข้าใจว่าสิ่งนั้นเกิดไปแล้วมีเราไปรับรู้แล้ว
ถ้าเราเข้าใจในธรรมแล้วจิตที่ปรุงแต่งแม้นจะเกิดขึ้นโทสะเกิดขึ้นถ้ามีสติรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
และไม่ยึดมาปรุงใหม่ให้จบเพียงแค่รู้
จิตก็เปลี่ยนไป
ความมีตัวตนที่ว่าเขาว่าเราก็จะลดลงคำพูดคำด่าถ้าไม่ปรุงไม่ยึดว่าเขาว่าเรา
ก็จะเป็นเพียงสิ่งสมมุติที่สมมุติขึ้นว่าตัวนี้ตัวอักษรเอามารวมกันมีความหมายว่าอย่างนี้
แปรออกมาเป็นคำเป็นความหมายเท่านั้นเองทุกสิ่งในโลกนี้ป็นสมมุติทั้งนั้น
ต้องอโหสิกรรมกันเสียด้วยจิตที่เป็นกลางแล้วกรรมนั้นย่อมไม่เกิดขึ้นกับตัวเราจิตไม่ร้อนไม่ทุกข์
รู้ใจตนเองแล้วจะรู้ว่ากิเลสในตัวเราเองที่ทำร้ายตัวเราเองเพราะยังมีเรายังมีความยึดในกายในใจของเราอยู่เสมอๆ
ขอให้ทุกท่านมองกายกับใจตัวเองบ่อยๆๆนะคะ

ทฤษฎีนั้นง่าย ปฏิบัติมันยาก

ถึงจะยาก แต่ถ้าดีก็ต้องฝึกเอา

จำสิ่งใด ก็คิดสิ่งนั้น ก็ทุกข์กับสิ่งนั้น

เพราะฉะนั้น ก็อย่าไปใส่ใจเขา

แหม.. คนในบอร์ดเข้ามาช่วยกันใหญ่เลย จขกท.หน้าบานเป็นกระด้งแระ ฮิฮิ

ดังใหญ่แล้วนะ

ขออนุโมทนาทุกท่านครับ




แหม บทพระเอกนี่นา

เรื่องดังนี่ ดังมานานแล้วครับ
เรทติ้งดี โฆษณาเข้าเต็มเลย

ขอทักทายก่อนะคะ คุณบัวศกล สบายดีนะคะ รู้สึกจะหายไปน่ะค่ะ
คือประมาณว่าไม่เจอคำตอบแบบธรรมะไม่เครียด เลยรู้สึกเหมือนขาด ไป
อยากทำให้ได้แบบที่คุณแนะนำจัง แต่ถ้าเป็นตัวเองล่ะก็ ปรี๊ด..เลย
ก็สมาทานศีล 5 ทุกวันน่ะ แต่ข้อ 4 เนี่ย มันช่างทำได้ยากเย็นจริงๆค่ะ

อ่านโพสต์คุณชาติสยามแล้ว เกือบจะปลงได้แล้วนะคะ
สำหรับคำแนะนำ เก่งๆ กันทุกๆท่านเลยนะคะ
ได้แต่อ่านค่ะ ไม่มีความสามารถพอจะแนะนำ
ยังไงก็ขอเป็นศิษย์ผู้น้อยตลอดไปนะคะ