วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 22:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามกันบ่อยสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมว่า รู้ได้อย่างไรว่าถึงโสดาบันแล้ว????

ธรรมอันพระพุทธองค์กล่าวได้ว่า ธรรมนี้ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ปฏิบัติได้เฉพาะตน ผู้ปฏิบัตจนรู้ได้เฉพาะตนว่า ชาติสิ้นแล้ว ภพสิ้นแล้ว นั้นเป็นใฉน?

สำหรับคนที่ไม่เคยโดนไฟฟ้าดูดมาก่อน พยายามถามคนที่เคยโดนไฟฟ้าดูดมาแล้ว ว่ามีความรู้สึกอย่างไร หรือไม่ผู้หญิงมักจะถามผู้ชายว่า ถูกเตะผ่าหมากแล้วจุกอย่างไร สิ่งเหล่านี้ตอบออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรยาก อธิบายเป็นภาษาพูดก็ยังยาก นอกจากจะได้มีโอกาส “รู้เฉพาะตน”

แต่อย่างไรก็ดี ก็จะพยายามอธิบายโดยพิศดาร ดังนี้ ......

เปรียบว่า มีลำน้ำใหญ่ ขวางอยู่ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ ฝั่งหนึ่งเรียกฝั่งโลกียะ อีกฝั่งหนึ่งเรียกฝั่งโลกุตตระ ในแม่น้ำมีอสรพิษอยู่ 6 ตัว คนที่ไม่ได้ฟังธรรม ไม่เข้าใจในธรรม ก็ยังอาศัยอยู่ในฝั่งโลกียะอยู่เป็นปกติ ผู้ได้ฟังธรรม เข้าใจในธรรม ผู้คนเหล่านี้จิตใจก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นผู้มีศัทรา เป็นผู้ที่มีความตั้งใจที่จะข้ามไปอีกฝั่ง ผู้คนเหล่านี้ พระพุทธองค์กล่าวว่า ได้พ้นความเป็นปุถุชนไปแล้ว เรียกว่า สัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล

ผู้คนที่ตัดสินใจกระโดดลงนำ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีอสรพิษร้ายอยู่ หัวจิตหัวใจก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้อยู่ในน้ำ ว่ายหนีอสรพิษ ทานกระแสน้ำเพื่อไปให้ถึงอีกฝั่ง ถือได้ว่าเป็นผู้อยู่ในทาง (มรรค) เพื่อจุดมุ่งหมาย คือ ฝั่งโลกุตตระ อสรพิษร้าย 6 ตัว อันเป็นภัยนั้นทำร้ายเราอย่างไร อสรพิษทั้หมดทำให้เราเกิด ความพอใจ ไม่พอใจ ความโลภ โกรธ หลง เมื่อเราปฏิบัติธรรม แล้วเกิดความรู้สึกดังกล่าว ก็ถือว่า เราถูกมารเล่นงานแล้ว แพ้แก่มารแล้ว ต้องต่อสู้กับมันอีก ยังต้องอยู่ในน้ำ อสรพิษ 6 ตัวนั้น คือ ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ เราจึงต้องรู้เท่า รู้ทันถึงวิธีการของอสรพิษเหล่านี้ เมื่อมันเข้ามาทางตา เราก็ต้องกำจัดมันที่ตา เมื่อมันเข้ามาทางหู .. ทางจมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจ ก็ต้องคอยระแวดระวัง ไม่ให้มันเข้ามาทำร้ายตลอดเวลาที่ยังว่ายน้ำไม่ถึงฝั่ง

วันใหนเราแรงดี ขยันมาก เพียรมาก ก็ก้าวหน้ามาก บางวันขนัยน้อย เพียรน้อย ก็ถูกน้ำพัดกลับเข้ามาทางฝั่งโลกียะ หรือถูกอสรพิษลากกลับเข้ามา ดังนั้น ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติ จึงต้องประกอบด้วยความเพียร บางคนแรงดี ว่าย 7 วันก็ถึงฝั่งโลกุตตระ บางคนแรงน้อย ใช้เวลาถึง 7 ปี ถ้าประสงค์ใช้เวลาน้อย ก็ต้องเพิ่มแรง ซึ่งหมายถึงการทำทานเพิ่มบารมี ต้องระวังภัยเวร 5 ประการที่จะฉุดเรากลับไปยังฝั่งโลกียะ คือ ถือศีล 5 เท่าที่ถือได้

ต่อเมื่อผู้นั้นว่ายจนข้ามไปอีกฝั่งได้ในสุด ก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าถึงอีกฝั่งแล้ว ไม่ต้องมีใครมาบอก ไม่ต้องต้อสู้กับอสรพิษแล้ว (ผล)

ในระดับโสดาบันนั้น แบ่งออกเป็น 4 ขั้นด้วยกัน ในขั้นแรก โสดาบันบุคคลขั้นนี้มีความแตกต่างจากคนธรรมเพียงเล็กน้อย สังเกตได้ยาก อาการอันเกิดจากปัญญาชนะโมหะได้ แสดงว่าระบบคิดในตัวเราเกิดเปลี่ยนแปลง เป็นคนละคน จากที่เคยหลง ก็จะไม่หลง จากที่เคยโกรธมาก ก็จะไม่โกรธมาก จากที่เคยโศกเศร้าเสียใจมากก็จะไม่เป็น การอยากได้ อยากมี อยากเป็น จะลดลง เพราะปัญญารู้แล้วว่าสิ่งพวกนี้ไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ความสุขแบบถาวรจึงเกิด การร้องให้น้ำมูกน้ำตาใหลจะไม่เกิดกับโสดาบันระดับนี้ การหัวเราะจนน้ำมูกน้ำตาใหลก็จะไม่เกิดเช่นกัน คือ ความพอใจสุดโต่ง กับความไม่พอใจสุดโต่ง จะดับไป

อาการดังกล่าวสังเกตุยาก บางท่านได้โสดาบันแล้วยังไม่รู้ตัว เพราะระหว่างปฏิบัติธรรม อาการที่เกิดจากกิเลสจะลดลงไปมากอยู่แล้ว บางคนปลีกวิเวก หาสถานที่สงบ โอกาสพบเจอเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความอยาก ความโกรธ ความหลง ก็น้อย กว่าจะรู้ บางทีก็ต้องมีอะไรมาสะกิด เช่น มีคนชวนกินเหล้า เกิดไม่อยากกิน รังเกียจเหล้าเหมือนจะให้กินปัสสาวะ ทั้งๆ ที่ ก่อนปฏิบัติกินเหล้าเป็นน้ำ เป็นต้น

คุณวิเศษใดๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่อริยะบุคคลขอยกไว้ไม่กล่าวโดยละเอียด แต่พอจะแสดงโดยย่ยย่อได้ว่า เรามองภาพด้วยตาผ่านกระจากแก้วขุ่นมัวปิดบังเราจากภาพที่เป็นจริงเราย่อมเห็นภาพไม่ชัดเจนฉันใด เสมือนโมหะปิดบังเราจากความจริง เมื่อกระจกถูกขัดให้ใสขึ้น คืออาสาวะกิเลสทั้งหลายได้ลดลงด้วยปัญญาที่เกิด ภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน รสที่สัมผัส กายที่สัมผัส ใจที่นึกคิด ก็จะพบกับความจริง หรือความชัดเจนฉันนั้น ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเรียนถามเจ้าของกระทู้ ผู้ใช้ชื่อว่า "Supareak Mulpong" และทีมงานเวบมาสเตอร์ธรรมจักร ว่า
บุคคลผู้ใช้ชื่อว่า "Supareak Mulpong" เป็นผู้บรรลุธรรมชั้น โสดาบัน แล้วหรือ จึงปล่อยให้เขาเขียนเป็นตุเป็นตะ อวดอ้างความรู้ในเรื่องของผู้บรรลุโสดาบัน ทำไมจึงปล่อยให้เขาโพสข้อความอันเป็นการหลอกลวงผู้อื่นได้ขอรับ

การที่บุคคลจะบรรลุโสดาบันได้ ไม่ใช่ของง่าย แต่ดูกันได้ง่าย และสามารถรู้ได้เลยว่า บุคคลนั้น บรรลุถึงชั้นโสดาบันแล้ว และบุคคลผู้บรรลุโสดาบัน ย่อมรู้ว่าตัวเอง บรรลุถึงธรรมชั้นใด ตั้งแต่ ชั้นแรกสุด ไปจนถึงชั้นนิพพาน

ที่ข้าพเจ้าเขียนแย้งนี้ ไม่ใช่อะไรดอกขอรับ บคคลประเภทผู้ใช้ชื่อว่า Supareak Mulpong มีอยู่มาก แถบทุกเวบธรรมะเลยก็ว่าได้ เขียนแบบเป็นผู้รู้ ทำอย่างกับตัวเอง ปฏิบัติจนได้ผลแล้ว อย่างนั้น น่าอนาถใจนัก
ถ้าจะให้ดี ลบไปซะเลยจะดีกว่า
เสียชื่อ ทีมงาน นะขอรับ เขาจะหาว่า ทีมงาน ไม่มีสมองสติปัญญา ไม่ได้ตรวจตรากระทู้ที่ชอบแอบอ้างขึ้นมาลอยๆ พิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งบุคคลผู้เขียนนั้น อ่านข้อความก็รู้แล้วว่า เป็นประเภท อวดอ้าง ธรรมที่ไม่มีในตน ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
โปรดได้พิจารณาตรวจตรา บ้างขอรับ ทีมงานฯ


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Buddha น่าจะเป็นผู้ที่ปฎิบัติธรรมมานาน ศึกษาพระธรรมมานาน หากสิ่งใดที่ท่านคิดว่าผมนำสิ่งที่ไม่จริง ไม่ถูกต้องตามธรรมวินัย คงต้องรบกวนชี้แจง เพื่อประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาศึกษาธรรมะใน board นี้ด้วยครับ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การที่บุคคลจะบรรลุโสดาบันได้ ไม่ใช่ของง่าย แต่ดูกันได้ง่าย และสามารถรู้ได้เลยว่า บุคคลนั้น บรรลุถึงชั้นโสดาบันแล้ว...

อันนี้ต้องขอแย้งนะครับ อย่าถือโทษโกรธเคือง เพราะมันผิดกันมาก ... การบรรลุโสดาบันนั้นไม่ได้ยาก ขอให้เดินถูกทาง แต่ดูกันยาก คนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไครได้โสดาบัน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องการเป็นโสดาบัน ใครจะรู้ได้นอกจากคนที่รู้ในธรรมนั้นถึงธรรมนั้นเท่านั้นถึงจะรู้ได้ อยู่ด้วยกัน ศึกษากันพอสมควร ถ้าใครถึงก็อนุโมทนาจริงๆเพราะท่านจะเป็นประโยชน์แก่ชาวโลกได้มากสาธุๆๆ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าตัวเองเป็นพระโสดาบัน

ท่านละกิเลสอะไรได้บ้าง

หรือยังมีอยู่ครบ

ท่านได้เห็นธรรมอะไรต่างจากคนธรรมดาบ้าง

แจ้งให้ทราบด้วยเจ้า


โพสต์ เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


OH!!!!!!! ... :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 00:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ถามกันบ่อยสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมว่า รู้ได้อย่างไรว่าถึงโสดาบันแล้ว????

แต่อย่างไรก็ดี ก็จะพยายามอธิบายโดยพิศดาร ดังนี้ ......

...


อ่านดูแล้ว..มันยังงัยไม่รู้..

มีหลายอย่าง..ที่ทำให้คล้อยตามไม่ได้..

เช่น
อ้างคำพูด:
..อสรพิษ 6 ตัว นั้น คือ ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ..
อย่างงี้..คนตาบอด..หูหนวก..ลิ้นขาด..จมูกเป็นไซนัด..มิใช่จะได้เปรียบ..ถึงธรรมเร็วกว่าคนปกติอย่างเรา ๆ..ดอกหรือ..ถ้าไม่ใช่..แล้วอะไรที่เป็นอสรพิษที่แท้จริงละ..ติกต๋อก..ๆ ..ช่วยวิเคาระห์ต่อด้วย..ท่าน จขกท.

แล้วกายเป็นอสรพิษ..ด้วยหรือ..อย่างนั้น..คนที่กายเสีย.คือคนตายแล้ว..จะไม่เข้าถึงธรรมเร็วกว่า..คนเป็น..ดอกหรือ..ถ้าไม่ใช่..แล้วอะไรที่เป็นอสรพิษที่แท้จริงละ..ติกต๋อก..ๆ ..ช่วยวิเคาระห์ต่อด้วย..ท่าน จขกท.

และ
อ้างคำพูด:
..ถือศีล 5 เท่าที่ถือได้..
พวกนี้..ยังอยู่บนฝั่งแต้ ๆ เน้อท่าน..คงเข้าใจนะว่าเป็นฝั่งไหน..อย่าหลงคิดว่าตัวกำลังว่ายน้ำข้ามวัฏฏะเชียวนา..

และ
อ้างคำพูด:
..โสดาบันบุคคลขั้นนี้มีความแตกต่างจากคนธรรมเพียงเล็กน้อย สังเกตได้ยาก อาการอันเกิดจากปัญญาชนะโมหะ....
ใครชนะ โลภะ โทสะ โมหะ ได้..คือพระอรหันต์..โลภะ โทสะ..ท่านชนะได้ตั้งแต่ตอนเป็นอนาคามีแล้ว..ส่วนเจ้าตัวโมหะ เป็นสังโยชน์เบื้องสูง..เป็นด่านสุดท้าย..ก่อนเข้าอรหันต์...ท่านไปรู้จากไหนว่า..โสดาบันเกิดจากปัญญาชนะโมหะ..จะไม่แหวกแนวไปหน่อยหรือ..


และ
อ้างคำพูด:
..ระดับโสดาบันนั้น แบ่งออกเป็น 4 ขั้นด้วยกัน..
จริงหรือ?..แล้วแต่ละแบบชื่ออะไร?..แยกกันที่ตรงไหน?..แล้วแบบไหนว่ายน้ำ 7 วัน?..แบบไหนว่ายน้ำ 7 ปี?..แล้วที่ต้องว่ายน้ำ 7 ชาติ..มีหรือเปล่า??..บอกว่ามี 4 แบบ แต่อธิบายแค่แบบเดียวเอง..คนอ่านเขาก็งง..ก็อยากรู้ว่าแบบอื่น ๆ เป็นยังงัย..บ้างนะซิ..ท่าน จขกท. กรุณาตอบด้วยครับ..

ยังมีอีก..แต่เอาแค่นี้ก่อน..ถ้ารู้ช่วยตอบด้วย..ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร..


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเจ้าของกระทุ้ผู้ใช้ชื่อว่า "Supareak Mulpong " สิ่งทีคุณเขียนมาทั้งหมด ผิดทั้งหมด ไม่ถูกต้องทั้งหมดนั่นแหละ
ใคร่ขอถามคุณว่า คุณบรรลุโสดาบัน แล้วหรือ ๑ ข้อละนะ
คุณรู้จักธรรมะที่จักทำให้บรรลุสู่ชั้นโสดาบันแล้วหรือ ๒ ข้อละนะ
คุณรู้จักวิธี ปฏิบัติจนทำให้บรรลุชั้นโสดาบันแล้วหรือ ๓ ข้อนะ

คุณลองตอบ คำถาม ๓ ข้อข้างต้นนี้ซิ
ถ้าคุณตอบไม่ได้ หรือตอบไม่ถูก ไม่รู้ ก็ควรจะใช้สมองสติปัญญาของคุณคิดใคร่ครวญ พิจารณาตัวคุณซะว่า ควรหรือไม่ที่จะเขียนหรือโพสข้อความทั้งหลายเกี่ยวกับเริ่อง โสดาบัน โดยความไม่รู้ แต่กลับใช้วิธีลวงโลก

ส่วนเรื่องที่คุณแย้งมา คุณไม่รู้แล้วคุณจะแย้งหาพระแสงอะไร
ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า การฝึกตน หรือปฏิบัติธรรม ให้บรรลุสู่ชั้น โสดาบัน ไม่ใช่ของง่าย แต่จะดูได้ง่าย ถ้าบุคคลนั้น บรรลุธรรมชั้นโสดาบันแล้ว
คุณอยากเห็นไหมว่า ผู้บรรลุโสดาบัน หรือผู้ สำเร็จโสดาบัน มีลักษณะอย่างไร อยากเห็นไหมละขอรับ

โปรดได้ตอบคำถามที่ข้าพเจ้าถาม เพื่อเป็นวิทยาทานหน่อยเถิด หรือว่า คุณ มันก็แค่ พวกชอบ โอ้อวด อุตริ ลวงโลก เท่านั้น


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สิ่งทีคุณเขียนมาทั้งหมด ผิดทั้งหมด ไม่ถูกต้องทั้งหมดนั่นแหละ...

คงต้องรบกวนท่านแสดงสิ่งที่ว่าถูกต้องให้ผมด้วยครับ หากผมผิดทั้งหมดอย่างที่คุณว่า แล้วปฏิบัติธรรมกันที่ใหนละครับ มีโอกาสจะได้เข้าไปศึกษา

โสดาบัน แตกต่างกันเพียงความแก่กล้าของปัญญาอินทรีย์ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน มรรคจิดเสื่อมได้ แต่ผลจิตไม่เสื่อม

อ้างคำพูด:
ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า การฝึกตน หรือปฏิบัติธรรม ให้บรรลุสู่ชั้น โสดาบัน ไม่ใช่ของง่าย แต่จะดูได้ง่าย ถ้าบุคคลนั้น บรรลุธรรมชั้นโสดาบันแล้ว

น่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมมาแสดงด้วยนะครับ ขอเป็นความรู้

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 16 ส.ค. 2009, 15:44, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ใครชนะ โลภะ โทสะ โมหะ ได้..คือพระอรหันต์

ขอรายละเอียดมาแสดงด้วยนะครับ อยากรู้จริงๆ

โมหะที่ผมว่ามีนิยามอย่างนี้นะครับ

อโมหะ ความไม่หลง คือ ความรู้จริง ได้แก่ปัญญา, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโมหะ

โมหะ แปลว่า ความหลง ความเขลา ความโง่ หมายถึงความไม่รู้ตามที่เป็นจริง เป็นกิเลสอย่างหนึ่งในบรรดากิเลสใหญ่ 3 อย่าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งได้แก่อวิชชา นั่นเอง โมหะ เกิดจากความคิดเห็นที่ผิด จากการไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้ประจักษ์ในเรื่องนั้นๆ ให้ถ่องแท้ถี่ถ้วนก่อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นเหตุให้ไม่รู้บุญไม่รู้บาป ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาป ชักนำให้ไปทำความชั่วความไม่ดีต่างๆ เช่น ประมาท ทะเลาะวิวาท แก่งแย่งชิงดี อวดดี เกียจคร้าน บ้ากาม อกตัญญู เชื่อง่าย หูเบา

โมหะ กำจัดได้ด้วยปัญญา คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นประจักษ์ในสิ่งนั้นๆ ให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์

กลุ่มโมหะ ธรรมฝ่ายชั่วนี้มี 4 อย่าง คือ

โมหะ เป็นความหลง หรือธรรมชาติที่ปิดความจริงของอารมณ์
อหิริกะ เป็นธรรมชาติที่ไม่ละอายในการทำผิดทางกาย วาจา ใจ
อโนตตัปปะ เป็นธรรมชาติที่ไม่กลัวเกรงต่อผลของบาป
อุทธัจจะ เป็นความฟุ้งซ่านหรือธรรมชาติที่จับอารมณ์ไม่มั่น

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้นด้วยเศียรเกล้า
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ

_28_paragraph_103.jpg
_28_paragraph_103.jpg [ 87.17 KiB | เปิดดู 12447 ครั้ง ]
การปฏิบัติธรรมภาวนานั้นจะทราบว่าได้ว่าได้ขั้นไหนหรือได้อะไรมาบ้างในการปฏิบัติธรรมนั้นจะทราบได้เฉพาะตนครับท่านกัลญาณมิตรผู้เจริญในธรรม

ท่านลองอ่านธรรมะข้อนี้เอาเถิด

สันทิฏฐิโก เป็นสิ่งที่ผู้สึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน

ขอแสดงความคิดเห็นแก่ผู้เขียนโพสนี้ครับ

ขอท่านพึงปฏิบัติและเจริญให้แจ้งและขอให้ท่านพึงเจริญในธรรมและมีดวงตาเห้นธรรมในปัจจุบันชาติเถิด สาธุๆๆๆๆ

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยจะเป็นคนเดิมๆ แต่เปลี่ยนชื่อมาใหม่ ถามไม่ยอมตอบ ในเมื่อไม่ยอมตอบ ก็ต้องสัณนิษฐานว่า ไม่ได้รู้จริงรู้แจ้งอะไรเลย
ได้แต่อยากรู้ ความคิด ความรู้ของผู้อื่นๆ
เอ้า เอาอีกครั้ง
ท่านทั้งหลายรวมถึงเจ้าของกระทู้กล่าวว่า บุคคลผู้บรรลุโสดาบัน รู้ได้เฉพาะตน กระนั้นหรือท่านทั้งหลายคิดบ้างไหมว่า บุคคล ย่อมมีความลำเอียงเข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว บุคคลนั้น จะรู้ได้เฉพาะตนอย่างไรว่า เขาบรรลุธรรมชั้นโสดาบันแล้ว
พวกคุณตอบได้ไหม หรือว่าตอบแบบลวงโลก ตอบแบบ อวดอุตริ คือไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ได้ฝึกตนจนถึงชั้น โสดาบันเลย แต่ดันทุรังเขียน เพราะอยากโอ้อวดความโง่หรือขอรับ
อนึ่งพระโสดาบัน ทุกชนิด ก็เหมือนประชาชนคนธรรมดาทั่วไปนี้แหละ แต่สามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้ ขจัดอาสวะก็คือ ขจัดคลื่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกจากร่างกาย เปล่งเป็นแสงสีต่างกัน มี 6 ชนิดแสงสี แต่รูปแบบแห่งแสงสีเหล่านั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ขจัดคลื่นความคิด ณ. ศีรษะ ก็จะเปล่งแสงให้เห็นได้ด้วยตาเปล่ารอบศีรษะ เป็นแสงคล้ายดวงอารทิตย์หรือดวงจันทร์บ้าง เป็นแสงแฉกๆบ้าง เคลื่อนที่บ้าง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงบอกว่า การปฏิบัติให้ถึงธรรมชั้น โสดาบัน เป็นเรื่องยาก สำหรับปุถุชนที่สมองสติปัญญาน้อยนิด แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะสามารถรู้ได้ว่า บุคคลปุถุชนนั้นๆ สามารถปฏิบัตธรรมได้ถึงชั้นโสดาบัน เพราะถึงจะมีสมองสติปัญญาอันน้อยนิด แต่ถ้ามีความเพียร ก็ย่อมปฏิบัติได้ และเมื่อบรรลุธรรมเพียงแค่ รู้จักมรรคผล อันเป็นธรรมชั้นโสดาบันบื้องต้น บุคคลนั้นๆ ก็ย่อมสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้เป็นบางเรื่อง บางอย่าง และขณะขจัดอาสวะแห่งกิเลส ก็จะเปล่งแสงรัศมี หรือ ฉัพพรรณรังสี สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับ ความหนาแน่นของคลื่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.palungjit.com/smati/books/index.php?cat=195

คะ


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ออร่า :b10: :b14: :b5: :b23:

ยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ แล้วเห็นออร่าด้วยตาเปล่าได้ด้วย ...

แล้วที่ปฏิบัติได้ยากนั้นมันเป็นมาอย่างไรละครับ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron