วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2009, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


พอดีได้ฟังคำสอนของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล จากช่องธรรมช่อง81 ซึ่งท่านเน้นคำสอนที่เป็นพุทธวัจน์เป็นหลัก คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำกล่าวคำตรัสของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าเป็นหลัก ซึ่งน่าสนใจมาก จึงได้ไปกราบท่านที่วัดนาป่าพง

แล้วก็เลยมีพุทธวัจน์ (แปลไทย) ที่น่าสนใจ และ/หรือที่บางท่านอาจจะยังไม่รู้ จึงเอามาแบ่งปันกันครับ

เหตุแห่งความอันตรธานของคำสอนเพราะไม่ฟัง ไม่ตั้งใจฟัง ไม่ตั้งใจศึกษาพุทธวัจน์แต่ไปฟัง ไปตั้งใจฟัง ไปตั้งใจศึกษาของคนอื่น=========================================
....
ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย, สุตตันตะ (คำสอน) เหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึกมีความหมายซึ่ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่. เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด มีนักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสรวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่,เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตน ควรศึกษาเล่าเรียนไป.

ภิกษุ ท.! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้น ที่เป็นคำของตถาคตเป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตาจักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
–นิทาน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓.

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 00:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีผู้ถามพระพุทธเจ้าว่า..ถ้าพระองค์สิ้นไปแล้ว..ภายหลังมีผู้กล่าวธรรมว่าเป็นธรรมของพระองค์..จักมีวิธีใดจำแนกได้ว่าจริงเท็จประการใด..ได้

พระองค์ตอบว่า....ธรรมใดเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย..คลายกำหนัด..ธรรมนั้นเป็นธรรมของเราตถาคต..

ผมก็เลยคิดว่า..

คำพูดใดที่ทำให้เรา..เห็นทุกข์..คำนั้นเป็นธรรม
คำพูดใดที่ทำให้เรา..อยากพ้นทุกข์..อยากไปนิพพาน..คำนั้นเป็นธรรม
คำพูดใดที่..เมื่อเรานำไปปฏิบัติ..จนพ้นทุกข์ได้แม้ทีละน้อย ๆ จนถึงหมดสิ้นแล้ว..คำนั้นเป็นธรรม

ผมคิดว่า..นี้เป็นธรรม..ของพระพุทธเจ้า..

ดังนั้น..ถ้านับถือพระพุทธเจ้าจริง..ต้องทำตามพระพุทธองค์..คือ..ละความชั่วทั้งปวง..บำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม..ทำจิตให้บริสุทธิ์

คำถาม..แล้วคำสอนที่ต้องรู้..ทำให้คุณ ๆ คิด(ได้จริง ๆ )ว่า..จะตามพระพุทธเจ้า..หรือเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 21:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จะพุทธพจน์ก็ดี อาจาริยวาทก็ดี กัลยาณมิตรก็ดี
ทั้งหมดคือปริยัติ

ปริยัตินั้น เอาไปใช้อะไรได้แค่ไหนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเลือกว่าจะปริยัติอันไหนดี
ถ้าเราไม่ปฏิบัติลองของดูเอง เราก็จะสงสัยอยู่เรื่อยไปว่าถูกหรือผิด

ในทางตรงกันข้าม ยุคนี้มีคนยึดพุทธพจน์อย่างยิ่งยวดมากมาย
ก็คิดว่าปัญญาที่ตนมีนั้นรองรับปัญญาพระพุทธเจ้าที่ผ่านมาทางภาษาบาลีได้
มั่นใจตัวเองเกินไปว่าฟังพระพุทธเจ้าโดยตรงแล้วจะเข้าใจเท่ากับที่พระพุทธเจ้าพูด

ครั้งหนึ่งพระอานนท์ได้ฟังปฏิจสมุปบาทจากพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ก็อุทานทำนองว่า ง่าย เข้าใจแล้ว
พระพุทธเจ้าก็ทรงทักในทำนองว่า อย่ารีบด่วนสรุป ไม่ง่ายอย่างนั้น อย่าประมาท
นี่ก้คือตัวอย่างที่ควรจะสังวรณ์ไว้ว่า พระพุทธเจ้าพูดด้วยปัญญาระดับพระพุทธเจ้า
คนฟังล่ะ ปัญญาเท่าท่านหรือถึงไปฟังท่านแล้วคิดว่าจะรู้เรื่องทุกคำ

พระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านปัญญามาก แต่ที่ท่านมาถึงวันนี้ได้ก็ไม่ใช่ว่าท่านทำมาคนเดียวลำพัง
พึงทราบว่าท่านเป็นลูกศิษย์โดยตรงที่บวชอยู่กับหลวงพ่อชาในระยะเวลาหนึ่ง
และเพราะท่านมีเกิดศรัทธา มีสังฆังสรณัง ท่านถึงกลายมาเป็นพระที่มีปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง
ถ้าหลวงพ่อชาชี้ให้ไปศึกษาเอากับพระคัมภีร์ ผมคิดว่าแม้ปัญญาจะมากปานใด ก็ไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอด
ก็ต้องได้คำสอนง่ายๆจากหลวงพ่อนั่นแหละ ท่านจึงเข้าใจของยากที่สุดได้
เพราะคนที่จะพูดของยากให้ง่ายได้นั้น เป็นผู้ที่ทรงปัญญาอย่างแท้จริง

อ่านเอาแต่พระไตรปิฏกก็ไม่รอดหรอก
แต่จะเล่นพึ่งอาจารย์หมดทุกอย่าง ก็ไม่รอดเหมือนกัน
ก็เป็นความพอดีที่ต้องไปดูแลตัวเอง

คนฉลาดนั้น แม้ว่าจะ"รู้"อะไรก้ตาม แต่จะไม่ยึด
ไม่ใช่เลือกยึด เลือกรู้ เลือกขั้ว เลือกข้าง

หลวงพ่อท่านเน้นอย่างนั้นน่ะถูกแล้ว หน้าที่ท่านต้องทำอย่างนั้น
แต่คนฟังนั่นแหละ ชอบทำให้มันเป็นคณิตศาสตร์
คือชอบหลงไปทำให้มันมีการเลือกข้างขึ้นมา ให้มันมีขั้ว มีเปรียบต่าง
ว่าเอาอย่างหนึ่งแล้ว ต้องไม่เอาอีกอย่างหนึ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีเหตุผลที่ดีที่ จะฟังพระไตรปิฎกแต่อย่างเดียว
ไม่มีเหตุผลที่ดีที่ จะฟังคัมภีร์อื่นแต่อย่างเดียว
ไม่มีเหตุผลที่ดีที่ จะฟังแต่กัลยาณมิตรผู้แนะนำแต่อย่างเดียว
ทุกอย่างต้องประกอบกันเพื่อช่วยในการปฏิบัติ แม้ปฏิบัติก็ช่วยสอบทานความถูกต้องของ
คัมภีร์ได้เช่นกัน

พระไตรปิฏกไม่ใช่เกิดมาจากการจดจารของพระพุทธเจ้า แท้จริงก็มาจากการจดจารย์ในชั้นหลังๆ
ซึ่งก็หมายความว่า ไม่มีใครยืนยันได้อย่างเต็มร้อยว่า ตรงที่สุด ถูกที่สุด

ถ้าไม่เชื่อกัลยาณมิตรเลย ก็เท่ากับไม่เชื่อคัมภีร์ในชั้นหลัง เพราะกัลยาณมิตรย้อนหลังไป ต่างก็นำ
ความรู้มาจากคัมภีร์ซะส่วนมาก
ถ้าไม่เชื่อคัมภีร์ชั้นหลังเลย ก็เท่ากับไม่เชื่อพระไตรปิฎก เพราะผู้รจนาคัมภีร์ชั้นหลัง ก็ล้วนแต่รจจนา
ภายไต้กรอบของพระไตรปิฎก มุ่งหวังตามพระไตรปิฎก และที่สำคัญ พระไตรปิฎก จารึกโดยผู้คนหลัง
พุทธกาล จะเป็นใครไม่ได้นอกจากอรรถกถาจารย์

ถ้าจะเชื่อพระไตรปิฎก ก็ต้องย้อนถามตัวเอง แปลความ ตีความได้อย่างบริสุทธิ์แน่นอนหรือยัง

เรื่องมันยาวว พูดจบยากเรื่องการปฏิบัติที่จะอาสัยคัมภีร์ ทิฏฐิของเราลดหรือยัง ถ้าลดบ้างแล้ว
คัมภีร์ที่เราศึกษาอยู่ปฏิบัติอยู่นั่นแหละ ใช้ได้พอควร

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๘ ควรทำหน้าที่ทูต องค์ ๘ เป็นไฉนคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑. รับฟังผู้อื่น
๒. ทำให้ผู้อื่นฟังตน
๓. กำหนดจิตฟัง
๔. ทรงจำดี
๕. รู้คำพูดของคนอื่น
๖. ทำให้ผู้อื่นรู้คำพูดตน
๗. ฉลาดต่อประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
๘. ไม่ชวนทะเลาะ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล ควรทำหน้าที่ทูต ฯ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรผู้ประกอบด้วยองค์ ๘ คือ:
๑. สารีบุตรเป็นผู้รับฟังผู้อื่น
๒. ทำให้ผู้อื่นฟังตน
๓. กำหนดจิตฟัง
๔. ทรงจำดี
๕. รู้คำพูดของคนอื่น
๖. ทำให้ผู้อื่นรู้คำพูดตน
๗. ฉลาดต่อประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
๘. ไม่ชวนทะเลาะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรผู้ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล ควรทำ หน้าที่ทูต

พระผู้มีพระภาคตรัสประพันธคาถา ว่าดังนี้:

ภิกษุใด เข้าไปสู่บริษัทที่พูดคำหยาบก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่ยังคำพูดให้เสีย
ไม่ปกปิดข่าวสาส์นพูดจนหมดความสงสัย
และถูกถามก็ไม่โกรธ
ภิกษุผู้เช่นนั้นแล ย่อมควรทำหน้าที่ทูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยไปกราบท่านสองครั้งนะได้ความรู้ดีวัดน่าอยู่ดีง่ายๆไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าเรื่องคำสอนแล้วท่านก็แสดงตามคำสอนแต่จะตีความหมายถูกต้องแค่ไหน อันนี้ผมไม่มีความรู้ ท่านเป็นคนตั้งใจจริงมาก ฟังแล้วสบายใจดี

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน อาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลกที่หาได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน :b8: :b8: :b8:

อยากให้ทุกท่านศึกษาประวัติ และ ปฏิปทาของท่าน
และ ควรหาโอกาสไปกราบศึกษาธรรมจากท่าน

ผมเห็นด้วยกับ แนวคิดที่สนับสนุนให้คนรุ่นปัจจุบันได้มีศึกษาพระพุทธพจน์ดั้งเดิม
เพราะ ผมมั่นใจว่า ไม่มีอาจารย์องค์ไหนที่จะแสดงธรรมได้รัดกุมรอบด้านเท่าพระพุทธพจน์ที่บันทึกกันไว้ในพระสูตร(แปลไทย)
และ พระพุทธพจน์ดั้งเดิม จะเป็นแกนหลัก ให้แต่ละสายสำนักที่มีแนวทางแตกต่างกันมากๆ สามารถมีจุดร่วมกันได้




แต่ ผู้ที่จะรับช่วงมาเผยแผ่แนวคิดนี้ ก็ต้องมีกุศโลบายที่ดีด้วยเช่นกันครับ

บทธรรมเรื่อง องค์ธรรมซึ่งทูตที่ดีพึงมี นั้น
ผมนำมาจาก เว็บพระพุทธวจนะเสวนา ของวัดนาป่าพง ครับ

http://www.watnapahpong.net/forum/viewt ... ?f=12&t=21


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


จากบางส่วนในพระสูตรที่ผมยกขึ้นมาข้างบนสุดนั้น
"...เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก,..."
ผมก็จะนึกถึงที่เป็นข่าวไม่นานนี้ที่มีสำนักนึงฝึกสมาธิโดยใช้งูมาพันหรือคล้องคอหรือคำสอนที่เคยๆได้ยินเช่นว่า ...ทำอะไรก็ทำไปเถอะ เอาไว้ใกล้ตาย ค่อยกำหนดจิตให้ดีๆ...
ก็คงจะเข้าทำนองที่พระพุทธเจ้าได้เตือนไว้ในการหายไปของคำสอนของท่าน

ก็คงอยากให้ใครก็ตามทั้งพระทั้งฆราวาสที่สอน/เผยแพร่ศาสนาพุทธคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ระวังมากๆ เพราะตัวเองอาจจะคิดว่าเป็นเจตนาดีแต่จะกลับกลายเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาเสียซะ

และเกี่ยกับการอ้างง่ายๆว่าพระไตรปิฏกมันเพี้ยน ก็จะทำให้พระไตรปิฏกเสื่อมเสียเปล่าๆ ควรจะมีเหตุผลที่ดีมากๆถ้าจะกล่าวเช่นนั้น เพราะสิ่งนี้เป็นการสืบถอดมาเป็นพันๆปี ตามที่ผมพอๆจะเข้าใจ (ถ้าเข้าใจผิดก็บอกกันได้ครับ) อย่างเป็นระบบที่เรียกว่าสังคายนาโดยเริ่มต้นจากพระอรหันตร์500รูป ไม่ใช่ว่าใครที่ไหน ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่คือพระอรหันต์ และรูปสุดท้านที่เข้าร่วมสังคายนาครั้งแรกนี้ก็คือพระอานนท์

ถ้ามีเหตุผล หลักฐานที่ดีก็ต้องรีบแจ้งให้ชาวพุทธทราบจะได้มีการแก้ไขหรือ... อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นกิจลักษณะ
สำหรับผมพระไตรปิฏกนี่เป็นสิ่งศักสิทธ์ เปรียบเหมือนพระศาสดา ดังที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
"...ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."

มันจะประมาณเหมือนกล่าวว่าพระศาสดาเพี้ยนก็ต้องระวังมากไม่ใช่กล่าวกันง่ายๆ พูดกันง่ายๆ มันเสียหมด
สำนวนในการแปลจากบาลีเป็นไทยก็คงมีความแตกต่างกันบ้าง จุดไหนมีปัญหาก็มาดูกันเป็นจุดๆ เป็นเรื่องๆไป บางคำสอนถ้าได้ศึกษาให้มาก ปฏิบัติให้มาก ก็จะช่วยได้ระดับนึงอยู่แล้ว และจริงๆแล้วก็คงไม่ต้องอ่านพระไตรปิฏกทั้งหมดจึงจะบรรลุ และเพราะว่าอย่างไรก็ตาม พระไตรปิฏกไม่ได้มีให้เชื่อ เขาให้มีใว้ให้ศึกษา
-------------------------------------------------
ในคราวหนึ่งครั้งพุทธกาล พระสารีบุตรและสาวกหลายรูปนั่งฟังธรรมด้วยความเคารพต่อพระพักตร ์ของพระพุทธเจ้า ท่านก็อธิบายธรรมะให้ความเข้าใจไป แล้วที่สุดท่านก็ย้อนถามพระสารีบุตรว่า "ท่านสารีบุตรเชื่อแล้วหรือยัง"
พระสารีบุตรตอบว่า "ข้าพระองค์ยังไม่เชื่อ"
พระพุทธองค์ก็ทรงสรรเสริญ "เออ สารีบุตรดีแล้ว นักปราชญ์ไม่ควรเชื่อง่ายๆ ควรไตร่ตรองพิจารณาแล้วจึงเชื่อ"
จาก http://board.palungjit.com/f63/สัมมาสมาธิ-พระโพธิญาณเถร-ชา-ส ุภัทโท-123350.html
--------------------------------------------------

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำตรัส หมายถึงตัวอักษร มีวันเสื่อมสลายตามหลักสัจธรรม มีเกิดก็มีดับ แต่หลักธรรม ธรรมะ ไม่มีวันเสื่อมสลายค่ะ ไม่ว่ากี่โลกกี่ชาติก็ตาม

การจะเข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงมีทางเดียว ไม่ว่าจะสงฆ์หรือเราๆท่านๆ ถือศีล ทำสมาธิ แล้วรอปัญญาธรรมเกิดค่ะ

สงฆ์ถือศีลมาก เพราะเป็นผู้ที่ต้องเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ คนที่จะเผยแพร่ได้ก็ต้องรู้และทำได้ด้วยไงคะ

ถ้าสงฆ์มีกิเลส ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี (กิเลสไม่จำเป็นต้องเป็นตัวที่ไม่ดีเสมอไป ความรัก ความตั้งใจ ก็เป็นกิเลส) หมายถึงยึดติดกับความรู้สึก ความปรารถนา ฯลฯ ก็เลยทำให้การเข้าถึงธรรมก็ยาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ chulapinan ขออณุญาติทักที่คุณPost มาบางจุด ซึ่งอาจจะไม่สำคัญก็ได้ครับ แค่อ่านแล้วรู้สึกอยากจะทัก คล้ายๆว่ามันจะโยงไปยังสิ่งที่ผมอยากจะเขียน(ประมาณๆนั้น) ไม่ได้มีประสงค์อะไรชัดเจน ไม่ได้จะจับผิดอะไรกับที่Postมาด้วยนะครับ :b1:
chulapinan เขียน:
คำตรัส หมายถึงตัวอักษร มีวันเสื่อมสลายตามหลักสัจธรรม มีเกิดก็มีดับ แต่หลักธรรม ธรรมะ ไม่มีวันเสื่อมสลายค่ะ ไม่ว่ากี่โลกกี่ชาติก็ตาม

คำตรัสก็ต้องหมายถึงคำตรัส คำพูดซิ จะหมายถึงตัวอักษรอย่างไร! ตัวอักษรเป็นการถูกบรรทึกมาอีกทีนึงโดยการจดจำ ซึ่งก็ไม่ใช่การบันทึกเองโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย แต่เข้าใจว่า(เคยอ่านเคยได้ยินมา) ว่าสมัยก่อนโน้นนั้นคนความจำดี ไม่เหมือนสมัยนี้ มีความจำสั้น ดูเช่นสมัยก่อนเขาไม่มีหนังสือธรรมให้อ่านสักกะเล่มเลย ไม่เหมือนสมัยนี้ หนังสือธรรมมากกกกกกมายยยยยจริงๆ มันช่วยหรือไม่ช่วยกันแน่นะ :b10:
แต่คนที่ได้แน่ๆก็พวกที่ทำหนังสือขาย ได้กะตัง :b34: แต่อย่างว่าพวกที่ทำแล้วเจ๊งก็มี

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 23:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่จริง..ก็ไม่ได้คิดอยาก..แนะนำอะไรกับคุณ จุฬาภินันท์..เพราะเท่าที่เห็นจากที่อื่น..แก้วน้ำท่านเต็มแล้วนะซิครับ...แต่พอเห็น..อย่างข้างล่างนี้แล้ว..มันคันหัวใจ..ยิก ๆ

chulapinan เขียน:

การจะเข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงมีทางเดียว ไม่ว่าจะสงฆ์หรือเราๆท่านๆ ถือศีล ทำสมาธิ แล้วรอปัญญาธรรมเกิดค่ะ


มิน่าละ..จึงได้คิดว่าอย่างนี้..

อ้างคำพูด:
จุฬาภินันท์ถือศีล ทำสมาธิ จนได้ปัญญา มามากหน่อยๆ เลยอยากแนะนำคนทั่วไปให้ปฏิบัติ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร