อูย...ถามแรงจังค่ะ



อันนี้น่ากลัวกว่าค่ะ แต่อิฉันว่าอิฉันไม่ได้ตอบนอกแนวพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกเลยนะคะ..

ตอบ ...คุณกรัชกายค่ะ แล้วพระไตรปิฎกชุดไหนละค่ะที่บอกว่าเจ้าชายสิทธัตถะ อยู่ภูมิอื่น ๆ ...เป็นมนุษย์ค่ะ มีลูกมีเมียมีพ่อมีแม่พี่น้อง.......แต่ด้วยความเพียรค่ะ .... เพียรที่จะเป็นพระพุทธเจ้า....แต่การเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว(ที่ไม่ใช่เจ้าชายสิทธัตถะแล้ว) ท่านเป็นผู้วิเศษเป็นผู้ยอดเยี่ยมกว่า.......อะไรทั้งหมดหมื่นแดนโลกธาตุ...หมื่นแดนจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้า เทวดา มาร พรหม.....ฯลฯ....น่าควรบูชา น่าควรยกย่อง ....ไม่มีผู้เปรียบ ไม่มีผู้เทียบ ..แต่ทำไมคนที่เรียนพุทธพจน์ของพระพุทธองค์บางพวกกล่าวตู่พระพุทธองค์ ก็ไม่รู้ค่ะ...เหมือนเปรียบเทียบให้พระพุทธองค์เป็นแค่มนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นและ...เหมือนให้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ค้นพบอะไรดี ๆ สักอย่าง....ไม่รู้คิดยังไงกัน ...ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เรียนธรรมะและบวชเป็นพระอยู่ในพระศาสนาของพระพุทธองค์ เฮ้อ....ยังไงดีละนี่...ก็ถ้าคนไม่ได้เรียน ศึกษาพระศาสนาอย่างท่องแท้...ไปอ่านหนังสือพวกนั้นหนะ(หนังสือที่ตัดเอา หัว คอ แขน ขา มือ เท้า นิ้ว)มาแต่งใหม่ตามความเห็นของตัวเองและขาย.. มันอันตรายจริง ๆ ค่ะสำหรับผู้ยังไม่เข้าใจพระศาสนาดีพอ อย่างที่คุณชาติสยามว่านั่นแหละค่ะ เอ...ก็กล่าวว่ามีนรกรองรับอยู่นี่ค่ะ แล้วกระทู้โน้น ..ว่าอย่างไรดีค่ะ..ตกลงว่ามีหรือไม่อย่างไร....แต่เห็นว่ามีหลาย ๆ คนที่เขาพิสูจน์ได้ว่ามี....และยืนยันหนักแน่น ทั้งพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงและมีคุณธรรมสูง และฆารวาส ..ทั้งที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนายแพทย์ เป็นทันตแพทย์..ฯลฯ แม้แต่เด็กเล็ก ๆ นอนฝันว่าตัวเองไปนรก มีพระตกในหลุมนั้นอยู่เยอะมาก ณ.ขณะนี้ และมาบอกกล่าวกันตรงกันหมด ก็มีอยู่เยอะนะค่ะ แต่ทำไมท่านกรัชกาย ไม่ปรารถนาเห็นละค่ะหรือว่ากลัว ......มีวิธีให้นะคะแต่ต้องเป็นการส่วนตัวเท่านั้นและก็คงเหยียดหยามดูถูกอีกว่าพวกบ้า...แต่เทวดาก็คงจะไม่ชอบคุณกรัชกาย หรอกค่ะ เพราะคุณกรัชกายรังเกียจเขาบอกว่าเขาไม่มีอยู่ร่วมกับมนุษย์ค่ะ แหมจริง ๆ วิธีการอะไรก็เยอะแยะมาก แต่ทำไมเอามาสอนกันแต่ยอดภูเขาก็ไม่รู้ค่ะ จะสอนระดับล่างๆก็ผิดพุทธพจน์ไปอีกมากมายกลายเป็นเหยียบย่ำทำลายพระศาสนาโดยไม่รู้ตัว...แท้จริงแล้วพระพุทธองค์สอนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทั้งชาวมนุษย์และชาวโลกทิพย์ โดยมีวิธีการต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยช่วยเหลือกันได้(โดยวิธีที่ถูกต้อง..ไม่ใช่วิธีการที่ชาวพุทธกำลังหลงใหลบ้าคลั่งกันอย่างที่เป็นข่าวต่าง ๆ ) มีวิธีการในหลายพระสูตรในพระไตรปิฎกบอกว่าให้อยู่ร่วมกันอย่างรู้จักกัน ทำดีต่อกัน เกื้อกูล ..และให้ผลบุญต่อกันคือการที่เรียกว่าอุทิศ..แต่มนุษย์ปัจจุบันกลับลืมพวกเขา ...บางพวกกลัวและเอาเป็นที่พึ่ง..อ้อนวอนขอร้องบูชาฯลฯ ....บางพวกเหยียดหยามดูถูกว่าไม่มีพวกเขามีแต่ชาวมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานที่เห็นในขณะนี้เท่านั้น....แต่เอ...มาถึงตรงนี้ขอถามท่านกรัชกายทีว่า....ดูเหมือนคุณกรัชกายกล่าวเป็นนัย ๆ ว่า โลกใบนี้มีแต่มนุษย์เท่านั้น...แต่..เห็นคุณกรัชกายกล่าวว่าทำบุญงานศพ พระสวดพระอภิธรรม...อ้าวถ้าญาติสาโลหิตที่ตายไปแล้วมาตั้งโชว์และสวดกันทำไมค่ะ ทำไมไปเผาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป...ทำบุญ 7 วัน 9 วัน 3 เดือน เอ้ย..100 วัน..ไม่รู้จะทำทำไม...ละค่ะ อู้ย...ยิ่งกล่าวก็ยิ่งขัดกันไปหมด กับ สมมติ วิมุติ รู้อารมณ์ ไม่ทันอารมณ์..อิฉันไม่รู้หรอกค่ะ อิฉันทราบแต่ว่าอยู่อย่างไรให้มีประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่น คือทั้งมนุษย์และชาวโลกทิพย์..เพราะอิฉันสัมผัสได้เล็กน้อยค๊า....(หรือว่าสติเริ่มที่หลงลืมเพ้อพกไม่ทราบค่ะ) แต่ความรู้สึกว่ามีเพื่อนเป็นชาวโลกทิพย์ยังดีกว่ามีเพื่อนที่เป็นมนุษย์ที่ไม่เรียนพุทธพจน์ในพระศาสนาอย่างท่องแท้และประเภทแปลความเข้าข้างตัวเองหรือมีผลประโยชน์ใดไม่ทราบค่ะ ....ราตรีสวัสค่ะคุณกรัชกาย...

เฉลยคำถาม ฉบับปกติไม่ประชดประชัน


“นครของเราชื่อกบิลพัสดุ์ พระราชา พุทธบิดา พระนามว่า สุทโธทนะ

พระมารดา ผู้ให้กำเนิดแก่เรา พระนามว่า มายาเทวี

เราครอบครองอาคารสถานอยู่ ๒๙ ปี

มีปราสาทเลิศ ๓ หลัง ชื่อ สุจันทะ โกกนุท และโกญจะ

มีสนมนารีกำนัลในล้วนประดับประดาสวยงาม แปดหมื่นสี่พันนาง

มเหษีของเรานามว่า ยโสธรา

โอรสนามว่า ราหุล

เราเห็นนิมิต ๔ อย่าง จึงออกบวชด้วยอัศวราชยาน

ได้บำเพ็ญเพียรประพฤติทุกรกิริยาอยู่ ๖ พรรษา

เราประกาศธรรมจักรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี

เรา คือ พระสัมพุทธเจ้าชื่อว่า โคตมะ เป็นสรณะของสรรพสัตว์ ฯลฯ

อายุเราในยุคสมัยบัดนี้ น้อยเพียงชั่วร้อยปี

ถึงจะดำรงอยู่เพียงเท่านั้น เราก็ได้ช่วยพหูชนจำนวนมาก ให้ข้ามพ้นความทุกข์ และได้

ตั้งคบเพลิงธรรมไว้สำหรับปลุกประชาชนภายหลังให้ได้ตรัสรู้

ไม่นานเลย เราพร้อมทั้งหมู่สาวก ก็จักปรินิพพาน เหมือนไฟดับเพราะสิ้นเชื้อ

ร่างกายนี้ อันทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติ วิจิตรด้วยวรลักษณะทั้ง ๓๒ ประการ มีเดชหาที่เทียบมิได้ กับทั้ง

ทศพลและประดาฤทธิ์ มีรัศมี ๖ ประการ สว่างไสวทั่วทศทิศ ดุจดังดวงสุริยา

ก็จักอันตรธานไปหมดสิ้น

สรรพสังขารล้วนไร้แก่นสาร ว่างเปล่าหนอ”

(ขุ.พุทฺธ. 33/26/544)

คุณ ไม่สายเกินไป..หาเวลา..ปฏิบัติธรรมบ้างนะครับ..

พุทธพจน์ที่ทรงเล่าประวัติของพระองค์เองดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เกิดที่ไหน พระบิดา พระมารดาชื่ออะไร
มเหสี โอรสชื่ออะไร บอกหมด
แล้วเกิดอนุสสติยังไง จึงออกบวช บวชแล้วทำยังไงบ้าง
ฯลฯ
ทรงเล่าถึงคุณสมบัติที่มีในพระองค์เป็นต้นว่า (ร่างกายนี้ อันทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติ
วิจิตรด้วยวรลักษณะทั้ง ๓๒ ประการ มีเดชหาที่เทียบมิได้ กับทั้งทศพลและประดาฤทธิ์
มีรัศมี ๖ ประการ สว่างไสวทั่วทศทิศ ดุจดังดวงสุริยา ก็จักอันตรธานไปหมดสิ้น
สรรพสังขารล้วนไร้แก่นสาร ว่างเปล่าหนอ)


ให้แง่คิดต่ออนุชนรุ่นหลังว่า พระพุทะเจ้าเป็นมนุษย์ แต่มีปัญญาคุณ บริสุทธิคุณ มหากรุณาคุณ
ต่อมวลมนุษยชาติยิ่งกว่าบุคคลทั่วๆไปก็จริง
ถึงกระนั้นก็หนีกฎธรรมชาติไม่พ้น คือ ตาย (พูดอย่างเข้าใจกันทั่วๆไป -สรรพสังขารล้วนไร้แก่นสาร ว่างเปล่าหนอ)

แล้วอย่างนี้ เป็นอจินไตย เป็นสัทธรรมปฏิรูปไหมขอรับ คุณไม่สายเกินไป

เห็นด้วยค่ะ แต่ขอถาม....ค่ะคุณไม่สายเกินไป เคยอยู่ที่ลานนี้แล้วมาสมัครชื่อใหม่
หรือเปล่าคะ คือเราอ่านการตอบแล้วคุ้นๆๆๆๆๆๆ น่ะค่ะ
แต่ถ้าจำผิดก็ขอโทษนะคะ คือเราแก่ แล้วน่ะค่ะ แต่ถ้ามาใหม่ก็ขอชมว่าคุณเก่งค่ะ

๔๕ พรรษาหลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจสั่งสอน เวไนยชนที่พอแนะนำได้ ให้รู้ตาม

ดังนั้นคำสอนของพระองค์จึงมีมากมาย ที่บันทึกไว้ว่ามีถึงแปดหมื่นสี่พันธรรมขันธ์ (หัวข้อ)
คำสอนมีทุกระดับชนชั้น จากระดับพื้นบ้าน การครองเรือนทั่วๆไป จนถึงระดับสูงสุดคือปฏิปทาที่กำจัดกิเลสดับทุกข์ได้ อีกทั้งไม่ยึดติดกระทั้งตัวธรรมเอง ละบุญละบาป

พูดให้เข้าหลักก็ว่ามีทั้งโลกียธรรม และโลกุตรธรรม
ธรรมส่วนใหญ่พระองค์จะแนะนำมนุษย์ หรือ คนนี่แหละ อาจมีตรัสถึงโลกอื่นบ้าง ซึ่งก็เนื่องจากสภาพสังคมสภาพแวดล้อมของผู้คนในยุคสมัยนั้น ซึ่งก็ประกอบด้วยเจ้าลัทธิเจ้าศาสนาอื่นมากมาย
ทีเผยแผ่ลัทธิศาสนาของตน ซึ่งมีคำสอนที่แตกต่างจากพระองค์
ฯลฯ

ดูคำสอนพื้นบ้าน เช่นว่า

ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้
เพราะสถาน ๔ คือ

๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
๓.ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ
๔. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน
ผู้หวังจะดำรงตระกูลควรเว้นสถาน ๔ ประการนี้เสีย
(องฺ.จตุกก.21/336)

ธรรมสงเคราะห์กันระหว่างบุคคล ที่ตรัสไว้ในสิงคาลกสูตร (ที.ปา.11/172-206/194-207)
จะนำมาพอให้เห็นแนวคำสอน (ยาวขี้เกียจพิมพ์)

-บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
๒. ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน
๓. ดำรงวงค์สกุล
๔.ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท
๕ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศไปให้ท่าน

มารดาบิดา ย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้

๑. ห้ามกันจากความชั่ว
๒. ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา (สนับสนุนทางด้านการศึกษา)
๔. เป็นธุระในการมีคู่ครองทีสมควร
๕. มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อโอกาส

-คฤหัสถ์ บำรุงพระสงฆ์ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องบน โดย

๑. จะทำสิ่งใด ก็ทำด้วยเมตตา
๒. จะพูดสิ่งใด ก็พูดด้วยเมตตา
๓. จะคิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา
๔. ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๕.อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย ๔

-พระสงฆ์ ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้

๑. ห้ามปรามสอนให้เว้นจากความชั่ว
๒. แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจงาม
๔. ให้ได้ฟัง ได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ ไม่เคยฟัง
๕. บอกทางสวรรค์ให้ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

ยังมีหน้าที่ระหว่างศิษย์กับอาจารย์, สามีกับภรรยา, มิตรสหายต่อมิตรสหาย, นายกับคนรับใช้และคนงาน,

แหมท่านกรัชกาย....กลับไปตอบให้หน่อยสิครับ

มาสาธยายธรรมอยู่นี่เอง รออยู่นะขอรับท่าน

มาไล่มาต้อนให้เขาเบี่ยงเบนประเด็นของกระทู้ไปอีกแล้วเหรอท่าน จะมาเลยตามเลยไปกับท่านอีกแล้วเหรอ

ใจเย็นๆขอรับ คนขวางโลก เชิญคุณนั่งรออยู่ที่กระทู้ของคุณก่อน กรุณาอย่ามากวนที่นี่
ได้เวลาเหมาะสมเมื่อไหร่ กรัชกายจะไปเอง

ความจริงจะไม่ไปก็ได้ เพราะกรัชกายบอกลาคุณ คห.สุดท้ายหน้า 12 ไว้แล้วดังนี้ (คนขวางโลกว่า กรรมฐาน เปรียบเหมือนไก่กับไข่หรอขอรับ
กรรมฐาน แบบที่คุณทำนี่ดูมันลึกลับชอบกล
ถ้าแบบนั้นก็พอเท่านี้นะขอรับ ขอบคุณที่ให้ความรู้ และความกระจ่างตามแบบแผนของคุณ)

หรือไม่ไปดี ทำผลุบเข้าผลุบออก จะเสียสัจจะ

แค่มาสะกิดแค่นี้ถึงกับห้ามกวนเลยเหรอท่าน เวลาเหมาะสมที่จะไปเหรอก็แล้วแต่ท่านนะ

เอาให้พอใจท่านนั่นแหละแล้วค่อยไป รอได้ขอรับ

แหม จะเป็นปราชญ์ สักทีก็ไม่ดูกระทู้ เขาเสียเลยว่าเรื่องอะไรนะท่าน
ดึงไปเข้าเรื่องของตัวเองซะงั้น

อยู่อย่างไรให้มีประโยชน์กับตัวเอง และผู้อื่น คือ ทั้งมนุษย์และชาวโลกทิพย์..
เพราะอิฉันสัมผัสได้เล็กน้อยค๊า..


ประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ที่ผ่านคุณเล่ามาพอสมควรแล้วพอรู้....ตายก็ไม่ต้องสวดเผาเลย ฯลฯ ประเด็นนี้ผ่าน

แต่ตื่นเต้น ประเด็นใหม่ที่ว่า สัมผัสโลกทิพย์ของคุณ คุณสัมผัสโลกทิพย์ชั้นไหนขอรับ
เป็นไงบ้างครับ สัมผัสแบบไหนหรอ



ตรงไหนบ้างขอรับที่แปลเข้าข้างตนเอง แล้วที่กรัชกายนำมาข้างบน ไม่ท่องแท้อีกหรือขอรับ



ไม่ทราบแล้วคุณกล่าวอย่างนั้นได้ไงขอรับ

คุณไม่สายเกินไป คงไม่อ่านกระทู้ที่ท่าน admin รับสมัครผู้ดูแลบอร์ด กรัชกายก็ติดหนึ่งในสาม
แต่ได้ปฏิเสธไม่รับหน้าที่นั้น เหตุผลเพราะไม่คล่องตัวในการแสดงความเห็น สู้ไม่มีตำแหน่งอะไรแบบนี้
ไม่ได้ จึงปฏิเสธไม่รับ

บอกนะครับว่า กรัชกายไม่มีผลประโยชน์อันใด แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาได้ประโยชน์อะไรจากการนี้
ไม่ทราบเลยจริงๆ เพราะเข้ามาก็เข้ามาโดยบังเอิญ เป็นสมาชิกธรรมดาๆ เหมือนคุณ
แต่อยู่มาไม่ถูกไล่ถูกแบน เพราะที่นี่ใจกว้างพอสมควร แต่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ (บ้านเลขที่ ๕)

บอกอย่างไม่อายว่า ว่าตนเองเคยถูกแบนมาสองสามเวปแล้วนะขอรับ

ตอบคุณไม่สายเกินไปด้วยความเคารพ

เอาเป็นว่า กรัชกายขอโทษหากที่ผ่านมาทำให้คุณขุ่นข้องใจ
ถ้าไม่มีประเด็นอื่นแล้ว จบการสนทนากับคุณเพียงเท่านี้ก็ได้นะขอรับ

ไม่อยากจะเชื่อเลยนะนี่

เพราะคุณร้องเพลง เพราะเกินไปรึเปล่าคะ...

ไม่อยากจะเชื่อเลยนะนี่
เพราะคุณร้องเพลง เพราะเกินไปรึเปล่าคะ

คุณเอรากอนถามถูกจุด

เรียกว่า ร้องไม่ดูตาม้าตาเรือมากกว่าคับ

เรื่องนี้เล่าแล้วอด ไม่ได้

เคยร้องที่เวปธรรมะไทย ที่นั่นก็ยกไตรปิฏก (ซึ่งแปลว่า ตะกร้าสามใบ) มาทั้งกระบวนแบบนี้แหละ
แต่เหมือนจะหนักไปทางฉบับบาลีเยอะๆ ครั้นเราถามว่า มันแปลว่าอะไร ร้องแค่นี้ดิ้นกันใหญ่
ที่นี่คุณ mes พอรู้เห็น

ที่อื่นอีก ที่นี่มีแขกประจำเยอะวันหนึ่งๆ มีร้อยคนขึ้น กรัชกายไปร้องที่นั่นอยู่พักหนึ่ง แต่เขามีวงประจำ
เขาอยู่แล้วนะครับ จึงเหมือนว่าเราไปแย่งแฟนเพลงเค้า จึง...

ทั้งเราและเค้าจึงมีการประชันวงกันขึ้น... ปรากฏว่า ...นักร้องประจำวงเค้าลาออกไปก็มี เวทีหักหน้าตาแตกยับเยินไปก็มี (รายนี้ต่อมาได้ข่าวว่าไปบวชไม่รู้สึกมายัง) แล้วๆ ต่อมาจึงมีการปิดวิกปรับปรุง
ครั้งใหญ่ จากการประชันวงกันคราวนั้น

ยังมีอีกแต่ไม่เล่าแล้ว

ส่วนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ (บ้านเลขที่ ๕) มีทั้ง ๕ คน ก็ที่นี่แหละ

(แทรกเพลงตามสไตล์)

"สบาย สบาย"

http://www.imeem.com/sweetsong/music/A6 ... a-blossom/

ผู้มากไปด้วยวีรกรรม
ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าง ๆ จะแอบถามค่ะ
เพราะเห็นคุณ เล่าไป เกาหัวไป หัวเราะไป แล้วตลกดีค่ะ...