วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มันมีปัญหาตรงที่มีเงินไปด้วยนี่สิ เพราะทางวัดต้องการจะเอาไปสร้างห้องน้ำ
มีอีก มีเสื่อ มีหมอน มีกล้วย มีสบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ ไปถวายพระด้วย อย่างนี้ทำร้ายศาสนาไหมขอรับ


ท่านก็รู้ดีนะครับ แทนที่ท่านจะแนะนำในสิ่งที่มันถูกต้องตามธรรมวินัยนะ แต่ท่านก็มาอนุโลมเพื่อเอาใจชาวบ้านอยู่อีก....เอ้อ :b5:

สิ่งของที่มันมีข้อยกเว้นที่ทรงอนุญาตไว้ และสิ่งของที่ควรรับ สิ่่งของที่ไม่ควรรับ สำหรับพระภิกษุ ท่านก็มีบอกไว้แล้วทั้งหมดทั้งสิ้น

ก็ดั้นพากันมาอนุโลมเอาตามใจชาวโลกกัน ที่ว่า ทางวัดต้องการจะสร้างห้องน้ำหนะ สร้างไปทำไมอีก(ถ้าเป็นพระนะครับ) เพราะตอนที่เขาสร้างวัดครั้งแรก มันก็พอมีพอใช้สำหรับพระอยู่แล้ว พอแล้วๆๆๆๆๆ อยู่ตามที่ชาวบ้านเขาสร้างให้อย่างนั้นแหละ

เมื่อมันมีคนมาวัดมากขึ้น ชาวบ้านผู้ที่มีหน้าที่ทำการแทนสงฆ์ ก็ต้องเรียกประชุมชาวบ้านสิ ว่ามันมีปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็หาทางออกทางแก้ไขเพราะมันเป็นเรื่องของชาวบ้านๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่เรื่องของพระที่จะต้องมายุ่งกับเรื่องของห้องน้ำที่มันมีไม่พอให้ชาวบ้านเขามาขี้มาเยี่ยวในวัด โอ้ยๆๆๆๆ ... ชั่งไม่รู้หน้าที่ของตนเองเสียนี่กระไร (บ่นไปงั้นแหละครับ พอมันคือ :b32: )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อมันมีคนมาวัดมากขึ้น ชาวบ้านผู้ที่มีหน้าที่ทำการแทนสงฆ์ ก็ต้องเรียกประชุมชาวบ้านสิ


คนขวางโลกเป็นมัคนายกวัดไหนขอรับ น่าชื่นใจแทนชุมชนบ้านนั้นวัดนั้นจริงๆ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มัน เป็นสัญญาณบาปที่ีส่งผลให้ถึงท่านในปัจจุบันหรือเปล่า เพราะว่าเมื่อท่านละสังขารเมื่อไหร่ก็จะดับสนิท
เมื่อนั้น (นิพพาน) ทีนี้หละบาปไม่เกี่ยว บุญไม่เกี่ยวอีกแล้ว


เห็น พูดถึงนิพพาน คนขวางโลก เข้าใจนิพพานอย่างไรหรอขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาเป็นว่า ตามนั้นแหละครับ ขี้เกียจอธิบาย มันยาวครับ(อธิบายตามพระไตรปิฎกนะครับ เพราะผมก็ยังไม่รู้จริงๆ ว่า นิพพาน มันเป็นยังไงจริง) มันก็เป็นของมันอยู่เช่นนั้นแหละครับ ใครจะว่ายังไง จะเข้าใจยังไง มันก็ไม่ได้เป็นไปตามความคิดของใครๆ หรอกครับ เพราะยังไงๆ มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ


เปล่าประโยชน์ที่ผมจะอธิบาย เพราะแค่พื้นฐาน ผมยังไม่เต็มเลยแล้วจะให้อธิบายยอด คงจะเกิดวิสัยไปมั้งครับ :b4:

เห็นหลายกระทู้เขาอธิบายไว้อยู่นะครับ หาอ่านเอาครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก็ต้องเรียกประชุมชาวบ้านสิ ว่ามันมีปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็หาทางออกทางแก้ไขเพราะมันเป็นเรื่องของชาวบ้านๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่เรื่องของพระที่จะต้องมายุ่งกับเรื่องของห้องน้ำที่มันมีไม่พอให้ชาวบ้านเขามาขี้มาเยี่ยวในวัด โอ้ยๆๆๆๆ ... ชั่งไม่รู้หน้าที่ของตนเองเสียนี่กระไร (บ่นไปงั้นแหละครับ พอมันคือ )



ที่พูดมานั่น คนขวางโลก เคยเข้าไปช่วยวัดไหนบ้างขอรับ :b12: หรือบ่นๆไปงั้นแหละ :b32:

เหมือนพูดเรื่อง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เรื่องนิพพาน หยิบยกเอาศัพท์แสงเหล่านี้มาพูดไปงั้นแหละ :b9:

ครั้นถามว่ายังไงต้องยังไง สิ่งที่พูดนั่น ก็ไล่ให้ไปหาอ่านเอาเอง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันนี้ นิพพาน รู้สึกว่าจะมีมากมายหลายความหมาย แล้วแต่เจ้าสำนักจะพาลูกศิษย์ตัวเองไปทิศทางไหน

บ้างก็ว่า นิพพาน เป็นบ้านเป็นเมืองเป็นวิมานเป็นชั้น
บ้างก็ว่า นิพพาน เป็นตัวตน สัมผัสได้ และเรานี่แหละเป็นเจ้าของนิพพาน
บ้างก็ว่า นิพพาน ไม่มีอะไรหรอก แต่จะให้มีอะไร ก็มีได้ทันทีเหมือนกัน และ ฯลฯ

แต่นักบำเพ็ญที่บำเพ็ญมาถูกตามลำดับขั้นตอนของศาสนาที่แท้จริง
ท่านก็บำเพ็ญจนรู้จักมรรค - ผล - นิพพานเหมือนกัน รู้ชัด - วางชัด เหมือนกัน
แต่อริยะมรรค - ผล - นิพพาน ของท่านที่บำเพ็ญมาถูกเหล่านั้น ไม่เป็นลักษณะอย่างที่เขาๆว่ามานั้นเลย

นักบำเพ็ญที่บำเพ็ญมาถูกตามหลักพุทธศาสนานั้น นิพพานของท่านเหล่านั้น
เทียบกันได้ - ลงกันได้ - เข้ากันได้ เหมือนน้ำกับน้ำนม
เมื่อเทียบกับ นิพพาน ในคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของศาสนานี้ โดยไม่มีข้อแตกต่างกันแม้เพียงนิดน้อย
ถ้าจะพูดให้ถูก ก็ต้องบอกว่า นิพพานของท่านเหล่านั้นกับนิพพานของพระพุทธเจ้าเป็นอันเดียวกันนั่นเอง

ทีนี้พวกเราลองมาพิจารณานิพพานของนักบำเพ็ญที่บำเพ็ญมาถูก (ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน)
กับ นิพพานในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก
พร้อมกับคำอธิบายของพระอรรถกถาจารย์ผู้เป็นพระอรหันต์ เพื่อให้คนรุ่นหลังเข้าใจศาสนาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อเป็นหลักประกันให้คนรุ่นหลังไ่ม่หลงละเมอไปตามลมปากของบรรดา กูรู ทั้งหลายที่บอกกล่าวกันเรื่องพุทธศาสนา

เล่ม 67 หน้า 200

…คำว่า พ้นแล้วจากนามกาย ความว่า
มุนีนั้นพ้นจากนามกายและรูปกายก่อนแล้วโดยปกติ คือ มุนีนั้นละนามกายและรูปกายแล้ว
ด้วยการละ คือความล่วงและความข่ม ด้วยองค์นั้นๆ อาศัยพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
ได้อริยมรรค ๔ เพราะเป็นผู้ได้อริยมรรค ๔ จึงกำหนดรู้นามกายและรูปกาย
เพราะเป็นผู้กำหนดรู้นามกายและรูปกาย จึงพ้น คือ พ้นวิเศษจากนามกายและรูปกาย
ด้วยความพ้นวิเศษส่วนเดียว เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ... ฉันนั้น.

คำว่า ย่อมถึงความไม่มี ในอุเทศว่า " อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ " ดังนี้ ความว่า
มุนีนั้นย่อมปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ คือ ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.

คำว่า ย่อมไม่เข้าถึงความนับ ความว่า
มุนีนั้นย่อมไม่เข้าถึงความนับ คือ ไม่เข้าถึงความอ้าง ความคาดคะเน ความบัญญัติว่า
เป็นกษัตริย์ เป็นพราหมณ์ เป็นแพศย์ เป็นศูทร เป็นคฤหัสถ์ เป็นบรรพชิต เป็นเทวดา เป็นมนุษย์
เป็นสัตว์มีรูป เป็นสัตว์ไม่มีรูป เป็นสัตว์มีสัญญาเป็นสัตว์ไม่มีสัญญา
หรือว่าเป็นสัตว์มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ มุนีนั้นไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย ไม่มีการณ์ เครื่องให้ถึงการนับ
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมถึงความไม่มี ไม่เข้าถึงความนับ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า

เปลวไฟดับไปแล้วเพราะกำลังลม ย่อมถึงความไม่มี ไม่เข้าถึงความนับ ฉันใด
มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมถึงความไม่มี ไม่เข้าถึงความนับ ฉันนั้น…

อุปสีวะพราหมณ์ถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มุนีนั้นเป็นผู้ดับไปแล้ว หรือ มุนีนั้นย่อมไม่มี หรือว่า มุนีนั้นเป็นผู้ไม่มีโรคด้วยความเป็นผู้เที่ยง
ขอพระองค์ผู้เป็นพระมุนี โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ด้วยดี
(เพราะ) พระองค์ทรงทราบธรรมนั้นแล้วแท้จริง.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนอุปสีวะพราหมณ์
บุคคลผู้ดับไปแล้วย่อมไม่มีประมาณ ชนทั้งหลายพึงว่าบุคคลนั้นด้วยกิเลสใด
กิเลสนั้นก็ไม่มีแก่บุคคลนั้น เมื่อธรรมทั้งปวงอันบุคคลนั้นถอนเสียแล้ว
แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งปวง บุคคลนั้นก็ถอนเสียแล้ว.

คำว่า บุคคลผู้ดับไปแล้วย่อมไม่มีประมาณ ความว่า
บุคคลผู้ดับไปแล้ว คือ ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ย่อมไม่มี ย่อมไม่ปรากฏ
ย่อมไม่ประจักษ์ประมาณแห่งรูป ประมาณแห่งเวทนา ประมาณแห่งสัญญา
ประมาณแห่งสังขาร ประมาณแห่งวิญญาณ
ประมาณแห่งรูปเป็นต้นนั้น อันบุคคลผู้ดับไปแล้ว ละได้แล้ว ตัดขาดแล้ว ให้สงบแล้ว ระงับแล้ว
ทำให้ไม่อาจเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า บุคคลผู้ดับไปแล้วย่อมไม่มีประมาณ.

ความว่า มุนีนั้นเป็นผู้ดับไปแล้ว หรือว่า มุนีนั้นย่อมไม่มี
คือ มุนีนั้นดับแล้ว ขาดสูญแล้ว หายไปแล้ว
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มุนีนั้นเป็นผู้ดับไปแล้ว หรือ มุนีนั้นย่อมไม่มี.

คำว่า แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งปวง บุคคลนั้นก็ถอนเสียแล้ว ความว่า
กิเลส ขันธ์ และ อภิสังขาร ตรัสว่า ถ้อยคำ ทางแห่งถ้อยคำ ชื่อ ทางแห่งชื่อ
นิรุตติ ทางแห่งนิรุตติ บัญญัติ ทางแห่งบัญญัติ อันบุคคลนั้นถอนขึ้นแล้ว ถอนขึ้นพร้อมแล้ว
ฉุดขึ้นแล้ว ฉุดขึ้นพร้อมแล้ว เพิกขึ้นแล้ว เพิกขึ้นพร้อมแล้ว ละขาดแล้ว ตัดขาดแล้ว สงบแล้ว
ระงับแล้ว ทำให้ไม่อาจเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งปวง บุคคลนั้นก็ถอนเสียแล้ว...(คือ ไม่มีแม้แต่คำที่จะพูดถึง คือ พูดไม่ได้)

ทั้งหมดนี้รวบยอดเอาไว้ด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกหนึ่งประโยค คือ "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"
คือ นิพพานว่างเปล่าอย่างยิ่ง คือ นิพพานนี้ ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ ไม่มีอะไรอีกเลย

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเพื่อบรรดาชาวพุทธทั้งหลายได้พิจารณาถึงคำสอนต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธในยุคปัจจุบัน
ซึ่งมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ เพื่อพวกเราจะได้ไม่พลาด ในการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง
ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดดำเนินไปแล้ว
และพระองค์ไ้ด้บอกทางดำเนินไว้ให้พวกเราชาวพุทธอย่างรอบคอบและถ้วนถี่แล้ว

ขอโปรด พิ - จา - ระ - ณา เท่าที่สติปัญญาตนเองจะอำนวย

เพราะการนับถือพุทธศาสนา ถูกหลักถูกทาง ย่อมมีสวรรค์ - พรหม - มรรค - ผล - นิพพาน เป็นเบื้องหน้า
เพราะการนับถือพุทธศาสนา ผิดหลักผิดทาง ย่อมมีนรก - อสุรกาย - เปรต - สัตว์เดรัจฉาน เป็นเบื้องหน้าเหมือนกัน

นิพพานของผมก็ตามนี้แหละครับ ท่าน กรัชกาย

ไอ้ที่ว่าผมไปช่วยวัดไหนบ้างนั้นก็ แต่ก่อนมีเยอะครับ แต่ตอนนี้มีอยู่วัดเดียวครับ เพราะพระท่านเอาจริงเอาจังในพระธรรมวินัยดี น่าส่งเสริม สนับสนุนท่านครับ ส่วนวัดอื่นๆ ถ้าดูแล้ว พระไม่สนเรื่องวินัยเอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้งก็ทางใครทางมัน ขอรับท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วนิพพานของท่านหละ ท่านกรัชกาย ก็ย้อนศรดูครับ จะตอบก็ได้ ไม่ตอบก็ได้นะครับ แล้วแต่จะคิด

ไม่บังคับหรอก เพราะมันก็อย่างนั้นๆ แหละ จริงไหมท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไอ้ที่ว่าผมไปช่วยวัดไหนบ้างนั้นก็ แต่ก่อนมีเยอะครับ แต่ตอนนี้มีอยู่วัดเดียวครับ เพราะพระท่านเอาจริงเอาจังในพระธรรมวินัยดี น่าส่งเสริม สนับสนุนท่านครับ ส่วนวัดอื่นๆ ถ้าดูแล้ว พระไม่สนเรื่องวินัยเอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้งก็ทางใครทางมัน ขอรับท่าน



เวลาตีกลองประชุม สร้างนั่นสร้างนี่ แล้วชาวบ้านหมู่นั้นตำบลนั้น มาช่วยแรงแข็งขันกันดีอยู่หรือขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ตั้งแต่ กำนันโน่นแหละครับลงมา ก็พวกผู้ใหญ่บ้าน ผู้ทำการแทนสงฆ์ ก็ร่วมๆ 50 คนครับ(มาแต่ส่วนที่เป็นผู้นำครับ ลงมติยังไงก็เอาไปขยายผลตามคุ้มของตนเอง ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ครับ ร่วมแรงแข็งขันดี

ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ก็ร่วมด้วยช่วยกัน พอดีผมเอารูปลงไม่เป็นไม่งั้นก็จะเอารูปให้ได้ดูครับท่าน

พระก็อยู่ส่วนพระครับ โยมจัดการเอง ตอนจะสร้างก็ไปถาม พระอยู่นะครับว่า จะสร้างนี่นะเพื่ออย่างนั้นอย่างนี้ ท่านก็ว่า เออ...แล้วแต่จะทำกันนะ ตรงไหนสมควรก็ทำไป อย่าให้พระไปยุ่งด้วยเดี๋ยวมันจะยุ่ง

(พระท่านว่า อยากให้อยู่ก็คิดกันเอาเองว่า สิ่งไหนเหมาะ สิ่งไหนไม่เหมาะ พระไตรปิฎกมี เปิดอ่านกันนะ มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว ท่านบอกไว้ดีแล้วหละ อย่าให้พระไปยุ่งเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของพระ)

ก็อยู่กันอย่างดีครับ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีพิธีรีตรองอะไร สบายๆ ทั้งพระทั้งโยม


แก้ไขล่าสุดโดย คนขวางโลก เมื่อ 14 ก.ค. 2009, 18:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วัดนั้นมีโบสถ์ วิหาร ศาลา ฯลฯ พร้อมแล้วหรอครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงไม่พร้อมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ หลวงพ่อท่านไม่เน้นวัตถุครับ อะไรที่มันพอจะใช้ได้โดยไม่ขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่านก็ให้ทำไปได้เลยครับ สบายๆ

พรุ่งนี้ค่อยต่อครับ ค่ำแล้ว ต้องไปดูแลพระอรหันต์ที่บ้านก่อนครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก เขียน:
ถึงไม่พร้อมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ หลวงพ่อท่านไม่เน้นวัตถุครับ อะไรที่มันพอจะใช้ได้โดยไม่ขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่านก็ให้ทำไปได้เลยครับ สบายๆ

พรุ่งนี้ค่อยต่อครับ ค่ำแล้ว ต้องไปดูแลพระอรหันต์ที่บ้านก่อนครับ :b8:


ครับ พรุ่งนี้ตอบก็ได้

เมื่อเป็นดังนั้น เป็นพักสงฆ์หรือสำนักสงฆ์ (สมมุติสงฆ์) ครับ มีเพียงหลวงพ่อ (ที่คุณพูดถึง) เพียงรูปเดียว มีกุฏีอยู่หลังหนึ่ง โบสถ์ยังไม่มี ถูกไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: ....ฟิ้ว ว ว ว... :b41: :b44:

:b4: เอาน่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีพระอยู่ 7 รูปครับ

ศาลา 1 , โรงครัว 1 , กุฏิ ก็ 7 , ห้องน้ำพระ , ห้องน้ำโยม , ที่พักโยม

อยากรู้ว่าท่านเป็นสมมติสงฆ์หรือไม่ อันนี้ก็ไปศึกษากับท่านเอาเองนะครับ แต่ขอย้ำว่า ผู้ที่จะถาม

ต้องเป็นผู้ที่ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีพระไตรปิฎกเป็นหลักธรรมเท่านั้น ไม่ใช่มีเกจิอาจารย์เป็นที่พึ่ง มีเกจิอาจารย์เป็นหลักนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก เขียน:
มีพระอยู่ 7 รูปครับ

ศาลา 1 , โรงครัว 1 , กุฏิ ก็ 7 , ห้องน้ำพระ , ห้องน้ำโยม , ที่พักโยม

แต่ขอย้ำว่า ผู้ที่จะถาม

ต้องเป็นผู้ที่ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีพระไตรปิฎกเป็นหลักธรรมเท่านั้น ไม่ใช่มีเกจิอาจารย์เป็นที่พึ่ง มีเกจิอาจารย์เป็นหลักนะครับ



อยากรู้ว่าท่านเป็นสมมติสงฆ์หรือไม่ อันนี้ก็ไปศึกษากับท่านเอาเองนะครับ

วัดอะไร จังหวัดไหนครับ จะไปสนทนาธรรมกับท่าน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 187 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร