วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 09:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ความเคยชิน 2 แบบ

เราต่างก็มีความเคยชินกันเป็นส่วนตัว ความเคยชินบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ดี
แต่ความเคยชินบางอย่างก็เป็นอันตราย
ความเคยชินไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องอาศัยการสั่งสม ทำซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน
และเมื่อลงตัวเป็นความเคยชินแล้ว ก็ยากจะไถ่ถอน ถอดรื้อ
เปลี่ยนแปลงออกไปจากวิถีชีวิต วิธีคิด วิธีพูด วิธีทำงาน


ความเคยชินเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "นิสัย"
นิสัยที่ฝังลึกจนกลายเป็นความเคยชินแล้วนี้ มีพัฒนาการไปตามลำดับขั้น
เหมือนกวีนิพนธ์บทหนึ่งที่กวีชาวตะวันตกคนหนึ่งประพันธ์ไว้ว่า



"เธอจงระวังความคิด...เพราะความคิดบ่อยๆ ก่อให้เกิดการกระทำ
เธอจงระวังการกระทำ...เพราะการกระทำบ่อยๆ ก่อให้เกิดนิสัย
เธอจงระวังนิสัย...เพราะนิสัยก่อให้เกิดบุคลิก
เธอจงระวังบุคลิก...เพราะบุคลิกจะกำหนดชะตากรรมของเธอ"



ความเคยชินหรือนิสัยนี้ บางทีเป็นนิสัยที่ไม่ดี เราก็รู้
แต่รู้ทั้งรู้ ก็ไม่สามารถสลัดทิ้งนิสัยที่เป็นอันตรายแก่ตัวเอง
ซ้ำร้ายเมื่อเราคลุกคลีตีโมง
จนนิสัยเสียบางอย่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไปเสียแล้ว
เราก็จะมองไม่เห็นแง่เสียหายของนิสัยเช่นนั้นอีกต่อไป
เหมือนกับนิทานพุทธปรัชญาเรื่องนี้


พระสองรูปเป็นเพื่อนกัน ต่อมาหลังจากมรณภาพแล้ว
รูปหนึ่งไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ อีกรูปหนึ่งไปเกิดเป็นหนอนในส้วม
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เกิดเป็นเทวดาเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า
เพื่อนของตัวเองไปเกิดที่ไหน จึงส่องทิพยเนตรดูก็พบว่า
เพื่อนรักไปเกิดเป็นหนอนในส้วมซะแล้ว ด้วยจิตคิดสงสารเพื่อน
หมายจะช่วยให้พ้นทุกข์ จึงหายแวบจากสวรรค์มาปรากฏตัวหน้าส้วม
พอมาถึงท่านเทวดาก็ร้องถามลงไปว่า


"เพื่อนรัก ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่านายมาเกิดเป็นหนอน
ฉันว่านะ เกิดเป็นหนอนอยู่ในส้วมอย่างนายนี้
มันเป็นชีวิตที่ต้อยต่ำ สกปรก น่าสมเพชมาก
เพื่อนรัก มาเถิด ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับฉันดีกว่า"
ได้ยินเสียงเพื่อนเทวดาชักชวนเช่นนั้น
เจ้าหนอนแทนที่จะเสียใจก็ตะโกนตอบขึ้นมาจากหลุมส้วม
ด้วยเสียงที่สะท้อนถึงความมีอารมณ์สุนทรีย์ไม่น้อย


"เทวดาเพื่อนรัก แกรู้ได้อย่างไรล่ะว่า ในส้วมนี้ ฉันไม่มีความสุข
ฉันไม่เคยรู้สึกสมเพชตัวเองเลยแม้แต่น้อย
อย่างแกอยู่บนสวรรค์ ต้องมีภาระดูแลเทวดามากมาย
อยากกินอะไรก็ต้องเนรมิตเอา ส่วนฉันไม่เห็นต้องทำอะไรเลย
ไม่มีภาระให้บริหาร ถึงเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น
มนุษย์ก็จัดหาอาหารอุ่นๆ ร้อนๆ มาส่งให้ทุกมื้อ
แกลองมองดูสิ นอกจากฉันจะกินอิ่ม นอนอุ่นแล้ว
ฉันยังมีอาหารสำรองอีกมากมาย กินอย่างไรก็ไม่มีวันหมด"


เทวดาได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ
ไม่นึกว่าเพื่อนรักของตัวเองจะติดอยู่ในความเคยชินอันโสโครก
จนมองไม่เห็นว่า สิ่งที่ตนคลุกคลีตีโมงอยู่นั้น
เป็นสิ่งซึ่งไม่น่าอภิรมย์อย่างแท้จริง
เมื่อรู้อยู่แก่ใจดีว่าหนอนเพื่อนรักไม่เปลี่ยนใจแน่แล้ว
เทวดาก็จึงหายวับกลับสวรรค์ไปตามเดิม
และนั่นเป็นเหตุให้ทุกวันนี้ เราจึงยังคงเห็นหนอนมากมาย
ใช้ชีวิตยั้วเยี้ยอยู่ในส้วมต่อไปตามเดิม


เราทุกคนก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนตัวนั้น
ที่ต่างก็ตกอยู่ในความเคยชินที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง
แต่โดยมากแล้ว เรากลับมองไม่เห็นถึงอันตราย
ที่ตนจมปลักอยู่ในนั้นแม้แต่นิดเดียว
เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
ชายคนนี้เขาชื่อเฟรเดอริก


เฟรเดอริกเป็นหนุ่มใหญ่วัย 40 ต้นๆ
เขามีหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จ
เพราะเป็นผู้บริหารองค์กรทางธุรกิจข้ามชาติระดับสูง
เฟรเดอริกไม่เพียงแต่โชคดีทางหน้าที่การงานเท่านั้น
เขายังแต่งงานกับสาวสังคมหน้าตาดี รูปร่างดี
การศึกษาดี รสนิยมดี ชาติตระกูลดีอีกต่างหาก
ทั้งคู่มีทายาทสืบสกุลน่ารักน่าเอ็นดู
ชีวิตคู่ในช่วงต้นของการแต่งงาน รื่นรมย์
สมปรารถนาจนใครๆ ต่างก็เฝ้ามองด้วยความอิจฉา



แต่เมื่ออยู่ต่อมาอีกหลายปี เฟรเดอริกก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกคนหนึ่ง
ซึ่งหญิงสาวและลูกๆ ไม่เคยรู้จัก เขากลายเป็นมนุษย์บ้างาน
เขาทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เขาแทบจะกิน นอน พักผ่อน
และหายใจเป็นงานไปเสียทั้งหมด
เลิกงานกลับมาถึงบ้านตีหนึ่งตีสองเขายังคงนั่งทำงาน
เช็กอีเมล ตอบจดหมาย วางแผนธุรกิจ
หาวิธีสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง (แต่ตัวเขากลับเริ่มอ่อนแอ)
เงินเดือนไม่ถึงล้าน
แต่เขาทำงานเสมือนหนึ่งว่าเขามีเงินเดือนหลายสิบล้าน

ภรรยาเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มลงตัว
กลายเป็นนิสัยของเฟรเดอริกแบบนี้ด้วยความไม่สบายใจ
เธอจึงออกปากเตือนว่า เขากำลังใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยง
แต่เฟรเดอริกบอกว่าที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อเธอและเพื่อลูกทั้งนั้น
ประการสำคัญ เฟรเดอริกบอกกับเธอว่า
หน้าที่การงานของเขากำลังไปได้ดี
ผลงานของเขาเป็นที่ถูกใจของนายใหญ่ เพื่อนร่วมงานทุกคนยอมรับเขา
และถ้าเขาทิ้งโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปใช้ชีวิตง่ายๆ
กับครอบครัวอย่างที่ภรรยาต้องการ เขาก็กำลังทำร้ายตัวเอง
ทำร้ายอนาคตอันรุ่งโรจน์ และบริษัทจะเสียหายขนาดไหน


ภรรยาพยายามพูดโน้มน้าวให้เฟรเดอริกหันกลับมาให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
ดูแลตัวเองมากหน่อย แต่เขาขอเวลาอีกสักระยะ
เฟรเดอริกบอกว่า เขาจะเกษียณให้เร็วที่สุด
ไม่ต้องรอถึงอายุ 60 เขาจะถอนตัวออกมา
และจะคืนทุกอย่างที่ลูกและเมียต้องการแน่ๆ
แต่ตอนนี้เขากำลังมีโอกาส เขาขอใช้โอกาสทางการงานให้คุ้มที่สุดเสียก่อน
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะอายุเพียง 51 ปี เท่านั้น
วันหนึ่งระหว่างขับรถไปเจรจาธุรกิจให้กับบริษัท
เฟรเดอริกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิตคาที่



คงไม่ต้องบอกว่าลูกและภรรยาเสียใจขนาดไหน
แต่สิ่งที่ภรรยาของเฟรเดอริกเสียใจที่สุดก็คือ
หลังจากเฟรเดอริกเสียชีวิตไปได้เพียง 3 วัน
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เฟรเดอริกรักนักหนาก็สามารถหาซีอีโอคนใหม่ได้
เธอบอกตัวเองว่า สามีพูดอยู่เสมอว่า
หากไม่มีเขาเสียคน บริษัทจะลำบาก
แล้วเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้เลยสักนิดว่า พอไม่มีเขา
บริษัทยอมลำบากเพียง 3 วัน
จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เฟรเดอริกจากไปแล้ว ทิ้งลูกและเมียไว้กับความเปลี่ยวเหงา
ความทุกข์ ความทรมาน กับสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็ว
แบบไม่คาดฝันเหมือนสายฟ้าแลบ ชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว
แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว
เราก็ไม่สามารถหวนไปแก้ไขสิ่งนั้นได้อีก



เรื่องราวของเฟรเดอริกที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริง
และเขาเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี้จริงๆ


ทุกวันนี้ ในสังคมของเรายังมีคนแบบเฟรเดอริกอีกมากมาย
คนที่ทุ่มเทกายใจและชีวิตให้กับงาน
เสมือนหนึ่งเขาเกิดมาในโลกนี้เพื่อภารกิจเดียว
คือ เพื่อทุ่มเททำงานให้กับบริษัทเท่านั้น
จนการทุ่มเทนั้นได้กลาย เป็น "นิสัย" ที่ยากจะไถ่ถอน ฝังลึก
และทำให้เขาหรือเธอเสพติดมันอย่างเข้มข้นเหมือนติดยาเสพติด
แล้วเจ้านิสัยบ้าทำงานหนักนี้ก็เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากคนชนิดนี้
โชคดีที่บางคนมีกัลยาณมิตรคอยเตือน
จึงหาสมดุลงาน สมดุลชีวิตเจอ
แต่บางคนที่ไม่มีใครคอยเตือน
หรือคนที่เคยเตือนไม่มีโอกาสได้เตือนอีกต่อไปแล้วเพราะเขาไม่ยอมฟัง

เขาหรือเธอก็อาจจะกลายเป็นเฟรเดอริกคนต่อไป ต่อไป และต่อๆ ไป


ที่มา... http://www.posttoday.com/
ท่าน ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

คัดลอกจาก...
http://variety.thaiza.com/%E0%B8%84%E0% ... 1212_.html

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากมายเลยค่ะ
สำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ :b20: :b20:

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ :b8: :b8: :b8:

:b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:
ปฎิบัติ มีธรรมะ มาข่มจิต
ค่อยๆคิด หาทางออก จนเห็นแสง
มันมาจาก ปัญญา อันแข็งแรง
ที่เราแปลง มาได้จาก ปฎิบัติธรรม :b29: :b29:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร