วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 04:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 01:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b49: การจากไปของไมเคิล แจ็คสัน :b49:

ข่าวช็อกโลกในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
คงไม่มีอะไรเกินการจากไปของ ไมเคิล แจ็กสัน
ผู้เป็นดาวค้างฟ้า

บุญเก่ากับความเพียรใหม่ส่งผล
ให้เขาอยู่ในใจแฟนทั่วโลกตลอดมา
เป็นเวลายาวนานหลายสิบปี
แม้กระทั่งวาระสุดท้าย
คอนเสิร์ต This Is It ที่กำลังจะเปิดแสดงที่ลอนดอน
ก็มียอดจำหน่ายตั๋วรวดเร็วที่สุด
คือ ๗ แสน ใบขายเกลี้ยงภายในเวลา ๔ ชั่วโมง!


นั่นยืนยันเป็นอย่างดีว่าอายุอานามแม้ปาเข้าไป ๕๐
แต่บารมีทางการบันเทิงไม่เคยลดลงเลย
กลับดูจะเพิ่มขึ้นตามวันเดือนปีที่ผ่านไปด้วยซ้ำ
จากรุ่นสู่รุ่น เขาไม่เคยครองใจคนยุคไหนไม่ได้
นับเป็นตำนานระดับโลกแบบเดียวกับเดอะบีทเทิ้ล
และเอลวิส เพรสลีย์ คือถึงจากไป ก็มีคนอาลัยต่อ
คาดได้ว่านับเป็นศตวรรษเลยทีเดียว

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสวงหาความบันเทิงเป็นหลัก
ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกหากบุคคลที่โลกจดจำและกล่าวขานถึง
จะอยู่ในแวดวงบันเทิงกันเสียเป็นส่วนใหญ่


หากมองไมเคิล แจ็กสันโดยความเป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่
ก็น่าถามว่ายิ่งใหญ่อย่างไร
เอาข้อเท็จจริงสักสองสามมุมมาฉายเป็นภาพกระทบใจกัน
ผมอ่านสถิติที่ไมเคิลทำไว้แล้ว
ก็เกิดความรู้สึกกระทบใจอย่างใหญ่อยู่สองแง่


ภาพแรกคือเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
MV เพลง Black or White ที่ออกฉาย
ใน ๒๗ ประเทศทั่วโลก เมื่อวันที่ ๑๔ พ.ย. ๒๕๓๔
มีผู้ชมทางโทรทัศน์พร้อมกันราว ๕๐๐ ล้านคนพร้อมกัน!

คุณลองนึกถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในโลกนี้
และมีมนุษย์จำนวน ๕๐๐ ล้านคนรับรู้และเฝ้าติดตามพร้อมกัน
เหมือนทุกหย่อมหญ้าโกลาหลไปด้วยความคึกคักของผู้คน
ด้วยแรงดึงดูดอันทรงพลังของคนเพียงคนเดียว
มันจะมีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกบ้างไหม?

เสียดายนะครับ
ลองนึกๆดูแล้ว
แทนที่จะเป็นไมเคิล แจ็กสัน
ให้หลวงพ่อปราโมทย์ไปปรากฏตัวบนเวทีที่มีคนติดตามกัน ๕๐๐ ล้าน
ทั้งโลกคงสว่างไสวไม่มีอะไรเกินทีเดียว

เราอาจได้ข้อสรุปว่า
ทั่วโลกอาจกระเพื่อมไหวเปรี้ยงปร้างด้วยพายุบันเทิงลูกใหญ่
แต่ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย
ที่ทั่วโลกจะสงบนิ่งสว่างไสวด้วยมหาสมุทรธรรมะไพศาล


อีกสถิติหนึ่งของไมเคิลที่ผมสนใจ
คือเขามีเงินแล้วแบ่ง
ไม่ว่าจะเป็นทางลับหรือทางเปิด
อย่างองค์กรกุศลที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ
ก็ปาเข้าไป ๓๙ แห่ง ล้วนเป็นองค์กรระดับยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งสิ้น


ใครจะด่าเขาอย่างไร
ก็คงไม่มีความสามารถช่วยโลกได้เท่าเขากันสักกี่คน
ผมเองไม่ชอบความเป็นต้นแบบลูบเป้าของเขาเลย
ไม่ชอบต้นแบบของจินตภาพปีศาจเต้นได้
ที่เขาฝังไว้ในความทรงจำของแฟนๆที่นิยมเลียนแบบตามด้วย
แต่ก็ยิ้มให้กับวิธีใช้เงินของเขาเสมอ

การหว่านเงินช่วยใครต่อใครยามมั่งมีศรีสุขนั้น
ไม่ใช่เกิดขึ้นกับเศรษฐีทุกคน
เพราะของแบบนี้มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฉลาดในการให้ด้วย
ถ้าใจไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่งใหญ่จริง
อย่างไรก็คงคิดไม่ออกว่าจะเอาเงินที่มีอยู่ไปทำอะไรดี

เหมือนเศรษฐีหลายคนที่บริจาคให้องค์กรกุศล
ก็หวังแค่เอาไว้หักภาษี
แต่สำหรับพวกที่บริจาคเกินกว่าจะเอามาหักภาษี
เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน
ก็ต้องให้เกียรติว่าน่าจะมีใจจริงกันบ้างล่ะ


ผมคิดว่าไมเคิลเองคงขี้เกียจจดจำสถิติต่างๆที่เขาทำไว้
แต่คนยุคเราและยุคต่อๆไปจะไม่ลืมสถิติตะลึงโลก
ที่ไมเคิลทำไว้ระหว่างมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ในฐานะราชาร็อคเขย่าปฐพีผู้เป็นอมตะ

จริงๆผมไม่ใช่แฟนตัวยงของไมเคิล
แล้วที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ได้ประสงค์จะไว้อาลัย
โดยการสรรเสริญเขาเป็นกรณีพิเศษ
แต่ชีวิตที่ผ่านมาของคนตาย
ย่อมมีเรื่องดีๆให้กล่าวขานถึง
มากกว่าจะไปพิพากษาว่าตายแล้วเขาสมควรไปไหน

ผมไม่อยากเห็นชาวพุทธพูดถึงคนตายตามบอร์ดต่างๆ
ด้วยความเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นดาราหรือนักร้อง
อย่างไรก็ต้องไปไม่ดีแน่ๆ
ธรรมเนียมของชาวพุทธจะเลือกหาแง่ดีในชีวิตคนตาย
มาให้เกียรติ มาเชิดชู ว่าชีวิตของเขาทิ้งอะไรดีๆไว้ในโลกบ้าง


ความจริงก็คือคนที่ทำอาชีพอื่นๆ
ชนิดที่เป็นวิถีทางของสุจริตชนนั้น
ก็หาได้รอดพ้นไปจากความเสี่ยงที่จะไปอบายไม่
ต้องชั่งน้ำหนักกันด้วยมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมทั้งชีวิต
ว่าเอียงไปในทางสว่างหรือทางมืดมากกว่ากัน
หาใช่ว่าอาชีพที่มีฐานเป็นกุศลจะได้ขึ้นสวรรค์เสมอไป
ยกตัวอย่างเช่นอาชีพหมอและอาชีพครู
ดูไปแล้วน่าจะสว่างจ้า ที่ช่วยรักษาคน
และช่วยให้ความรู้แก่เยาวชน
แต่คุณเห็นไหมว่าหมอกี่คนต้องเข้าคุก
และมีครูกี่คนต้องคดีทางเพศ?


มนุษย์ผู้ปราศจากจุตูปปาตญาณ
ย่อมเอาอคติเพราะรักหรือเพราะชังของตนเป็นเกณฑ์ตัดสิน
ว่าใครจะไปดีหรือไปร้าย
หรือไม่ก็จำที่พูดสืบๆกันมาแบบรวบรัด
ว่าประกอบอาชีพนั้นอาชีพนี้แล้ว
มีสิทธิ์ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์แน่ๆ


และสิ่งที่ควรระวัง
ก็คืออาการเพ่งโทษด้วยความสะใจ
เห็นใครที่เราไม่ชอบตายดับ
ก็จะเอามาเหยียบย่ำว่ามีหวังต้องไปนู่นไปนี่ตามที่เราคาด
เพราะอาการเพ่งเล็งคล้ายสาปแช่งกลายๆนั้น
ถามว่าจิตเป็นกุศลหรืออกุศล
พูดไปแล้วเกิดความสว่างหรือความมืด
คุยกันเพื่อให้เกิดความสังวรในกรรมวิบาก
หรือว่าเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเขาต่ำต้อย ฉันสิประเสริฐกว่า

พระพุทธศาสนาให้มองตามจริง
ใครมีส่วนดีร้ายเท่าไร เขาก็จะเป็นทายาทรับส่วนดีร้ายนั้นเอง
ความชอบใจหรือไม่ชอบใจของเรา
ไม่อาจตัดเอาเรื่องดีร้ายของเขาออกจากการคำนวณของกรรม
ในยามที่จากโลกนี้ไปสู่โลกอื่นได้เลย


ความดีความร้ายในการคิด การพูด และการทำของเราก็ด้วย
ต่อให้เข้าข้างตัวเองแค่ไหน
ถึงเวลาที่กรรมเผล็ดผล
ก็จะเผล็ดผลด้วยน้ำหนักดีร้ายที่สะสมมาเป๊ะๆ
โดยไม่มีการเอาความเข้าข้างตัวเองของเรา
มามีส่วนในการคำนวณด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว!


ดังตฤณ
กรกฎาคม ๒๕๕๒


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : "จากใจ บ.ก." ใน ธรรมะใกล้ตัว ฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒)


แก้ไขล่าสุดโดย มัทนา ณ หิมะวัน เมื่อ 02 ก.ค. 2009, 03:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 01:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

R.I.P Michael Jackson

ทุกสิ่งเกิดขึ้น ย่อมดับไป เป็นธรรมดา
หาได้อยู่ค้ำฟ้าไม่
สิ่งที่เหลืออยู่...มีเพียงความทรงจำให้คนข้างหลังได้ระลึกถึง
คนดี ทำดี ไปสู่สถานที่ดี
คนชั่ว ทำชั่ว ไปสู่สถานที่ชั่ว
อย่ามัวแต่ประมาทกันนักเลย
เวลาที่ผ่านไปแล้วเรียกคืนไม่ได้
เร่งคิดดี พูดดี ทำดี กันเถิด...อยู่ในศีลในธรรม
ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
อย่าให้เวลาผ่านไป โดยไม่ได้ทำประโยชน์เลย
เสียเวลาที่เกิดมาแล้วได้เป็นมนุษย์
พบพระพุทธศาสนา
เพียงแค่พบ แต่หาได้ปฏิบัติไม่...น่าเสียดายชีวิตจริงๆ

ดูละครแล้วย้อนดูตัว...แล้วบอกตัวเองว่า อย่าประมาท

ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 01:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขออนุญาต นำเรื่องที่บางท่านอาจยังไม่รู้มาบอกกล่าวนะคะ

รูปภาพ

ใครที่คิดว่าไม่เคิลไม่พอใจในสีผิวตัวเอง ขอให้ทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะคะ

ที่จริงไมเคิล เป็นโรคด่างขาวหรือ Vitiligo คือเป็นโรคที่เม็ดสีผิวถูกทำลาย ซึ่งได้ลามไปเรื่อยๆ
ไมเคิลจึงเลือกวิธีรักษา โดยการทำลายเม็ดสีผิวออกให้หมด ทำให้สีผิวเค้าเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ไมเคิลเคยออกมาบอกหลายครั้งแล้วว่าเค้าเป็นโรค แต่คนมักจะไม่สนใจ และเชื่อสื่อที่นำเสนอเรื่องของเค้าอย่างสนุกปาก และนี่ คือคำพูดของเค้าตอนให้สัมภาษณ์ในรายการของ Oprah Winfrey เมื่อปี 1993 ว่าเขาเป็นโรคด่างขาว

-------"I have a skin disorder which destroys the pigment of my skin. It's in my family. We're trying to control it. I am a black American."


ที่มา... http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung ... 22522.html

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 23705.html

คัดลอกจาก... http://dek-d.com/board/view.php?id=1375493

:b8: :b8: :b8:


รูปภาพ

ไขปริศนาความขาวของไมเคิล แจ็คสัน (คมชัดลึก)

ปริศนาความขาวของไมเคิล แจ็คสัน เพราะเป็นโรคด่างขาว "วิติลิโก้" (Vitiligo)ขั้นที่ยากต่อการเยียวยา


การจากไปก่อนเวลาอันควร ด้วยวัยเพียง 50 ปี ของไมเคิล แจ็คสัน เจ้าของฉายา "ราชาเพลงป๊อป" ได้ทิ้งปริศนาเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของสีผิวที่เปลี่ยนจากดำเป็นขาว ถึงขั้นมีการตั้งสมมติฐานกันไปต่างๆ นานาว่า เขาใช้วิทยาการสมัยใหม่ ที่รวมถึงการฉีดสารบางอย่างเข้าไปด้วย


แม้เขาจะไปออกรายการของเจ้าแม่ทอล์ค โชว์ "โอปราห์ วินฟรีย์" เมื่อปี 2536 และบอกกับเธอว่า เขาไม่ได้ฟอกสีผิว มีคนบอกว่าเขาเกลียดสิ่งที่เขาเป็น ซึ่งหมายถึงการเป็นคนผิวดำ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เขาไม่คิดว่าการฟอกสีผิวจะมีในโลก แต่เขาเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "วิติลิโก้" หรือ โรคด่างขาว ส่วน วินฟรีย์ ได้บอกกับแจ็คสันว่า เธอได้ยินว่ามีครีมฟอกผิว แต่สำหรับแจ็คสัน ถ้าเขาสามารถขาวได้ขนาดนี้ เขาคงต้องใช้ครีมหมดไปถึง 3,000 แกลลอน อย่างแน่นอน


วิติลิโก้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "โรคด่างขาว" เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของสีผิว จากการที่เซลส์ที่สร้างเม็ดสี (melanocytes) ถูกทำลายจนหายไป ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนแปลงจากสีปกติเป็นสีขาวมีขอบเขตชัด รอยขาวนี้จะมีหลายรูปแบบ เป็นวงเดียวหรือหลายวงก็ได้


โรคด่างขาว


ส่วนของร่างกายที่อาจพบรอยด่างขาวได้อย่างชัดเจน ก็คือ บริเวณที่เปิดเผย เช่น ใบหน้า คอ ตา รูจมูก, หัวนม, สะดือ และอวัยวะสืบพันธุ์ หรือบริเวณรอยพับ เช่น รักแร้ หรือขาหนีบ หรือรอยจากอาการบาดเจ็บ เช่น รอยถูกของมีคมบาด, รอยถลอก, รอยไหม้ และรอบๆ ไฝ และบางทีเส้นผมก็พลอยเปลี่ยนเป็นสีอ่อนตามไปด้วย รวมถึงขนตามร่างกาย, ขนคิ้วและขนตา ที่เรียกว่า "โปลิโอซิส" แต่บางทีอาจลุกลามถึงจอประสาทตา หรือ เรติน่า ด้วย


โรคนี้พบได้ในอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร พบได้ทั้งหญิงและชายในอัตราเท่าๆ กัน และทุกเชื้อชาติ แต่ 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั้งหมด เริ่มเป็นเมื่ออายุ 10 - 30 ปี และ 1 ใน 5 พบว่า ผู้ป่วยมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ และแม้ว่าคนที่เป็นโรคด่างขาวส่วนใหญ่จะมีสุขภาพดี แต่พวกเขาก็มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคอื่น เช่น เบาหวาน, ไธรอยด์ และโรคโลหิตจาง เพราะขาดวิตามินบี 12


รูปภาพ


โรควิติลิโก้ หรือ โรคด่างขาว เกิดจากการทำลายตัวเซลส์สร้างสี ที่ผิวหนังเป็นหย่อมๆ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยขาวขึ้น ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด บางครั้งอาจมาจากการถูกแดดเผา หรือความเครียดทางอารมณ์ แต่ยังมีทฤษฎีอีก 3 ข้อ ที่เป็นไปได้ คือ

1. ระบบประสาท เชื่อว่า สารที่หลั่งมาจากปลายเซลส์ประสาท เป็นสารที่ทำลายเซลส์สร้างสีได้


2. กระบวนการสร้างสีของตัวเซลส์ สร้างสีเอง และเกิดสารพิษขึ้น กระบวนการได้ทำลายเซลส์
สร้างสีโดยอัตโนมัติ


3. ร่างกายสร้างสารต่อต้านเซลส์สร้างสีของตัวเอง จึงเกิดการทำลายเซลส์สร้างสี และเห็นเป็น
รอยขาว


ลักษณะของโรค เริ่มจากผื่นราบมีสีขาวคล้ายชอล์ค ขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร จนถึงหลายเซ็นติเมตร รูปร่างกลมรี ถ้ามีการอักเสบขอบจะแดงชัด และนูนขึ้น อาจมีอาการคันด้วย คนที่มีผิวดำอาจเป็นโรควิติลิโกได้ทุกเวลา ในกรณีที่อาการร้ายแรงก็อาจถึงขั้นสูญเสียผิวเดิมไปเลยทั้งร่างกาย มีแต่ดวงตาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนสี แต่ไม่อาจทำนายได้ว่า คนไหนจะอาการมากน้อยเพียงใด

รูปภาพ


ผู้ป่วยโรควิติลิโก้ แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่


1. ด่างขาวบริเวณเดียว (Focal type) มีจำนวนรอยขาววงเดียว หรือมากกว่า ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย มักเกิดในคนอายุน้อย


2. รอยขาวเป็นกลุ่ม (Segmental type) มักเกาะกลุ่มเรียงกัน คล้ายเรียงไปตามเส้นประสาทอยู่ข้างเดียวกัน มักเกิดในคนอายุน้อย


3. รอยด่างขาวกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ทั่วไป (Vulgaris type) เป็นแบบที่พบมากที่สุด มักพบ ในผู้ใหญ่ และมักลามมากขึ้นเรื่อยๆ รักษาค่อนข้างยาก


4. รอยขาวที่ปลายนิ้ว (Acrofacial type) มักเป็นที่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า รอบริมฝีปาก พบในผู้ใหญ่และมักลามขึ้นเรื่อยๆ


5. ด่างขาวเกือบทั้งตัว (Universal type) เป็นกระจายเกือบทั่วร่างกาย เหลือบริเวณสีปกติเพียงเล็กน้อย พบในผู้ใหญ่


อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่เป็นอุปสรรคด้านความสวยความงาม การหลีกเลี่ยงก็คือ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ มีรายงานด้วยว่า การเสียดสีของเสื้อผ้าและเครื่องประดับก็มีผลต่ออาการระคายเคืองเช่นกัน และที่สำคัญคือต้องปกป้องผิวหนังจากแสงแดด เนื่องจากผิวขาวจากรอยด่างขาว เมื่อถูกแสงอาทิตย์จะไม่กลายเป็นสีแทน แต่จะไหม้เกรียม ต้องสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด อย่าออกข้างนอกในช่วงที่แดดแรง หรืออาจใช้เครื่องสำอางช่วยอำพรางรอยด่าง โดยเฉพาะผิวหน้า และที่สำคัญคือต้องใช้เครื่องสำอางชนิดกันน้ำ


ผู้ป่วยมักทายาที่ผสมสเตียรอยด์ ที่บริเวณใบหน้าและลำคอ หรือใช้ยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงาน และการแบ่งตัวของเซลส์สร้างสีเมื่อได้รับแสงอุลตร้าไวโอเลต มีทั้งยากินและยาทา ผู้ป่วยอาจต้องตากแดดหรือฉายแสงในเวลาที่แพทย์กำหนด แต่วิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง หรือเป็นตุ่ม ถ้าไม่ระวังขนาดของยาและแสง


และวิธีสุดท้ายคือการปลูกเซลล์สร้างสี ด้วยการลอกผิวหนังที่เป็นโรคทิ้ง นำผิวหนังที่มีเซลส์สร้างสีอยู่มาปลูกถ่ายแทน วิธีนี้ได้ผล แต่ทำได้ครั้งละไม่มากและต้องทำหลายครั้ง


HOW ? Did Michael Jackson skin turn white ? (please Share :)




คัดลอกจาก... http://hilight.kapook.com/view/38692

ขอขอบคุณข้อมูลจาก... http://hilight.kapook.com/view/38692
รูปภาพ

http://www.youtube.com/watch?v=B6xJlyJgfS8

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
- thaiprog.net
- indiandermatology.org
- photobucket.com


:b8: :b8: :b8:

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

R.I.P Michael Jackson


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 02:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณ...คุณลูกโป่ง เป็นอย่างมากค่ะ
สำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกด้านของ Mega Star ผู้นี้ :b8:

:b44: :b44: :b44:

For the Uncertain on Michael Jackson's Death....

You've always been the greatest pop icons in modern history.

May your soul rest in peace!!!


:b44: :b44: :b44:

รูปภาพ

What are the Certain measures....for the Uncertain Time? :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 03:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอมอบเพลงของไมเคิล แจ็คสันให้ 1 เพลงนะคะ

:b48: We Are the World

R.I.P Michael Jackson




Michael Jackson - Making of we are the world




We Are the World

วีอาร์เดอะเวิลด์ (อังกฤษ: We Are the World) เป็นเพลงที่แต่งโดยไมเคิล แจ็กสัน ไลโอเนล ริชชี โปรดิวซ์และอำนวยเพลงโดยควินซี โจนส์ ขับร้องและบันทึกเสียงโดยกลุ่มศิลปินนักร้องชาวอเมริกันจำนวน 45 คน โดยใช้ชื่อว่า "USA for Africa" (United Support of Artists for Africa) [1] และตัดเป็นซิงเกิลการกุศลในปี ค.ศ. 1985 เพื่อหาเงินสมทบกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบทุพภิกขภัย ในแอฟริกา ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งผิดปกติในปี 1984-1985 และประสบภาวะขาดแคลนอาหารใน 6 ประเทศ ประกอบด้วยเอธิโอเปีย ชาด มาลี ไนเจอร์ ซูดาน และโมซัมบิก [2]

เพลงนี้เกิดจากการบันทึกเสียงเพลง "Do They Know It's Christmas?" เพื่อระดมทุนในลักษณะเดียวกับโดยศิลปินนักร้องจากอังกฤษ ที่นำโดยบ็อบ เกลดอฟ เมื่อปลายปี 1984 [3] โดยเริ่มจากแนวคิดเริ่มแรกของแฮรี เบลาฟอนเต ได้ติดต่อกับเคนนี คราเคน ผู้จัดการส่วนตัวของไลโอเนล ริชชีและเคนนี โรเจอร์ส เพื่อหาลู่ทางจัดคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ช่วยเหลือแอฟริกา แต่คราเคนคิดว่าหากบันทึกเสียงเป็นซิงเกิลวางจำหน่ายน่าจะได้ผลดีกว่า และประสานงานกับไมเคิล แจ็กสัน ไลโอเนล ริชชี ควินซี โจนส์ และติดต่อนักร้องอื่นๆ มาร่วมร้อง

การบันทึกเสียงเกิดขึ้นระหว่าง และหลังงานอเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์ ที่ A&M Studios ฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1985 โดยควินซี โจนส์ เป็นผู้ศึกษาสไตล์การร้องของศิลปินแต่ละคน และจับคู่นักร้อง เช่น บิลลี โจเอลกับทีนา เทอร์เนอร์, วิลลี เนลสันกับดิออน วอร์วิค และไมเคิล แจ็กสันกับพรินซ์ (พรินซ์ไม่มาปรากฏตัวเพื่อบันทึกเสียงตามนัด โจนส์จึงให้ไดอานา รอสส์ ร้องคู่กับแจ็กสันแทน ส่วนพรินซ์ได้บันทึกเสียงเพลงอื่นในอัลบั้มแทน) [3]

ซิงเกิลเพลงนี้ขึ้นถึงอันดับหนึงของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1985 และขึ้นถึงอันดับหนึ่งในหลายสิบประเทศทั่วโลก

“We Are the World”
ซิงเกิล โดย USA for Africa
จากอัลบั้ม We Are the World
ออกจำหน่าย 7 มีนาคม ค.ศ. 1985
ประเภท CD, 7" ไวนิล
บันทึกเสียง 28 มกราคม ค.ศ. 1985
แนวเพลง ป็อป
ค่ายเพลง โคลัมเบีย
นักแต่งเพลง ไมเคิล แจ็กสัน, ไลโอเนล ริชชี
โปรดิวเซอร์ ควินซี โจนส์, ไมเคิล โอมาร์เทียน
USA for Africa และผลงานเพลง
- "We Are the World" (1985)

:b55: ร้องเดี่ยว (เรียงตามลำดับการร้องในเพลง)

* ไลโอเนล ริชชี
* สตีวี วันเดอร์
* พอล ไซมอน
* เคนนี โรเจอร์ส
* เจมส์ อิงแกรม
* ทีนา เทอร์เนอร์
* บิลลี โจเอล
* ไมเคิล แจ็กสัน
* ไดอานา รอสส์
* ดิออน วอร์วิค
* วิลลี เนลสัน



* อัล จาร์โร
* บรูซ สปริงส์ทีน
* เคนนี ล็อกกินส์
* สตีฟ เพอร์รี
* ดาริล ฮอลล์
* ฮิวอี ลิวอิส
* ซินดี ลอเพอร์
* คิม คาร์นส
* บ็อบ ไดแลน
* เรย์ ชาร์ลส

:b56: ร้องประสาน

* แดน แอครอยด์
* แฮร์รี เบลาฟอนเต
* ลินด์ซี บัคกิงแฮม (ฟลีทวูด แมค)
* เดอะนิวส์
* ชีลา อี.
* บ็อบ เกลดอฟ
* แจ็กกี แจ็กสัน (เดอะแจ็กสันไฟฟ์)
* ลา โทยา แจ็กสัน
* มาร์ลอน แจ็กสัน (เดอะแจ็กสันไฟฟ์)



* แรนดี แจ็กสัน (เดอะแจ็กสันไฟฟ์)
* ติโต แจ็กสัน (เดอะแจ็กสันไฟฟ์)
* เวย์ลอน เจนนิงส์
* เบ็ตต์ มิดเลอร์
* จอห์น โอตส์
* เจฟฟรีย์ ออสบอร์น
* เดอะพอยเตอร์ซิสเตอร์ส
* สโมกี โรบินสัน

อ้างอิง

1. ^ We Are the World by U.S.A. For Africa. Songfacts (2002).
2. ^ "Situation in six African countries still severe and deteriorating; efforts to aid drought-stricken nations continue", UN Chronicle, United Nations, 1 June 1985, webpage: FLib-UNC-African-severe.
3. ^ 3.0 3.1 "Behind the scene of a pop miracle", Los Angeles Times, 1985-03-25

หมวดหมู่: ซิงเกิลในปี พ.ศ. 2528 | ซิงเกิลอันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮอต 100

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก...วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://th.wikipedia.org/wiki/We_Are_the_World


:b48: Micahel Jackson Song History Review 1958-2009




แหล่งข้อมูลอื่น

* We Are The World จากยูทูบ
http://www.youtube.com/watch?v=WmxT21uFRwM&NR
http://www.youtube.com/watch?v=J0IweJ0g ... re=related

* Micahel Jackson Song History Review 1958-2009 จากยูทูบ
http://www.youtube.com/watch?v=mlSRN4xULAk

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 04:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุ คุณมัทนา ณ หิมะวัน ขอบคุณสำหรับข่าว
และบทความของคุณดังตฤณ คนไร้สาระอ่านหนังสือทุกเล่มของ
คุณดังตฤณ ด้วยความรู้สึกว่าวิเคราะห์อะไรได้เป็นเหตุเป็นผล มี
แง่มุมด้านลึกและกว้าง ต้องบอกเลยค่ะว่าขอบคุณ คุณดังตฤณ
จริง ๆ เพราะเป็นผู้จุดประกายในความตั้งใจจะศึกษาธรรมะให้

:b8: อนุโมทนาสาธุ คุณลูกโป่ง สำหรับเนื้อหาและรายละเอียด
เพิ่มเติม ทราบว่ามีอีกท่านที่เสียชีวิตวันเดียวกัน คือ ซาร่า ฟอเซ็ต
หนึ่งในนางฟ้าชาลี เป็นคนดังทั้งคู่ มองแล้วทำให้ได้แง่คิดเกี่ยวกับ
ธรรมะ เป็นสัจจะโดยแท้จริง

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ่อ...นอกจากแจคสั้นแล้ว อายุก็ถือว่าสั้นด้วย :b12: :b12: :b12:
เมื่อได้ยินข่าวแล้ว ก็ปลงกันเถิด :b8: :b8:

สักวันเราก็พึงตายแน่แท้ เราก็จักตายเหมือนๆกัน

ความตาย ไม่ไช่แต่ไมเคิลเท่านั้น
ในอดีตก็มีอยู่ ปัจจุบันก็กำลังตาย แม้อนาคตก็จะตาย

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุค่ะ คุณมัทนา ณ หิมะวัน คุณ ลูกโป่ง และอีกหลายๆท่าน
การตายของบุคคลที่ดัง และรวยเงินทอง เป็นแง่คิดเกี่ยวกับธรรมะมากๆเลยค่ะ
ถ้าลองพิจารณาดูให้ดี เช่นมีเงินก็ช่วยให้อยู่คํ้าฟ้าไม่ได้ มีสมบัติที่สะสมไว้มากมายก็เอาไปไม่ได้
ที่ได้ไปก็คือ กรรมดีและกรรมชั่ว แล้วพวกเราชาวพุทธ จะเลือกสะสมอะไรกันเอ่ย :b1: :b12: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6:

ใครอ่ะ :b10: :b10: :b10: :b10:
ดาราใหม่เหรอ :b10: :b10: :b10:

ว๊าน่าเสียดายจัง
เรา เกิดไม่ทัน เลยไม่รู้จัก
แถวนี้รู้จักกันเยอะเนาะ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ใครอ่ะ
ดาราใหม่เหรอ

ว๊าน่าเสียดายจัง
เรา เกิดไม่ทัน เลยไม่รู้จัก


:b43: :b43: :b43:

อ๋อ...เหรอ....อ...อ
แล้วเกิดทันดูรายการชื่อนี้อะปล่าว !?!

"BELIEVE IT OR NOT !!! "

:b32: :b13: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาติสยาม เขียน:
:b6:

ใครอ่ะ :b10: :b10: :b10: :b10:
ดาราใหม่เหรอ :b10: :b10: :b10:

ว๊าน่าเสียดายจัง
เรา เกิดไม่ทัน เลยไม่รู้จัก
แถวนี้รู้จักกันเยอะเนาะ :b32: :b32: :b32:


นู๋ชาติสยาม...นู๋เกิดตอนรุ่นไหนจ๊ะ :b1: :b14: :b15:
ใครกำลังดังนะ...แล้ว..น้องนู๋เด็กจัง...ไม่ไปโรงเรียนเหรอจ๊ะ :b16: :b9: :b32:
เดี๋ยวครูตีนะ... :b34: :b34: :b34:




มัทนา ณ หิมะวัน เขียน:
ชาติสยาม เขียน:
ใครอ่ะ
ดาราใหม่เหรอ

ว๊าน่าเสียดายจัง
เรา เกิดไม่ทัน เลยไม่รู้จัก


:b43: :b43: :b43:

อ๋อ...เหรอ....อ...อ
แล้วเกิดทันดูรายการชื่อนี้อะปล่าว !?!

"BELIEVE IT OR NOT !!! "

:b32: :b13: :b17:


...เห็นด้วยจ้า....
"BELIEVE IT OR NOT !!! "

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 17:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

'แง่คิด' จากข่าวไมเคิล 'ยาแก้ปวด'

ใช้ไม่ถูกวิธีจะ 'มีภัย !'


การเสียชีวิตของศิลปินนักร้องชื่อก้องโลกสัญชาติสหรัฐอเมริกา “ไมเคิล แจ๊คสัน” นั้น
สำหรับในประเทศไทยเราสื่อทุกแขนงต่างก็นำเสนอเป็นข่าวใหญ่อย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับกรณีสัตว์น่ารักประจำถิ่นของจีนอย่าง แพนด้า มาลืมตาดูโลกในประเทศไทย
ซึ่ง 2 ข่าวนี้ต่างก็ให้ “แง่คิด” ที่เกี่ยวกับคนไทยโดยตรงได้


อย่างเช่น...เห่อแพนด้าก็อย่าลืมสนใจ “ช้างไทย”

ติดตามข่าวไมเคิลตาย...น่าจะคิดถึงภัย “ยาแก้ปวด”



กับกรณี ไมเคิล แจ๊คสัน นั้น ไม่ว่าที่สุดแล้วผลชันสูตรจะบ่งชี้ว่า
เขาต้องจากโลกนี้ไปด้วยสาเหตุอะไรแน่
แต่จากรายงานข่าว...ช่วงชีวิตบั้นปลายของเขา
ดูจะเกี่ยวข้องกับ “ยา” จำนวนมาก ซึ่งก็มี “ยาแก้ปวด” รวมอยู่ด้วย
ที่สำคัญ...มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผลจากยาแก้ปวดด้วย
แม้ว่าจริง ๆ แล้วอาจจะไม่เกี่ยว ?!?


ทั้งนี้ แม้คนไทยทั่วไปจะคุ้นเคยกับยาแก้ปวดดี
แต่กระนั้น ยาก็คือยา...ไม่ใช่อะไรที่ใช้-ที่กินยังไงก็ได้ !!
ซึ่งจากข้อมูลเกี่ยวกับยาแก้ปวด
จากบทความของ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดย เภสัชกรสุรชัย อัญเชิญ
ในเว็บไซต์ http://www.pharm.chula.ac.th
ก็มีแง่มุมที่คนไทยควรจะได้ตระหนัก


เภสัชกรสุรชัยระบุไว้ว่า... ยาแก้ปวดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ... “ยาแก้ปวดชนิดเสพติด”
และ “ยาแก้ปวด ชนิดไม่เสพติด”
ซึ่งแต่ละชนิดก็มีผลดี-ผลเสียที่แตกต่างกัน



สำหรับยาแก้ปวดชนิดเสพติด
เป็นยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์ระงับปวดสูง แต่ไม่มีฤทธิ์ลดไข้
ยาประเภทนี้ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ในการซื้อ
จึงมักใช้กับคนไข้ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเป็นส่วนใหญ่
โดยตัวยาเป็นสารจาก ฝิ่น และสารที่มี ฤทธิ์คล้ายฝิ่น
ได้แก่ มอร์ฟีน เมเปอริดีน เมธาโดน โคเดอีน เลโวโปรพรอก
ไซฟีน เพนตาโซซีน
ยากลุ่มนี้ใช้เป็นยาเดี่ยวเพื่อระงับปวดที่รุนแรงปานกลางจน ถึงรุนแรงมาก
ที่เกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อเรียบ อวัยวะภายใน และกระดูก
หรือใช้เป็นยาเสริมกับยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด
เพื่อระงับอาการปวดที่รุนแรง ปานกลาง


ยาประเภทนี้ทำให้ผู้ใช้เกิดการ “ชินยา-ติดยา” ได้


ส่วนยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด เป็นยาที่มีฤทธิ์ระงับปวดต่ำ
แต่มีฤทธิ์ลดไข้ด้วย

ได้แก่... ยาแก้ปวด-ลดไข้ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (NSAID) ด้วย
เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน ไดฟลูนิซาล เมเฟนามิคเอซิด
นาพรอกเซน ซูลินแดค พิรอกซิแคม เป็นต้น,
ยาแก้ปวด-ลดไข้ที่ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ คือ พาราเซตามอล
ยาประเภทนี้ใช้ระงับอาการปวดที่รุนแรงน้อย
จนถึงปานกลางของกล้ามเนื้อลาย เอ็น ข้อต่อ ปวดศีรษะ ปวดฟัน


ยาประเภทนี้ไม่ทำให้เกิดการติดยา แต่ “ก็ต้องระวัง”


ย้อนกลับไปที่ยาแก้ปวดชนิดเสพติด
ซึ่งใช้บรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน และปวดรุนแรง
เช่น ปวดเกร็งกล้ามเนื้อเรียบ ปวดกระดูก
ยาประเภทนี้มีทั้งชนิดยากินเมื่อต้องใช้ต่อเนื่อง
และ “ยาฉีด” อย่างที่เราได้ทราบจากข่าวของ ไมเคิล แจ๊คสัน
โดยยาแก้ปวดแบบฉีดนี้จะใช้เมื่อต้องการเห็นผลรวดเร็ว


อย่างไรก็ตาม ยาแก้ปวดชนิดเสพติดโดยทั่วไปจะมี “ผลเสีย”
อาทิ... กดการหายใจ มีผลทำให้ผู้ป่วยหายใจอ่อนช้า
และมีผลเสียอย่างมากกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอุดกั้น
เช่น หอบหืด, กดระบบภูมิคุ้มกัน
(ผู้เสพติดฝิ่นจึงมีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น โรคติดเชื้อ โรคเอดส์),
ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะในระยะแรกของการใช้ยา
แต่ต่อไปอาจชินยา ทั้งนี้ โดยทั่วไปจะไม่ใช้ยาแก้ปวดชนิดนี้
กับอาการปวดเรื้อรังซึ่งต้องใช้ยาต่อเนื่องระยะยาว
เนื่องจากปัญหาติดยา เว้นแต่กรณีจำเป็นต้องใช้
เช่น อาการปวดของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน การติดยาจึงเป็นประเด็นปลีกย่อย


กับยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด ที่ใช้กับอาการปวดที่มีไข้ร่วมด้วย
เช่น ปวดศีรษะจากไข้หวัดหรือติดเชื้อ ปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบ
ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยคือ แก้ปวด-ลดไข้ กับ แก้ปวด-ลดไข้-ต้านการอักเสบ
ถ้าเป็นแบบต้านอักเสบด้วย ซึ่งยาที่เป็นแม่แบบคือ แอสไพริน
ผลเสียก็มีอาทิ... ระคายเคืองทางเดินอาหาร
และลดความต้านทานของผนังกระเพาะและลำไส้
ทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออก
และเป็นแผลในทางเดินอาหาร
หากมีการใช้ขนาดสูงเป็นเวลานาน
จึงห้ามใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลในทางเดิน อาหารอยู่แล้ว,
ผลพิษของแอสไพริน ทำให้เกิดอาการหูมีเสียงกริ่ง ไม่ได้ยินเสียง วิงเวียน,
การใช้ยาเกินขนาด ทำให้อาเจียนอย่างหนัก หายใจถี่แรง
ต้องแก้ไขโดยการล้างท้อง, อาจ มีผลพิษต่อไตและตับ ในระยะยาว


และกับยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด แบบแก้ปวด-ลดไข้
ซึ่งพาราเซตามอล คือยาในกลุ่มนี้ที่รู้จักกันดี
คือ ยาที่คนไทยใช้กันทั่วไป ก็มี “ผลเสีย” ได้
กล่าวคือ... การใช้ยาขนาดสูง หรือติดต่อกันระยะยาว
อาจทำให้เกิดผลพิษต่อตับอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยทำให้เซลล์ตับตาย ตับเสื่อมสภาพ
ทั้งนี้ โดยปกติยาส่วนหนึ่งจะถูกตับเปลี่ยนเป็นสารพิษ
ซึ่งตับเองจะใช้สารป้องกันตัวเองที่มีอยู่กำจัดสารพิษดังกล่าวได้
แต่หากใช้ยาอย่างต่อเนื่องไป นาน ๆ สารป้องกันนั้นจะถูกใช้จนหมด
จึงไม่สามารถกำจัดสารพิษได้ จนมีผลเสียต่อตับ

ดังนั้น เภสัชกรสุรชัย จึงเตือนไว้ว่า...
การใช้ยาแก้ปวดกลุ่มนี้
ต้องระวังเรื่องผลพิษที่รุนแรงต่อตับจากการใช้ต่อเนื่อง
ไม่ควรกินยานี้ในขนาดสูง กว่าครั้งละ 1,000 มก. (2 เม็ด)
หรือเกินวันละ 6,000 มก. (12 เม็ด),
ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนานกว่า 7 วัน,
ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคต่าง ๆ เกี่ยว กับตับ
ก็เป็น “แง่คิด” ได้อีกเรื่องหนึ่ง...จากข่าว “ไมเคิล แจ๊คสัน”


“ยาแก้ปวด” ที่ช่วยให้หายปวด “ใช้ไม่ถูกวิธีจะมีภัย !!”.



ข้อมูลข่าวโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 2 กรกฎาคม 2552 หน้า 1

คัดลอกจาก...กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

http://www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=11689

:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร