วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 17:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


yahoo เขียน:
บัวศกล เขียน:
ผู้มีศีล ย่อมรู้สึกกินแหนงตนเองอย่างรุนแรง
หากพลาดผิดโกหกออกไป แม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะมาจากความหวังดี
หรือหวังร้าย.........................ดังนั้นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์สะอาด
จะเว้นขาดการมุสา โดยสิ้นเชิง


อ่านแล้วทำให้ได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา...

เพื่อนที่ทำงานเขาเป็นหนี้บัตรเครดิต...
และอยู่ในระหว่างการถูกโทรจิกอยู่...
เขาก็เลยออกมาประกาศตัวว่า...."ฉัน...ลาคลอด..."
ซึ่งผมก็เห็นเขาลาคลอดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว...

และ...โทรศัพท์ก็ชอบถูกแอบเอามาวางไว้บนโต๊ะผม...
...
:b2: :b2: :b2:


การโกหกเพื่อการเห็นแก่ตัวเองเป็นบาป
การโกหกเพื่อเห็นแก่คนอื่น เป็นการเสียสละ เรียกว่า บุญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
yahoo เขียน:
บัวศกล เขียน:
ผู้มีศีล ย่อมรู้สึกกินแหนงตนเองอย่างรุนแรง
หากพลาดผิดโกหกออกไป แม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะมาจากความหวังดี
หรือหวังร้าย.........................ดังนั้นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์สะอาด
จะเว้นขาดการมุสา โดยสิ้นเชิง


อ่านแล้วทำให้ได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา...

เพื่อนที่ทำงานเขาเป็นหนี้บัตรเครดิต...
และอยู่ในระหว่างการถูกโทรจิกอยู่...
เขาก็เลยออกมาประกาศตัวว่า...."ฉัน...ลาคลอด..."
ซึ่งผมก็เห็นเขาลาคลอดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว...

และ...โทรศัพท์ก็ชอบถูกแอบเอามาวางไว้บนโต๊ะผม...
...
:b2: :b2: :b2:


การโกหกเพื่อการเห็นแก่ตัวเองเป็นบาป
การโกหกเพื่อเห็นแก่คนอื่น เป็นการเสียสละ เรียกว่า บุญ

ไม่บาปหรอก ไม่ได้เสียสละด้วย แต่ได้บุญจริงๆ มันจะบาปได้ยังไง เหมือนการสอนคนหน่ะ บางครั้งก็ต้องใช้อุบายบ้าง ไม่เรียกโกหกหรอก เรียกว่าให้กำลังใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คำนำก่อนจะพูด
คุณผู้ดูแลสัตว์ฯ สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไม่ได้พูดกัยคุณนะ
ตั้งใจเลยว่าไม่ได้พูดกับคุณ ผมพูดกับคนอื่นๆที่คุยกันอยู่ในกระทู้เปิดสาธารณะ
เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาคิดว่าผมคุยกับคุณ

...................................


เรื่องนี้มันมีประเด็นซ้อนกันอยู่

สำหรับปุถุชนก็จะปรุงแต่งไปต่างๆนาๆว่าบุญอย่างนั้น ดีอย่างนี้
ปรุงไปตามทิฐิของแต่ละคนแต่ละคน ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน
บางคนว่าบาป บางคนว่าบุญ แสดงว่ามันไม่ใช่ของสากล ไม่ใช่ของจริง
มันจริงเฉพาะในใจคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่จริงในใจทุกคน

แต่อริยะชน คนมีความสามารถจะรู้เท่าทันความรู้สึกในใจได้ รู้ทันมัน ก็ไม่ปรุงว่าบุญ
เพราะรู้แจ้ง ตั้งมั่นรู้ชัดแก่ใจว่าในจิตที่กำลังจะทำการงานใดๆในขณะนั้น
มันมีโลภะ โทสะ หรือโมหะ กำลังก่อตัวขึ้นอยู่
แต่รู้ทันตั้งแต่รากเหง้าของกรรมที่กำลังก่อตัวขึ้น

เขาจะรู้ทันตั้งแต่ที่ใจนี้เลย ไม่ปล่อยให้ยืดยาวไปเป็นความคิด
จึงไม่ต้องไปพินิจพิเคราะห์หาเหตุผล ว่าดีว่าเลว ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ


กลัวเขาจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ กลัวเขาจะไปไม่สบาย
เราเลยอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยเขา
ตันหาคืออยากได้ความดี อยากเสพความดี หิวบุญ โลภในความดี
เบื้องหลังการกระทำทั้งหมดมีตันหาเป็นเชื้อ แต่ไม่รู้ทันว่าเป็นตันหา
ไม่รู้ว่าตัวเองมีโลภะอยู่หรือเปล่า มีโทสะอยู่หรือเปล่า มีโมหะอยู่หรือเปล่า
มันก็เลย เลยเถิดไปปรุงแต่งว่าดี ต้องทำ เราต้องทำ
เลยเป็นที่มาของทิฐิว่าต้องโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ
ไม่สามารถจะวางเฉยต่อความตายที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติตรงหน้าได้
เจอความจริงแล้วไม่ยอมรับ อยากจะบงการแทรกแทรงความจริง
แม้จะไม่มั่นใจว่าสิ่ง่ที่กระทำนี้ได้ผลดีหรือเสีย ได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ขอทำไว้ก่อน กันเหนียว เพราะโลภ หิวบุญ อยากจะเป็นคนดี


ถ้าปุถุชนถามตัวเองว่าเป็นบุญหรือบาป เขาก็จะคิดไปก่อน
คิดค่อนไปทางไหนมันก็เป็นอย่างนั้น

แต่สำหรับอริยชนผู้เจริญแล้ว เขาไม่ต้องคิดเลย
รู้สึกจะๆอยู่แจ้งแก่ใจว่าที่ทำอยู่นี้ เป้นกรรมหรือไม่
เมื่อเขารู้ว่านี่เหตุแห่งทุกข์ จึงวางเฉย กรรมก็ไม่เกิด
ปากก็จะไม่โกหก เป็นศีลอัิตโนมัติ

เรื่องบาปบุญนี้ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินให้เลย
ไม่ต้องขบคิดปรุงแต่งเลยว่าบุญหรือบาป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ตอบได้ดีมีสาระหน่อย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วาจาสุภาษิต
คำพูดที่เป็นความจริงพูดไปแล้วมีประโยชน์เราควรพูด :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 22:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
คุณกบนอกกะลา ครับ


อย่าพูดเรื่องไร้สาระดีกว่าครับ ผมจะเล่าให้คุณฟัง พี่ผมตอนนั้นอาการหนักมาก หมอคาดว่าไม่รอดแน่ พอผมไปบอกเขาให้ท่องพุทโธ บริกรรมระลึกถึงพระพุทธเจ้า และไปบอกเขาว่า ผมอภัยและอโหสิกรรมในเรื่องต่างๆที่เขาทำกับผม และขอให้เขาอภัยและอโหสิกรรมในเรื่องต่างๆที่ผมทำกับเขาเหมือนกัน

พี่ผมมันโมโหมาก ไล่ผมออกจากห้องเลย แม่และน้องชายผมก็โมโหด้วย บอกว่าต้องให้กำลังใจผู้ป่วย ดันไปพูดให้มันหมดกำลังใจ

ที่คุณบอก ไว้คุณไปบอกกับพ่อแม่พี่น้องและคนสนิทกับคุณดีกว่า แต่ระวังคนป่วยมันจะลุกขึ้นมาเตะปากคุณนะ


ฮา ๆ ๆ ก็คุณมันไม่ฉลาดนี้..แถมกรรมก็เยอะ..ไม่ถูกเตะปากก็ถือว่าคุณยังพอมีบุญอยู่..นะนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว




cx.jpg
cx.jpg [ 4.3 KiB | เปิดดู 3459 ครั้ง ]
:b32: :b32: ใครที่คิดตรงข้ามกับผมหรือใครที่ว่าผมก็เชิญนำวิธีของคุณไปใช้ก็แล้วกัน หวังว่าจะเกิดผลดีในชีวิตนะครับ แต่ระวังอย่าทำต่อหน้าญาติคนป่วยหล่ะ อันตราย
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุค่ะคุณอา ชาติสยาม

ได้อ่าน ความเห็นของคุณอาแล้ว นู๋ ขม ค่อยสบายใจหน่อย
แนะนำให้อ่าน กันนะคะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว




8.jpg
8.jpg [ 6.5 KiB | เปิดดู 3388 ครั้ง ]
แมวขาวมณี เขียน:
:b8:
สาธุค่ะคุณอา ชาติสยาม

ได้อ่าน ความเห็นของคุณอาแล้ว นู๋ ขม ค่อยสบายใจหน่อย
แนะนำให้อ่าน กันนะคะ

ต้องขอโทษด้วยครับคุณแมวขาวมณี ที่ผมเข้าใจคุณผิดไป :b7: :b7:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว




ghb.jpg
ghb.jpg [ 4.22 KiB | เปิดดู 3384 ครั้ง ]
15110-ganseki_no_kobushi_a_rock_lee_profile_50_super.jpg
15110-ganseki_no_kobushi_a_rock_lee_profile_50_super.jpg [ 20.18 KiB | เปิดดู 3380 ครั้ง ]
ชาติสยาม เขียน:
คำนำก่อนจะพูด
คุณผู้ดูแลสัตว์ฯ สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไม่ได้พูดกัยคุณนะ
ตั้งใจเลยว่าไม่ได้พูดกับคุณ ผมพูดกับคนอื่นๆที่คุยกันอยู่ในกระทู้เปิดสาธารณะ
เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาคิดว่าผมคุยกับคุณ

...................................


เรื่องนี้มันมีประเด็นซ้อนกันอยู่

สำหรับปุถุชนก็จะปรุงแต่งไปต่างๆนาๆว่าบุญอย่างนั้น ดีอย่างนี้
ปรุงไปตามทิฐิของแต่ละคนแต่ละคน ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน
บางคนว่าบาป บางคนว่าบุญ แสดงว่ามันไม่ใช่ของสากล ไม่ใช่ของจริง
มันจริงเฉพาะในใจคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่จริงในใจทุกคน

แต่อริยะชน คนมีความสามารถจะรู้เท่าทันความรู้สึกในใจได้ รู้ทันมัน ก็ไม่ปรุงว่าบุญ
เพราะรู้แจ้ง ตั้งมั่นรู้ชัดแก่ใจว่าในจิตที่กำลังจะทำการงานใดๆในขณะนั้น
มันมีโลภะ โทสะ หรือโมหะ กำลังก่อตัวขึ้นอยู่
แต่รู้ทันตั้งแต่รากเหง้าของกรรมที่กำลังก่อตัวขึ้น

เขาจะรู้ทันตั้งแต่ที่ใจนี้เลย ไม่ปล่อยให้ยืดยาวไปเป็นความคิด
จึงไม่ต้องไปพินิจพิเคราะห์หาเหตุผล ว่าดีว่าเลว ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ


กลัวเขาจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ กลัวเขาจะไปไม่สบาย
เราเลยอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยเขา
ตันหาคืออยากได้ความดี อยากเสพความดี หิวบุญ โลภในความดี
เบื้องหลังการกระทำทั้งหมดมีตันหาเป็นเชื้อ แต่ไม่รู้ทันว่าเป็นตันหา
ไม่รู้ว่าตัวเองมีโลภะอยู่หรือเปล่า มีโทสะอยู่หรือเปล่า มีโมหะอยู่หรือเปล่า
มันก็เลย เลยเถิดไปปรุงแต่งว่าดี ต้องทำ เราต้องทำ
เลยเป็นที่มาของทิฐิว่าต้องโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ
ไม่สามารถจะวางเฉยต่อความตายที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติตรงหน้าได้
เจอความจริงแล้วไม่ยอมรับ อยากจะบงการแทรกแทรงความจริง
แม้จะไม่มั่นใจว่าสิ่ง่ที่กระทำนี้ได้ผลดีหรือเสีย ได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ขอทำไว้ก่อน กันเหนียว เพราะโลภ หิวบุญ อยากจะเป็นคนดี


ถ้าปุถุชนถามตัวเองว่าเป็นบุญหรือบาป เขาก็จะคิดไปก่อน
คิดค่อนไปทางไหนมันก็เป็นอย่างนั้น

แต่สำหรับอริยชนผู้เจริญแล้ว เขาไม่ต้องคิดเลย
รู้สึกจะๆอยู่แจ้งแก่ใจว่าที่ทำอยู่นี้ เป้นกรรมหรือไม่
เมื่อเขารู้ว่านี่เหตุแห่งทุกข์ จึงวางเฉย กรรมก็ไม่เกิด
ปากก็จะไม่โกหก เป็นศีลอัิตโนมัติ

เรื่องบาปบุญนี้ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินให้เลย
ไม่ต้องขบคิดปรุงแต่งเลยว่าบุญหรือบาป

ขอโทษครับ แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ เพราะ ก็ไม่มีใครรู้จักผมดีเท่าตัวผมเองหรอกครับ
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร