สงสัยค่ะ...ว่าหมายถึงอะไร...
และเป็นยังไง
และ...เรื่องรังสีออร่า...
มีความเกี่ยวเนื่องหรือสัมพันธ์อะไรกับกายทิพย์รึเปล่าคะ...
เพราะไปอ่านเจอในบางกระดาน...
ก็เลยสงสัยว่าคนที่นี่คิดกันยังไงกับเรื่องนี้

ผมไม่รู้หรอกว่ากายทิพย์เป็นยังไงครับ
แต่เข้าใจว่าการเจริญกรรมฐาน สามารถหาคำตอบได้ครับ
ลองไปเจริญกรรมฐานดูสิครับ แล้วจะได้คำตอบเอง

ตอบตามความเข้าใจนะ

แสงออร่า เรียกแบบเท่ห์ๆ ก็ รัศมีกาย เป็นแสงของกายทิพย์ ยิ่งมีกำลังจิตสูงเท่าไร แสงก็จะสว่างมากขึ้นเท่านั้น คำว่าแสงนี้ ไม่ได้หมายถึงแสงแบบหลอดไฟ แต่จะมีลักษณะ แสงเรือง มากกว่า
โดยทั่วๆ ไปแสงจะไม่ปรากฏ (หรืออาจหมายความว่า แสงน้อยจนมองไม่เห็น) แต่ในผู้ที่มีกำลังจิตสูง แสงเรืองจะเป็นสีเหลืองทอง แสงของผู้มีบุญบารมีจะเป็นสีขาว คำว่าแสงเรืองมันจะคล้ายๆ ว่า เหมือนมันเรืองออกมาจากข้างในน่ะ แสงพวกนี้มองเห็นได้ด้วย จิต

ส่วนกายทิพย์ อาจจะเรียกว่าเป็น วิญญาณ ก็ได้ แต่ที่ไม่อยากใช้คำว่าวิญญาณ เพราะคำนี้มันให้ความรู้สึกว่า เหมือนเป็นตัวอีกตัวหนึ่งที่ซ้อนอยู่ และหลุดออกเวลาตาย กลายเป็นผี กายทิพย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราแหล่ะ เมื่อตายก็สลายไป เหลือแต่จิตที่จะไปเกิดใหม่

อันที่จริงจะเรียกว่า กายทิพย์ มันก็แคบไป เพราะหมายเอาสิ่งมีชีวิตเท่านั้น จริงๆ ในทุกสิ่งนั้น ก็มีส่วนที่เป็นทิพย์อยู่เหมือนกัน (ฝรั่งเขาเคยถ่ายภาพเอาไว้ ต้นไม้ใบหญ้าก็มี) และเราคิดว่า พวกกายทิพย์ต่างๆ เห็นเรา เห็นโลก ก็ด้วยการมองในส่วนที่เป็นทิพย์นี่แหล่ะ

กายทิพย์...กายที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีการปฏิสนธิ เป็น 1 ในกำเนิด 4 เรียกว่า โอปาติกะ
ส่วนเรื่องรังสี ออร่า ไม่เคยศึกษาครับ(รู้จักแต่น้ำแร่ )
ส่วนที่ถามว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้...ก็ธรรมดาครับเพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับที่คนเราจะสงสัยเรื่องพวกนี้ เพราะความไม่รู้ ในความเป็นจริง

เข้าใจว่าออร่าเป็นรัศมีกาย เป็นทำนองเดียวกับกำลังความสว่างของจิตที่เนื่องกับการบำเพ็ญบุญมา
สัตว์ก็มีออร่า ใบไม้หรือสิ่งมีชีวิตก็มีออร่า
ในทางกายวัตถุนั้นมองว่าเป็นพลังงานจากประจุไฟฟ้าอย่างหนึ่ง
แต่ในทางจิต ออร่าเป็นกำลังสว่างของจิตค่ะ เพราะคนที่บำเพ็ญดี หรือสภาวะจิตดี ออร่าจะใสและสว่างมาก

ส่วนกายทิพย์เป็นกายที่ปราณีตกว่ากายเนื้อ ถ้าเป็นมนุษย์ กายทิพย์ก็ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์
กายทิพย์มีแสงประจำกายไม่เท่ากันแล้วแต่กำลังบุญของแต่ละคน
จะว่าไปแล้ว ออร่าก็เป็นแสงส่วนหนึ่งที่มาจากความสว่างของกายทิพย์ด้วย

แต่ออร่ากับกายทิพย์เป็นคนละอันกัน เหมือนแสงเทียนกับเปลวเทียน ประมาณนั้นค่ะ

กายทิพย์คือร่างที่ถอดได้ออกมาจากร่างกายที่เป็นเนื้อ ผู้ที่จะถอดกายทิพย์ได้ต้อง

1.ถือศีล 5 หรือ แปด อย่างเคร่งครัด
2.ฝึกอานาปาจนเป็นเรื่องปกติ
3.ถือความสันโดษ
4.ฝึกปฎิบัติกรรมฐานเป็นประจำ
5.ภาวนาทุกลมหายใจเข้าออก
6.สวดมนต์เป็นประจำ
7.ปฎิบัติงานในหน้าที่ของตนโดยปกติ
8.หมั่นทำบุญให้ทาน
9.ฟังคำสอนจากพระกรรมฐานจนขึ้นใจ
10.มีพรหมวิหารสี่ประจำใจ

หลับตาหรือลืมตาเมื่อไรเห็นพระพุทธเจ้าเห็นพรหมเห็นเทวดาเมื่อไรนั่นแหละครับ.

ก๊าก ก๊าก ก๊าก... ๆ ๆ เหมือนกันค่ะ
เข้าใจหยอดมุขนะท่าน...



คุณทำให้เราตกเข้าไปในหลุมแห่งความคิดค่ะ คิดเพลิน ๆ นะคะ
คือบางครั้ง...เราอาจจะไม่เคยรู้ความจริง จริง ๆ และอยู่กับความจริง จริง ๆ
ต่อให้เรารู้ว่าสิ่งที่เรารู้นั้นจริง แต่เมื่อตรองมันดี ๆ มันก็เป็นความเชื่อในความจริง...ที่เราคิดว่าจริง...



นี่เราทำให้คุณ...งง..รึเปล่าคะ...ถ้าคุณไม่งง ช่วยทำให้เราหายงงทีเถอะ

คุณเอรากอนหัวเราะดังไปทั้งตึกเลยนะครับ

เรื่อง่กายทิพย์นี่ต้องท่านพลศักดิ์ครับ แต่เสียดายท่านได้แต่แอบอ่านแต่ตอบไม่ได้สะแล้ว

อุ๊ย..! ขอประทานอภัยค่ะ...ลืมสำรวมกิริยาค่ะ อิ อิ



ป๊าด...ธิ..โธ่...ทำม๊าย...เราไม่คิดอะไรให้มันได้เร็วกว่านี้น๊ออออ....
คุณกรัชกาย...ก็ช่างคิดได้นะนี่...


สงสัยต้องไปตามหาคุณพลศักดิ์ซะแล้วสิ่...

หากคุณเอรากอน ต้องการตามท่านพลศักดิ์ หรือ ใบไม้นอกกำมือ ฯลฯ กระแซะๆ ไปที่นี้

http://www.palungjit.com/

หรืออีกอย่างหนึ่ง ตั้งกระทู้ถามที่นั่นรับรองหนุกหนาน

ระวังเล่นของเล่นมากไปนะครับ

ของเล่น หมายถึงคุณพล หรือ กายทิพย์ หรือ น้ำแร่ออร่าคะ...


หุ หุ... การจะมองว่าใครกำลังเล่นอะไร...ไร้สาระหรือไม่อย่างไร...
ถามเขาก่อนดีกว่ามั๊ยคะ...ว่าทำไมเขาถึงเล่น...ง่ะ...


บางที...ของจริงจังของคุณ...อาจจะเป็นของเล่นเด็ก ๆ ของใครบางคนก็ได้...

นามว่า ชิโนะชีเกะ เพิ่งเคยเห็น ทั้งที่สมัครตั้งนานแล้ว
รสนิยมเหมือนๆ ผู้ดูแลสัตว์วิเศษ

กระผมไม่งงครับ.....มันเรียกว่า "อนิจจัง" ไงครับ