ผมไปไหว้พระไหว้เจ้าแม่กวนอิมขอพร แล้วได้อย่างที่หวังแล้วจะไม่กินเนื้อวัว ผมไม่แน่ใจว่าขอไปหรือปล่าว หรือรำพึงกับตัวเองแค่ไหว้อธิษฐานเฉยๆ แบบไม่มีเงื่อนไข แต่หลังจากนั้นผมทำผิดคำพูดเผลอกินเนื้อวัวไป เพราะเพื่อนผมชวนให้กินผมก็เลยกินเป็นมายาท รู้สึกไม่ดีเลยต้องทำอย่างไรครับ

ศาสนาพุทธ ไม่ได้ห้ามทานเนื้อ นิคะ

แต่มันก็ยังไม่ค่อยสบายใจอะครับเพราะเหมือนคิดว่าจะต้องไม่ทำแล้วไปทำ ตามหลักศาสนาพุทธเราผมควรจะทำอย่างไรครับ เหมือนช่วงนี้จิตผมฟุ่งซ่านมากๆ

อยู่ที่เจตนาครับ ถ้าไม่ตั้งใจจะกิน ก็คงไม่เป็นอะไรมาก
จุดธูปบอกท่าน แล้ว อธิษฐาน ขอขมาต่อท่านนะครับ
แล้วต่อไป ก็อย่าได้ทำผิดอีก ถ้าหากเราได้ บนบานสานกล่าวไปแล้ว
จิตใจต้องเข้มแข็งนะครับ ถ้าปฏิเสธเพื่อนได้ก็ควรปฏิเสธ นะครับ
ถ้าหากตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้ว ย่อมมีมารทดสอบครับ
มารทดสอบเนี่ยไม่ต้องดูไกล ก็สภาพแวดล้อมรอบข้าง ตัวเรานี่ล่ะ
สู้ๆ ละกันครับ

ปล. พระโพธิสัตว์กวนอิม ก็ศาสนาพุทธ นะครับ สำเร็จธรรมในศาสนาพุทธ

ขอบคุณครับผมไม่ได้ บนบาน เป็นพิธีอะครับแค่ไหว้เฉยๆอะครับไม่ได้จุดธุปด้วยแล้วผมก็ได้ไหว้ขอขมาไปแล้วครับสบายใจได้หรือยังครับตอนนี้

ถ้าขอขมาไปแล้วก็สบายใจได้ครับ ถ้าไม่ได้ตั้งสัจจะ หรือตั้งปณิธานไว้ ก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ
พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณา พระพุทธะพระโพธิสัตว์ ไม่เคยทำร้ายเวไนยสัตว์หรอกครับ
ที่ท่านไม่ให้ทานเนื้อวัว เพราะท่านเคยให้โอวาทไว้ว่า วัวนั้นเป็นสัตว์ที่มีคุณ คนนำไปใช้แรงงาน
และวัว ก็เป็นสัตว์ที่ใกล้จะได้ไปเกิดเป็นคน และตลอดชีวิต พวกวัว ควาย ก็กินเจ (กินพืช) นะครับ
ท่านก็เลยไม่อยากให้ไปเกี่ยวกรรม ไม่อยากให้คนไปฆ่าเขา ให้เขาหมดอายุไข ตามธรรมชาติไป
ถ้าหากเราไปฆ่าวัว ก็เหมือนเราไปขัดขวางการบำเพ็ญ(การใช้กรรมของเขา) เขาก็ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อน มีความอาฆาต ไม่ว่าคนฆ่า คนขาย คนกิน ก็มีส่วนร่วมในการฆ่า ได้รับการจองเวรเหมือนกันน่ะครับ

ตามหลักศาสนาพุทธ คุณต้องมาเข้าใจธรรมะค่ะ ศาสนาอื่นก็คือศาสนาอื่น ดิฉันศาสนาพุทธ ก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ

ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเดี๋ยวมันก็หายครับ เพราะของมันไม่เที่ยงครับ ต่อไปก็ระวังอย่าไปทำอีกก็พอครับ...
เวลาผ่านไป สภาวะเปลี่ยนแปลง...ไปตามเหตุ - ปัจจัย

อย่ากังวลไปเลยค่ะ

มันผ่านมาแล้ว

ทำจิตให้เป็นกุศล

แล้วมีสติอยู่กับปัจจุบัน

อดีตแก้ไขไม่ได้ ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดนะคะ

มาทำความเห็นใหถูกต้อง ตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนก่อนครับ...(ถ้าคุณเป็นชาวพุทธ ถ้าไม่ใช่ ขอให้ละข้อเขียนนี้ไปเลย เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่ ผู้มีความเชื่อในลัทธิมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย)...

พึงทราบว่าพระพุทธทรงตรัสสอนว่า สิ่งทั้งปวงล้วนไหลมาแต่เหตุ จำหลักการณ์นี้ไว้ให้ดีๆ...แปลว่า ทำเหตุใดไว้ย่อมได้ผลตามสมควรแก่เหตุที่ทำเสมอ นี่คือกฏธรรมชาติสากลที่มีผลเสมอกัน ทั่วถ้วนในสรรพสัตว์ไม่ว่าจะนับถืออะไร มีมิจฉาหรือสัมมาทิฏฐิก็ตาม เป็นเทวดาหรือคนสัตว์เหมือนกันหมด

ดังนั้น พึงทราบต่อไปว่าใครหรืออะไรๆที่ใหนๆทั้งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะบุคคล พระโพธิสัตว์ พรหมมารเทวดา สมณะพราหมณ์ชนทั้งหลายหรือภูติผีปีศาจเปรตสัตว์ในอบายทั้งนั้น ไม่อาจหรือไม่มีอำนาจที่จะบันดาล หรือสร้างอะไรๆให้ใครได้อย่างแท้จริงเลยสักตนเดียว... คงเคยได้ยินข่าวที่ว่านาย ก ถูก
ล็อตเตอรี่ที่คนอื่นซื้อให้เป็นของขวัญ หรืออื่นๆอีกมากมายกันอยู่

ที่แท้แล้ว เราแต่ละคนนั่นเองคือผู้สามารถบันดาลทั้งสิ่งอันปรารถนาและไม่ปรารถนาแก่ตนนั่นเทียวโดยแน่แท้ อะไรที่มีอำนาจเช่นนั้น ตอบว่า "เจตนา"หรือ"กรรม"นั่นแหละยิ่งใหญ่จริงๆ หากท่านเป็นผู้ที่ไม่มีนิสัยในการให้ทานมาเลย..แม้ท่านจะไปอ้อนวอนเทพเจ้าใหนๆด้วยเครื่องบัดพลีโอฬาร...เพียงใด ท่านย่อมไม่ได้แม้ทรัพย์เพียงสลึงเฟื้องด้วยอำนาจบันดาลของเทพยดานั้นๆเลย หรือ ท่านนั้นเป็นผู้ทุจริตล่วงศีลข้อ๒มาแล้ว บัดนี้มาอ้อนวอนขอให้ร่ำรวยอยู่กับพระพรหม ท่านก็จะได้แต่ความวิบัติขัดสนอยู่อันเป็นเศษเสี้ยวแห่งอกุศลวิบากจากอทินนาทาน ดังนี้เป็นต้น..แลหากท่านนั้นมีฝ่ามือชุ่มด้วยการให้ แม้ท่านอยู่เฉยๆก็ยังมีคนนำทรัพย์มามอบให้ถึงที่ แม้มิได้คิดขอ.. คงเคยได้ยินข่าวที่ว่านาย ก ถูก
ล็อตเตอรี่ที่คนอื่นซื้อให้เป็นของขวัญ หรืออื่นๆอีกมากมายกันมาบ้างแล้ว...

ลองมาคิดกันดูเล่นๆว่าถ้าใครๆจะบันดาลอะไรๆได้จริงๆ เราคงสบายเท่ากันหมดแล้ว เพราะผู้มีฤทธานุภาพสูงสุดกว่าใครทั้งหมดคือพระพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระเมตตาและกรุณาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายแบบบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสใดๆ นั้น ท่านย่อมทรงเอื้อเฟื้อดลบันดาลให้สัตว์ทั้งหมดสมปรารถนากันโดยเท่าเทียม ถ้วนหน้าแล้วมิพักต้องรอใครๆมากราบไหว้บนบานด้วยเครื่องล่อรางวัลราวกับการแทงไฮโลเลย มิใช่หรือ?

เราจะมัวมาอ้อนวอนใครหรืออะไรให้เกิดความเดือดร้อนเหมือนนักเลงการพนันที่เล่นหมดหน้าตักแล้วไม่มีจ่ายเขาแล้วเดือดร้อนอยู่เช่นนี้ทำไม ควรแต่ที่จะเร่งขวนขวายด้วยวิริยะแห่งตนเพื่อการอันประสงค์ย่อมสำเร็จได้จริง โดยไม่ต้องเกรงเครียดด้วยความหวังอันมองไม่เห็นอยู่ใย หากนั่งรองอมือเท้าเพราะคิดว่าท่านจะมา บันดาลให้ ในที่สุดความวิบัติฉิบหายอาจตามมาเป็นขบวน .

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มุ่งในการกระทำ ไม่สอนให้ใครๆ อ้อนวอนร้องขอ และเน้นเรื่องปัญญาเพื่อปกป้องตนไม่ให้มืดบอดด้วยกิเลสตัณหา เมื่อมีปัญญาคุ้มตนนั่นแหละจึงไม่ตกเป็นทาสใครๆด้วยการอ้อนวอนขอเขา..

วิธีการdevelop ปัญญา มีตั้งแต่การให้ทานรักษาศีลและเจริญวิปัสสนานั่นแล ผู้ที่ทำได้มากถึงขั้นสูงสุดคือได้หลุดพ้นจากความเขลาทั้งปวงที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่าอวิชชา ท่านเหล่านี้ แม้ไม่อยากได้อะไรๆเลยแต่กลับได้สิ่งทั้งหลายมีลาภยศสรรเสริญโดยประการต่างๆไหลบ่ามาแม้ไม่ได้อ้อนวอนขอใครๆเลยขออัญเชิญ "หลวงตามหาบัว"พอเป็นตัวอย่างประกอบพอเป็นสังเขปในที่นี้...

ขอความมีปัญญาตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและเพื่อนร่วมทุกข์ทุกท่านเทอญ

ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าพูดว่าจะกินเนื้อหรือไม่กินกันแน่

คุณถามใจตัวเองก่อนว่าคุณสามารถไม่กินเนื้อได้หรือไม่
เพราะคุณไม่แน่ใจว่าคุณพูดเป็นคำสัญญาหรือเปล่า

ถ้าทำได้คุณก็ถือเป็นข้อปฏิบัติตามสัญญาจะได้สร้างความมั่นคงของจิตใจด้วย

ส่วนเรื่องที่กินไปแล้ว คุณไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้
งั้นทำวันนี้ปัจจุบันนี้และอนาคตสมเหตุสมผลกว่า

หมวยเอาใจช่วยค่ะ

มันยากแต่หมวยเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ