วันเวลาปัจจุบัน 22 พ.ค. 2025, 16:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีลคืออะไร

ศีล แปลว่า ปกติ หมายถึง ความประพฤติดีทั้งกายและวาจา ซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ที่พึงปฏิบัติ ถือเป็นข้อที่ควรสำรวมระวัง ไม่ล่วงละเมิด แม้ความหมายจะเป็นเรื่องของกายวาจา แต่แท้ที่จริงแล้ว ศีลที่บริสุทธิ์ ต้องเริ่มที่ใจ ต้องมีใจที่จะถือศีล คือ มีเจตนาที่จะงดเว้นการทำผิดศีลนั้น ๆ จึงจะเป็นการถือศีล การถือศีล ภาษาพระเรียกว่า สมาทานสิกขาบท แปลว่า รับสิกขาบท (ข้อที่ควรศึกษา ข้อที่ควรงดเว้น ) มาเป็นข้อปฏิบัติ

ศีลมีคุณค่ามากมายกว่าที่เราคิด ทั้งมีผลในปัจจุบันทันที และมีผลดีงาม ข้ามภพข้ามชาติ ศีลไม่เพียงแต่ดีต่อตัวเราเอง ยังมีค่าต่อสังคมมนุษย์ ทำให้โลกเป็นโลกที่น่าอยู่ มีความสุข มีความปลอดภัย มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

ทำไมถึงต้องมีศีล

เพราะศีลคือทั้งหมดของชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จของทุกคน เบื้องหลังแห่งโชคดี เบื้องหลังแห่งรูปสวยรูปงาม ความร่ำรวยและยากจน เบื้องหลังแห่งความเจ็บป่วย และแข็งแรง เบื้องหลังของทุกอย่างในโลก อยู่ที่ ศีลนี้เอง
เด็กบางคนเกิดมาด้วน ๆ ไม่มีแขนขาเลย ทางแพทย์ก็ว่าเป็นเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทางพระถือว่าเป็นกรรม อย่างนี้ไม่ใช่ของบังเอิญ ไม่ใช่เป็นความประสงค์ของใคร ของต้องมีเหตุเคยกระทำมา จึงมีผลอย่างนี้ พระอัสสชิ กล่าวว่า “ ของทุกอย่าง ( ธรรมใด ๆ ) เกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทราบถึงสาเหตุของเรื่องนั้น และวิธีการดับวิธีการแก้ ของเหตุนั้น “

เด็กคนนั้น ชาติก่อน เขาอาจจะชอบตัดแขนขาสัตว์ หรืออาจจะเคยสั่งตัดแขนขา ฆ่าคนมาสมัยเป็นทหาร หรือเป็นผู้คุมขังที่ทรมานนักโทษในอดีต ทำนองนี้ ชาตินี้ก็เลยต้องรับกรรม

ผู้เขียนเคยมีคนไข้ขายปลาทุบหัวปลามามาก ป่วยเป็นโรคไมเกรนปวดหัวไม่หายก็มี พอถามว่าทำมาแล้วกี่ตัว เขาก็บอกว่า นับไม่ได้ น่าจะสักสองสามพันตัวเป็นอย่างน้อย ยังเคยมีคนไข้เป็นพระรูปหนึ่ง ปกติท่านมีฤทธิ์ ท่านโดนน้ำร้อนลวกทั้งตัว เมื่อไปเยี่ยม ท่านบอกว่าท่านนั่งทางในดูแล้ว ชาติก่อน ท่านเป็นผู้คุมเรือนจำ ท่านเอาน้ำร้อนไปราดนักโทษ ตอนนี้ท่านใช้กรรมนั้นอยู่

สมัยผู้เขียนยังเด็ก ๆ มีน้องชายคนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เกิดมาเขาก็พุพอง เป็นฝีหนองทั้งตัว รักษาไม่หาย จนอายุ ๖-๗ ขวบ ตัวเละเน่าอย่างนั้น ทายาก็แสบ อาบน้ำก็แสบ ทรมานทุกวันน่าสงสารมาก ค่ายาก็แพง ต้องทายาทั้งตัววันละกระปุก คุณน้าคุณป้า เป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี ท่านนั่งทางในได้ก็นั่งดูให้ ก็เห็นเป็นหมูตัวหนึ่งวิ่งไล่ขวิดเด็กน้อยนี้ ได้ความว่า ชาติก่อนเด็กเป็นเจ้าของร้านหมูหัน พ่อของเด็กในชาติก่อนเป็นคนหันหมู วันหนึ่งมีหมูตัวหนึ่งตั้งท้อง คนหันหมูรายงานว่าจะปล่อยไปดีไหม เด็กเจ้าของหมูหันบอก อย่างนี้ดีเลยไม่ต้องปล่อย จะได้หันมันทั้งแม่ทั้งลูก การกระทำอย่างนี้ เป็นผลกรรม และยังมีการจองเวร อีกด้วย เพราะหมูนั้นได้ผูกพยาบาท เป็นเจ้ากรรมนายเวร เมื่อเจ้าของหมูเกิดมาเป็นเด็กในชาตินี้ ก็มีตัวพองเน่าเหมือนหมูที่ถูกหัน คนหันหมู มาเกิดก่อน ได้มาเป็นพ่อเด็ก ลำบากด้วยกันทั้งคู่ และหมูตัวนี้ เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาต ต้องทำบุญให้เป็นนานแสนนาน หลายปี จนมาวันหนึ่ง เด็กนี้ก็หาย ตัวไม่พุพอง แต่อีกไม่กี่วันก็ป่วยตาย เรื่องนี้เป็นน้องชายของผู้เขียนเอง ขอนำมาเล่าไว้ตรงนี้ ถ้ามีความดีงามใด ขอให้ได้แก่น้องคนนี้และ คุณพ่อของเขา

เรื่องกรรมเวรยังมีมากมาย ทั้งจากคนไข้และคนรู้จัก เป็นของมีจริงทั้งนั้น ถ้าเราลองทบทวนประสบการณ์ของเราดู บางคน เคยโดนผีหลอก บางคนก็ถูกลอตเตอรี่บ่อยมาก สังหรณ์แม่นฝันแม่นมาก หมอดูบางคนก็ดูแม่นจริง ๆ พระหลายรูปก็ศักดิ์สิทธิ์ ของอย่างนี้บอกว่า ทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญ ชีวิตหลังความตายมีจริง พระที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะท่านทำความดี ความดีจึงมีผลจริง ผีที่มาหลอกเพราะทำดีไม่พอ ตายไปแล้วเลยทรมานบ้าง อดอยากบ้าง ก็เป็นเปรตบ้าง อสุรกายบ้าง การที่หมอดูดูดวงแม่น ก็แสดงว่าดวงมีจริง จึงแสดงออกมาได้ ดวงจะมีจริงได้ และแสดงมาในลายมือของเราได้ มันก็ต้องเป็นของที่เราเคยทำไว้ ถ้าเป็นความบังเอิญ ใครจะไปทำนายใครได้ ดวงจะมีด้วยความบังเอิญไม่ได้ บางคนตอนเด็ก ๆ หมอดูทำนายเลยว่า โตขึ้นจะเป็นใหญ่เป็นโต ต่อมาก็เป็นจริง เพราะบุญเขาทำไว้ จึงมาแสดงผลเป็นดวง ดวงตกแสดงว่า ช่วงนี้วิบากกรรมกำลังมา จะแก้จะผัดผ่อน หรือผ่อนหนักเป็นเบา ต้องทำบุญ คืออย่างน้อยเป็นการสร้างเหตุดี ไม่ใช่แก้ที่ดวง ดวงเป็นเพียงผลการแสดงเท่านั้น

การที่เราต้องเจอกับความทุกข์ยากทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความพิการแต่กำเนิด หรือ ความป่วยไข้ ความยากจน ความพินาศของทรัพย์สิน โจรปล้น ไฟไหม้บ้าน แม้กระทั่งการถูกจองจำ ถูกใส่ร้าย ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เราผิดศีลมาในอดีต

ถ้าเราทำผิดศีลแล้ว แม้จะทำดีอื่นใด ก็มาลบล้างตรงนี้ไม่ได้ อย่างมากได้เพียงแค่ผ่อนหนักเป็นเบาเท่านั้น ตัวเราในวันนี้เป็นผลจาก ศีล และการทำดีอื่นที่เราเคยทำมาในอดีต นี้คือ คำตอบว่า คนเราเกิดมาทำไมถึงไม่เท่ากัน ทำไมถึงมีโชคไม่เท่ากัน ทำไมดวงดีไม่เท่ากัน

ในอีกมุมมองหนึ่งถ้าเรากำลังย่ำแย่ มีเคราะห์ซ้ำเติม ถ้าสังเกตดู เวลามีเคราะห์มันจะกระหน่ำมาทุกทาง ทั้งป่วย ทั้งเสียทรัพย์ และอื่น ๆ อีก นั้นแสดงว่า วิบากกรรมกำลังมา ทางแก้ที่ถูกต้องก็คือต้องทำบุญ ไม่เชื่อลองไปดูกี่หมอดู ต่างก็ให้ทำบุญ ความจริงบุญแก้บาปไม่ได้แต่เจือจางได้ ท่านเปรียบเสมือนมีเกลืออยู่ในน้ำ ๑ แก้ว น้ำนั้นเค็มปี๋ เกลือนี้เหมือนบาปกรรมที่เราทำมา เราจะนำเกลือออกจากน้ำไม่ได้ เราล้างบาปไม่ได้ แต่ถ้าเราทำบุญมาก ๆ บาปนั้นจะเบาบางลง โดยเปรียบเหมือนเราเติมน้ำเปล่าเข้าไปจำนวนมาก น้ำนั้นก็จะไม่เค็มและจืดลง ทั้งที่เกลือก็ยังอยู่ แต่น้ำจำนวนมากทำให้เจือจางความเค็มลง ถ้าอยากจะทำบุญมาก ๆ ขอให้ถือศีล เพราะศีลคือบุญใหญ่ มหาศาล ทั้งบุญของตัวศีลเอง และยังส่งเสริมให้เกิดบุญกุศลที่ใหญ่กว่านั้นได้อีกมากมาย เพราะ ศีลคือเบื้องต้นแห่งบุญ เป็นรากฐานแห่งความดี ที่ใหญ่หลวงนัก

ถ้าเรามีความสุข มีทรัพย์ มีชื่อเสียงดีงามอยู่แล้ว แต่เราได้กระทำผิดศีล เช่น ลองมีกิ๊กดูบ้าง ลองขโมยของดูบ้าง สิ่งที่ตามมา จะมีทั้งผลที่เห็นได้ทันทีและในอนาคต ผู้ที่ผิดศีลจะประสบภัยเวรจำนวนมาก ได้แก่ เสื่อมจากทรัพย์ เสียชื่อเสียง อาจจะต้องทุกข์ใจ หลบหนี หรือ ถูกจองจำ อาจเจ็บป่วย ติดเอดส์ หรือถึงกับพิการ อาจจะนำมาซึ่งความโกรธแค้น และการทำร้าย และมากถึงการก่อการร้าย ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นได้เองเลยว่า เรื่องร้ายทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ มาจากการผิดศีลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแย่งภรรยา ชู้สาว ลักทรัพย์ และดื่มสุราจนเกิดอุบัติเหตุ หรือดื่มสุราขาดสติ ทำให้โกรธง่ายและโกรธมากเกินยั้งใจได้ ทำให้มีการทำร้ายกัน สำหรับผลของการผิดศีลที่จะเราจะได้รับในอนาคต พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ผู้ผิดศีล เมื่อถึงคราวสิ้นใจ จะตายอย่างไม่มีสติ และตายไปแล้วย่อมไปสู่ อบายภูมิ หมายถึง ภพภูมิที่ไม่ดี ปราศจากความเจริญ มี ๔ อย่างคือ เป็น สัตว์นรก เดรัจฉาน เปรต และ อสุรกาย

พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีมาหลายล้านชาตินับประมาณไม่ได้ เพื่อจะมาสอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก คือ ทุกข์และการดับทุกข์ ด้วย การทำความดีคือ ทาน ศีล และภาวนา โดยทั่วไป จะมีคำสอนของพระพุทธองค์อยู่บ่อยๆ ทานทำให้มีทรัพย์สมบัติร่ำรวย ศีลทำให้แข็งแรง มีรูปร่างสง่าสวยงาม และภาวนา ทำให้มีปัญญา เฉลียวฉลาด แต่ก็มีที่ทรงสอนอยู่ด้วยว่า อานิสงส์ทำให้ได้รับสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นรูปสวย รวยทรัพย์ มีอำนาจวาสนา สุขภาพแข็งแรง ต่างก็เป็นผลของศีล ได้เช่นกัน เมื่อมีศีลแล้วก็เหมือนมีความดีมากมายติดตัว อยากจะได้สิ่งใด ให้ทำความดีแล้วตั้งใจปรารถนา ก็จะได้ตามปรารถนา อย่างไม่ยาก

พระพุทธองค์ทรงสอนใน เวลามสูตรว่า ศีลเป็นบุญใหญ่ ใหญ่กว่าการทำทานอย่างประมาณไม่ได้ จะทำทานจะสักเท่าไร ก็มีอานิสงส์ สู้การถือศีลไม่ได้เลย ศีลเป็นเบื้องต้นแห่งความดี ความดีนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นของเรา แต่ยังแผ่ไปถึงคนใกล้ตัว และเรายังสามารถอุทิศบุญกุศล ไปสู่คนที่เรารักได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน ไม่ว่ากำลังป่วยหนักแม้แต่เขาจะล่วงลับไปแล้วก็ตาม สามารถอุทิศบุญกุศลไปให้ ได้ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร