วันเวลาปัจจุบัน 22 มิ.ย. 2025, 14:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2010, 11:04
โพสต์: 1147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4451855739_994c2e1787.jpg
4451855739_994c2e1787.jpg [ 60.35 KiB | เปิดดู 6171 ครั้ง ]
ได้ยินนานาทัศนะเรื่องผู้ป่วยโรคเอดส์ที่จะบวชพระช่วงเข้าพรรษาค่ะ

จริงอยู่ไม่มีข้อห้ามสำหรับบุคคลที่ป่วยเป็นโรคนี้สำหรับพระวินัย (เพราะไม่ใช่โรคติดต่อ) แต่เพื่อนๆคิดเห็นกันอย่างไรบ้างคะ ว่าผู้ป่วยควรได้บวชหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงเข้าพรรษา ระยะยาว 3 เดือน

ส่วนตัวเคยไปบวชอุบาสิกาต่างจังหวัด ช่วงเข้าพรรษาค่ะ มีการตรวจเลือด และตรวจสุขภาพ พบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นเอดส์ และโรคติดต่อร้ายแรง ทางสถานที่เลยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านก่อนจนกว่าจะหาย (สำหรับโรคติดต่อ) และผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ให้ปฏิบัติอยู่ที่บ้าน

มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้างคะ แลกเปลี่ยนกันนะคะ ทั้งข้อดีและข้อเสีย ขอบคุณค่ะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่พึงบรรพชาคนมีโรคเรื้อรัง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2010, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2010, 11:04
โพสต์: 1147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ log in ไม่ได้หลายวันแล้ว เลยมาตอบช้า

มีคนบอกว่า "บวชได้" คำว่า ไม่พึง คือไม่ควร หรือเปล่าคะสรุปว่าผิดวินัยหรือไม่ สงสัยเลยมาถามอีกทีค่ะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2010, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


แปลว่า ห้ามบวช ผิดวินัย

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2010, 02:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอดส์ เป็นโรคติดต่อนี่ครับ

แล้วไม่บวช ปฏิบัติธรรมไม่ได้รึ
ผู้หญิงไม่ได้บวชภิกษุณี เขายังปฏิบัติธรรมกันได้เลย

ผู้หญิงมากมายในพระไตรปิฏกที่ไม่ได้บวช
ผู้ชายมามากในพระวินัยที่ไม่ได้บวช เขายังปฏิบัติธรรมกันถึงมรรคได้เลย


พระวินัยมีไว้รักษาพระศาสนาให้คงอยู่
อย่าเห็นแก่ตัว อยากได้ประโยชน์ส่วนตน จนไม่สนใจพระวินัย

ถ้าพระวินัยแค่นี้ยังปฏิบัติไม่ได้ บวชไปแล้วจะรักษาพระวินัยอื่นๆอีกได้หรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2010, 11:04
โพสต์: 1147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ่อ..บอกก่อน น้อมไม้ได้เป็นเอดส์นะคะ ไม่ใช่แม้แต่ใกล้เคียง :b12:

โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางกายภาพ แต่ก็ผิดวินัยด้วยหรือคะ พระไม่มีหน้าที่ทางกามกิจอยู่แล้วนี่ ขอโทษค่ะ ถามมากมาย แต่อยากทราบให้เข้าใจ
อย่างละเอียด

ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2010, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


บางเรื่องมันก็ยากที่จะพูด ถ้าเกิดความจริงรับไม่ได้กันขึ้นมา จะพาเป็นบาดหมางคลางแคลงใจ ... เรื่องผิดบางอย่างทำกันมาหลายร้อยหลายพันปีจนกลายเป็นเรื่องถูกในสายตาคนในสังคมเสียแล้ว แก้ไขลำบาก

การบวชแล้วสึก เพื่อล้างซวย เพื่อต่ออายุ ... ไม่มีในศาสนาพุทธ การสึกเป็นตราบาป เป็นมนทิล ไม่จำเป็นจริงๆ ไม่มีการสึก พระพุทธองค์เปรียบการบวชแล้วสึกเหมือนการฆ่าตัวตายในทางธรรม ไม่ได้บุญอะไรเลย แถมแบกบาปกลับบ้านไปเต็มๆ ไม่รู้มาเป็นประเภณี(อันดีงาม)ตั้งแต่ตอนใหน มันเป็นวิธีหากินของพวกพราหมณ์ เหมือนเหยีบซ้ำคนที่กำลังจะหมดบุญอย่างไรก็ไม่รู้

เหตุที่ห้ามบวชคนไม่ปกติ คนที่เป็นโรค เพราะคนพวกนี้ไม่มีทางบรรลุมรรคผลได้ ด้วยกรรมเคยที่ก่อไว้จนออกมาเป็นทุพลภาพ จะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้ได้มรรคผล ทั้งยังเป็นภาระเพื่อนภิกษุคอยดูแล แบกหาม จะกิน จะนอน จะขี้ จะเยี่ยว นอกจากตนเองจะปฏิบัติธรรมไม่ได้แล้ว ยังเป็นการไปขัดขวางการปฏิบัติธรรมของภิกษุรูปอื่นอีก

เรื่องทางธรรม จะเอาปัญญาทางโลกไปตัดสินนั้นไม่ได้ ไปนึกเอาว่าจะได้บุญ แต่เหตุที่ทำจริงๆ มันเป็นบาป อย่างไรผลก็ไม่มีทางเป็นบุญออกมาได้ ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 01:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


น้อมเศียรเกล้า เขียน:
เอ่อ..บอกก่อน น้อมไม้ได้เป็นเอดส์นะคะ ไม่ใช่แม้แต่ใกล้เคียง :b12:
โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางกายภาพ แต่ก็ผิดวินัยด้วยหรือคะ พระไม่มีหน้าที่ทางกามกิจอยู่แล้วนี่ ขอโทษค่ะ ถามมากมาย แต่อยากทราบให้เข้าใจ
อย่างละเอียด
ขอบคุณค่ะ


ความจริงท่านวางกฏเกณฑ์ไว้แล้วว่า โรคติดต่อ
ก็ไม่วายที่จะมีคนพยามอยากเป็นพระให้ได้ด้วยการตีความลงไปอีกว่า
โรคติดต่อแบบไหนที่บวชได้

มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพระสงฆ์ของเรา เต็มไปด้วยคนป่วยที่สังคมรังเกียจ

มันไม่ใช่เรื่องสิทธิมนุษยชนอะไรทั้งนั้น

แต่เพราะความโง่เหง้าของสังคมนั่นแหละ
ที่พอเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วก็เสื่อมศรัทธา

ถ้าสังคมรับได้ ที่จะมีพระขาขาด แขนขาด หูหนวก ตาบอด เป้นโจร เป็นคนค่อม
เป็นโรคเรื่อน เป็นกระเทย และ... เป็นโรคติดต่อร้ายแรงเช่น ...เอดส์
ผมคิดว่าคงไม่ต้องมีพระวินัยข้อนี้ ใครบวชท่านคงรับหมด

ถามนิดเถอะครับ ญาติโยมที่ไหนจะมาวัด ถ้ารู้ว่ามีพระเป็นเอดส์
แล้วพระรูปอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ล่ะ แฟร์กับเขาฟหรือเปล่า
สิทธิของเขาอยู่ที่ไหน

เพราะสังคมที่โง่เขลาเบาปัญญานั่นแหละ พระพุทธเจ้าถึงต้องกำหนดวินัยขึ้น
เพื่อจะรักษาพระศาสนาให้ดำรงตกทอดมาถึงคนรุ่นหลัง เช่นตกทอดถึงเจ้าของกระทู้
จนเจ้าของกระทู้ได้เอามาเรียกร้องสิทธิในการบวชของผู้ป่วยเอดส์

การบวช คือการรับ ที่จะเป็นศาสนทายาท เป็นบุคคลที่จะต้องศึกษาธรรมะให้ถ่องแท้
และต้องนำมามาสั่งสอนผู้คน ต้องสืบทอดคำสอน ต้องมีสมรรถะสมควรแก่การทำหน้าที่


การรับจะเป็นศาสนทายาท รับเป็นผู้ประกาศพระศาสนา จึงต้องมีเงื่อนไข
มันเป็นสิทธิที่มีเงื่อนไขกำกับ
เว้นแต่คุณจะไปตั้งศาสนาเองแล้วจะตั้งเื่อนไขยังไงก้ตั้งไป

แต่ทุกวันนี้ พากันเอาการบวชมาเป็นการชุบตัว อาบบุญ มาเอาบุญ
เพราะต้องการเข้ามาอาบ มาห่ม มากิน ความเป็นพระ
บวชเข้าไปแล้ว ยังไม่ทันจะห่มผ้าเป็น ตากผ้าเหลืองก็ยังไม่ทันแห้งเลย ก็พากันสึกแล้ว
แต่ไม่มีปัญญาเข้าใจเลยว่าทำไมต้องบวช บวชแล้วต้องทำอะไร มีหน้าที่อะไร
ไม่รู้กระทั่งว่ามรรคผลนิพพาน ไม่เกี่ยวกับการบวช
ตอนพระพุทธเจ้าบรรลุเป้นพระอรหันต์ ท่านก็ไม่ได้บวชเป้นอะไรในศาสนาพุทธทั้งนั้น
ยังไม่มีคำว่าศาสนาพุทธด้วยซ้ำไปในตอนนั้น แล้วท่านบรรลุได้ยังไง

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พูดไปก็เท่านั้น
มีแต่คนรักตัวเอง ศาสนาจะเป็นยังไงก็ไม่สนใจ ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ไว้ก่อน


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 17 ก.ค. 2010, 01:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 02:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
จุดมุ่งหมายที่สูงสุดของการบวชในพระพุทธศาสนา
คือพระนิพพานเพื่อความสิ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง

ดังคำบาลีที่กล่าวว่า

สพฺพทุกฺขนิสฺสรณนิพฺพานสจฺฉิกรณตฺถาน อมฺหากํ ปพฺพชฺชา

บรรพชาของเราทั้งหลาย
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
เป็นที่ออกจากทุกข์ทั้งปวง

และท่านยังกล่าวต่อไปว่า

ยาวชีวํ ตตฺถ โน อุตฺสาโห กรณีโย

ขอให้อุตสาหะ ตั้งใจปฏิบัติในบรรพชานั้น
อันเราทั้งหลายพึงกระทำตลอดชีวิต

อยํ สพฺพทุกขนิสฺสรโณปาโย

นี้แหละเป็นอุบายที่จะให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้


อย่างไรก็ตามการบวชของคนในประเทศไทยปัจจุบันนี้
มีลักษณะการบวชแตกต่างจากในประเทศอื่นหลายประเทศ
แม้แต่ในประเทศพม่า ศรีลังกา จีน และธิเบต เป็นต้น
ก็มีประเพณีบวชไม่เหมือนกัน และมีจุดมุ่งหมายแตกต่างกัน

ชาวพม่า ชาวศรีลังกา ชาวอินดีย หรือชาวจีน
ที่เขาบวชในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เขาบวชแล้วเขามุ่ง “ไม่สึก”
แต่เขามุ่งบวชตลอดชีวิต

ถ้าใครจะบวชก็ต้องตัดสินใจ
ให้แน่ว่าจะมอบกายถวายชีวิตในพระศาสนาตลอดไปไหม


ถ้าไม่ตัดสินใจแน่เขาจะไม่บวช
ถ้าตัดสินใจแน่แล้วว่าจะต้องบวช
เขาก็จะบวชตลอดไปแล้วก็ไม่สึก

ถ้าผู้ใดสึกออกมา
จะถูกสังคมประณามว่าเป็นคนที่ไม่น่าคบ
ถูกสังคมเหยียดหยามเพราะสึกออกมา

เพราะฉะนั้น พระสงฆ์ในประเทศศรีลังกาก็ตาม
พม่าก็ตามหรือแม้แต่ในอินเดีย บังคลาเทศและเนปาลก็ตาม
ในปัจจุบันจึงไม่มีมากเหมือนในประเทศไทย
เพราะบวชแล้วก็ต้องอยู่ตลอดไป


แม้แต่พระจีนพระญวน เขาถือประเพณีว่าบวชตลอดไป
เขาไม่ได้บวชชั่วคราวเหมือนอย่างในประเทศไทยเรา



:b8: :b8: :b8:

(คัดลอกบางตอนมาจาก : การบวชประเภทต่างๆ ใน “อานิสงส์การออกบวช”
โดย พระเทพวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตฺวณฺโณ), พิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๔๓,
โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, หน้า ๑๗-๑๘)


:b8: :b8: :b8:

แม้กายจะมีข้อจำกัดหรือติดขัดที่จะครองเพศบรรพชิต
แต่ก็ยังสามารถครองเรือนโดย "บวชใจ"
ประพฤติตนในบริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญาได้มิใช่หรือคะ!?!
:b8: smiley


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 17 ก.ค. 2010, 10:46, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๕. สิกขสูตร

[๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป ลาสิกขาสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าติเตียน ซึ่งถูกกล่าวหาอันชอบแก่เหตุ ๕ประการในปัจจุบัน ๕ ประการเป็นไฉน คือ ท่านไม่มีแม้ศรัทธาในกุศลธรรม ๑ไม่มีแม้หิริในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้โอตตัปปะในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้ความเพียรในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้ปัญญาในกุศลธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป ลาสิกขาสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าติเตียน ซึ่งถูกกล่าวหาอันชอบแก่เหตุ ๕ ประการนี้แลในปัจจุบัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป แม้มีทุกข์ โทมนัส มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าสรรเสริญที่ชอบแก่เหตุ ๕ ประการในปัจจุบัน ๕ ประการเป็นไฉน คือ เธอมีศรัทธาในกุศลธรรม ๑มีหิริในกุศลธรรม ๑ มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ๑ มีความเพียรในกุศลธรรม ๑มีปัญญาในกุศลธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป แม้มีทุกข์โทมนัส มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าสรรเสริญที่ชอบแก่เหตุ ๕ ประการนี้แลในปัจจุบัน ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร