วันเวลาปัจจุบัน 21 พ.ค. 2025, 16:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ที่มา...คลังปริยัติธรรม ฉบับสมบูรณ์ เอกะ หมวด๑ สุราเป็นเหตุให้ละเมิดศีลข้ออื่น...(หน้า ๑๐-๑๑)
...ในจำนวนศีล ๕ ข้อ มีข้อห้ามดื่มสุรา อันเป็นเครื่องดองของเมาไว้เป็นข้อสุดท้าย...
...เหมือนจะขมวดให้รู้ว่า ข้อว่าด้วย สุรา มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งก็นับว่าเป็นความจริง...

:b44:
...เพื่อให้สมจริง ใคร่ขอยกหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน...
..." ปัญจนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๓๕ " ตอนหนึ่งว่า...

:b44:
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...ถูกแล้ว...แม้เราก็ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินข้อที่ว่า...
...บุรุษละเว้นเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ (การดื่ม)น้ำเมาคือสุรา...
...และเมรัยแล้ว ถูกพระราชาจับฆ่า หรือจองจำ เนรเทศ หรือลงโทษอย่างอื่น...
...ตามควรแก่เหตุ เพราะเหตุที่มีเจตนา เว้นจากที่ตั้งแห่งความประมาท คือ...
...(การดื่ม)น้ำเมาคือสุรา และเมรัย โดยที่แท้กรรมชั่วของบุรุษนั้นต่างหาก...
...ที่ประกาศว่า บุรุษนี้ ประกอบเนืองๆ ซึ่งที่ตั้งแห่งความประมาท คือ...
...(การดื่ม)น้ำเมาคือสุรา และเมรัย...จึงฆ่าหญิงบ้าง ชายบ้าง...
...จึงถือเอาสิ่งที่เขาไม่ให้จากบ้านบ้าง จากป่าบ้าง ด้วยอาการแห่งขโมย...
...จึงก้าวล่วงในภรรยาคนอื่นในบุตรีคนอื่น จึงหักรานประโยชน์ของคฤหัสบดีบ้าง...
...บุตรของคฤหัสบดีบ้าง ด้วยการพูดปด เขาย่อมถูกจับฆ่า หรือจำนอง เนรเทศ...
...หรือลงโทษอย่างอื่นตามสมควรแก่เหตุ เพราะเหตุที่ตั้งแห่งความประมาท คือ...
...(การดื่ม)น้ำเมาคือสุรา และเมรัย ท่านทั้งหลายเคยได้เห็นได้ฟังอย่างนี้บ้างหรือไม่...

:b44:
อธิบาย
:b17:
...โทษของการดื่มสุรา เครื่องดองของเมา ที่เรียกว่า เมรัย จึงทำให้คนเราตั้งอยู่ในความประมาท...
...อาจทำสิ่งใดๆ ที่ผิดศีลธรรม หรือก่อกรรม ทำเข็ญที่รุนแรงต่างๆ ได้ เช่น...
...๑) ฆ่าหญิง,ฆ่าชาย อันเป็นการล่วงเกินศีลข้อ ปาณาติบาต
...๒) ถือเอาสิ่งที่เขาไม่ให้ จากบ้าน จากป่า ด้วยอาการแห่งขโมย อันเป็นการผิดศีลข้อ อทินนาทาน
...๓) ก้าวล่วงในภรรยาของผู้อื่น หรือบุตรีของผู้อื่น อันเป็นความผิดในศีลข้อ กาเมสุมิจฉาจาร
...๔) หักรานประโยชน์คฤหบดี บุตรของคฤหบดี ด้วยอาการพูดปด อันผิดศีลข้อ มุสาวาท
...๕) สำหรับความผิดศีลข้อ๕ คือดื่มสุรา เมรัย นั้นมันผิดอยู่แล้ว จึงหลงมัวเมากล้าทำผิด...
...ในศีลข้อต้นๆ ดังกล่าวมาแล้วนั้น ถ้าจะมีคนถามว่า บรรดาศีล ทั้ง ๕ ข้อนั้น...
...ศีลข้อใด มีความสำคัญที่สุด ก็คงมีคำตอบได้จากธรรมข้อนี้...
:b8:
:b12:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 23 ก.พ. 2010, 16:02, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:06
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะเป็นข้อ 1 นะครับ ถ้า ในโลกนี้ ไม่มีการเข่นฆ่ากัน โลกคงจะสงบสุขขึ้นเยอะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...จริงๆศีลทุกข้อล้วนมีความสำคัญไม่หย่อนกว่ากัน...
:b16:
...แต่ข้อ๕นี้พระพุทธเจ้าทรงเน้นว่าสำคัญกว่าทุกข้อ...
...เมื่อพิจารณาจะพบว่าผู้ตั้งตนอยู่ในความประมาท...
...จะทำผิดพลาดได้โดยง่าย...ขาดความยับยั้งชั่งใจ...
:b22:
...เพราะการดื่มสุราเป็นสาเหตุทำให้ผู้ดื่มขาดสติ...
...ถ้าทำผิดข้อ๕ก็อาจทำผิดข้อที่เหลือได้ง่ายค่ะ...
...ศาสนาพุทธเน้นการกระทำที่มีสติสัมปชัญญะ...
:b12:
...เมาแล้วขับ...ถูกจับปรับมีให้เห็นมากมาย...
:b13:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆแล้ว เราคิดว่า

ศีลข้อที่ 4 เป็นข้อที่สำคัญที่สุด

มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สัมมาทิยามิ

เพราะเป็นศีลที่เกี่ยวกับคำพูด จึงถูกโหวดให้เป็นข้อที่รักษาได้ยากที่สุด

ถ้าศีลข้อที่ 4 บริสุทธิ์ ก็คือ ห้ามพูดโกหก

ถ้าด่างพล่อย ก็... การพูดจาเสียดสี คำหยาบคาย ไม่สำรวมในวาจา

การพูดโกหกหรือพูดจาไม่สำรวมนั้น เคยได้ยินไหมคำกล่าวที่ว่า คำพูดเป็นหน้าต่างของจิตใจ
ผู้พูดพูดอะไรไป ด่าใครไป แช่งใครไป ผู้พูดก็มักจะได้เช่นนั้นเสมอ

เช่น การไปด่าคนอื่นให้ขึ้นคาน
ตัวเองก็จะขึ้นคานเสียเอง


เป็นต้น

เมื่อคำพูดไม่สะอาด จิตใจย่อมไม่สะอาดตาม ดังนั้นการผิดศีลข้อที่ 4 จึงทำให้สามารถผิดศีลข้ออื่นๆได้ง่ายตามมา

พระโสดาบันที่แท้จริง จะไม่มีทางละเมิดศีล ทำให้ศีลพร่อยหรือด่างได้แม้แต่ศีลใดศีลหนึ่ง เด็ดขาด


แต่รุ้สึกคนในบอรืดนี้จะชอบเสียดสีกันเสียจริงนะ ^^"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 01:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจว่า..ศีลเหล่านี้..มีปรากฎอยู่ก่อน..พระพุทธเจ้า..แล้ว

แต่ไม่ได้ทรงห้าม..แต่อย่างใด..กลับเป็นฐานเกื้อหนุน..ความดีแบบพุทธของเราซะอีก

แต่ไม่ว่าศีลข้อไหน..หากไม่ประกอบด้วยพรหมวิหาร 4 แล้วละก้อ..ศีลเหล่านั้นก็เป็นศีล..เพื่อเอาเข้าตัว..ทำเพราะกลัวเสื่อมลาภ..เสื่อมยศ..ไร้คำเยินยอ..

..ไม่ดื่มเหล้ากลัวเขาจะว่า..ไม่ปากปลาร้ากลัวเขาว่าไม่ดี

..อย่างนี้..ไม่ได้เป็นศีลเพื่อการสละออก..ซึ่งเป็นหลักใหญ่ของพระศาสนา

อยากจะบอกว่า..

ศีล 5 จะมีค่าน้อย...หากไร้ร่องรอยของความเมตตา

:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 01:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:

พระโสดาบันที่แท้จริง จะไม่มีทางละเมิดศีล ทำให้ศีลพร่อยหรือด่างได้แม้แต่ศีลใดศีลหนึ่ง เด็ดขาด

^^"


นางสิริมา..เป็นหญิงงามเมือง..ก็คล้าย ๆ โสเภณี..นี้แหละ..แต่ท่านเป็นพระโสดาบัน..นะครับ

อ้างคำพูด:
แต่รุ้สึกคนในบอรืดนี้จะชอบเสียดสีกันเสียจริงนะ


เป็นธรรมดา..ของโสดาบี้ ๆ..นะครับ :b12: :b12:

แต่ว่า..จะไปประมาทท่านเหล่านี้..ก็..ไม่..ได้นะครับ..

อย่างที่เขาว่า..

รู้หน้า..ไม่รู้ใจ

แล้วประสาอะไรกับตัวอักษร..

จริงไหมครับ???

:b12: :b12: :b12:

ปล. แก้พิมพ์ตกคำว่า..ไม่..ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 01:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
kanalove เขียน:

พระโสดาบันที่แท้จริง จะไม่มีทางละเมิดศีล ทำให้ศีลพร่อยหรือด่างได้แม้แต่ศีลใดศีลหนึ่ง เด็ดขาด

^^"


นางสิริมา..เป็นหญิงงามเมือง..ก็คล้าย ๆ โสเภณี..นี้แหละ..แต่ท่านเป็นพระโสดาบัน..นะครับ



เมื่อท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านจึงทรงศีล 5 ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ก่อนหน้าที่จะเป็น กับหลังที่จะเป็น ต่างกันนะคะ ^^ ก่อนที่จะเป็น เธอจะเป้นยังไงก็ได้ แต่หลังที่เธอเป็นพระโสดาบันแล้ว ศีลจะบริสุทธิ์จริงๆคะ ไม่มีทางละเมิดศีล ทำให้ศีลพร่อยหรือด่างได้แม้แต่ศีลใดศีลหนึ่ง เด็ดขาด

กบนอกกะลา เขียน:
เป็นธรรมดา..ของโสดาบี้ ๆ..นะครับ :b12: :b12:

แต่ว่า..จะไปประมาทท่านเหล่านี้..ก็ได้นะครับ..

:b12: :b12: :b12:


แค่คุณพูดแค่นั้น ก็ถือว่าคุณได้ปรามาสแล้วนะคะ... พระโสดาบันคะ เรียกให้ถูกๆหน่อย


แก้ไขล่าสุดโดย kanalove เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 01:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 01:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นางสิริมา..ทำอาชีพหญิงงามเมืองทั้ง ๆ ที่เป็นโสดาบัน..นี้แหละครับ..แต่ศีลท่านก็ยังบริสุทธิ์นะครับ

กบฯ...ไม่งง..

แต่คุณ..งงไหม???

แล้ว..โสดาบี๊ ๆ นี้..กบฯไปล่วงเกินใครหรือครับ???

อันนี้..กบฯ..งง :b10: :b10:

:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 24 ก.พ. 2010, 01:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 01:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นางสิริมา..ทำอาชีพหญิงงามเมืองทั้ง ๆ ที่เป็นโสดาบัน..นี้แหละครับ..แต่ศีลท่านก็ยังบริสุทธิ์นะครับ



ท่านไม่ได้ ทำอาชีพหญิงงามเมืองทั้ง ๆ ที่เป็นโสดาบัน คะ

หลังท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านก็เลิกแล้วคะ

กบนอกกะลา เขียน:

แล้ว..โสดาบี๊ ๆ นี้..กบฯไปล่วงเกินใครหรือครับ???

อันนี้..กบฯ..งง :b10: :b10:

:b12:

ล่วงเกินศาสนาพุทธคะ... บัญญัติศัพท์มาดีๆ โดนเรียกแบบนั้นก็ถือว่าโดนล่วงเกินแล้วคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ประวัติของพระนางสิริมา คะ

คุณกบอ่านให้จบด้วย ก็ดีนะคะ ^^ เผื่อได้ข้อคิดไรดีๆกะเขาบ้าง

http://10000.narrative.biz/read_enlighten_07.htm

กับ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7465


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 02:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
ท่านไม่ได้ ทำอาชีพหญิงงามเมืองทั้ง ๆ ที่เป็นโสดาบัน คะ

หลังท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านก็เลิกแล้วคะ


คุณ..งงจริง ๆ ด้วย :b12:

คืออย่างนี้..

ศีลข้อ 3 นี้นะ..จะผิดก็ต่อเมื่อ..เจตนาจะยึด..จะครอบ..จะครอง..อันบุคคลที่ต้องห้าม

แต่นางสิริมา..จะตกลงกับแขกทุกคนว่า..จ่ายมา 1000 กหาปณะ..อยู่ได้ 1 คืน

เป็นการตกลงแลกเปลี่ยน..มันเป็นอาชีพ..นางไม่ได้โกหกหลอกลวงสามีใคร..อยากได้สามีใคร..หรือหว่านล้อมให้สามีใครมาหาเธออีก..ศีลของนางจึงบริสุทธิ..ครับ

อาจจะทำใจยากสักหน่อย...แต่ถ้าเข้าใจคำว่า..ศีลรักษาได้ที่ใจ..ก็คงง่ายขึ้น

อ้างคำพูด:
ล่วงเกินศาสนาพุทธคะ... บัญญัติศัพท์มาดีๆ โดนเรียกแบบนั้นก็ถือว่าโดนล่วงเกินแล้วคะ


กบฯไม่ได้ว่า..ที่เป็นโสดาบัน
กบฯว่า..คน..ที่ชอบเสียดสีผู้อื่น..(คำที่คุณ...โพสต์)..ว่า..โสดาบี๊ ๆ

กบฯ..แสดงความคิดเห็น..ต่อหลัง..การอ้างอิง..คำของคุณ..นะครับ

ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโสดาบัน..เลยสักกะนิด
:b12:
ปล. กลับไปดูกรอบที่ผมอ้างคำของคุณ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 02:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
ประวัติของพระนางสิริมา คะ

คุณกบอ่านให้จบด้วย ก็ดีนะคะ ^^ เผื่อได้ข้อคิดไรดีๆกะเขาบ้าง



กบฯ..นี้มันเลวเน๊าะ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เรากำลังสื่อสารกันไปคนละทางนะคะ เพราะว่าจิตใจของคุณนั้นไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เรากล่าวออกมาได้ ถ้าเป็นผู้มีสติมีจิตใจดีจริงๆจะเข้าใจเรื่องที่เรากล่าวได้ไม่ยากเลย

แต่เราจะลองตอบดูละกัน อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ

ศีลข้อที่ ๓ เว้นจากการประพฤติผิดประเวณี คือการล่วงเกินบุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น ธรรมดา
นั้น บุตร ภรรยา สามีย่อมเป็นที่รักที่หวงแหนของผู้เป็นเจ้าของ ไม่ต้องการให้ใครมาล่วงเกินหรือทำมิดีมิร้าย
ผู้ที่ล่วงเกินบุตร ภรรยา สามีของผู้อื่นจึงเป็นการก่อเวรโดยไม่รู้ตัว เพราะการกระทำเช่นนั้นก่อให้เกิดความ
เจ็บแค้นแก่ผู้ถูกกระทำ ทั้งอาจเป็นเหตุให้ผู้เป็นเจ้าของตลอดจนพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง มิตรสหาย ของผู้ที่ถูก
ล่วงเกินอาฆาต เจ็บแค้น หรือทำร้ายฆ่าตีเอาได้ ดังตัวอย่างที่เราได้พบเห็นกันอยู่เสมอ

โทษของการผิดศีลข้อที่ ๓ นี้ พระพุทธองค์ตรัสว่าอย่างหนัก ทำให้เกิดในอบาย
อย่างเบาที่สุดเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ที่มีเพศไม่สมบูรณ์ หรือมีสองเพศ ทั้งเป็นผู้มี
ศัตรูคู่เวรมาก


http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn07.html


อ้างคำพูด:
“ (๓) กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี เจตนางดเว้นการประพฤติในกาม

ศีลข้อที่ ๓ “ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี” นี้ บัญญัติขึ้นเพื่อควบคุมกาย บุคคลผู้รักษาศีลข้อนี้ ตั้งใจงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ด้วยตนน้อมนึกถึงใจเขาใจเรา เห็นเหตุผลว่า “ ตัวเรารัก หวงแหนภรรยา สามี และคนที่อยู่ในปกครองของตน ไม่อยากให้ใครมาร่วมประเวณี แย่งเอาไปครอง และละเมิดสิทธิตนฉันใด คนอื่นก็รัก หวงแหนภรรยา สามี และคนในปกครองของเขา ไม่อยากให้ใครมาร่วมประเวณี แย่งเอาไปครอง และละเมิดสิทธิฉันนั้น ดังนั้น เราจึงไม่ควรประพฤติผิดประเวณีกับภรรยา สามี ของผู้อื่น ตลอดไปถึงคนที่อยู่ในปกครองของเขา / เธอ ด้วย”

จุดมุ่งหมายของการบัญญัติศีลข้อที่ ๓ ก็เพื่อให้บุคคลในสังคมสามัคคี ปรองดอง ไม่แตกร้าวในหมู่คนกัน เพราะเหตุแห่งการละเมิดสิทธิ์ในคู่ครอง และคนที่อยู่ในปกครองซึ่งกันและกัน การรักษาศีลข้อนี้ จะเป็นเหตุรักษาสายโลหิตวงศ์ตระกูลของตนไว้ให้บริสุท ธิ์ ไม่สำส่อนทางเพศเยี่ยงสัตว์ดิรัจฉานหรือเป็นผู้มักมา กในกาม ทำให้เป็นที่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นธรรมดาเหลือเกินที่ว่าบุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิโดยช อบธรรม ทั้งรัก และหวงแหนในคู่ครอง และคนที่อยู่ใต้ปกครองดูแลของตน ไม่อยากให้ใครมาล่วงละเมิดสิทธิ ผู้ใดเข้าไปตัดสิทธิในคู่ครอง และคนที่อยู่ภายใต้ปกครองดูแลของผู้อื่นด้วยเจตนาเป็ นที่ตั้ง ศีลของผู้นั้นย่อมชื่อว่าขาด

คำว่า “กาม” ใน “ กาเมสุมิจฺฉาจาร” หมายถึงกิริยารักใคร่กันทางประเวณี ถึงกับประพฤติผิดเสพกามร่วมเพศกันระหว่างหญิงชายที่ต ้องห้ามมิให้ใครล่วงละเมิด ในศีลข้อเว้นจากอทินนาทานนี้ มีขอบเขตของการห้าม ซึ่งผู้รักษาศีล จะต้องงดเว้นเพื่อให้ศีลของตนบริสุทธิ์บริบูรณ์ แยกได้ ๒ ลักษณะ คือ

( ๑ ) ห้ามประพฤติผิดเป็นชู้ในทางประเวณี

( ๒ ) ห้ามประพฤติผิด ล่วงละเมิดในคนที่เขารักและหวงแหน

ในอรรถกถาอัฏฐสาลินี ( ๒ / ๘๒ ) พระพุทธโฆษาจารย์ ได้อธิบายขอบเขตแห่งการห้ามในหลักแห่งกามเมสุมิจฺฉาจ ารไว้ว่า ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง ย่อมอาจประพฤติผิดในกาม คือร่วมเพศกับคนที่ต้องห้ามได้ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย ซึ่งสามารถแยกเป็นประเภทได้ดังนี้

( ๑ ) หญิงที่ต้องห้ามมิให้ล่วงละเมิดสำหรับชาย ในบาลีเรียกว่า “ อคมนียวัตถุ” หากชายใดล่วงละเมิด ย่อมผิดศีล มี ๓ จำพวกคือ

๑) หญิงมีสามีแล้ว คือหญิงที่แต่งงานกับชาย โดยผ่านพิธีแต่งงานโดยถูกต้องตามประเพณี หญิงที่ยังมิได้ผ่านการแต่งงาน แต่อยู่กินกับชายโดยเปิดเผย รวมไปถึงภรรยาชั่วคราว เช่าชั่วคืน ( โสเภณี ) และหญิงที่เขาหมั้นหมายจับจองไว้ด้วย

๒) หญิงที่อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของญาติ คือมีผู้ปกครองดูแล เช่น พ่อ แม่ พี่ ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ และไม่เป็นอิสระแก่ตน

๓) หญิงที่จารีตประเพณีห้าม คือ หญิงที่เป็นญาติใกล้ชิดกัน เช่น แม่ พี่หญิง น้องหญิง ย่า ยาย ทวด ลูกสาว หลานสาว เหลนสาว หญิงที่เป็นนักบวช เช่น ภิกษุณี สามเณรี แม่ชี และหญิงที่กฎหมายบ้านเมืองคุ้มครอง เช่น นักโทษหญิง

หญิงทั้ง ๓ จำพวกนี้ ชายใดล่วงละเมิด ผิดประเวณีทางเพศ จะโดยที่เธอยินยอม หรือไม่ยินยอม ( ข่มขืน ) ก็ตาม ศีลของชายนั้นย่อมขาด

ส่วนการเคล้าคลึงกาย หรือพูดเกี้ยวพา แม้จะไม่ถึงกับศีลขาด แต่ก็ทำให้ศีลด่างพร้อยไป.............

อนึ่ง กามเมสุมิจฺฉาจารจะชื่อว่าผิดศีล จะต้องเป็นการกระทำด้วยตนเองเท่านั้น ใช้ให้คนอื่นไปทำ หรือเป็นธุระชักสื่อให้ชาย – หญิง ร่วมเพศ เป็นสามีภรรยากันถาวร หรือชั่วคราว ไม่จัดว่าผิดศีลข้อนี้ แต่การใช้ให้ชายอื่น หรือหญิงอื่น ทำกาเมสุมิจฺฉาจารแก่ตน นับเป็นความผิดโดยแท้......”

นั่นคือตามหลักพุทธศาสนา ชายที่มีคู่ครองแล้ว หากไปมีความสัมพันธ์กับหญิงโสเภณี ย่อมผิดแน่นอน

แต่ถ้าถามต่อว่า คำว่า“ ชายใด ” นี้ รวมชายที่ยังไม่แต่งงาน ไม่ได้อยู่กินกับหญิงใด และไม่อยู่ใต้ปกครองของผู้ใด ไว้ด้วยหรือไม่

ไม่ทราบคุณจะวินิจฉัยอย่างไร แต่สำหรับดิฉัน เห็นว่ารวมด้วยค่ะ


เพราะวัตถุประสงค์ของศีลข้อนี้คือ เพื่อไม่ให้มนุษย์มักมากในกาม และรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองด้วยนั่นเอง

http://www.wattiabsilaram.net/upload/sh ... php?p=2597




สิริมาเป็นหญิงคณิกาอยู่ได้ไม่นาน วันหนึ่งนางได้ฟังพระธรรมเทศนา จึงได้เลิกอาชีพเป็นหญิงคณิกา นางได้เงินจำนวนมาก ภายหลังจากเลิกอาชีพหญิงคณิกาแล้ว นางได้ปลูกบ้านอยู่อย่างสุขสบาย มีข้าทาสบริวาร

นางสิริมาภายหลังได้เลิกอาชีพหญิงคณิกา นางได้ตั้งหน้าทำบุญ นางได้นิมนต์พระภิกษุให้มาบิณฑบาตที่บ้านวันละ ๗ รูป ทุกวันเป็นประจำมิได้ขาด นางได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในกรุงราชคฤห์

http://www.oknation.net/blog/boy-girl/2 ... 28/entry-1


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




( ๑ ) หญิงที่ต้องห้ามมิให้ล่วงละเมิดสำหรับชาย ในบาลีเรียกว่า “ อคมนียวัตถุ” หากชายใดล่วงละเมิด ย่อมผิดศีล มี ๓ จำพวกคือ

๑) หญิงมีสามีแล้ว คือหญิงที่แต่งงานกับชาย โดยผ่านพิธีแต่งงานโดยถูกต้องตามประเพณี หญิงที่ยังมิได้ผ่านการแต่งงาน แต่อยู่กินกับชายโดยเปิดเผย รวมไปถึงภรรยาชั่วคราว เช่าชั่วคืน ( โสเภณี ) และหญิงที่เขาหมั้นหมายจับจองไว้ด้วย





เพราะวัตถุประสงค์ของศีลข้อนี้คือ เพื่อไม่ให้มนุษย์มักมากในกาม และรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองด้วยนั่นเอง


หวังว่าจะเข้าใจนะคะ ว่าอาชีพโสเภณีก็ผิดศีลเช่นกัน

คนเราชอบเอาความรู้สึกของตัวเองเป็ฯที่ตั้งในการตัดสินความดีและไม่ดีคะ ดังนั้นไม่แปลกเลยถ้าเส้นกั้นระหว่างความดีกับความไม่ดีจะไม่เสมอกันกับหลักของพุทธศาสนาที่แท้จริงคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b13:
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา / เขียน
กบฯ..นี้มันเลวเน๊าะ

:b32: :b32: :b32:

:b11:
...ท่านกบฯ...สุดยอดนักถล่มตน...เอ๊ย...ถ่อมตนจังเลยนะท่าน...
:b9: :b32:
...ลองดูตัวอย่างที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอดูละกันอ่ะนะ...
...เทศน์องค์หลวงตามหาบัวว่า...เกี่ยวกับศีลข้อ๓...
...อีตาผู้ชายคนนึงแกไปอธิษฐานที่ศาลพระภูมิ...
...ขอปรารถนาน้อย...ปรากฎว่าไปมีเมียน้อยซะ...
...เมียหลวงรู้เข้าเลยเดือดร้อนมาต่อว่าศาลพระภูมิ...
:b8:
...หลวงตาท่านจึงสอนเพื่อให้เป็นคติธรรม...
...ก็มันคิดปรารถนาลามกอยากมีเมียน้อยนั่นสิ...
...สอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว...ซื่อสัตย์ต่อกัน...
...ไม่ได้สอนให้มีเมียหลายๆคน ต่างต้องถนอมน้ำใจกันจึงถูกต้อง...
...ห้ามใครมาขอปรารถนาน้อยกับหลวงตานะ จะฟาดให้หน้าหงายไปเลย...
:b12:
...ขอเสนอตัวอย่างของผู้ที่ไม่ล่วงศีลเกี่ยวกับการ...ปรารถนาน้อยที่ไม่ผิดศีลธรรม...
...แต่มีเมียมากที่ไม่ทุศีลข้อกาเมสุมิฉาจาร เพราะไม่มีเจตนาล่วงเกินให้ทุศีล...
...เพราะไม่ได้เบียดเบียนแย่งมา ได้รับมาด้วยยินยอมจากทุกฝ่าย และเลี้ยงดูไม่ทอดทิ้ง...
...๑) เสด็จพ่อร.๕
...๒) องค์อัมรินทราธิราช พระอินทร์มีมเหสี ๔ พระองค์แน่ะ...
:b27:
:b44: :b44:
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร