วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 02:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2009, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

กาลิก, ของกิน (วินัย)
เนื่องด้วยกาล, ขึ้นกับกาล, ของอันจะกลืนกินให้ล่วงลำคอเข้าไปซึ่งพระวินัยบัญญัติให้ภิกษุรับเก็บไว้และฉันได้ ภายในเวลาที่กำหนด

จำแนกเป็น ๔ อย่าง คือ

๑. ยาวกาลิก รับประเคนไว้และฉันได้ชั่วเวลาเช้าถึงเที่ยงของวันนั้น เช่น ข้าว ปลา เนื้อ ผัก ผลไม้ ขนมต่าง ๆ

๒. ยามกาลิก รับประเคนไว้และฉันได้ชั่ววันหนึ่งกับคืนหนึ่ง
คือก่อนอรุณของวันใหม่ ได้แก่ ปานะ คือ น้ำคั้นผลไม้ที่ทรงอนุญาต เช่น องุ่น, มะม่วงดิบหรือสุก, กล้วยมีเมล็ด,กล้วยไม่มีเมล็ด, ลูกหว้ากับผลชมพู่,ผลมะซาง,ผลจันทน์กับผลอิน,รากและเหง้าแห่งอุบลแดงอุบลเขียว,มะปรางกับลิ้นจี่

๓. สัตตาหกาลิก รับประเคนไว้และฉันได้ภายในเวลา ๗ วัน
ได้แก่ เภสัชทั้งห้า เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย รับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ ๗ วัน เกิน ๗ วันไป ถึงอรุณที่๘ ขึ้นมา เป็นนิสสัคคิยะต้องปาจิตตีย์ เป็นนิสสัคคิยะแล้วฉันต้องทุกกฎ

๔. ยาวชีวิก รับประเคนแล้ว ฉันได้ตลอดไปไม่จำกัดเวลา ได้แก่ ของที่ใช้ปรุงเป็นยา นอกจากกาลิก ๓ ข้อต้น(ความจริงยาวชีวิก ไม่เป็นกาลิก แต่นับเข้าด้วยโดยปริยาย เพราะเป็นของเกี่ยวเนื่องกัน)
#วินย. ๒/๕๑๕; วินย.อ. ๒

ยาวชีวิก ทรงอนุญาตมี ๖ สิ่ง

-รากไม้เป็นยาที่ทรงอนุญาตนั้น คือ ขมิ้น ขิง ว่านน้ำ ว่านเปราะ อุตพิด ข่า แฝก แห้วหมู แม้ต้น เปลือก ดอก ผล แห่งของ ๘ สิ่งนั้น ก็เป็นยาวชีวิก

-น้ำฝาดเป็นยาที่ทรงอนุญาตนั้น คือ น้ำฝาดสะเดา น้ำฝาดมูกมัน น้ำฝาดกะดอมก็ว่า มูลกาก็ว่า น้ำฝาดบอระเพ็ด น้ำฝาดกระถินพิมาน เป็น ๕ สิ่ง

-ใบไม้เป็นยาที่ทรงอนุญาตนั้น คือ ใบสะเดา ใบมูกมัน ใบกะดอมก็ว่า มูลกาก็ว่า ใบกะเพราก็ว่า แมงลักก็ว่า ใบฝ้าย เป็น ๕ สิ่ง แม้ดอกผลเป็นต้นแห่งของ ๕ สิ่ง ก็เป็นยาวชีวิกด้วย

-ผลไม้เป็นยาที่ทรงอนุญาตนั้น คือ ลูกพิลังกาสา ดีปลี พริก สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม ผลแห่งโกฐ เป็น ๗ สิ่ง

-ยางไม้เป็นยาที่ทรงอนุญาตนั้น คือ ยางไม้ที่ไหลออกจากต้นหิงคุ ยางไม้ที่เขาเอาก้านและใบแห่งต้นหิงคุมาเคี่ยวออก ยางไม้ที่เขาเอาฝักหิงคุมาเคี่ยวออกก็ว่า และยางเขาเอาใบหิงคุเคี่ยวออกแล้วเจือด้วยของอื่นก็ว่า ยางออันไหลออกแต่ยอดไม้ ยางอันไหลออกแต่ใบไม้ไหลออกก็ว่า ยางไม้อันไหลออกจากก้านก็ว่า กำยาน เป็น ๗ สิ่ง

-เกลือที่ทรงอนุญาตนั้น คือ เกลือเกิดด้วยน้ำเค็มริมทะเล ฉันในเวลาวิกาลเพื่อเป็นอาหาร ไม่ฉันเพื่อเป็นยา ต้องทุกกฎ

ทำกัปปิยะ (๑) (๒)
มีพระบรมพุทธานุญาตให้บริโภคผลไม้ ด้วยสมณกัปปะกรรม ที่ควรแก่สมณะ ๕ คือ
๑. ผลจดด้วยไฟ
๒. ผลจดด้วยศัสตรา
๓. ผลจดด้วยเล็บ
๔. ผลไม้ไม่มีพืช
๕. ผลมีพืชจะพืชปล้อนเสียได้

พืช มีรากไม้เป็นต้นซึ่งเกิดอยู่ในที่ชื่อว่า ภูตคาม เป็นวัตถุแห่งปาจิตตีย์ พืชนั้นเมื่อพรากให้พ้นจากที่แล้ว ชื่อว่าพืชคาม เป็นวัตถุแห่งทุกกฎ พืชคามนั้น เมื่อจะบริโภคพึงบังคับอนุปสัมบันว่า “ กัปปิยัง กโรหิ ” ท่านจงทำกัปปิยะดังนี้เสียอีกแล้วจึงบริโภค เมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อว่าให้พ้นจากพืชคาม ก็และจะทำกัปปยะนั้นพึงทำด้วยไฟ หรือศัสตรา หรือเล็บ โดยการจด หรือแทง หรือตัดด้วยจงอย เข้าในประเทศอันหนึ่งแห่งพืชนั้น ในทางปฏิบัติมักให้อนุปสัมปันใช้เล็บจิกหรือเด็ดให้ขาด กล่าวว่า “กัปปิยัง ภันเต ” ทำกัปปิยะผลมะขวิด เป็นต้น พืชข้างในหลุดจากกะลาคลอนอยู่ พึงให้ต่อยออกทำกัปปิยะ ถ้าติดกันอยู่ไซร้ จะทำแม้ในกะลาก็ควร ก็แลผลอันใดเป็นของอ่อนไม่มีพืชและผลใดที่มีพืชปล้อนออกเสียบริโภคได้ กิจที่จะทำกัปปิยะในผลไม้นั้นไม่มี.
(๑) บุพพสิกขาวรรณนา หน้า ๔๔๑ - ๔๔๓
(๒) วินัยมุข เล่ม ๑ หน้า ๑๓๐

การรับประเคน พร้อมองค์ ๕ นั้น คือ

ของพอมัชฌิมบุรุษยกขึ้นได้ ๑
ผู้ที่ให้อยู่ในหัตถบาส ๑
น้อมเขามาจะให้ ๑
เทวดาหรือมนุษย์หรือสัตว์ดิรัจฉานส่งให้ด้วยกายหรือของเนื่องด้วยกาย หรือโยนให้ ๑
ภิกษุรับของนั้นด้วยกายหรือด้วยของเนื่องด้วยกาย ๑
รับประเคนพร้อมด้วยองค์ ๕ นี้จึ่งขึ้น

ผ้าที่ทำแล้วพึงย้อมด้วยน้ำย้อม ๖ อย่าง
น้ำย้อมเกิดแต่รากศรีษะ (หัว) เหง้าไม้ทั้งปวง ยกแต่ขมิ้นเสีย นอกนั้นควรสิ้น
น้ำย้อมเกิดแต่ต้นไม้ทั้งปวง ยกแต่ฝาง แกแล (ชื่อไม้เถา) ๒ สิ่งเสีย นอกนั้นย้อมควรสิ้น
น้ำย้อมเกิดแต่เปลือกไม้ทั้งสิ้น ยกเปลือกโลทธ์ เปลือกมะพูด ๒ สิ่งนี้เสียนอกนั้นควรสิ้น
น้ำย้อมเกิดแต่ใบไม้ทั้งปวง ยกใบมะเกลือ ใบคราม ๒ นี้เสีย นอกนั้น ควรสิ้น
น้ำย้อมเกิดแต่ดอกไม้ทั้งปวง ยกดอกทองกวาว ดอกคำ ๒ นี้เสีย นอกนั้นควรสิ้น
น้ำย้อมเกิดแต่ผลไม้ทั้งปวงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะไม่ควรไม่มีเลย
น้ำย้อมที่ห้ามนั้น ตามอรรถกถา น้ำย้อมทั้ง ๖ นี้ ย้อมเข้าแล้วให้พ้นสีต่างๆ ที่ทรงห้ามไว้ มีสีเหลืองสีแดงเป็นต้น และให้พ้นสีดังงาช้างและสีฟางข้าวเหล่านี้เสียจึ่งควร

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2009, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

:b8: :b8: :b8:

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร