วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 05:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 20:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 23:11
โพสต์: 1044

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4.jpg
4.jpg [ 51.77 KiB | เปิดดู 6497 ครั้ง ]
อานิสงส์ของการออกบวช

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลถามพระพุทธเจ้าว่า :

"บุคคลในโลกนี้เขามีอาชีพแตกต่างกัน เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นคหบดี มีอาชีพ

เป็นช่างต่างๆเป็นชาวนา เป็นชาวไร่ ชาวสวน หรืออาชีพช่างไม้ต่างๆบุคคลที่ประกอบ

อาชีพเหล่านี้ เมื่อประกอบอาชีพแล้วก็สามารถจะสร้างตัวได้ เลี้ยงตัวได้ในปัจจุบัน

แล้วก็มีเงินทองเลี้ยงดูบุตรภรรยาของตน และก็ทำบุญ ทำทาน ก็มีโอกาสไปเกิดบน

สวรรค์ อยากจะถามว่า ในพระพุทธศาสนานี้ พระองค์ตรัสความเป็นสามัญผล คือ

ผลที่จะได้จากการบวช ของกุลบุตรในศาสนานี้ไว้อย่างไรบ้าง? "

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า : "ผู้ที่บวชเข้ามาในศาสนานี้ย่อมได้อานิสงส์ถึง ๑๔ ประการ"
สามัญญผล ๓ หมวด

สามัญญผล หรือ ผลของความเป็นสมณะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ สามารถจัด

ออกได้เป็น ๓ หมวด คือ




หมวดที่ ๑ ทำให้พ้นจากฐานะเดิม คือ พ้นจากความเป็นทาส เป็นกรรมกร เป็นชาวนา ได้รับการปฏิบัติดีแม้จากพระมหากษัตริย์ นี้ คือ ผลข้อที ๑ และข้อที่ ๒

หมวดที่ ๒ เมื่ออบรมจิตใจเป็นสมาธิ เป็นเหตุให้ได้ฌานที่ ๑ ถึงที่๔ อันทำให้กิเลสอย่างกลางสงบลงได้

หมวดที่ ๓ ทำให้ได้วิชชา ๘ เริ่มตั้งแต่ข้อที่ ๗ คือ ได้วิปัสสนาญาน จนถึงข้อที่ ๑๔ คือ อาสวักขยญาณ





ในข้อแรก

พระพุทธองค์ตรัสถามพระเจ้าอชาตศัตรูว่า :

"ก็คนที่เป็นทาสกรรมกรของพระองค์ เคยรับใช้พระองค์อยู่ ตื่นก่อนนอนทีหลัง

ทาสกรรมกรเหล่านั้นมาพิจารณาว่า พระมหากษัติย์เจ้านายของเรานี้ทรงมี

บุญญาธิการ มีบุคคลแวดล้อม มีทรัพย์สินนานัปการ มีอำนาจยิ่งใหญ่ พระองค์ก็เป็น

มนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ เพราฉะนั้น เราจะต้องออกบวชเสียดีกว่า เมื่อออกบวชแล้ว

ประพฤติพรหมจรรย์ ต่อมาพระองค์ได้พบทาสกรรมกรของพระองค์นั้น พระองค์จะ

เรียกบุคคลนั้นให้มาทำงานรับใช้พระองค์ ให้ตื่นก่อนนอนทีหลังอีกหรือเปล่า? "

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :

"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ผู้นั้น ให้ความคุ้มครองตามธรรม"

พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่แหละคืออานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑ ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน

ต่อจากนั้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า : "มีคนที่ทำนาของพระองค์ มาพิจารณาว่า พระเจ้าแผ่นดินของ

เรามีอำนาจวาสนามีบุญใหญ่ พระองค์ก็เป็นมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ ไฉนหนอ เราจึงจะ

ได้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ และในที่สุด ท่านผู้นั้นก็ได้ออกบวชประพฤติ

พรหมจรรย์ เมื่อพระองค์ทรงพบภิกษุที่เคยเป็นชาวนานั้นเข้า จะตรัสเรียกท่านผู้นั้นให้

มาทำนาให้แก่พระองค์อีกหรือ ?"

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :

"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ ให้ความคุ้มครอง ถวายปัจจัย ๔ ให้

การคุ้มครองด้วยความเป็นธรรมแก่ผู้นั้น"

พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่เป็นสามัญญผล คือ ผลที่เห็นได้ชัดจากการบวชข้อที่ ๒

พระพุทธเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า : คหบดีหรือ กุลบุตรในแว่นแคว้นของพระองค์นี้ มา

พิจารณาเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรานั้นเพียบพร้อมไปด้วยความสุข มีความรุ่งเรือง

ก็เรานี้เห็นว่าการครองเรือนเต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นที่คับแคบ ส่วนบรรพชาเป็นช่อง

ว่าง การที่อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์สะอาดดุจดั่งสังข์ขัดนั้นทำได้

ยาก เพราะฉะนั้น เขาจึงออกบวช ประพฤติพรหมจรรย์ สมบูรณ์ไปด้วยศีล

คือ จุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล (คือ ศีลขนาดเล็ก ขนาดกลาง และศีลมาก) ต่อจาก

นั้นภิกษุนั้นสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีสติสัมปชัญญะ ละบาปอกุศล

มีสันโดษ ยินดีด้วยปัจจัย ๔ ออกป่าบำเพ็ญสมาธิ ละนิวรณ์ ๕ ได้ ในที่สุดก็ได้

บรรลุฌานที่ ๑ ได้ประสบความสุขอันเกิดจากฌาน

นี้ คืออานิสงส์ของการบวช หรือสามัญญผล ข้อที่ ๓


ต่อจากนั้น ท่านผู้นั้นก็บำเพ็ญสมาธิจน

บรรลุฌานที่ ๒

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔

บรรลุฌานที่ ๓

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕

บรรลุฌานที่ ๔

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๖


ต่อจากนั้น

ท่านก็น้อมจิตไปเพื่อเจริญวิปัสสนา โดยพิจารณาพระไตรลักษณ์ จนจิตของตนเข้าถึง

วิปัสนาญาน แยกรูปแยกนาม พิจารณานามรูป เห็นตามความเป็นจริง ก็เป็นเหตุให้

ท่านผู้นั้นสามารถบรรลุญาณทัสสนะ อันเป็นวิปัสสนาญาน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า : นี้คือ อานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๗


ต่อจากนั้น

ก็สามารถบรรลุ มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้ได้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๘

ต่อจากนั้น

ก็ได้บรรลุ อิทธิวิธิ คือ แสดงฤทธิ์ เช่น น้อยคนทำให้เป็นมากคน ดำไปในดิน ดำไปใน

น้ำได้ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๙

เมื่อปฏิบัติต่อไป

ก็สามารถได้ ทิพโสต คือ หูทิพย์ ได้ยินเสียงจากที่ไกลเกินวิสัยของหูมนุษย์ธรรมดา

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑o

เมื่อปฏิบัติต่อไป

ก็สามารถได้ เจโตปริยญาน คือ รู้ใจคนอื่น คือ สามารถทายใจคนอื่นได้ (แม้ใน

ปัจจุบันก็มีพระบางรูปที่สามารถรู้ใจคนอื่นได้ เรียกว่า เจโตปริยญาน)

การได้เจโตปริยญาณ

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๑

บางท่านก็ระลึกชาติได้ ที่เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาน คือ ระลึกชาติหนหลังได้

เป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นจำนวนหลายๆชาติ หรือชาติจำนวนมากที่ผ่านมาในอดีต

การระลึกชาติหนหลังได้นี้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๒

บางท่านก็ได้ทิพจักษุ หรือ จุตูปปาตญาณ คือ ญาณรู้จุติกำเนิดของสัตว์ทั้งหลาย คือ

สามารถรู้เห็นสัตว์ทั้งหลายที่เกิดและที่ตายด้วยตาทิพย์ การได้ทิพจักษุนี้

เป็นอานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑๓

ในที่สุดก็ได้บรรลุอาสวักขยญาณ คือ ทำกิเลสให้สิ้นไป

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๔

พระพุทธองค์ทรงสรุป ในที่สุดแห่งทุกข้อว่า

เป็นผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบันว่าสูงกว่ากันไปตามลำดับ คือ ตั้งแต่

ขั้นแรกแล้วบรรลุสูงขึ้นๆ ไปตามลำดับ ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการบวช ที่เห็นได้ชัดเช่น ผู้ที่

ได้บรรลุฌานที่ ๒ ก็ประเสริฐกว่าฌานที่ ๑ ได้บรรลุฌานที่ ๓ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๒ ได้

บรรลุฌานที่ ๔ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๓ และการบรรลุต่อๆ ไป ก็สูงขึ้นตามลำดับ

วิชชา ๘ คืออะไร?

วิชชา ๘ ก็คือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา

๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ

๓. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้

๔. ทิพโสต หูทิพย์

๕. เจโตปริยญาณ รู้ใจคนอื่น

๖. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้

๗. ทิพจักขุ ตาทิพย์

๘. อาสวักขยญาณ ทำอาสวะ คือ กิเลสให้สิ้นไปได้






ผู้บวชย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญจากการบวช ได้ฝึกฝน อบรมตนเองตามพุทธวิธี แม้

เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถ นำพาชีวิตให้พบกับเป้าหมายอันสูงส่ง และย่อมได้

อานิสงส์ มากมาย ยากที่จะนับจะประมาณได้เพราะความตั้งใจอัน มั่นคงที่จะบวช

ฝึกฝนตนเอง ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด ย่อมได้อานิสงส์ ดังนี้

๑.) เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียกว่า ความเป็นผู้รู้กาล

ซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ทำให้ เป็นสัปบุรุษ

๒.) แม้ช่วงเวลาจะสั้น แต่ถ้าลงปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้ ลิ้มรสความสุข จากความ

สงบตั้งแต่ยังเยาว์

๓.) มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้ จะได้ใช้ ความรู้ ไปในทางที่ถูกที่ควร

๔.) ได้ฝึกวินัยและเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะถ้าบรรพชาแล้วตั้งใจ

ฝึกฝนอบรมตนเอง อย่างจริงจัง ต่อไปจะเป็นคนรักระเบียบวินัย

๕.) ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียน

๖.) เกิดความปลื้มปิติยินดีที่ได้ทำความดีตั้งแต่ยังเยาว์ความปิตินี้เองที่จะเป็นเครื่อง

หล่อเลี้ยงหัวใจอยู่เสมอ

๗.) ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ

๘.) ทำให้รู้จักตนเองนั่นคือรู้ว่าตนเองมีความรู้ความสามารถคุณธรรมแค่ไหนเพียงใด

เพื่อที่จะได้พัฒนาปรับปรุง ตนเองให้ดียิ่งขึ้น

๙.)ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถากถางหนทางไปพระนิพพาน

.....................................................
ตักบาตรทุกวัน....ได้บุญทุกวัน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากมายค่ะ
ได้รับความรู้จัง :b20: :b20:

:b36: :b36: :b36: :b36: :b36: :b36: :b36:

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ :b8:

อย่าเข้าใจ ไปว่า ต้องเรียนมาก
ต้องปฎิบัติ ลำบาก จึงพ้นได้
ถ้ารู้จริง สิ่งเดียว ก็ง่ายดาย
รู้ดับให้ ไม่มีเหลือ เชื่อก็ลอง :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 20:12
โพสต์: 791

แนวปฏิบัติ: พุทโธและสัมมาอรหัง
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ใต้ร่มโพธิญาณ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากบวชจัง แต่มีภารกิจการงาน มากเหลือเกิน

สงสัยต้องรอตอนเกษียณ

.....................................................
ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมี 30 ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จนิพพานไปแล้ว มากยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง 4 ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมีพระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายและพระบารมีขององค์พระสมณะโคดมบรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บและสรรพเคราะห์ทั้งหลายในกายของข้าพเจ้า จงหายไปสิ้นทั้งหมดขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 23:11
โพสต์: 1044

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทบทวน อานิสงค์ ของการบวช ครับ

:b12: :b12:

.....................................................
ตักบาตรทุกวัน....ได้บุญทุกวัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 20:12
โพสต์: 791

แนวปฏิบัติ: พุทโธและสัมมาอรหัง
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ใต้ร่มโพธิญาณ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y8034244-15.jpg
Y8034244-15.jpg [ 156.01 KiB | เปิดดู 6398 ครั้ง ]
พระมเหสีพระเจ้าสุตโสม

ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็น พระสุตโสมกุมาร โอรสพระเจ้าพรหมทัต แห่งสุทัสนนคร มีพระอนุชานามว่า โสมทัตกุมาร เมื่อพระสุตโสมเจริญวัยขึ้น พระเจ้าพรหมทัตก็ตั้งให้เป็นพระเจ้าสุตโสม ครองเมืองสุทัสนนครสืบมา

พระเจ้าสุตโสมมีพระชายา ๗๐๐ องค์ และมีสนมนารีอีก ๑๖,๐๐๐ นาง


ในครั้งนั้น พระนางพิมพามาเกิดเป็นพระอัครมเหสี พระนามว่า จันทาเทวี ทรงมีพระโอรส ๒ องค์

วันหนึ่ง พระเจ้าสุตโสมเห็นผมหงอกบนศีรษะเส้นหนึ่ง ทรงเห็นภัยของชราและมรณะ จึงตรัสเรียกเสนาอำมาตย์มาประชุมกันและประกาศสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช


เสนาอำมาตย์ทูลคัดค้าน อ้างเหตุว่าพระชายาและพระสนมนารีทั้งหลายจะขาดที่พึ่ง พระเจ้าสุตโสมตรัสตอบว่า

"สนมนารีเหล่านี้ยังสาวยังสวยอยู่ เธอสามารถหาพระราชาอื่นเป็นที่พึ่งได้ ส่วนเราจะปฏิบัติธรรมเพราะต้องการสวรรค์"


อำมาตย์จึงไปกราบทูลพระราชบิดาและพระราชมารดาให้ทรงทราบ พระราชบิดาและพระราชมารดาก็ทัดทานว่า โอรสและธิดานั้นยังเล็ก จะมีความทุกข์ทั้งกายและใจที่ขาดบิดา รอให้โอรสธิดาเจริญวัยก่อนจึงค่อยบวช พระเจ้าสุตโสมยืนยันจะออกบวช กราบทูลว่า

"สรรพสังขารไม่ว่าจะดำรงอยู่สั้นหรือยืนยาวสิ้นกาลนาน ในที่สุดก็ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะในโลกสันนิวาสนี้ สังขารขึ้นชื่อว่าเป็นของเที่ยงนั้นไม่มีเลย"


อำมาตย์จึงไปแจ้งพระชายาที่รักทั้ง ๗๐๐ ของพระเจ้าสุตโสม พระชายาเหล่านั้นจึงลงจากปราสาท ต่างยึดข้อพระบาท ร้องไห้คร่ำครวญ พระเจ้าสุตโสมก็ตรัสยืนยันจะออกบวช

"ใจเรานี้มีความกรุณาในเธอทั้งหลาย แต่เราปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น เราจึงจะออกบวช"


อำมาตย์จึงไปทูลพระนางจันทาเทวีอัครมเหสีผู้กำลังทรงพระครรภ์อยู่ พระมเหสีทูลถามว่า เหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงมีเยื่อใยทั้งแก่เราและทารกในครรภ์ ขอให้พระองค์รออยู่จนประสูติแล้วค่อยออกบวช พระเจ้าสุตโสมตรัสให้พรพระมเหสีและบุตรในพระครรภ์แล้วยืนยันว่าจะออกบวช

"ครรภ์ของเธอแก่แล้ว ขอเธอจงประสูติพระโอรสด้วยความสวัสดีเถิด ส่วนเราจะละโอรสและเธอไปบวช"


พระมเหสีจึงเสด็จกลับขึ้นบนปราสาทร้องไห้น่าเวทนา พระโอรสองค์โตก็ร้องไห้อยู่กับพระมารดาส่วนพระโอรสองค์รองชันษา ๗ ขวบ เสด็จไปหาพระบิดาทูลทัดทาน พระเจ้าสุตโสมจึงมอบแก้วมณีให้พี่เลี้ยง แล้วให้พี่เลี้ยงพาโอรสไปเล่นแก้วมณีที่อื่น


ฝ่ายอำมาตย์ เข้าใจว่าพระเจ้าสุตโสมคิดว่าราชทรัพย์มีน้อยจึงออกบวช จึงเปิดพระคลังให้ทอดพระเนตรราชทรัพย์ พระเจ้าสุตโสมก็ยืนยันในการบวช

"คลังน้อยของเราก็ไพบูลย์ คลังใหญ่ของเราก็บริบูรณ์ ปฐพีมณฑลเราก็ชนะแล้ว แต่เราจักละสิ่งนั้นออกบวช"


ฝ่าย กุลพันธนเศรษฐี ก็เข้ามากราบทูลคัดค้าน พร้อมถวายทรัพย์ของตระกูลตนให้ทั้งหมด

"ดูก่อนเศรษฐี เรารู้ว่าทรัพย์ของท่านมีมาก และท่านก็บูชาเรา แต่เราปรารถนาสวรรค์ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องบวช"


พระเจ้าสุตโสมตรัสเรียก เจ้าชายโสมทัต อนุชามามอบราชสมบัติให้

"ดูกร โสมทัต พี่กระสันจักออกบวช เหมือนไก่ป่าถูกขังกระสันจะออกจากในกรง ความไม่ยินดีในฆราวาสครอบงำพี่ พี่จะบวชในวันนี้ เธอจงครอบครองราชสมบัตินี้เถิด"


เจ้าชายโสมทัตเห็นพระเจ้าสุตโสมจะออกบวชแน่ จึงขอออกบวชด้วย พระเจ้าสุตโสมตรัสห้ามไว้ เกรงว่าประชาราษฎร์จะขาดที่พึ่ง


เสนาอำมาตย์และประชาราษฎร์ เห็นว่าไม่อาจทัดทานพระราชาของตนได้ ต่างก็ร้องไห้เสียใจอยู่ พระเจ้าสุตโสมจึงแสดงธรรมว่า

"ท่านทั้งหลายอย่าเศร้าโศกกันไปเลย ถึงเราจะดำรงอยู่ได้นาน ก็จะต้องพลัดพรากจากท่านทั้งหลายในที่สุด เพราะสังขารทั้งหลายจะได้ชื่อว่าเที่ยงนั้นไม่มี


บัดนี้ ความชราได้ครอบงำเราแล้ว ชีวิตที่เหลือเป็นของน้อยดุจน้ำในโคลน บัณฑิตจึงไม่ควรประมาท คนพาลผู้ประมาทเพราะมีตัณหาผูกไว้แล้ว ย่อมไปบังเกิดในนรก สัตว์เดียรัจฉาน เปรต และอสุรกาย"


แสดงธรรมแล้ว พระเจ้าสุตโสมก็เสด็จขึ้นบนปราสาทชั้น ๗ เอาพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นบรรพชิต เสด็จจาริกไปแต่ผู้เดียวยังป่าหิมพานต์ ประชาชนจำนวนมากก็ตามเสด็จไปบวชเป็นฤาษีจนเต็มพื้นที่กว้างถึง ๓๐ โยชน์


พระฤาษีทั้งหมดประพฤติธรรมตามที่พระสุตโสมฤาษีสั่งสอน สิ้นชีวิตแล้วก็ไปบังเกิดในพรหมโลก


พระราชบิดาพระราชมารดา มาเกิดเป็น ศากยมหาราชสกุล

พระเจ้าสุตโสม มาเกิดเป็น พระพุทธเจ้า

พระนางจันทาเทวี มาเกิดเป็น พระนางพิมพา

พระโอรสองค์โต มาเกิดเป็น พระสารีบุตร

พระโอรสองค์รอง มาเกิดเป็น พระราหุล

กุลพันธนเศรษฐี มาเกิดเป็น พระกัสสปะ

มหาเสนาบดี มาเกิดเป็น พระโมคคัลลานะ

โสมทัตอนุชา มาเกิดเป็น พระอานนท์

.....................................................
ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมี 30 ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จนิพพานไปแล้ว มากยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง 4 ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมีพระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายและพระบารมีขององค์พระสมณะโคดมบรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บและสรรพเคราะห์ทั้งหลายในกายของข้าพเจ้า จงหายไปสิ้นทั้งหมดขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 05:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พรหมจริยัญจ

การประพฤติพรหมจรรย์สำคัญนัก
ต้องรู้จักเลิกละรู้สะสม
เลิกสนใจใฝ่หากามารมณ์
รู้สะสมเนกขัมมะบารมี

ศีล สมาธิ ปัญญา สิกขาสาม
ประพฤติตามตลอดสายอย่าหน่ายหนี
หวังมรรคผลสิ่งหวังบังเกิดมี
เป็นสักขีพรหมจรรย์ให้มั่นคงฯ

ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ.......... tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2009, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ค. 2008, 03:42
โพสต์: 4

โฮมเพจ: yokinory.hi5.com
แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ - พองหนอ
งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้,เลี้ยงสัตว์,ฟังเพลง/เล่นดนตรีไทย,อ่านหนังสือ,ปฏิบัติธรรม & Internet
สิ่งที่ชื่นชอบ: ธรรมะทุกประเภท,ดนตรี,สัตว์เลี้ยง
ชื่อเล่น: ปรางค์
อายุ: 20
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เดี๋ยวเรียนจบก็ไปบวช ปฏิบัติธรรมบ้างแล้วค่ะ รอเวลาอยู่...ปฏิบัติธรรมถวายชีวิตไปเลย :b48: :b16:

.....................................................
เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2009, 05:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หมวด » ชีวิต ความรัก สุขภาพ » ไลฟ์สไตล์ » อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อานิสงส์การบวช ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ เจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่า องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า

สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์ นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น เป็นอันว่าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา

บิดามารดาซึ่งคลอดบุตรมาแล้ว ต่างคนต่างจากกันไป พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์ เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้ ทีนี้จะว่ากันไปถึงอานิสงส์แห่งการอุปสมบทบรรพชา คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ สำหรับท่านที่บรรพชาในพุทะศาสนาเป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรมวินัย สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนโลกมนุษย์ได้ถึง 30 กัป เช่นเดียวกัน การนับกัปหนึ่ง...

คำว่ากัปหนึ่งนั้น มีปริมาณนับปีไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเปรียบเทียบไว้อย่างนี้ว่า มีภูเขาลูกหนึ่ง เป็นหินล้วนไม่มีดินเจือปน ถึงเวลา 100 ปี เทวดาเอาผ้ามีเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาปัดยอดเขานั้นครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้ 100 ปีปัด 1 ครั้ง 100 ปีปัด 1 ครั้ง จนกระทั่งหินนั้นหมดไป หาหินไม่ได้ เหลือแต่ดินล้วน นั่นจึงจะมีอายุได้ครบ 1 กัป และอีกประการ หนึ่ง ท่านพรรณนาไว้ในพระวิสุทธิมรรคว่า มีอุปมาเหมือนกับว่ามีถังใหญ่ลูกหนึ่งมีความสูง 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์เหมือนกัน มีคนเอาเมล็ดพันธุ์ผัดกาดมาใส่ในถังนั้นจนเต็ม ถึงเวลา 100 ปีก็เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นออก 1 เมล็ด ทำอย่างนี้จนกว่าเมล็ดพันธุ์ผัดกาดนั้นจะหมดไป เป็นการเปรียบเทียบกันได้กับระยะเวลา 1 กัป นี่เป็นอันว่า กัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปในปัจจุบันนี้สามารถจะทรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถึง 10 พระองค์ เป็นระยะยาวนานมาก

องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมีความประพฤติปฏิบัติดี ต้อง เป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง 30 กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมีกำหนดไม่ถึง 30 กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง 30 กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้านิพพานก่อน สำหรับ บิดามารดา ของบุคคลผู้บวชเป็น สามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ 15กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่าบิดารมีอานิสงส์ 15 กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก 15 กัป เช่นเดียวกัน เป็นอันว่า บรรพชากุลบุตรของตนไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณรมีอานิสงส์อย่างนี้ องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคล ผู้ใดมีวาสนาบารมีคือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยคุณธรรม คือมีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ อันนี้องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า

ท่านที่ บวชเป็นพระด้วยตนเองจะมีอานิสงส์พิเศษที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสไว้ แต่ทว่า ภิกษุสามเณรท่านใดผิดบทบัญญัติในพระพุทธศาสนาก็พึงทราบว่า เมื่อเวลาตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกัน อานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใด โทษก็มีใหญ่เพียงนั้น สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดาของ บุตรกุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวช นี่หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับเข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง

หมาย ความว่า เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากายไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน อย่างนี้องค์ สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่ บนสวรรค์ หรือในพรหมโลก คนละ 8 กัป แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน 42 องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการบวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 องค์ ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ

นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทะศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะ คนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ 12 กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน

โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม 1หน้า 29-35

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 23:11
โพสต์: 1044

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขอเชิญชาย แมน แมน ทุกท่านมาบวชกัน

สาธุ

.....................................................
ตักบาตรทุกวัน....ได้บุญทุกวัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร