วันเวลาปัจจุบัน 15 ต.ค. 2024, 19:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2020, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

จบที่ใจเรา
พระธรรมเทศนาโดย...หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่

:b50: :b45: :b50:

ฝึกให้ใจสงบ ให้ใจอยู่กับกาย
ฝึกปล่อยวางเรื่องที่เป็นอดีต ปล่อยวางที่วิตกกังวลในเรื่องอนาคต
พยายามให้ใจสงบอยู่กับปัจจุบัน
ความสงบนี้มีความจำเป็นมาก เพราะว่าความสงบเป็นที่อยู่ที่อาศัยของใจ
ถ้าใจเราไม่สงบมันเสียศูนย์ไปหมด สมดั่งพุทธภาษิตว่า
“ความสุข ความดับทุกข์ อันไหนก็สู้ความสงบไม่ได้ ไม่มี”
เราฝึกหายใจเข้าสบายออกสบายทุกๆ อิริยาบถ ใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบัน
พระพุทธเจ้าท่านตรัสพุทธภาษิตในโอวาทปาติโมกข์ไว้ว่า
สพฺพปาปสฺส อกรณํ คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง
คนเราต้องทำความดีตั้งแต่เช้าจนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำความดีต่อ
เสียสละต่อการปฏิบัติอย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นคนรักษาศีล
เป็นผู้ปฏิบัติธรรม มีสมาธิอยู่กับการรักษาศีล

สมาธิก็แปลว่าความสงบ ความสุข ความดับทุกข์ ความเย็นใจ ความสบายใจ
ศีลกับสมาธิมันก็ต้องไปด้วยกัน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ใจมีความสุข ใจเย็น ใจสบาย
ปัญญาคือความฉลาด ความเฉลียว รอบคอบ คิดได้ดี คิดได้เก่ง เป็นคนมีเหตุมีผล
แต่ปัญญานี้ยังใช้งานไม่ได้ถ้าไม่มีศีลถ้าไม่มีสมาธิ
ปัญญาเราจะไม่ได้ผล ไม่สามารถที่จะละกิเลส ละตัวละตนได้
ต้องอาศัยศีลคือความประพฤติดีปฏิบัติชอบ
ต้องอาศัยสมาธิคือความตั้งมั่น หนักแน่น ไม่หวั่นไหว
ไม่ง่อนแง่น ไม่โยกคลอน ทนต่อการท้าทาย ต่อการพิสูจน์
จิตใจที่สงบเป็นจิตใจที่ความปรุงแต่งเข้ามาก่อกวนไม่ได้
เราถึงจำเป็นต้องฝึกสมาธิให้เป็นธรรมชาติในชีวิตประจำวัน
ให้ใจมันมีความสุข ให้ใจมันอยู่กับเนื้อกับตัว
ไม่ให้จิตใจมันหลงโลก หลงอารมณ์ หลงสิ่งแวดล้อม

เป็นจิตใจที่ไม่ถูกอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่ารูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ ในชีวิตประจำวันมันมาครอบงำ

ถ้าเรามีสมาธิแล้วมันจะแยกกันไปคนละเรื่อง
สิ่งภายนอกมันก็เป็นภายนอก กายมันก็เป็นกาย ใจมันก็เป็นใจ
มันจะสงบอยู่ เป็นสุขอยู่ ดับทุกข์อยู่ เราต้องทำไปอย่างนี้ ทำไปเรื่อยๆ ทำไปทุกวัน
เราทำงานก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำงาน
เราทำกิจวัตรก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำกิจวัตรประจำวัน
เราอย่าไปแยกว่าการปฏิบัติธรรมก็อย่างหนึ่ง การทำงานก็อย่างหนึ่ง
ที่แท้มันเป็นอันเดียวกัน มันจะแยกกันไม่ได้

เหมือนกับเรามีลมหายใจ เราอยู่ที่ไหนเราต้องหายใจ
ถ้าเราปฏิบัติอยู่อย่างนี้อินทรีย์ของเราก็จะแก่กล้า
เราก็จะได้รู้ว่าเขาทำอย่างนี้เอง เขาปฏิบัติอย่างนี้เองคือการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมคือการเสียสละละตัวละตน
การทำงานก็คือการเสียสละละตัวละตน
ละความขี้เกียจขี้คร้าน ละความติดสุขติดสบาย
ผลที่ได้รับก็คือเราจะเป็นผู้ที่มีความสุข
ร่ำรวยด้วยโภคทรัพย์และก็ร่ำรวยด้วยคุณธรรม


ทำไปเรื่อยๆ อย่าไปใจร้อน คนเรามันใจร้อน ทำอะไรนิดหน่อยก็อยากได้มาก
ปฏิบัตินิดหน่อยก็อยากบรรลุ กิเลสมันเผาตัวเอง มันเผาทั้งที่ยังไม่ตาย
เรียกว่ามันตกนรกทั้งเป็นทั้งที่ยังไม่ตาย
มันเผาตนเองยังไม่พอ มันเผาคนอื่นเผาพี่เผาน้อง สารพัดที่มันจะเผา
เราไม่ต้องอยาก เราสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้พร้อมให้เต็มที่
ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ที่จริงเราก็ไม่อยากประมาท
แต่บางทีธาตุขันธ์ของเราไม่อำนวย เลยกลายเป็นคนประมาท
เราเป็นคนใจอ่อน จิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่ตั้งมั่น ใจไม่มีสมาธิ มันเลยไม่มีกำลัง
เราก็ต้องเข้มแข็ง ต้องหนักแน่น ต้องกล้าหาญ ต้องกล้าตัด กล้าละ กล้าวาง
เราต้องตายคือตายจากความคิดอย่างนี้ อารมณ์อย่างนี้
ตายจากความยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้
ถ้าเราไม่ตาย เราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปทางที่ดี

ส่วนมากมันติด มันอาลัยอาวรณ์ มันไม่อยากทิ้ง
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันสร้างบารมีมาด้วยกันนานแล้ว มันไม่อยากพลัดพรากจากกัน
เราจำเป็นต้องตัด ต้องละ ต้องวาง เราต้องตัดสังโยชน์ตัดสังสารวัฏด้วยความจำเป็น
เพราะการเกิดทุกข์คราวเป็นทุกข์ร่ำไป การแก่ทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป
การเจ็บทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป การตายทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ
มันไม่มีอะไรนอกจากทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป

การที่เรามาสงบระงับสังขารทั้งหลายจะเป็นสุขอย่างยิ่ง เรามีสมาธิมีความตั้งมั่น
พระพุทธเจ้าท่านถึงหายใจเข้าก็สบาย ออกสบาย มีปีติ สุข เอกัคตา
ไม่วิ่งไปตามอารมณ์ ตามสังขาร ชื่อว่าความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ให้เรากลับมาที่ใจเรา มันเป็นของง่าย
ปัญหาต่างๆ ในโลกนี้มันมาจบที่ใจเรา เรื่องภายนอกมันไม่จบ

เรามาทำปริญญาทำเรื่องดับทุกข์ภายในจิตใจให้กับตัวเอง
นี่แหละเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถูกตรง สมควรและเป็นบุคคลที่น่ากราบน่าไหว้
เป็นบุคคลที่เกิดมามีประโยชน์ไม่สูญเปล่า เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
บุคคลเช่นนี้น่าจะมีมากๆ จะได้นำความสงบ ความสุข ความร่มเย็น
แก่ชาวโลกทุกๆ คนที่เกิดโลกเดียวกันกับเรา
เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยการมีศีล สมาธิ ปัญญา
จะได้เป็นผู้มีความสุข ความดับทุกข์สู่ตนเองที่ถาวร

จิรวฑฺฒโน ภิกขุ
(บันทึก)
๒๘/๕/๕๔


:b8: :b8: :b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก ::
หนังสือ สมบัติของพ่อ
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เล่มที่ ๑


:b44: รวมคำสอน “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=47448

:b44: ประมวลภาพ “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=37258


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2021, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2023, 11:25 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2885


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2024, 18:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 718

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร