พอดียังงุนงง เลยรู้ไม่ค่อยจะถูก

จะรู้แบบไหนครับ แบบปริยัติหรือแบบปฏิบัติ หรือ ฯลฯ

ทำผมงง

กำหนด กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ทั้งหมดก็ได้ โดนขันธ์ห้าทั้งนั้น
เช่นอย่างกำหนดจิต จิตสงสัยก็รู้ว่า จิตสงสัย

ขันธ์ ๕ ก็คือองค์ประกอบของชีวิต มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อให้สั้น เหลือสองอย่าง คือรูป กับ นาม
มีตัวแรก ที่เป็นรูป คือกาย คือธาตุ๔
สี่ตัวหลัง เป็นนามธรรม
คือเวทนา (ความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ)
สัญญา หมายรู้ความจำ
สังขาร ความปรุงแต่ง แข็งร้อน อ่อนนุ่ม
วิญญาณ คือการรับรู้ ผ่านอายตนะ
อันนี้โดยธรรมดา ถ้าโดยพิศดารต้องคูณอะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ ผมก็ไม่เคยนั่งท่องเสียด้วย

วิธีการรู้ก็ไม่ยาก เพราะว่ามันเป็นองค์ประกอบของเรา ฉะนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็มีขันธ์๕ขันธ์ อยู่ด้วยตลอด(ไม่รู้ว่าใช้คำพูดถูกหรือเปล่า) เช่นว่า หายใจเข้าครั้งนึง กำหนดพองหนอ ขันธ์๕ ก็เกิดแล้ว เกิดครบด้วย (เช่นว่า รู้ว่าลมหายใจนี้สั้นหรือยาว ละเอียดหรือหยาบ รู้สึกชอบใจไม่ชอบใจฯลฯ )

ป.ล. ฟังมานานแล้วครับ ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า ให้ท่านอื่นมาช่วยๆกันตอบนะครับ

ลองดูของท่านพ่อลีไหมครับ

viewtopic.php?f=2&t=38465

ก้รู้กายกับจิต เท่านั้น คือรู้ขันธ์ห้า รู้อินทรีย์ รู้อายตนะ ความรู้พวกนี้ได้จากการเดินจงกรม นั่งแล้วกำหนด
มีสติในอริยาบถต่างๆ ทุกคนรู้แล้วแต่มองข้าม ไม่ได้ใส่ใจ พอเอาใจมาใส่ ก้ไ่ม่เผลอ มีสติขึ้น
สมาธิก้ตั้งมั่นใจก้เย็นสงบ-กายสงบจิตก้สงบ-เหนสิ่งที่เข้ามากระทบจิตทางทวารทั้ง6และกำหนดรู้ทัน
ถึงตอนนั้นก้คือรู้ในขันธ์5 (กายสงบเกิดปิติ จิตสงบเกิดสมาธิ )

งุนงง มีความไม่รู้ในอารมณ์เป็นพื้นเรียกว่าโมหะ
จิตหรือวิญญาณขันธ์มี โมหะ ส่วนอารมณ์ที่ประกอบ
กับวิญญาณขันธ์ได้แก่ เวทนาขันธ์ ความรับรู้ความรู้สึก
สัญญาขันธ์ ความจดจำความหมายรู้ สังขารขันธ์ ในที่นี้ทำหน้า
ที่สงสัยลังเลไม่แน่ใจในลักษณะของอารมณ์นั้นๆ
ที่ปรากฏเกิดขึ้น ๔ ขันธ์นี้เป็นสิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นโดยละเอียด
คนที่ยังไม่รู้วิธีเจริญสติ ไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยเห็น ส่วนรูปขันธ์
เห็นง่าย ไม่มีความยากอะไรในการเห็น กาย รูปธรรมเห็นง่าย
ใจ นามธรรมที่เห็นง่ายคือเวทนา สุขหรือทุกข์และเฉยๆ
ส่วนจิต และธรรมละเอียดและเห็นยากสำหรับการเริ่มต้น เจริญพร

ขันธ์ห้าทั้งหมดเป็นอาการแสดงออกมาจากดวงจิตที่รู้อยู่ จะรู้ขันธ์ห้าต้องจากร่องรอยที่ขันธ์แสดงออกมาตามคุณสมบัติของแต่ละขันธ์ เครื่องมือที่จะใช้ในการรู้คือความรู้สึกหรือใจ เช่นจะรู้รูป ก็ต้องรู้ถึงอาการความรู้สึกของธาตุที่แสดงออกมา คือ ธาตุดิน จะมีลักษณะแข็งๆ เวลาเท้าเราเหยียบพื้นลงไปจะรู้สึกได้ว่ามันแข็งๆหนักๆ และธาตุน้ำจะรู้สึกหยุ่นๆนิ่มๆ ธาตุลมก็คือการไหวตัวของเท้าที่ก้าวเดิน ธาตุไฟก็คืออุณภูมิของเท้าที่ก้าวไปมีความร้อนเย็นต่างๆกัน ให้รู้รูปขันธ์ด้วยความรู้สึก รู้สึกเอาๆ

ส่วนขันธ์ที่เป็นฝ่ายนามธรรมก็เช่นเดียวกันให้รู้ได้จากความรู้สึก คือให้รู้แบบองค์รวมทั้งหมด เช่น เวทนา เกิดความโกรธขึ้นมาก็ให้รู้ที่ความรู้สึกโดยรวมทั้งหมดคือ อาการ อาการโกรธเป็นยังไง ร้อนๆ กรุ่นๆ แน่นๆ คับๆ ให้รู้แบบภาพรวมของความรู้สึกที่กำลังแสดงตัวอยู่ ความรู้สึกไม่เกี่ยวกับความคิด คือคิดว่านายคนนั้นนางคนนี้มันมาทำให้เราโกรธ ไม่ใช่ไปรู้เรื่องราวตรงนี้ แต่ให้รู้ที่ความรู้สึกโดยรวมไม่มีภาษาพูดหรือบรรยายใดๆ ก็จะเห็นว่าความรู้สึกนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งอยู่ต่างหากไม่ใช่ตัวเรา เหมือนลมกระทบน้ำแล้วเกิดคลื่น คลื่นที่เกิดกับน้ำไม่ใช่น้ำ เหมือนกัน อารมณ์ทั้งหลายเกิดอาการต่างๆกับจิต แต่ว่าอาการความรู้สึกเหล่านั้นไม่ใช่จิต

สรุปก็คือ จะรู้ขันธ์ห้าได้ก็ด้วยความรู้สึกรู้ต่อความรู้สึกล้วนๆเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคำพูดหรือความคิดบรรยายด้วยภาษาใดๆ ดูไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้เองว่าคลื่นไม่ใช่น้ำ ขันธ์ห้าไม่ใช่จิต.

ศึกษาชีวิตซึ่งแยกแยะออกเป็น 5 ส่วน ฯลฯ ตามที่ถาม ที่นี่บ้างสิครับ จะตรงใจไหม

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 1#msg10561