วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 09:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หนังสือพุทธธรรมหน้า303


ฌาน อาจใช้ในความหมายอย่างหลวมๆ โดยแปลว่า เพ่ง พินิจ ครุ่นคิด เอาใจจรดจ่อ ก็ได้ และอาจใช้ในแง่ที่ไม่ดี เป็นฌานที่พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ เช่น เก็บเอากามราคะ พยาบาท ความหดหู่ ความกลัดกลุ้มวุ้นวายใจ ความลังเลสงสัย(นิวรณ์5) ไว้ในใจ ถูกอกุศลเหล่านั้นกลุ้มรุมใจ เฝ้าแต่ครุ่นคิดอยู่ ก็เรียกว่าฌานเหมือนกัน (ม.อุ.14/117/98) หรือกริยาของสัตว์ เช่น นกเค้าแมวจ้องจับหนู สุนัขจิ้งจอกจ้องหาปลา เป็นต้น เรียกว่าฌาน (ใช้ในกริยาศัพท์เช่น ม.มู.12/560/604) บางทีก็นำมาใช้ในความหมายด้านวิปัสสนาด้วย โดยแปลว่า เพ่งพินิจ หรือคิดพิจารณา ในอรรถกถาบางแห่งแบ่งฌานออกเป็น2จำพวก คือ การเพ่งอารมณ์ตามแบบของสมถะ เรียกว่าอารามณูปนิชฌาน (ได้แก่ ฌานสมาบัตินั่นเอง) การเพ่งพิจารณษให้เห็นไตรลักษณ์ตามแบบวิปัสสนาหรือวิปัสสนานั่นเอง เรียกว่า ลักขณูปนิชฌาน (ในกรณีนี้ แม้แต่มรรคผลก็เรียกว่าฌานได้ เพราะแปลว่าเผากิเลสบ้าง เพ่งลักษณะที่เป็นสุญญตาของนิพพานบ้าง) ดูอง.1/256;ปฎิสํ.อ221;สง.คณี อ.273 (ดูขุ.ปฎิ.31/483/366ด้วย)

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=169.0


ในฌาน เจริญวิปัสสนา หรือบรรลุมรรคผล ได้หรือไม่



มักมีผู้สงสัยว่า ในฌานจะเจริญวิปัสสนาได้หรือไม่ ? หรือว่าจะใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งใดๆได้หรือไม่ ?

ผู้ที่เข้าใจว่าไม่ได้ มักอ้างเรื่ององค์ฌานว่า ในปฐมฌานมีวิตกและวิจาร พอจะคิดอะไรได้บ้าง แต่ฌานสูงขึ้นไปมีอย่างมากก็เพียงปีติ สุข และเอกัคคตา จะคิดจะพิจารณาอะไรได้อย่างไร ?

ความจริงองค์ฌานเป็นเพียงองค์ประกอบที่เป็นเกณฑ์ตัดสินว่า ภาวะจิตนั้นเป็นฌานหรือไม่ และ เป็นฌานขั้นใด มิใช่หมายความว่าในฌานมีองค์ธรรมเพียงเท่านั้น อันที่จริงนั้น ในฌาน มีองค์ธรรมอื่นๆอีกมากมาย ดังที่ท่านบรรยายไว้ในพระสูตรและพระอภิธรรม (ชั้นเดิม)...กล่าวถึงฌานตั้งแต่ปฐมฌานถึงอากิญจัญญายตนะทุกชั้นล้วนมีองค์ธรรม เช่น ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ สติ อุเบกขา มนสิการ เป็นต้น

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=169.0


เรื่องนี้ก็น่าสนใจ เพราะนักนิยมฌาน นำมาถกเถียงกันบ่อยๆ เช่นเดียวกับสมถะกับวิปัสสนาเหมือนกัน พุทธธรรมหน้า 365 กล่าวไว้ชัดเจนพร้อมหลักฐานในคัมภีร์ (จนดูรุงรัง) ดังนั้นในที่นี้จะใส่ที่อ้างอิงเท่าที่เห็นสมควร แต่พึงทราบว่ามีหลักฐานยืนยันทุกแห่ง

อนึ่ง องค์ฌานก็คือเจตสิก ที่ประกอบกับจิต ซึ่งเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน มีอารมณ์อย่างเดียวกันกับจิตนั่นเอง และมิใช่มีเพียง วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาเท่านั้น ยังมีอีกตามสมควรที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์



[๑๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก สารีบุตรเข้าจตุตถฌาน
อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา อยู่ ก็ธรรมในจตุตถฌาน คือ อุเบกขา
อทุกขมสุขเวทนา ความไม่คำนึงแห่งใจ เพราะบริสุทธิ์แล้ว สติบริสุทธิ์ จิตเต-
*กัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ
สติ อุเบกขา มนสิการ เป็นอันสารีบุตรกำหนดได้ตามลำดับบท เป็นอันสารีบุตร
รู้แจ้งแล้ว ทั้งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และถึงความดับ เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า ด้วยประการนี้
เป็นอันว่า ธรรมที่ไม่มีแก่เรา ย่อมมี ที่มีแล้ว ย่อมเสื่อมไป เธอไม่ยินดี
ไม่ยินร้าย อันกิเลสไม่อาศัย ไม่พัวพัน พ้นวิเศษแล้ว พรากได้แล้วในธรรม
นั้นๆ มีใจอันกระทำให้ปราศจากเขตแดนได้แล้วอยู่ ย่อมรู้ชัดว่า ยังมีธรรม
เครื่องสลัดออกยิ่งขึ้นไปอยู่ และมีความเห็นต่อไปว่า ผู้ที่ทำเครื่องสลัดออกนั้น
ให้มาก ก็มีอยู่ ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๒๓๖๗ - ๒๓๗๘. หน้าที่ ๑๐๐ - ๑๐๑.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑
ธรรมสังคณีปกรณ์



รูปวาจรกุศล กสิณ ฌาน
จตุกกนัย
[๑๓๙] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเข้าถึงรูปภูมิ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
ทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌานที่มีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ ประกอบด้วย วิตก วิจาร มีปีติและ
สุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ บรรทัดที่ ๑๒๗๙ - ๑๒๘๕. หน้าที่ ๕๔.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... pagebreak=

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑
ธรรมสังคณีปกรณ์



โลกุตตรกุศลจิต
มรรคจิตดวงที่ ๑
[๑๙๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็น
ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์
สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อนัญญตัญญัส-
*สามีตินทรีย์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ
หิริพละ โอตตัปปพละ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อนภิชฌา อัพยาปาทะ สัมมาทิฏฐิ หิริ
โอตตัปปะ กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา
กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา สติ
สัมปชัญญะ สมถะ วิปัสสนา ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัย
เกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ บรรทัดที่ ๒๑๒๑ - ๒๑๓๖. หน้าที่ ๘๖ - ๘๗.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... &pagebreak

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16427

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์



[๕๖๐] ดูกรมารผู้ลามก ครั้งนั้นแหละ ทูสีมารมีความดำริว่า เราไม่รู้จักความมาและ
ความไปของภิกษุผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านี้ ถ้ากระไร เราพึงดลใจพวกพราหมณ์และคฤหบดีว่า
มาเถิด พวกท่านจงด่า บริภาษ เสียดสี เบียดเบียน พวกภิกษุผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม ถ้าไฉน
ภิกษุเหล่านั้นถูกพวกท่านด่า บริภาษ เสียดสี เบียดเบียนอยู่ พึงมีจิตเป็นอย่างอื่น โดยอาการที่
ทูสีมารพึงได้ช่อง.
ครั้งนั้น ทูสีมารก็ดลใจพวกพราหมณ์และคฤหบดีตามดำรินั้น พวกพราหมณ์และคฤหบดี
ถูกทูสีมารดลใจแล้ว ก็ด่า บริภาษ เสียดสี เบียดเบียน พวกภิกษุผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมว่า
ภิกษุเหล่านี้ เป็นสมณะหัวโล้น เป็นคฤหบดี เป็นค่าง เป็นผู้เกิดแต่หลังเท้าของพรหม พูดว่า
พวกเราเจริญฌาน พวกเราเจริญฌาน เป็นผู้คอตก ก้มหน้า เกียจคร้าน ย่อมรำพึง ซบเซา
หงอยเหงา. เหมือนนกเค้าจ้องหาหนูที่กิ่งต้นไม้ และเหมือนสุนัขจิ้งจอกจ้องหาปลาใกล้ฝั่งน้ำ
และเหมือนแมวจ้องหาหนูที่ที่ต่อเรือนอันรุงรัง และกองหยากเหยื่อ และเหมือนลาที่ปลดต่างแล้ว
ต่างก็รำพึง ซบเซา เหงาหงอยอยู่ฉะนั้น. ดูกรมารผู้ลามก ครั้งนั้น มนุษย์เหล่าใดทำกาละไป
มนุษย์เหล่านั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
โดยมาก.

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑



ปฐมฌาน-สุญญตวิโมกข์
[๒๕๖] ๔. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้
เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
๕ อย่าง ... ๖ อย่าง ... ๗ อย่าง คือ ๑ เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ ๒ กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
๓ ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว ๔ อำพรางความเห็น ๕ อำพรางความถูกใจ ๖ อำพรางความ
ชอบใจ ๗ อำพรางความจริง ต้องอาบัติปาราชิก
ปฐมฌาน-อนิมิตตวิโมกข์
๕. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง ... ๖ อย่าง ...
๗ อย่าง คือ ๑ เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ ๒ กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ ๓ ครั้นกล่าวแล้ว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว ๔ อำพรางความเห็น ๕ อำพรางความถูกใจ ๖ อำพรางความชอบใจ ๗ อำพราง
ความจริง ต้องอาบัติปาราชิก
ปฐมฌาน-อัปปณิหิตวิโมกข์
๖. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง ... ๖ อย่าง ...
๗ อย่าง คือ ๑ เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ ๒ กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ ๓ ครั้นกล่าวแล้ว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว ๔ อำพรางความเห็น ๕ อำพรางความถูกใจ ๖ อำพรางความชอบใจ ๗ อำพราง
ความจริง ต้องอาบัติปาราชิก.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ บรรทัดที่ ๙๕๔๕ - ๙๕๖๒. หน้าที่ ๓๖๘.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... &pagebreak

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค



[๔๘๓] ฌานวิโมกข์เป็นไฉน เนกขัมมะเกิด เผากามฉันทะ เพราะ
เหตุนั้นจึงเป็นฌาน เนกขัมมะเกิดพ้นไป เผาพ้นไป เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌาน-
*วิโมกข์ ธรรมเกิด ย่อมเผา ฌายีบุคคลย่อมรู้กิเลสที่เกิดและที่ถูกเผา เพราะ
เหตุนั้นจึงเป็นฌานวิโมกข์ ความไม่พยาบาทเกิด เผาความพยาบาท เพราะเหตุนั้น
จึงเป็นฌาน ความไม่พยาบาทเกิดพ้นไป เผาพ้นไป ... อาโลกสัญญาเกิด เผา
ถีนมิทธะ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌาน ความไม่ฟุ้งซ่านเกิด เผาอุทธัจจะ ... การ
กำหนดธรรมเกิด เผาวิจิกิจฉา ... ญาณเกิด เผาอวิชชา ... ความปราโมทย์เกิด
เผาอรติ ... ปฐมฌานเกิด เผานิวรณ์ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌาน ฯลฯ อรหัต-
*มรรคเกิด เผากิเลสทั้งปวง เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌาน เกิดพ้นไป เผาพ้นไป
เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌานวิโมกข์ ธรรมเกิด ย่อมเผา ฌายีบุคคลย่อมรู้กิเลสที่เกิด
และที่ถูกเผา เพราะเหตุนั้นจึงเป็นฌานวิโมกข์ นี้เป็นฌานวิโมกข์ ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๖๔๔๘ - ๖๔๕๘. หน้าที่ ๒๖๔ - ๒๖๕.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



เวลาพูดเรื่องฌาน ต้องรู้จักสภาวะของฌานก่อน
ฌานมีสองสภาวะคือ ฌานที่เป็นสัมมาสมาธิ กับ ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิ และต้องรู้โดยสภาวะว่า
ฌานที่เป็นสัมมาสมาธินั้นมีสภาวะเป็นแบบไหน แล้วทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็นฌานที่เป็นสัมมาสมาธิ
ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธินั้นเป็นแบบไหน แล้วทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็นฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิ

ต้องแยกตัวสภาวะของฌานออกมาดังนี้ก่อน ถึงจะสนทนากันได้ถูกต้องว่า
สภาวะของฌานที่กำลังพูดถึงกันอยู่นี้ เป็นเรื่องของฌานในสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิ

ถ้ายังแยกสภาวะของฌานทั้งสองอย่างนี่ออกจากกันไม่ได้ คุยกันไป คุยยังไงก็ไม่มีวันรู้เรื่องหรอกค่ะ
ต้องแยกสภาวะออกมาก่อน แล้วตกลงกันว่า จะคุยเรื่องฌานที่เป็นสัมมาสมาธิหรือ
ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิ

ตกลง กระทู้ที่คุณ mes ตั้งขึ้นมานี่ จะคุยเรื่องฌานที่เป็นสัมมาสมาธิ หรือ ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิคะ?

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 06:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ตกลง กระทู้ที่คุณ mes ตั้งขึ้นมานี่ จะคุยเรื่องฌานที่เป็นสัมมาสมาธิ หรือ ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิคะ?



ผมเข้าใจเอาเองว่า ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิคงไม่มีใครสนทนามากนัก

เมื่อกล่าวถึงฌานมักจะรู้ลึกว่าเป็นสภาวะความมั่นคงของระดับสมาธิ

ฉนั้นเรามาสนทนาเกี่ยวกับมิจฉสมาธิก่อนครับ

ผมเองจะได้เก็บเกี่ยวความรู้จากท่านไปด้วย

คุณwalaiporn คุณกบ และท่านที่เข้ามาในกระทู้นี้เชิญก่อนครับ

ผมขอเข้าไปเปิดพระไตรปิฎกพลางๆ

ขอบพระคุณครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ผมเข้าใจเอาเองว่า ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิคงไม่มีใครสนทนามากนัก

เมื่อกล่าวถึงฌานมักจะรู้ลึกว่าเป็นสภาวะความมั่นคงของระดับสมาธิ

ฉนั้นเรามาสนทนาเกี่ยวกับมิจฉสมาธิก่อนครับ

ผมเองจะได้เก็บเกี่ยวความรู้จากท่านไปด้วย

คุณwalaiporn คุณกบ และท่านที่เข้ามาในกระทู้นี้เชิญก่อนครับ

ผมขอเข้าไปเปิดพระไตรปิฎกพลางๆ

ขอบพระคุณครับ

ฌาณเป็นอัพยาก็มี อกุศลฌาณ ก็พวกเล่นมนต์ดำไงครับ ทำฤทธิ์ได้ด้วย ลักษณะก็ตรงกันข้ามกับกุศลฌาณจิต เช่น ไม่ผุดขึ้นในตัว ดำมืด ๆลๆ เปี่ยมไปด้วยนิวรณ์5
เช่นหากจะทำเสน่ห์ก็ต้องทำใจให้เป็นราคะมากๆๆ เข้าไว้ หากจะทำให้ตายหรือไปปล้น ก็ต้องทำจิตให้ก้าวร้าวรุนแรง เรียกว่าโมหะสมาธิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยู่ เขียน:
ฌาณเป็นอัพยาก็มี อกุศลฌาณ ก็พวกเล่นมนต์ดำไงครับ ทำฤทธิ์ได้ด้วย ลักษณะก็ตรงกันข้ามกับกุศลฌาณจิต เช่น ไม่ผุดขึ้นในตัว ดำมืด ๆลๆ เปี่ยมไปด้วยนิวรณ์5
เช่นหากจะทำเสน่ห์ก็ต้องทำใจให้เป็นราคะมากๆๆ เข้าไว้ หากจะทำให้ตายหรือไปปล้น ก็ต้องทำจิตให้ก้าวร้าวรุนแรง เรียกว่าโมหะสมาธิ


ผมได้ตัวอย่างมาอาจไม่ตรงกับท่านหลับอยู่กล่าวถึง แต่ก็พอประดับความรู้ได้ครับ

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์



[๑๑๗] อา. ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญ
ฌานทั้งปวงก็มิใช่ ไม่ทรงสรรเสริญฌานทั้งปวงก็มิใช่ พระองค์ไม่ทรงสรรเสริญ
ฌานเช่นไร ดูกรพราหมณ์ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ มีใจรัญจวนด้วยกามราคะ
ถูกกามราคะครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดกามราคะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็น
จริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะกามราคะ ทำกามราคะไว้
ในภายใน มีใจปั่นป่วนด้วยพยาบาท ถูกพยาบาทครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัด
พยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ
มุ่งหมายเฉพาะพยาบาท ทำพยาบาทไว้ในภายใน มีใจกลัดกลุ้มด้วยถีนมิทธะ
ถูกถีนมิทธะครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดถีนมิทธะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็น
จริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะถีนมิทธะ ทำถีนมิทธะไว้
ในภายใน มีใจกลัดกลุ้มด้วยอุทธัจจกุกกุจจะ ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดอุทธัจจกุกกุจจะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง
จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะอุทธัจจกุกกุจจะ ทำอุทธัจจกุกกุจจะไว้ในภายใน
มีใจกลัดกลุ้มด้วยวิจิกิจฉา ถูกวิจิกิจฉาครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดวิจิกิจฉาอันเกิด
ขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะ
วิจิกิจฉา ทำวิจิกิจฉาไว้ในภายใน ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ไม่ทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้แล ดูกรพราหมณ์ ก็พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรง
สรรเสริญฌานเช่นไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้าทุติยฌาน มีความ
ผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบ วิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ
มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เข้าตติยฌานที่พระอริยะเรียกเธอ
ได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่ เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะ
อุเบกขาอยู่ ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้
แล ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๑๙๓๕ - ๑๙๖๐. หน้าที่ ๘๒ - ๘๓.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยู่ เขียน:
ฌาณเป็นอัพยาก็มี อกุศลฌาณ ก็พวกเล่นมนต์ดำไงครับ ทำฤทธิ์ได้ด้วย ลักษณะก็ตรงกันข้ามกับกุศลฌาณจิต เช่น ไม่ผุดขึ้นในตัว ดำมืด ๆลๆ เปี่ยมไปด้วยนิวรณ์5
เช่นหากจะทำเสน่ห์ก็ต้องทำใจให้เป็นราคะมากๆๆ เข้าไว้ หากจะทำให้ตายหรือไปปล้น ก็ต้องทำจิตให้ก้าวร้าวรุนแรง เรียกว่าโมหะสมาธิ


คุณหลับอยู่กำลังจะบอกว่า

อิทธปาฏิหาริย์มีอยู่2ชนิดคือ

อภิญญา อิทธิปาทะ มโนมยิทธิ เกิดจากวิชชา

กับ

มนต์ดำที่เกิดจาก อกุศลฌาน

ใช่ไหมครับ


เรื่องนี้ถึงแม้จะหาในพระไตปิฎกไม่เจอ

แต่หากค้นในพระพุทธประวัติจะเห็นมีหลักฐานปรากฎอยู่มากในสมัยพุทธกาลและก่อนพุทธกาลว่า

การใช้อิทธฤทธิ์ปาฏิหาริย์มีอยู่มาก

ปัจจุบันก็ยังมี เกิดในวงการพุทธศาสนาก็มี ยากต่อการแยกแยะว่าอันไหนเป็นวิชชา อันไหนเป็นอวิชชา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสำนักสอนวิปัสสนากรรมฐาน

จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ยังมีสอนให้เห็นอยู่

ยิ่งสำนักสอนวิปัสสนาที่มีความผันพิศดารผมว่าหน้าจะเข้าข่ายมิจฉสมาธิหรืออกุศลฌานมากกว่า สัมมาสมาธิหรือกุศลฌาน

เพราะถ้าดูเจตนาของสำนักที่กล่าวถึงไม่ได้สอนให้ทำลายกิเลส ตรงข้ามกลับเป็นการเสริมกิเลสด้วยซ้า

ตัวอย่าง

รายที่เป็นเจ้าของกิจการไอศกรีมที่มีสำนักงานแถวภาคใต้ตอนบนก็โฆษณาว่าเมื่อเรียนวิปัสสนาตังโยกที่สำนักเขาแล้วจะกลายเป้นเศษฐีในพริบตาเหมือนตัวเขา

มีภาพถ่ายหลักฐานฐานะของเขามาการันตีเรียบร้อย

บางสำนักก็กลายเป็นเรื่องตัดกรรมไป

ไม่ใช่ตัดกิเลส

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร