วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 16:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 12:50
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะถามปัญหาธรรมครับ

คือเรื่องการมีสติในชีวิต กระผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรม มากครับ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมากๆ
เป็นการสบายใจที่หาจากที่ใดไม่ได้ เมื่ออ่านแล้วทำให้มีสติ ปัญญาในการตรองเรื่องต่าวๆ ที่เข้ามาในชีวิต ทำให้อารมณ์ใหนเรื่องต่างๆ เบาบางลงมาก
แต่ยังมีบางเวลาที่ทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยกับงานและเมื่อเวลางานไม่เป็นไปตามที่เราตั้งไว้ก็จะเกิดอารมณ์ คือ โทสะ จะทำให้รู้สึกหงุดงิต แล้วจะเสียงาน พยายามจะทำสมาธิตรองเรื่องนั้นๆ แต่ก็มิได้เกิดสมาธิ จึงอยากจะปรึกษาในเรื่องกล่าวมาว่าจะทำอย่างไรดีครับ


และอยากจะทราบอีกเรื่อง คือ การนอนอย่างมีสตินั้นทำอย่างไรครับ


ช่วยตอบทีครับ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


supanokefc เขียน:
อยากจะถามปัญหาธรรมครับ

คือเรื่องการมีสติในชีวิต กระผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรม มากครับ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมากๆ
เป็นการสบายใจที่หาจากที่ใดไม่ได้ เมื่ออ่านแล้วทำให้มีสติ ปัญญาในการตรองเรื่องต่าวๆ ที่เข้ามาในชีวิต ทำให้อารมณ์ใหนเรื่องต่างๆ เบาบางลงมาก
แต่ยังมีบางเวลาที่ทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยกับงานและเมื่อเวลางานไม่เป็นไปตามที่เราตั้งไว้ก็จะเกิดอารมณ์ คือ โทสะ จะทำให้รู้สึกหงุดงิต แล้วจะเสียงาน พยายามจะทำสมาธิตรองเรื่องนั้นๆ แต่ก็มิได้เกิดสมาธิ จึงอยากจะปรึกษาในเรื่องกล่าวมาว่าจะทำอย่างไรดีครับ

และอยากจะทราบอีกเรื่อง คือ การนอนอย่างมีสตินั้นทำอย่างไรครับ


ยืน/เดิน/นั่ง/นอน/กิน/ดื่ม/ทำ/พูด/คิด ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวัน...อย่างมีสติ มีสัมปชัญญะ

มีฉันทะ มีสมาธิ มีวิริยะ เป็นต้น ก็ทำนองเดียวกับที่คุณตั้งจิตตั้งใจอ่านหนังสือนั่นเอง คือ ตั้งใจอยู่กับกิจ

ตั้งจิตอยู่กับงาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การอ่านหนังสือธรรมะแล้วจิตใจสงบ เป็นผลจากการที่จิตเป็นสมาธิ ซึ่งอยู่ได้ชั่วคราว
พอหมดกำลัง หรือเลิกอ่านไปสักระยะ ก็กลับมาเกาะเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆเหมือนเดิม
เพราะตรงนั้นเป็นความสงบแบบหินทับหญ้า ไม่ได้ถอนรากถอนโคนเหมือนการเจริญวิปัสสนา
ที่เห็นความจริงของทุกสิ่งจนเข้าใจและถอดถอนความเห็นผิดว่ากายใจเป็นเราลงได้

โทสะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย เมื่อหมดเหตุจะหรี่ซาลงจนดับไป
แต่ที่ยังไม่ดับ เพราะใจเรากลับไปย้อนคิดถึงเหตุที่ทำให้เกิดโทสะนั้นอีก
ลองเปลี่ยนมาดูโทสะที่เกิดตรงๆ ดูความโกรธที่ผุดขึ้นมา
แต่ไม่ไปช่วยจิตคิดเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด
(เพราะหากคิดซ้ำๆถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ โทสะก็จะยังคงอยู่)
จะเห็นความโกรธดับไปต่อหน้าต่อตา

แต่หากความโกรธยังไม่ดับไป ก็ไม่ต้องไปอยากให้มันดับ
เพราะกิเลสตัวที่อยากให้ดับนี้เป็นโทสะอีกตัวที่เกิดซ้อนขึ้นมา
ยิ่งทำให้หงุดหงิดขึ้นไปอีก
ให้ตามรู้ตามดูอารมณ์ที่เกิดด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
หากไม่เป็นกลางก็คอยรู้ทันความไม่เป็นกลางนั้น

ทั้งนี้ ต้องแบ่งเวลาทำสมถะด้วยเพื่อทำให้จิตมีกำลังที่จะตามรู้ตามดู
ความมีอยู่และความเคลื่อนไหวของกายกับใจในระหว่างวัน

เราสามารถเจริญสติได้ตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตาตื่น
ปกติใจเรามักจะไหลไปอยู่ในโลกของความคิด
ทันทีที่เรารู้สึกตัว ใจจะตื่นขึ้นมา
แต่สติก็ไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ดับไปเหมือนกันตามเหตุปัจจัย
คอยรู้ตัวเนืองๆเท่าที่จะนึกได้
ไม่ต้องไปบังคับให้ต้องรู้ตัวตลอดเวลา

ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นวิธีที่ลองทำดูแล้วได้ผลกับตัวเอง
เพราะเมื่อก่อนเป็นคนที่ใจลอยบ่อย เกิดโทสะบ่อย
คิดมากมีทุกข์เยอะเพราะความคิด
แต่ตอนนี้ทุกข์น้อยลงๆ โทสะเกิดก็เห็นทันได้บ่อย
ไม่หลงไปจมอยู่กับเรื่องที่ทำให้เกิดโทสะนานๆอีก
ลองดูนะคะ ในเวลาไม่นานเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับตัวเองได้ชัดเจน
(แต่หากทำแล้วไม่ถูกจริตก็ลองศึกษาดูแนวทางอื่นๆดูค่ะ)


ส่วนเรื่องการนอน
ก่อนนอนก็คอยรู้สึกตัว
จะรู้ลมหายใจหรือรู้สึกถึงท้องที่เคลื่อนไหวพองยุบก็ได้
จนกว่าจะหลับไปเอง
แต่หากฝึกสติบ่อยๆจนเกิดสติอัตโนมัติขึ้นมา
จะทำอะไร หรือแม้แต่ตอนนอน จะพลิกตัว มันก็จะรู้ตัวของมันเอง
เราสร้างเหตุให้เต็มที่ แต่ปล่อยวางผล วันนึงเราจะได้รู้ด้วยตัวเองค่ะ

เจริญในธรรมค่ะ :b8:

หมายเหตุ
การทำสมถะ จะเดินจงกรม ดูลมหายใจ สวดมนต์ ดูท้องพองยุบ
เลือกทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วสบายและถูกจริตกับตัวเองที่สุด
เดิน/ดูลม/สวดมนต์ แล้วจิตหนีไปคิดก็รู้
จิตไปแนบอยู่กับเท้ากับลมหายใจกับบทสวดก็รู้
เป็นการซ้อมดูจิตดูใจระหว่างวันเพื่อให้จิตมีกำลังสามารถดูสภาวะที่เกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลาง

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


supanokefc เขียน:
แต่ยังมีบางเวลาที่ทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยกับงานและเมื่อเวลางานไม่เป็นไปตามที่เราตั้งไว้ก็จะเกิดอารมณ์ คือ โทสะ จะทำให้รู้สึกหงุดงิต แล้วจะเสียงาน พยายามจะทำสมาธิตรองเรื่องนั้นๆ แต่ก็มิได้เกิดสมาธิ จึงอยากจะปรึกษาในเรื่องกล่าวมาว่าจะทำอย่างไรดีครับ

ชอบที่จะอ่านหนังสือธรรมะ..แล้วใจก็น้อมนำไปสู่ความสงบ...แต่ในชีวิตการงานประจำวันนั้น..มีหลายอย่างเข้ามากระทบ..อารมณ์...ซึ่งอันนี้ต้องตั้งสติให้ดี...สิ่งที่มากระทบทำให้เกิดอารมณ์ใด...เช่นโกรธ..ไม่ชอบ..ไม่ถูกใจ..หรือ ถูกใจ รัก..หงุดหงิด..อันนี้อารมณ์ของเรามันเปลี่ยนแปลง..และเกิดๆ ดับๆได้อย่างรวดเร็ว จนบางครั้งกำหนด..หรือตั้งสติรู้ไม่เท่าทันกิเลส..ที่เข้ามากระทบ
...ชอบอ่านหนังสือธรรมะ..แล้วขอแนะให้ฟังธรรมะ..ธรรมะบรรยาย
...ขอแนะนำลองฟังธรรมบรรยายของท่าน..พระครูเกษมธรรมทัต(อาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี)แห่งวัด
มเหยงคณ์ จ.อยุธยา...ในเวบของวัด..มีคำสอนคำบรรยายธรรมเกือบทุกเรื่อง..โดยเฉพาะหมวดกรรมฐาน..หรือการเจริญ สติ ในชีวิตประจำวัน..ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำ..หรือธรรมขั้นสูงขึ้นไปสู่ปรมัถต์...โหลดมาฟังได้เลยครับเพื่อคุณจะได้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติ
ขอเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 09 มิ.ย. 2010, 12:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติครับ
สภาวะ อารมณ์ ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นมีอยู่แล้ว
ซึ่งเป็นความเกิด ด้วยเหตุปัจจัย ให้อาศัยสิ่งต่างๆที่ปรากฏเรียนรู้ ยอมรับ
ตรงตามความเป็นจริง อย่างเป็นปัจจุบัน
วิธีการต่างๆที่เราปฏิบัติกันล้วนแต่เป็นทางให้ สติเกิด ผลงานที่ต้องการ คือ สติ
หากเรามีสติ ระลึกรู้อยู่ในปัจจุบันตามความเป็นจริง เรานำสติมาใช้ในชีวิตประวันได้

ดังนี้ เราจึงไม่หลีกเลี่ยงที่จะ รู้ในปรากฏการณ์ต่างๆที่สัมผัสได้ทางอายตนะ
ในขณะปัจจุบันทั้งทางดีและไม่ดี
แต่เราจะไม่ปรุงแต่งปรากฏการณ์ต่างๆให้เป็นความสืบเนื่อง ต่อไป

การงานต่างๆเราก้อพิจารณาแก้ไขเนื้องานไปตามความเหมาะสม
ในการพิจารณาไต่ตรองเรื่องราวต่างๆที่ผ่านนั้นในขณะที่มีความหงุดหงิดไม่สบายใจ
สติ สมาธิจึงไม่มี ประเดี๋ยวจะฟุ้งซ่านเปล่าๆ ให้โยนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นทิ้งไปเสีย
แล้วเริ่มต้นแก้ไขงานต่างๆ
สิ่งที่ผ่านมาแล้วให้ผ่านไป เมื่อผ่านไปแล้วก้ออย่าไขว่คว้ามาเก็บเอาไว้อีกละกัน

การนอนให้มีสติ ในขณะที่นอน มีอะไรให้ระลึกรู้ได้ ในกาย ใจ ก้อระลึกรู้ไป
ให้รู้อยู่อันเดียว เพื่อเป็นการอบรมจิตใจ หากไปรู้อันอื่นเข้า พอมันเต็มที่แล้ว
มันก้อจะกลับมาอยู่อันเดิมที่เรากำหนดไว้
ขอบคุณครับ

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร