วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 07:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




b13.jpg
b13.jpg [ 48.9 KiB | เปิดดู 7703 ครั้ง ]
อตี ตังนานวาคเมยยะ นัปฏิกังเข อนาคตัง .....ปัจจุปันนันจะ โยธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสติ อสังหิรัง อสังกุปปัง ตังวิธรามนุพูหะเย (สะสมความรู้ทันปัจจุบันอารมณ์)


จากภัทเทกรัตคาถา ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ที่นิยมสวดกันมากบทหนึ่ง ทำให้เราได้รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอน วิธิีปฏิบัติธรรมที่ง่ายและลัดสั้นที่สุดไว้อีกวิธีหนึ่ง ดังในคาถาท่อนที่ยกมาข้างบนนี้

ในกระทู้นี้เราคงจะได้ศึกษา วิเคราะห์ สนทนาหา ความรู้ ความหมาย จุดเด่น และเทคนิคปฏิบัติในการเจริญการพอกพูนความเห็นและรู้ทันปัจจุบัน ตาม คาถาที่ยกมา

อตี ตังนานวาคเมยยะ นัปฏิกังเข อนาคตัง บุคคล ไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
...........................

ปัจจุปันนันจะ โยธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสติ อสังหิรัง อสังกุปปัง ตังวิธรามนุพูหะเย

ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง ไม่ง่อนแง่น คลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พบท่าน เหมือนได้พบญาติ...เพิ่มขึ้นอีกคน...

:b12: :b1: :b12: :b1:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




100_5477_resize.JPG
100_5477_resize.JPG [ 51.35 KiB | เปิดดู 7647 ครั้ง ]
tongue

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b27: :b27: :b27:

อนุโมทนากับคุณเอรากอน ที่ได้พบกัลยาณมิตรเสมือนญาติธรรม ที่จากกันไปนานหลายภพชาติ
onion onion cheesy Kiss
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความโศกทั้งหลาย

ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท

เป็นมุนีผู้ศึกษาในทางแห่งมโนปฏิบัติ ผู้คงที่

สงบระงับแล้วมีสติในการทุกเมื่อ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




door-129F.jpg
door-129F.jpg [ 65.75 KiB | เปิดดู 7625 ครั้ง ]
onion

ปัจจุปันนันจะ โยธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสติ อะสังหิรัง อะสังกุปปัง ตังวิทธรา มนุพรูหะเย

ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง ไม่ง่อนแง่น คลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้
[/color]
จากข้อความข้างบนนี้ เป็นคำสอนที่สั้นและเรียบง่ายและค่อนข้างจะสำคัญมากในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงความหลุดพ้น

จะทำ หรือ ปฏิบัติ การเจริญปัจจุบันอารมณ์อย่างไร

รู้สึกว่าจะไม่มีคำอธิบายวิธีปฏิบัติโดยละเอียดในการ เจริญการพอกพูนความเห็นชัด ปัจจุบันอารมณ์ จึงต้องศึกษาจากที่ครูบาอาจารย์ อรรถกถาจารย์ได้ คิดค้นเทคนิค วิธีปฏิบัติ ทดสอบจนได้ผลดีแล้ว นำมาอธิบายหรือสอนไว้


สายปฏิบัติปัจจุบันอารมณ์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกขณะนี้คือ วิธีการของท่านอาจารย์มหาสีสยาดอ ประเทศพม่า ซึ่งท่านเรียกตัวเองว่าวิธีปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เทคนิคปฏิบัตินั้นจะเน้นให้กำหนดสติให้รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ โดยเบื้องต้นให้ใช้คำบริกรรมตามท้ายความรู้สึกนึกคิดหรืออาการ กิริยาต่างๆ ตัวอย่างที่เป็นภาษาพม่าเช่น

ตัวแต่ ๆ ๆ = ย่างแล้ว ๆ ๆ หมิ่นแต่ ๆ ๆ = เห็นแล้ว ๆ ๆ จาแต่ ๆ ๆ = กินแล้ว ๆ ๆ ฯ ลฯใชคำว่า "แต่" ตามท้าย

ในเมืองไทย ใช้คำ "หนอ" แทน เช่น ย่างหนอ ยกหนอ เหยีบหนอ รู้หนอ คิดหนอ นึกหนอ อยากหนอ กลัวหนอ ฯ ลฯ

เมื่อใช้คำบริกรรม แต่ หรือ หนอ ความรู้สึกนึกคิดหรืออาการ กิริยาต่างๆ ได้ดี คล่องแคล่ว จนสติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์ได้ดีแล้ว ชำนาญแล้ว จึงให้ทิ้งคำบริกรรมตามท้าย เอาสติ รู้ทันสภาวธรรมตามธรรมชาติโดยไม่มีคำบริกรรมใดๆ ถึงตรงนี้วิปัสสนาภาวนาก็จะเดินไปได้เองโดยธรรมชาติ คือมีสติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์


ผู้ที่เคยฝึกสติ สมาธิมาดีแล้ว อาจเริ่มต้นโดยการเอาสติกำหนดรู้ หรือเอา สติ ปัญญา มาเฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณาปัจจุบันอารมณ์ทันทีโดยไม่ใช้คำบริกรรมใดๆเลยก็ได้

ถ้ามีสติรู้ทัน ปัญญาเฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณาปัจจุบันอารมณ์ได้ วิปัสสนาภาวนาก็จะเริ่มต้นจากจุดนี้ไป


สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นผล เมื่อสติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์

1.สติปัฏฐาน 4 จะสมบูรณ์ และเป็นไปตามธรรมชาติ

2.สัมมัปทาน 4 อิทธิบาท 4 จะเกิดขึันและเจริญขึ้น

3.อินทรีย์ 5 พละ 5 โภชฌงค์ 7 จะเจริญขึ้น

4.มรรค 8 จะหมุนเต็มรอบ

สรุปว่า โพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการจะเกิดขึ้นและเจริญขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป็นลำดับๆไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีกำลังแห่งเหตุทั้งหมดเพียงพอ จะเกิดมรรคสมังคี ส่งให้ถึงมรรคญาณ ผลญาณ และนิพพานในที่สุด
[/colo

นี่คือสรุปอานิสงของการเจริญปัจจุบันอารมณ์โดยย่อ

รายละเอียดวิธีปฏิบัติจะได้นำมากล่าวในตอนต่อไปครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อนัตตาธรรม เมื่อ 23 ม.ค. 2010, 16:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


" อย่าเอาผิด เอาถูก หาผิด หาถูก ในบัญญัติกันให้มากเกินเลยนะครับ "

สืบเนื่องจากกระทู้นี้

viewtopic.php?f=2&t=28059&start=105



ถ้าคิดอย่างที่พี่พูดมา คงจะไม่โพสไปแบบนี้หรอกค่ะ


walaiporn เขียน:

เออหนอ !!!!!
จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก จะว่าอะไรก็ว่าตามนั้น
ทุกอย่างล้วนมีเหตุมาก่อน ผลจึงเป็นเช่นนั้น

ใครเห็นอย่างไร ควรเสนอไปเช่นนั้น
เราไม่เบียดเบียนท่าน ท่านย่อมไม่เบียดเบียนเรา

ส่วนคนอ่าน อ่านแล้วจะเชื่อใครคนไหนนั้น ทุกอย่างล้วนมีเหตุกับผลมารับรอง
ใครเคยสร้างเหตุร่วมกัน ย่อมเชื่อกัน ใครไม่เคยสร้างเหตุร่วมกัน ย่อมไม่เชื่อกัน

แล้วจะถกกันไปใย ถกไปเพื่อใคร มีแต่เป็นการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น
ถูกผิด ล้วนเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน

เราชื่นชมนะ ทุกคนล้วนมีดี เป็นผู้ใฝ่ศึกษา
มีข้ออรรถข้อธรรม มาแบ่งปันกันมากมาย

วิธีไม่ให้เกิดวิวาทะ

จงอย่าเอ่ยถึงอีกฝ่ายหนึ่งหรือฝ่ายใด
แต่จงแสดงในสิ่งที่ตนต้องการจะแสดง

เมื่ออ่านข้อความของคนๆนั้นแล้ว ไม่เห็นด้วย
ก็จงอย่าไปว่าเขา อย่าไปคิดตำหนิติติงเขา

แต่จงนำข้อความที่คิดว่าถูกสำหรับตัวเองนั้นมาแสดง
โดยไม่ต้องไปพาดพิงหรืออ้างอิงถึงใครๆ



viewtopic.php?f=2&t=28059&st=0&sk=t&sd=a&start=105





ใครจะเชื่อใคร ใครไม่เชื่อใคร ล้วนแต่เกิดจากเหตุที่เคยกระทำร่วมกันมา
ใครสร้างเหตุอย่างไร เขาย่อมได้รับผลเช่นนั้น


ฉะนั้น น้ำจึงไม่มากังวลแทนใครๆหรอกค่ะ ว่าใครพูดถูกหรือผิด ใครทำถูกหรือผิด
มันไม่มีใครถูกหรือผิดหรอกค่ะ เพียงแต่รู้แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง
แล้วทุกอย่างที่เป็นเช่นนั้น ล้วนเกิดจากการกระทำของคนๆนั้นเอง ผลเลยเป็นเช่นนั้น

บางคนรู้จากตำราที่ได้ศึกษามา แล้วนำมาบรรยายตามที่ตัวเองเข้าใจ
บางคนรู้จากการฟังต่อๆกันมา แล้วนำมาเล่าต่อ
บางคนรู้โดยปฏิบัติ
บางคนรู้โดยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
แต่ละคนรู้แตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยที่ได้กระทำกันมา

ที่นำเสนอข้อสนทนาไปกับพี่ เพียงแค่ต้องการสนทนาด้วยเท่านั้น
แต่เนื่องจากว่า เห็นว่าอาจจะมีการสื่อสารกับพี่ไม่ค่อยจะตรงกัน
น้ำเลยขอจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้น่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ่อ...แบบว่า...ขี้เกี้ยมยังติดตามการนำเสนอธรรมของท่านอยู่...หง่ะ...
เห็นบรรยากาศชอบกลตั้งแต่ต้นกระทู้
หวังว่า การนำเสนอธรรมของท่านจะยังไม่สะดุด...นะคะ...

แบบว่า...กำลังสนใจติดตามอยู่...หง่ะ...ค่ะ

:b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




ff223.jpg
ff223.jpg [ 76.19 KiB | เปิดดู 7555 ครั้ง ]
Walaiporn เขียน

ที่นำเสนอข้อสนทนาไปกับพี่ เพียงแค่ต้องการสนทนาด้วยเท่านั้น
แต่เนื่องจากว่า เห็นว่าอาจจะมีการสื่อสารกับพี่ไม่ค่อยจะตรงกัน
น้ำเลยขอจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้น่ะค่ะ


อนัตตาธรรม เขียน

เพราะพี่สื่อภาษาไม่เก่ง เลยทำให้น้องสะดุด น่าเสียดาย กำลังจะเริ่มข้อธรรมภาคปฏิบัติ

ไม่เป็นไร สังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกัน เรื่องธรรมมะ ต้องใจยาวๆ ใจเย็นๆ อิษฐารมณ์ อนิษฐารมณ์ ล้วนเป็นเครื่องฝึกจิต ฝึกกรรมฐานที่ดี วัดความก้าวหน้าในการประพฤติธรรมของเราด้วย

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
:b8:
:b27: :b41: :b53:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
Walaiporn เขียน

ที่นำเสนอข้อสนทนาไปกับพี่ เพียงแค่ต้องการสนทนาด้วยเท่านั้น
แต่เนื่องจากว่า เห็นว่าอาจจะมีการสื่อสารกับพี่ไม่ค่อยจะตรงกัน
น้ำเลยขอจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้น่ะค่ะ


อนัตตาธรรม เขียน

เพราะพี่สื่อภาษาไม่เก่ง เลยทำให้น้องสะดุด น่าเสียดาย กำลังจะเริ่มข้อธรรมภาคปฏิบัติ

ไม่เป็นไร สังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกัน เรื่องธรรมมะ ต้องใจยาวๆ ใจเย็นๆ อิษฐารมณ์ อนิษฐารมณ์ ล้วนเป็นเครื่องฝึกจิต ฝึกกรรมฐานที่ดี วัดความก้าวหน้าในการประพฤติธรรมของเราด้วย

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
:b8:
:b27: :b41: :b53:





เฮ้อออ ... อีกละ ... อิษฐารมณ์ อนิษฐารมณ์ อะไรกันคะ
น้ำขี้เกียจตามอธิบายให้กับใครๆฟังอีกแล้ว

เรื่องธรรมดาๆมากเลยนะคะ กับการที่ไปคาดเดาอารมณ์ของคนอื่นๆ
เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็เลยเหมือนจะทำให้เกิดข้อหยุมหยิมขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าเกิดจากควมพอใจหรือไม่พอใจหรอกค่ะ
น้ำแค่ไม่อยากคุยต่อเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร
หวังว่าพี่คงจะเข้าใจนะคะ
ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้าภาษาที่สื่ออกมาทำให้กลายเป็นเบี่ยงเบนประเด็นไป :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


tongue

เอรากอน เขียน

เอ่อ...แบบว่า...ขี้เกี้ยมยังติดตามการนำเสนอธรรมของท่านอยู่...หง่ะ...
เห็นบรรยากาศชอบกลตั้งแต่ต้นกระทู้
หวังว่า การนำเสนอธรรมของท่านจะยังไม่สะดุด...นะคะ...

แบบว่า...กำลังสนใจติดตามอยู่...หง่ะ...ค่ะ


อนัตตาธรรม เขียน

อนุโมทนาและขอบคุณน้องเอรากอน ที่ยังจะเป็นเพื่อนสนทนากันต่อไปครับ

สนทนาธรรม เพื่อธรรมกันต่อนะครับ

:b27: :b8: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๑. ภัทเทกรัตตสูตร (๑๓๑)
[๕๒๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มี-
*พระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอุเทศและวิภังค์ของบุคคล
ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญแก่เธอทั้งหลาย พวกเธอจงฟังอุเทศและวิภังค์นั้น จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ

[๕๒๗] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึง เจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด

พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผลัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย

พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 22:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๕๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลย่อมคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร


คือ รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้นๆ ว่า เราได้มีรูปอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว
ได้มีเวทนาอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ได้มีสัญญาอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ได้มี
สังขารอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ได้มีวิญญาณอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อย่างนี้แล ชื่อว่าคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯ


[๕๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลจะไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร


คือ ไม่รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้นๆ ว่า เราได้มีรูปอย่างนี้ในกาลที่
ล่วงแล้ว ได้มีเวทนาอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ได้มีสัญญาอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว
ได้มีสังขารอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ได้มีวิญญาณอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ชื่อว่าไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๕๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร

คือ รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้นๆ ว่า ขอเราพึงมีรูปอย่างนี้ในกาลอนาคต
พึงมีเวทนาอย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีสัญญาอย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีสังขาร
อย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีวิญญาณอย่างนี้ในกาลอนาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อย่างนี้แล ชื่อว่ามุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง ฯ



[๕๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลจะไม่มุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร

คือ ไม่รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้นๆ ว่า ขอเราพึงมีรูปอย่างนี้ในกาลอนาคต
พึงมีเวทนาอย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีสัญญาอย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีสังขาร
อย่างนี้ในกาลอนาคต พึงมีวิญญาณอย่างนี้ในกาลอนาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่าง
นี้แลชื่อว่าไม่มุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๕๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลย่อมง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร

คือ
ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้
เป็นผู้ไม่ได้เห็นพระอริยะ
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้ฝึกในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ
ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ไม่ได้ฝึกในธรรมของสัตบุรุษ

ย่อมเล็งเห็นรูปโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีรูปบ้าง
เล็งเห็นรูปในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในรูปบ้าง

ย่อมเล็งเห็นเวทนาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีเวทนาบ้าง
เล็งเห็นเวทนาในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในเวทนาบ้าง

ย่อมเล็งเห็นสัญญาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีสัญญาบ้าง
เล็งเห็นสัญญาในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในสัญญาบ้าง

ย่อมเล็งเห็นสังขารโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีสังขารบ้าง
เล็งเห็นสังขารในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในสังขารบ้าง

ย่อมเล็งเห็นวิญญาณโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีวิญญาณบ้าง
เล็งเห็นวิญญาณในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในวิญญาณบ้าง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลชื่อว่าง่อนแง่นในธรรมปัจจุบัน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
[๕๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลย่อมไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร

คือ อริยสาวกผู้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ได้เห็นพระอริยะ ฉลาด
ในธรรมของพระอริยะ ฝึกดีแล้วในธรรมของพระอริยะ ได้เห็นสัตบุรุษ ฉลาด
ในธรรมของสัตบุรุษ ฝึกดีแล้วในธรรมของสัตบุรุษ

ย่อมไม่เล็งเห็นรูปโดยความเป็นอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีรูปบ้าง ไม่เล็งเห็นรูปในอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาในรูปบ้าง

ย่อมไม่เล็งเห็นเวทนาโดยความเป็นอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีเวทนาบ้าง ไม่เล็งเห็นเวทนาในอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาในเวทนาบ้าง

ย่อมไม่เล็งเห็นสัญญาโดยความเป็นอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีสัญญาบ้าง ไม่เล็งเห็นสัญญาในอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาในสัญญาบ้าง

ย่อมไม่เล็งเห็นสังขารโดยความเป็นอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีสังขารบ้าง ไม่เล็งเห็นสังขารในอัตตาบ้างไม่เล็งเห็นอัตตาในสังขารบ้าง

ย่อมไม่เล็งเห็นวิญญาณโดยความเป็นอัตตาบ้างไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีวิญญาณบ้าง ไม่เล็งเห็นวิญญาณในอัตตาบ้าง ไม่เล็งเห็นอัตตาในวิญญาณบ้าง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ชื่อว่าไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบัน ฯ


ดังนั้น ปุถุชนผู้ได้สดับ และเป็นผู้ย่างลงสู่พรหมจรรย์บรรลุภูมิเบื้องต้นแห่งอริยะภูมิ ย่อมเป็นผู้ชื่อว่า "ไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบัน" ด้วยเหตุที่ สักกายทิฏฐิ ได้ถูกกำจัดออก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 ม.ค. 2010, 22:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร