วันเวลาปัจจุบัน 11 มิ.ย. 2025, 13:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 00:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกคนที่มาตอบนะคะ

บันทึกของคุณพี่ walaiporn สั้นจังเลยคะ... ยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย รูปภาพ
สำหรับผู้ที่มีพี่เลี้ยงคงมีกำลังใจปฎิบัติได้มากกว่าน่ะคะ


---------------------------------------------

วันที่ 21 มีนาคม 2553

วันนี้เกลียดนังพี่สาวมาก ถึงขั้นอยากบีบคอให้มันตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่อยากเกิดมาร่วมครอบครัวเดียวกะมันเลย แต่ก็ต้องอดทนไป
(หงุดหงิด)

วันนี้เดินก็ 30 นอน 6

เพราะว่าหงุดหงิด หรือว่า ใจร้อนอะไรมา หรือเปล่านะ ก็เลยเดินไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร...
.....
วันนี้เดินเป็นยังไงบ้างหว่า?

ก็ พอรู้บ้างว่า เงินทองไม่ใช่ของเรา จะไปงกทำไม ให้ๆซื้อของให้คนอื่นไปบ้าง
แล้วก็ อืม วันนี้ก็ได้ความรู้ที่สำคัญมาอย่างหนึ่งนะ

เราก็คิดพิจารณาเหมือนเคยนั้นแหละ คราวนี้ใจไปคิดเรื่องว่า คนอื่นเขาจะมองว่าเราดีอย่างนู้นอย่างนี้หรือเปล่า
แล้วสติ มันก็คิดได้ว่า
ทำไมต้องให้คนอื่นมาตัดสินตัวเราด้วย ทำไมเราไม่เป็นผู้ตัดสินตัวเองเสียล่ะ
ก็ได้ความรู้แบบนี้มาอะนะ

ถ้าเราใจเย็นขึ้นกว่านี้ก็ดีอะนะ

แล้วก็ ตอนนั่งน่ะ หายใจไม่ค่อยออก
ก็เลยนอน ดูท้องแทน พองยุบวางมือบนท้อง
ควบคุมลมหายใจได้ง่ายกว่าตอนนั่งนะ แล้วก็ฟุ้งไปบ้างตามเรื่องตามราว
ถ้าใจเย็นขึ้นมากกว่านี้ก็ดีสิ~

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 00:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


มาลงภาพที่วาดเองทำเองเมื่อประมาณเดือนนี้น่ะคะ... แต่มีแต่คนบอกว่าภาพคอหัก เราล่ะเศร้ามากมาย รูปภาพรูปภาพ

ก็ภาพนี้เป็นภาพที่ตัวละครตัวนี้ตายนี่นา รูปภาพ บอกว่าภาพคอหักก็ = ไม่ให้เกียรติคนตายน่ะสิ รูปภาพรูปภาพ...

เพราะว่าภูมิใจกะการลงสีของตัวเเองอะนะ ก็ขอเอามาอวดด้วยล่ะกัน อิอิ~

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
สำหรับผู้ที่มีพี่เลี้ยงคงมีกำลังใจปฎิบัติได้มากกว่าน่ะคะ




อันนี้เรื่องจริงเลยนะคะ มีพี่เลี้ยง ดีกว่าไม่มี
อย่างน้อยพี่เลี้ยงยังช่วยเหลือคอยแนะนำแนวทางให้กับเราได้บ้าง

มาอ่านบันทึกกันต่อนะคะ ห่วยแตกมากๆเลยค่ะ
คือ พอหลังจากเดือนมค.มา ก็ได้แต่สวดมนต์อย่างเดียว
ชีวิตนี่พลิกผันสุดๆ กว่าจะมาเป็นวันนี้ได้




28 มิย. 47

แปลกจริงนะ ชีวิตของเราจะต้องเจอปัญหาทุกอย่างเลย
ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องเจอปัญหาอยู่เรื่อย

ยิ่งเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเจอปัญหา
บางครั้งรู้สึกเบื่อหน่ายและเหนื่อยเหลือเกิน มีความรู้สึกว่า ไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว
ทำอาชีพสุจริตแท้ๆ ทำไมต้องมีการอิจฉากันด้วย

เราได้แต่คิดว่า จะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันดีกว่านี้ แต่ทำไมเราถึงขี้เกียจขนาดนี้ก็ไม่รู้
ขนาดแค่ทำความสะอาดบ้านแท้ๆ เรายังนั่งหลับได้เลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลับได้หลับดี

หลวงพ่อบอกว่า การทำความดี ต้องฝืนใจ

เราก็พยายามที่จะฝืน แต่ไม่สำเร็จ เมื่อไหร่ชีวิตเราจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ทุกวันนี้ ต้องพยายามบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่า พรุ่งนี้ ชีวิตเราต้องดีกว่าเดิม
เราเชื่อว่า ทำดีต้องได้ดี ต้องใช้เวลา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ของคุณพี่ walaiporn ต้อง To Be continue... ติดตามชม ตอนต่อไป... รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

ขอบันทึกต่อเลยคะ


วันที่ 22 เดือนมีนาคม 2553
เดิน 30 นั่ง 2 นอน 7

วันนี้เดินแล้วไม่มีอะไรมาก

พอเดินแล้วไม่ได้ความรู้ใหม่ๆก็เลยหงุดหงิดนิดหนึ่ง
แล้วก็ฟุ้งไปบ้าง จากนั้นก็เลยเดินหลับตา
เดินหลับตาก็ น่ากลัวดีนะ เราเอาแต่จินตนาการว่ามีอะไรขว้างอยู่ข้างหน้า ชิ้นใหญ่ๆน่ะ
แล้วก็กลัวที่จะเดิน แล้วก็เลยต้องเอามือควานไปข้างหน้า ยิ่งกลัวก็ต้องยื่นมือออกไปไกลๆ
จากนั้นก็ดูเท้าสามระยะ เริ่มชัดดี แล้วก็ พยายามหายใจให้ยาวๆ เพราะตอนนี้มีปัญหาเรื่องการหายใจมาก

ก็ได้ความรู้มาว่า
บางทีแล้วมนุษย์ชอบสร้างความหวาดกลัวให้กับตัวเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรเลย
เราอยากจะกล้าหาญมากกว่านี้ และก็เข้มแข็งมากกว่านี้ และก็เชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้

ส่วนตอนนั่ง หายใจไม่สะดวกก็เลยนอนซะ
นอนไปนอนมาฟุ้งยาว... กู่ไม่กลับ พอเสียงเคาะประตูดังขี้นจึงรู้สึกตัว

จบการบันทึกเพียงเท่านี้



------------------------------------------------------------------------
มีเพลงมันส์ๆ เพื่อนเอามาให้น่ะคะ เลยเอามาฝากกัน
เพลง สุดหล่อ magenta feat. โอปอ
http://www.youtube.com/watch?v=UdIRDM3pF8Y

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 02:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
http://comment-thai.com/pimp_glitter_9175.html

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 23 มีนาคม 3553
วันนี้เดิน 28 นอน 4

หายใจไม่ค่อยออกตามเคย... เลยรู้สึกไม่ดีเท่าไหร
ความอดทนเลยต่ำลงด้วยมั้ง
วันนี้เดินแล้วไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะว่าได้พิจารณาหมดจนหาข้อเสียของตัวเองไม่เจอแล้ว (ที่ยังมีอยู่ก็เป็นกิเลสระดับลึก)
เดินๆแล้วเบื่อ ก็เลยเดินหลับตา วันนี้เดินหลับตาแล้วเกิดความกลัวน้อยกว่าเมื่อวาน ถ้ากลัวชนก็ใช้มือควาน เดินช้าๆหากชนจะได้ไม่เจ็บ แล้วก็คิด อะไรนี่แหละ จำไม่ค่อยได้แล้ว
แต่ว่าวันนี้ เรามีความสุขดีนะ
แบบว่า มันเป็นจุดที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ หรือเป็นเพราะว่าแม่ส่งให้ไปเรียนพิเศษญี่ปุ่นเบื้องต้นก็ไม่รู้
ก็เลยได้มีอะไรทำช่วงปิดเทอม
เรียนก็สนุกดีนะ แล้วก็พอเรียนเสร็จก็มีเด็กมาทักด้วยละ พอคุยเรื่องการ์ตูนอนิเมะด้วยกันก็เลยคุยกันได้ถูกปากเลย
พอได้เจอแบบนี้ก็เลยมีความสุขดีนะ นานๆทีได้เจอคนที่คุยแล้วสนุกนี่นา
เลิกเดินก่อนเวลาอันสมควรเพราะว่าอึดอัด ใจก็เลยลอยไปคิดถึงเกม.. เลิกเดินดีกว่า อิอิ~

เล่าอะไรต่อดีกว่า
ช่วงที่หายใจไม่ออก ก็นึกคำพูดของพี่ๆที่เขาเคยบอกไว้ ก็เลยตั้งจิตแผ่บุญทั้งหมดที่เคยทำมาให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้หายใจไม่ออก ก็เลยเรอออกมา (พี่เขาบอกว่า ยามที่เจ้ากรรมนายเวรเขาออกจากร่างเราจะออกได้สามทาง ถ้าตด เขาไปนรก ถ้าเรอ เขาออกมาเป็นสัมภเวสี ถ้าหาว เขาจะเป็นเทวดานางฟ้า แต่พอดีเราไม่ง่วงก็เลยไม่ได้หาว... ยังไงดีละนี่)
รู้สึกโล่งไปสักพัก ก่อนจะกลับมาหายใจไม่ออกต่อ...

ส่วนตอนนอนก็ ฟุ้งไปนิด แล้วกลับมาคิดพิจารณาด้านมืดของตัวเอง
ไอ้ประเภท ชอบเลือดสาดไส้ทะลึกหรือความรุนแรงน่ะ ก็ได้ดูมันแปปหนึ่งแล้วมันก็หายไป

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ความขี้เกียจ


ความขี้เกียจ เป็นเรื่องของอินทรีย์หรือพละ จัดเป็นอกุศลธรรมของอินทรีย์
ถ้าเกิดสภาวะนี้ ให้รู้ตามความเป็นจริง อย่าปฏิเสธในสิ่งที่เป็นอยู่ ขี้เกียจก็ให้รู้ว่าขี้เกียจ
ไม่ต้องไปคิดแก้ไขหรือคิดพยายามทำอะไร ให้ทำปกติคือ
เจริญสติให้ต่อเนื่อง


วันใด สติ สัมปชัญญะ และสมาธิมีกำลังมากพอ สภาวะที่เป็นอยู่จะดีขึ้นเอง
ไม่ควรไปวิตกกังวลหรือไปคาดหวังผลใดๆในการทำ เพียงรู้ลงไปตามความจริงที่เกิดขึ้น
เพราะถ้ายิ่งเราไปพยายามแก้ไข ยิ่งรู้สึกว่า ทำไมยิ่งขี้เกียจมากขึ้นกว่าเดิม

ในความขี้เกียจจะมีกิเลสตัว
ความสุขแฝงอยู่
เพียงแต่ว่า ถ้าสติยังไม่ทัน เราจะมองไม่ออก มองไม่เห็นกิเลสตัวนี้ เป็นกิเลสของแต่ละคน

ให้ทำความเพียรต่อเนื่อง จะมากหรือน้อยขอให้ทำ ทำแบบว่า มีหน้าที่ที่ต้องทำ
เดี๋ยวสภาวะดีขึ้นเอง อย่าไปจดจ้อง อย่าไปคาดหวังผลใดๆในการทำ นั่นคือ
ความอยาก
กิเลสนี่ ต้องดูให้ทันนะ จากตัวนี้ ไปอีกตัวแล้ว ถ้าดูไม่ทัน





2 กค. 47

เรารู้สึกเบื่อ แล้วก็เบื่อตัวเองมากๆ กลับเข้าบ้านมาก็เอาแต่นอน เหมือนคนไม่เคยนอนขนาดนี้
เราอยากเป็นคนขยัน เรารู้วิธีการ แต่ทำไมถึงไม่พยายามทำนะ

วันนี้เดิน 1/2 ชม. นั่ง1/2 ชม. ครบเวลา แต่ปวดขาก่อนประมาณ 5 นาที
ไม่มีแสงสว่าง ฟุ้งซ่านตลอด



4 กค. 47

วิลัย ( คนที่อยู่ด้วยกัน ) นับวันดูดีขึ้น ( คิดไปเอง ) เราดูแย่ลง นับวันแย่ลงมากๆ
คนเขาไม่เห็นจะสนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่เขากลับดี ทีเราเชื่อ กลับไม่ดีขึ้น กลับแย่ลง

เราเข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อพูด การทำดีต้องฝืนใจ แต่เรามักจะทำตามใจตัวเอง
หลวงพ่อพูดว่า การทำความดี ต้องใช้เวลา อย่าหวังผล เมื่อถึงเวลาแล้ว เงินจะไหลนอง ทองจะไหลมา
ทำความดี ต้องทำสม่ำเสมอ อย่าทำตัวลุ่มๆดอนๆ ทำดีไม่ได้ผล เพราะทำตนลุ่มๆดอนๆ

ยากจริงหนอ เราชอบตามใจตัวเอง ชอบนอน เป็นคนขี้เกียจ เกรียจคร้าน
กลางวัน ว่างก็นอน แทนที่จะพยายามปฏิบัติ ผลออกมาจึงเป็นเช่นนี้

เราเองก็รู้คำตอบดีว่า ทำไมชีวิตของเราถึงไม่ดีขึ้น อย่าไปมองคนอื่นเขาเลย
เขาทำดีหรือไม่ดีก็เรื่องของเขา เราต้องสนใจตัวเราเอง




นี่แหละหนา ทำคนเดียว ไม่มีพี่เลี้ยงใกล้ตัว ไม่มีใครคอยบอกว่าควรทำอย่างไร
แถมไม่รู้จักกิเลส ไม่มีใครมาบอกว่า นี่ความอยากเห็นไหม ความคิดลบเห็นไหม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนา สาธุทั้งสองท่านนะค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


9 กค. 47

ทุกคนเกิดมาล้วนมีกรรมมากำหนด
หลวงพ่อบอกว่า กรรม คือ การกระทำ ฐาน คือ ฐานะ

เราไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี กรรมฐานก็ไม่ค่อยจะได้ทำ ชีวิตเราทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ

ชีวิตนี้น้อยนัก หนังสือของ สมเด็จพระญาณสังวรฯ
ควรรีบกำหนด รีบทำกรรมฐานด้วยความเพียร เพราะเราไม่รู้ว่า เม่อไร ความตายจะมาถึงตัวเราเราต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายภพหลายชาติ

อาจจะเกิดเป็นคนหรือเกิดเป็นสัตว์หรือเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ สุดแต่บุญหรือกรรมที่ทำมา
เราต้องรีบเร่งทำความดี เพราะกรรมเก่าที่เราทำไว้ในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ จะได้ตามเราไม่ทัน



10 กค. 47

ชีวิตก็แบบเดิมๆ เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
กินข้าวเสร็จก็นอนหลับ เย็นตื่นมาทำงานบ้าน กว่าจะอาบน้ำเสร็จเกือบสามทุ่ม
กว่าจะขึ้นห้องพระเกือบสามทุ่มครึ่ง เช้าตั้งนาฬิกาตี 3 ก้ตื่นสะเกือบตี 5 ทุกวัน
ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะ เราไม่พยายามฝืนใจ ตามใจตัวเองตลอดเวลาว่า ขอนอนต่ออีกนิดนึง
กลางวันตั้งใจมากี่วันแล้วว่าจะทำกรรมฐาน เปล่าเลย พอกินข้าวเสร็จ ต้องนั่งหลับทุกที
ต้องไม่กินข้าว สุดท้าย ถึงไม่กินข้าวก็นั่งหลับทุกครั้งเหมือนเดิม
เฮ้อ ... เบื่อชีวิตจริงๆ เป็นชีวิตที่น่าเบื่อ

12 กค. 47 ( ตอนนั้นไปเรียนทำเบเกอร์รี่ )

อาจารย์จะให้สวดมนต์ของญี่ปุ่น ( นำเมียว โฮริงเคียว ... น่าจะใช่นะ ) เรายอมรับว่าเราลังเล
เรายังคงมีอาการเบื่อเหมือนเดิม บางทีเราคิดลบๆ ว่า ถ้าเราจบชีวิตเราคงไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

เดี๋ยวนี้เราชอบพูดมาก ชอบบ่น น่าจะเริ่มคิดใหม่ ทำใหม่
ทำให้ได้ ตื่นตี 3 แล้วสวดมนต์ก่อนที่จะไปทำอะไร หากเรายังไม่อยากปฏิบัติ ก็หยุดเอาไว้ก่อน
สวดมนต์ให้เป็นประจำ ให้จิตเกิดสมาธิก่อน ถ้าพร้อมปฏิบัติเมื่อไหร่ ค่อยปฏิบัติ



นี่แหละหนา คนที่ยังไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แถมไม่มีใครให้คำแนะนำได้


14 กค. 47

ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน หากเรารู้จักใช้จ่าย เราก้จะมีเงินเหลือ หากเราใช้จ่ายโดยไม่รู้จักคิด เงินเราก็หมด
เราก็จะมีหนี้สินอยู่ตลอดเวลา ( บัตรเคดิต )
( เชื่อไหม เงินหนึ่งแสน ใช้จนสองเดือนเกลี้ยง ไม่ได้เที่ยวเลยนะ หมดไปกับค่ากิน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว)

ความจริงแล้ว การอ่านหนังสือธรรมะ แล้วเราปฏิบัติในสิ่งที่ถูกที่ควร เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ได้ แต่เพราะเราขาดสติในการใช้เงิน คิดแต่ว่ามีเงินอยู่ในมือ นึกอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อ ทิ้งๆขว้างๆ
วันนี้เราขึ้นห้องพระแต่หัวค่ำ เพื่อจะสวดมนต์ ภาวนา


15 กค. 47

วันนี้ขึ้นห้องพระสวดมนต์ตั้งแต่ 20.00 น. สวดมนต์ออกเสียง เรารู้สึกสบายใจ
เหมือนเราได้ระบายความรู้สึกกดดันบางอย่างออกไป ไม่ต้องแอบสวดมนต์
เวลาวิลัยอยู่บ้าน เราเกรงใจ ไม่กล้าสวดมนต์เสียงดัง

17 กค. 47

เราไม่เข้าใจเลยว่า ถ้าเราปฏิบัติ เดิน 1/2 ชม. นั่ง 1/2 ชม. ทำไมถึงขายของไม่ค่อยดี
( ตอนนั้นเบื่อทำงาน เลยมาลองขายของ )
แต่ถ้าเราสวดมนต์ทุกวัน แล้วแผ่เมตตากลับจะดีกว่า เราคิดว่า อาจะเป็นเพราะเราหวังผลมากเกินไป
เราได้สวดมนต์ แผ่เมตตา เรารู้สึกสบายใจขึ้นริ่มพูดน้อยลง

" อดีตอย่ารื้อฟื้น เรื่องคนอื่นอย่าไปคิด กิจที่ชอบทำให้เสร็จ อนาคตยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด "


19 กค. 47

สวดมนต์ แผ่เมตตา หลับไปเลย

20 กค. 47

สวดมนต์ แผ่เมตตา

21 กค. 47

สวดมนต์ แผ่เมตตา วันนี้เดิน 1/2 ชม. นั่ง 1/2 ชม.
อ่านหนังสือกฏแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญตลอด เพื่อจะได้ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ขยันมากขึ้นกว่าเดิม

22 กค. 47

วันนี้กลางวัน ทำวัตรเช้า แล้วสวดมนต์ แผ่เมตตา เดิน 20 นาที นั่ง 20 นาที

22.00 สวดมนต์ แผ่เมตตา นอนน


23 กค. 47

บ่าย สวดมนต์ เดิน 15 นาที นั่ง 15 นาที การทำสมาธิยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่ดีในเรื่องของจิตใจ
ปลงอะไรลงไปได้หลายๆอย่าง

22.00 น. สวดมนต์ แผ่เมตตา



24 กค. 47

เมื่อไหร่หนอ ที่เราจะนั่งสมาธิได้ระดับที่สามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้
เรารู้ว่า ยิ่งเราอยากมากเท่าไหร่ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น
แต่เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า หากเราพยายามทำทุกวัน สักวันหนึ่ง เราต้องทำได้
เราต้องอดทนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วันนี้ฟุ้งอีกตามเคย เรื่องโลกล้วนๆ....
กลับมาที่เท้าบ้างเป็นครั้งคราว ถ้ากลับมาก็ชัด...
แล้วก็ลอยออกไปอีกตลอดระยะการเดิน ท้ายๆเวลา
เพิ่มเดินระยะสี่ห้านาที จากระยะสามสิบนาที
เหลือแค่ห้านาที ก็ยังไม่หายฟุ้ง......เดินสงบกว่า....
ถึงจะฟุ้ง แต่ถ้ากลับมาหาพองยุบจะชัดกว่า
แต่ไม่ละเอียด.....ไม่กระวนกระวาย..ไปเรื่อยๆ
คงจะเป็นแบบนี้แหละ.....และแล้วก็กลับเข้าสู่สภาวะ
วนๆเวียนๆอีกตามเคย....ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า
ทำต่อไปเรื่อยๆ.....สักวันต้องออกจากวังวนนี้
ไม่ต้องคำนึงถึงว่า เมื่อไหร่?...... :b48:

เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ในความขี้เกียจจะมีกิเลสตัวความสุขแฝงอยู่

มีความสุขที่ได้ขี้เกียจ... อิอิ~

ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงเราคงไม่มีทางทำแล้วล่ะ ทำแล้วติดเพ่งอย่างเหนียวแน่น นั่งเมื่อไหรต้องปวดดั้งเมื่อนั้น เป็นแบบนี้ไม่มีทางทำได้อะ... ก็นะ..
ฮ่ะๆๆ ถ้าพูดไปแล้วอดีตเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร ก็เลยทำการ "ลืม" ไปให้หมดเลย~~~
เหลือแต่ปัจจุบัน และอนาคตที่รอเราอยู่~~

โมทนาทุกคนมากๆคะ :b8:


------------------------------------

วันที่ 24 มีนาคม 2553
เดิน 20 นอน 5

วันนี้ขี้เกียจเดิน เดินแค่นั้นแหละ...
อิอิ~
เหมือนว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องให้พิจารณาเลยล่ะ ที่ผ่านมาพิจารณาไปเยอะมากมาย แบบว่าได้ความรู้เยอะมาก
ตอนนี้ก็หมดแล้วละ.. เหมือนกับว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องฝึกความอดทน ไปฝึกสติแทน
เดินดูเท้า การฝึกให้ใจเย็นสำหรับคนที่ใจร้อนน่ะนะช่างเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ เฮ้อ~
วันนี้ก็ ทั้งฟุ้ง แล้วก็ดูเท้า แต่รู้ว่าตัวเองมีสติเยอะขึ้นล่ะ
แต่ว่ายังขี้เกียจอยู่เลยอะ เราอยากจะขยันมากกว่านี้จัง

นอนก็
ไม่มีอะไรมาก นอกจากฟุ้ง
ได้ยินเรื่องจากหลวงพ่อจรัญว่า ถ้าหายใจทางจมูกไม่ได้ก็สามารถหายใจทางสะดือได้
ใจมันก็เกิดกลัวถ้าจะต้องหายใจทางสะดือ เรารู้สึกว่ามันน่ากลัวมากๆเลยละ ก็มันเกี่ยวกะพวกเครื่องในนี่นา..
งืมๆ~

ส่วนลึกในจิตใจบางทีเห็นกิเลสตัวร้ายลึกๆ มันบางมากเสียจนมองไม่เห็นเลยล่ะ
ทำนองว่าหมั่นไส้คนนี้ อิจฉาคนนู้น ดูถูกเล็กๆน้อยๆกะคนนั้น แค่นิดๆหน่อยๆ แปปเดียวความรู้สึกก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันรู้สึกถึงอกุศลได้เล็กน้อยจริงๆ
ก็ต้องดูต่อไป..


จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



25 กค. 47

สวดมนต์ แผ่เมตตา
การปฏิบัติสมาธิยังไม่ก้าวหน้า ยังเหมือนเดิม

เวลาใครนินทา ถ้าเราเห็น หรือเราจะนินทาเขา เ
พราะ เราไม่ชอบ ให้คิดดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราจะได้ไม่ต้องไปพูดถึงคนอื่นๆ

28 กค. 47

ตอนนี้ก่อนนอน เราจะขอกรรมฐานใช้วิธีนอนปฏิบัติ เช้ามาจะลุกขึ้นนั่งแผ่เมตตา
กลางวัน นอนอีกแล้ว การปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้า

29 กค.

กลางวันยังเหมือนเดิมคือ นอน

30 กค.

เช้า สวดมนต์ แผ่เมตตา กลางคืน สวดมนต์ แผ่เมตตา

..........................................................................
1 สค. 47

เช้า สวดมนต์ แผ่เมตตา กลางวัน นอน
21.00 ทำวัตรเย็น แผ่เมตตา วันนี้รู้สึกว่า เริ่มมีสมาธิดีขึ้น

2 สค.

เช้า สวดมนต์ แผ่เมตตา
ตอนนี้ใช้วิธีนับลูกประคำในการทำสมาธิ รู้สึกว่าทำให้จิตเราฟุ้งซ่านน้อยลง
ถ้าถามว่า ดีกว่ามั๊ย ยังตอบไม่ได้ เพราะเพิ่งลองทำ

5 สค.

22.50 สวดมนต์ แผ่เมตตา
วันนี้นั่งได้สมาธิ ถ้าตั้งใจทำจะไม่ได้ แต่ถ้าปล่อยตัวตามสบาย จะได้สมาธิดี

14 สค.

เรายังปฏิบัติไม่ค่อยดี ( กรรมฐาน ) ได้แต่สวดมนต์อีกแล้ว
ตราบใดที่เรายังสนใจสิ่งที่คนอื่นพูดอยู่ แสดงว่า ยังเหมือนเดิม

19 กย.

เราไม่ได้เขียนบันทึกเลย ง่วงนอนตลอดเวลา สวดมนต์ก็แทบจะไม่ได้สวด

23 กย.

สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ อย่างละ ครึ่งชม.
..............................................................
8 พย. 47
ไม่ได้จดบันทึกในเล่มนี้เลย เขียนแต่ในเล่มเล็กอย่างเดียว

10 พย .

ขนาดไปวัดมา 9 วัน เมื่อเดือนตค.ที่ผ่านมา ( ช่วงกินเจ )
ชีวิตของเราช่างหน้าเศร้าจริงๆ เราไม่พยายามที่จะเริ่มต้นใหม่เลย ( การกระทำของเราดูเหมือน
จะพยายามทั้งจากการตั้งนาฬิกาปลุก แต่จริงๆแล้วไม่ลุก ) ขี้เกียจเหมือนเดิม เบื่อตัวเองเหลือเกิน
เราเองก็รู้ตัวดีว่า เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ยิ่งเชื่อมากเท่าไหร่ กรรมยิ่งตามทัน
ได้แต่บอกตัวเองว่า ต้องพยายามตั้งใจทำกรรมฐาน

12 พย.

เราไม่รู้ว่า เราจะปฏิบัติได้แค่ไหน แต่เราก็จะพยายามทำให้ได้ ทุกวันนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
เราไปทำกรรมอะไรไว้นักหนา ทำไมต้องมามีชีวิตแบบนี้ด้วย มีแต่นอนๆๆๆๆๆ

12 ธค.
บอกตัวเองบ่อยๆว่า พรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่

20 ธค.

สวดมนต์ ไหว้พระ วันนี้ลองปฏิบัติ โดยเดินและนั่ง ยืน ไม่กำหนดเวลา
ถ้านั่งสมาธิแล้วปวด ให้เปลี่ยนเป็นเดิน กำหนดเดิน แต่ไม่กำหนดเวลา
อาจจะเดินสัก 4 รอบแล้วนั่ง ดูสิว่าจะเป็นอย่างไร ไม่งั้นเราจะท้อถอย
ไม่อยากปฏิบัติ เพราะไม่มีความก้าวหน้า เดินประมาณ 15 นาที นั่ง ครึ่งชม.

21 ธค.

ปฏิบัติไม่ดีเหมือนเมื่อวาน มีแต่ความง่วงนอน จับอารมณ์ไม่ได้เลย ไม่มีสติ นั่งแล้วหลับตลอด
ถ้าถามว่า มีเบื่อไหม ไม่เบื่อ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องบังคับจับเวลา เบื่อมากๆ ทำให้ไม่อยากทำ

22 ธค.

เริ่มต้นทำใหม่นะ ทำแบบหลวงพ่อเคยพูด แล้วก็ตามหนังสือหลวงพ่อลีเขียนไว้ ให้ปฏิบัติบ่อยๆ
แล้วอารมณ์กรรมฐานตรงนั้นจะเกิดขึ้นเอง ต้องฝืนใจ แต่เราไม่ได้พยายามทำเลย
ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้นที่ต้องช่วยตัวเอง

22.00 วันนี้ทำกรรมฐาน ก่อนออกจากสมาธิ แปลกมากๆ ไม่สว่างเหมือนทุกครั้ง แต่สว่างๆมากๆ
สว่างกว่าหลอดนีออนมากๆ เป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่นานนัก

23 ธค.

พอคิดว่าจะทำแบบที่หลวงพ่อพูดทีไร เราจะต้องไม่ได้ทำอย่างที่คิดทุกครั้ง ต้องไม่คิดล่วงหน้าเลย
พอไม่ตั้งใจปฏิบัติ กลับปฏิบัติได้ดี เราปล่อยไปตามธรรมชาติ สวดมนต์เสร็จ ง่วงนอนมากๆ
เราก็นั่งเลย ไม่เดินจงกรม นั่งก่อนครึ่งชม. แล้วเดิน 10 นาที นั่งอีก ครึ่งชม. เดินอีก 20 นาที
นั่งอีกครึ่งชม. รู้สึกดีขึ้น ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ทำอยู่นี้ ทำถูกหรือเปล่า แต่จะทำไปเรื่อยๆ

24 ธค.

สวดมนต์ไหว้พระ
รอบแรกทำ1 ชม. ฟุ้งซ่านมากๆ ชอบคิดจินตนาการเป็นเรื่องเป็นราว เดิน 1 รอบ ไปกลับ
รอบสองทำ 1 ชม. เดิน 2 รอบไปกลับ ( 15 ก้าว ไปกลับ 30 ก้าว ) นั่งสมาธิ ฟุ้งซ่านน้อยลง

27 ธค.

เดิน 1ชม. นั่ง 1 ชม. ทรมาณน่าดู เรายังกำหนดไม่ค่อยได้ ปวดตรงกระเบนเหน็บมากๆ
เกือบจะลืมตาดูนาฬิกา แต่พยามอดทน ปวดก็ทนเอา จนนาฬิกาดัง

ช่วงนั่งปวดมากๆ ยกก้นไป 1 ครั้ง นอกนั้นค่อยๆขยับขาตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว ขาไม่ค่อยปสดเท่าไหร่
แต่ตรงกระเบนเหน็บนี่ปวดมากๆเลย

28 ธค.

สวดมนต์ นั่งได้ 20 นที ( เดาเอา ไม่ได้ดูนาฬิกา ) นั่งหลับตลอด ง่วงมาก มัวแต่ดูข่าวซูนามิ
เลยขึ้นปฏิบัติดึก เกือบเที่ยงคืนแล้ว

29 ธค.

เดิน 1 ชม. นั่ง 50 นาที มีเวทนาแต่ไม่มากเท่าแรกๆปฏิบัติ
01.00 สวดมนต์ นั่ง 30 นาที ไม่เดิน กำหนดยืนแล้วนั่งเลย

30 ธค.

ทำวัตรเช้า เดิน 1 ชม. นั่ง 50 นาที ปฏิบัติดีขึ้น
การกำหนด ลองเปลี่ยนเป็น เมื่อพองหนอ ยุบหนอ หายไป กำหนดภาวนา อิติปิโส ห้องที่ 1 บทพุทธคุณ
กำหนดนับไปเรือยๆ แปลกๆดีนะ ไม่เหมือนกำหนดพองยุบ พองยุบ พอปวดก็จะปวดขาเหมือนใจจะขาด
แต่ใช้วิธีให้จิตติดภาวนา อาการปวดที่เกิดขึ้น จะเกิดแล้ว หายไป เวลาออกจากสมาธิ
อาการปวดต่างๆหายไป ไม่เหมือนพองยุบ ออกจากสมาธิ ยังปวดเหมือนเดิม

31 ธค. 47

ทำวัตรเย็น วันนี้สวดธรรมจักรด้วย เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ คิดถึงหลวงพ่อมากๆ
ปกติเราจะต้องไปวัด วันนี้จะไม่นอน จะปฏิบัติเป็นกุศลแต่หลวงพ่อ

01.20 เรานั่งสมาธิวันนี้ มีแต่ความทรมาณ เราไม่ใช่พระแบบหลวงพ่อ หรือแบบหลวงปู่ทั้งหลาย
เราปฏิบัติตามหลวงพ่อพูดดีกว่า เดิน 1 ชม. นั่ง 1 ชม. ทำให้ได้ทุกวัน แล้วเราจะทำได้เอง
ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องใช้เวลา





คนที่ไม่มีพี่เลี้ยง หรือไม่มีผู้แนะนำนี่ลำบากมากๆเลยนะ อินทรีย์ก็ไม่รู้เรื่อง
อะไรๆก็ไม่รู้เรื่องสักอย่างเดียว เป็นคนมีสมาธิเยอะก็ไม่รู้เรื่อง กิเลสนี่ไม่ต้องพูดถึง
นี่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นจริงๆเลยนะ ถึงได้ผ่านสิ่งเหล่านั้นมาได้



การเจริญสติ หากเราไม่ไปสนใจ เพียงแต่ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เราจะไม่ไปเครียด และทำได้เรื่อยๆ
ตอนแรกๆที่เราทรมาณ เพราะไปมุ่งหวังมากไป คาดหวังมากไป ว่าต้องอย่างโน้นอย่างนี้
ตอนนั้นยังมือใหม่ ไม่มีใครแนะนำด้วย มองไม่เห็นความอยากได้ ความคาดหวัง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 มี.ค. 2010, 00:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
...เหลือแค่ห้านาที ก็ยังไม่หายฟุ้ง......


ถ้านั่งแล้ว ทำได้ดีกว่า ก็นั่งซิ จะเดินไปใย... :b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
taktay เขียน:
...เหลือแค่ห้านาที ก็ยังไม่หายฟุ้ง......


ถ้านั่งแล้ว ทำได้ดีกว่า ก็นั่งซิ จะเดินไปใย... :b6: :b6: :b6:



เดินแล้วมานั่งก็ดีงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 25 มีนาคม 2553
เดิน 10 นั่ง 2

ก็เริ่มรู้แล้วล่ะว่า ตัวเองเป็นคนที่ปิดกั้นตัวเองอยู่
ตอนนั้นเพื่อนให้ทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา
เขาถามว่า อะไรคือสิ่งที่คุณเลือกซื้อได้ยากที่สุด
มีช้อยให้เลือกเป็น รองเท้า เสื้อผ้า หนังสือ และก็อะไรอีกอย่างหนึ่งนี่แหละ
เราตอบว่าหนังสือ
เขาก็เฉลยว่า คนที่เลือกหนังสือ คือคนที่เปลี่ยนแปลงทางความคิดได้ยาก
หลังจากวันนั้น เราก็คิดในใจเรื่อยมา ว่ามันจริงเหรอ ใช่เหรอ

จนมาวันนี้ก็เริ่มๆรู้ตัวแล้วล่ะ..
มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นนะสำหรับการดำรงชีวิตที่แท้จริง
ทำนองว่าถ้าคิดอยากจะทำอะไรแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ ทำนองว่าทำตามใจชอบล่ะมั้ง
โกรธคนนู้น ไม่ชอบคนนี้ ก็เปลี่ยนทัศนคติทางความคิดได้ยาก ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เหม็นขี้หน้าคือเหม็นขี้หน้า
ไม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกถึงแม้เขาจะทำอะไรก็ตาม
ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร

แล้วก็ ที่วันนี้เดินนิดเดียวเพราะว่าไปติดซีรีย์เรื่องยาวของญี่ปุ่นอยู่ แบบว่าสนุกมากน่ะ
อาจารย์สอนพิเศษเขาเปิดให้ดูตอนเช้า ถ้าเรานอนดึกตื่นไม่ทันไปดูล่ะก็แย่เลยล่ะ..
ชื่อเรื่อง "หมอทะลุมิติ" เมื่อหมอยุคปัจจุบันจู่ๆหลุดเข้าไปในยุคสมัยเอโดะที่ไม่มีเครื่องมือรักษาทางการแพทย์อะไรสักอย่าง
แล้วคุณหมอจะรักษา ผ่าตัดคนไข้ได้ยังไง
โอ้ย สนุกจริงๆ.. ไม่เหมือนละครไทยแม้แต่น้อย ที่ดูแล้วบั่นทอนปัญญาแถมยังสร้างความหยาบคายให้เกิดขึ้นในจิตใจด้วย
เราเลิกดูละครไทยมาหลายปีแล้วล่ะ บั่นทอนปัญญาจริงๆ ไม่ได้มีสาระอะไรเลย มีแต่กรี๊ดๆตบตีกัน เรื่องบนเตียงบ้าง อิจฉาริศยา น่ารังเกียจ ทำนองนั้น

ก็คือว่า พรุ่งนี้ก็วันศุกร์น่ะนะ คงไม่มีปัญหาเรื่องเวลาหากว่าจะทำกรรมฐานล่ะ
วันนี้ก็ขอตัวไปเล่นเกมก่อน อิอิ เล่นเกมก่อนนอน~~

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร