วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 02:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 113 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


28 กย. 53

ไอ้โรคจิต


ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งเจอแต่เรื่องแปลกๆทั้งทางโลกและทางธรรม

มีเรื่องแปลกอีกอย่างที่ได้เจอคือ การด่าคนอื่นๆ ถึงแม้จะไม่รู้จักกันเลยก็ตาม
มันเกิดขึ้นในจิต เกิดเองนะ เกิดมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มี แต่มันเป็นๆหายๆ
ซึ่งเราไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนนี้ที่เกิดมันรุนแรงนะในความรู้สึกของเรา เจอหน้าใครมันก็ด่าเขา
ด่าในใจไปหน้าตาเฉย แล้วจะไม่เรียกว่า ไอ้โรคจิต ได้ยังไง

แต่ที่ทำงานกลับไม่เป็นเลยนะ แม้กระทั่งเวลาเดินจงกรมก็ปกติดี นั่งก็รู้อยู่ในกายได้ดี
แต่ไหง พอออกมานอกบ้าน ไปเดินที่บิ๊กซี มันไปด่าเขาเฉยเลย เราก็ดูนะ
แล้วถามตัวเองว่า ไปด่าเขาทำไม รู้จักก็ไม่รู้จัก ขนาดรู้จักกัน ยังไม่เคยคิดจะไปด่าใคร
แม้ในชีวิตจริงๆก็ไม่เคยไปด่าใครๆ ทำไมจิตมันพิเรนแบบนี้นะ นี่ยังไม่จบนะยังมีอีก
ตกใจเลยตอนแรกที่เกิดสภาวะนี้

ต่อมา เริ่มมีถ้อยคำหยาบคายผุดขึ้นมาอีก ตอนนี้เราแค่รู้มากขึ้น ไม่ได้กำหนดอะไร คือ แค่ดู
เพราะเรารู้จักตัวเองดีว่า เราไม่เคยพูดจาใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบนั้น มันอยากทำอะไรปล่อย
อยากด่าก็ด่าไป เราไม่ได้เจตนาเลยแม้แต่สักนิดเดียว จิตมันพุ่งขึ้นมาเอง

ต่อมาเราเริ่มจับรายละเอียดของสภาวะได้ทันมากขึ้น เห็นสภาวะได้ชัดมากขึ้น
เริ่มแยกแยะได้ชัดมากขึ้น

อ๋อ … ที่แท้ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันเป็นสภาวะเดียวกับสภาวะจิตคุยกันและทะเลาะกันเอง
กิเลสนี่มันร้ายจริงๆ มีหลายรูปแบบ

ดูสิทำไปได้ในครั้งนี้ เที่ยวไล่ด่าชาวบ้านเขา ดีนะที่เราพิจรณาตลอด เราจะย้อนกลับมาดูจิต
ทุกๆครั้งที่เกิดการกระทบ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เนื่องจากพื้นฐานของเราเรื่องการพูดจาหยาบคายเราไม่มี
ยิ่งไปด่าใครๆแบบนั้น ยิ่งแล้วกันใหญ่ ไม่มีเลย เราไม่มีนิสัยที่จะไปสู้กับใครๆมาตั้งแต่เด็กๆ
ขนาดโดนด่าแบบจังๆ เรายังนิ่งไม่ตอบโต้ ปล่อยให้เขาด่าทุกวัน จนเขาหยุดด่าไปเอง
มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้สภาวะกิเลสด่าคนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

ก็เป็นมาเกือบสองอาทิตย์ที่เป็นต่อเนื่อง แรกๆไม่เท่าไหร่ พอหลายวันเข้าโอ้โห
เจอหน้าใครไม่ได้ ไม่รู้จักเลย มันด่าเขาแหลก คือหนึ่งคนต่อหนึ่งคำ เอากะมันสิ มันด่า
เราก็ดู ที่ดูเพราะยังไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ตอนแรกจะกำหนด แต่ไม่กำหนด ก็ไม่ได้เจตนานี่
มันต้องมีอะไรสักอย่าง คือ สงสัยนะ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงได้คำตอบเอง …

แรกๆก็บ่นกับตัวเองก่อน เอ .. ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ตอนหลังนี่ปล่อยให้ทุกอย่าง
เกิดตามความเป็นจริง ไม่ห้ามตัวเอง ปล่อยเลย จิตมันพิเรนจริงๆเลยนะ เราก็ปล่อย
แค่ดูอย่างเดียว แต่ไม่ไปสนใจเหมือนตอนแรกๆ

ก็แปลกนะ พอไม่สนใจมัน สภาวะที่ด่าคนกลับลดลงไปเรื่อยๆ มาวันนี้แปลกดี เดินในบิ๊กซี
แบบสะดวกใจ จิตมันไม่ไปด่าใครเลย มีกระเพื่อมนะ เหมือนจะแล่บ แต่มันไม่แล่บออกมา
เราเลยเดินไปได้เรื่อยๆ ไม่สนใจ มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี ไม่ไปสนใจจดจ้องเหมือนตอนแรกๆ
ที่ไปจดจ้องด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหว่า ไหงเป็นแบบนี้

นี่เองคำตอบ อย่าไปใส่ใจ ยิ่งสนใจจดจ้องดู มันยิ่งด่าอวดเรา ยิ่งเล่นละครให้เราดู เราแค่รู้ไป
เพราะเรารู้ดีว่า นิสัยแบบนั้นเราไม่มี ยิ่งไปใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบนั้น ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง
ไม่เคยทำ สภาวะจิตด่าคนในครั้งนี้ เป้นสภาวะเดียวกับจิตที่ชอบคุยและบางทีทะเลาะกันเอง

เพียงแต่เที่ยวนี้มันฉายเดี่ยว แจกคำด่าให้คนแหลกราน ด่าชาวบ้านไม่เลือก
กระทบปั๊บด่าทันที เอากะมันสิ

นี่ถ้าเราไม่มาเจริญสติ เราจะเห็นแบบนี้ได้ไหมหนอ? นี่แหละสุดยอดของตัวปัญญา
ตัวสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวนี่เอง ทุกๆสภาวะคือการเรียนรู้จริงๆ
สภาวะเขามาสอนตลอดเวลา

เผื่อใครเข้ามาอ่าน เวลาเจอสภาวะจิตด่าคน แล้วไม่รู้จะทำยังไง เวลาเกิดสภาวะนี้
จะได้ไม่ตกใจ จะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสภาวะนี้

เพียงมีหน้าที่เจริญสติต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นให้แค่รู้ อย่าไปจดจ้องสภาวะ แล้วสภาวะนี้
จะหายไปเอง ต้องกลับมาทบทวนตัวเองด้วยว่า จริงๆแล้วพื้นฐานนิสัยเราเองเป็นคนแบบนั้น
หรือเปล่า

สภาวะที่เกิดขึ้นนี้ เหมือนสภาวะที่มีจิตหลายๆตัวคุยกันหรือมาทะเลาะกันให้เราดู
พอจบจากสภาวะนี้ สภาวะอื่นๆก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ คือ เรียกว่ามีแต่การเรียนรู้
กิเลสต่างๆที่เกิดขึ้นในจิต เพียงเรายอมรับตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

หมั่นทบทวนตัวเองบ่อยๆ ดูตามความเป็นจริง บางคนอาจจะต้องใช้การกำหนดเข้าช่วย
เราเองก็เคยใช้การกำหนดเข้าช่วยในสมัยก่อนๆ แต่ละสภาวะจะแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ต้องย้อนกลับมาดูที่จิตตัวเองทุกๆครั้งเวลามีสภาวะอะไรเกิด พึงระวังความอยากให้ดีๆ
กิเลสตัวนี้จะเนียนมากๆ มันจะแฝงมาในสภาวะนี้ได้

สำหรับคนที่หวาดกลัวเรื่องการปรามาส กลัวกั้นมรรคผล นี่แหละความอยาก
ความอยากที่แฝงอยู่ ถ้าดูไม่ทันเราก็เสร็จกิเลสมัน ต้องดูให้ดีๆ

แต่ตอนนี้มันแค่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงอย่างเดียว แล้วย้อนกลับมาทบทวน
ในจิตของตัวเอง ดูแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ในส่วนลึกๆเรามีนิสัยแบบนี้มั๊ย ถ้ามีก็ยอมรับไป
ไม่ปฏิเสธ ถ้าไม่มีก็คือไม่มี

อย่าโกหกตัวเอง และอย่าได้ปลดปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นออกมาเพ่นพ่านนอกกาย
ด้วยการกระทำ ให้มันรู้อยู่ในจิต ยอมรับว่ามันมีสภาวะนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ไปให้ค่ากับมัน
ไม่ไปจดจ้องมัน เหมือนสภาวะจิตคุยกัน แตกต่างแค่ตัวกิเลสมาแสดงเท่านั้นเอง
เมื่อเราแค่รู้ ไม่ไปสนใจ

มีหน้าที่คือเจริญสติไป ทำให้ต่อเนื่อง แล้วสภาวะจะจบลงไปได้ด้วยตัวเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


10 ตค.53

says: รอบละ 60/5 ค่ะ
รอบแรกนี่ก็ ส่วนใหญ่กเป็นพวกกิเลส ความเห็นแก่ตัวน่ะค่ะ
รู้เท้าคลอๆไปกับที่ เห็นความเห็นแก่ตัวค่ะ มันขึ้นมา เป็นพวกความคิด ในแง่ร้ายๆ
ก็พอเรารู้แล้ว มันก็จะหายไป แล้วเด๋วสักพัก ก็มีขึ้นอีก

แล้วก็มีถูกขัดจังหวะ จากคนในครอบครัว ก็ไม่พอใจ ก็ดูใจตัวเอง มันก็มีความไม่พอใจแต่ว่า
มันมีความคิดมาแย้ง ว่านี่แหละ เราเจริญสติ เพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านี้ ก็เลย เบาบางลงค่ะ

แล้วก็มานั่งต่อ
ก็รู้ลม บ้าง ทองบ้างแต่มันก็ยังคิดๆ ของัน

พอรอบสอง
ก็รู้เท้าแล้วก็ยังคิดอนาคต เหมือนเดิม ก็กำหนดรู้หนอ แล้วก็จิตมันจะ ไปแวบอารมต่างๆ
ที่เป็นเรื่องที่ไม่พอใจ ที่เรามีทัศนคิตไม่ดีกะเรื่องนั้น กระทบแล้วก็ไม่พอใจแล้วก็หายไป ก็รู้ไปค่ะ
มันก็ยังมีให้ค่าว่านี่ไม่ดี แล้วก็มีตัวมาหักล้าง คำสอน หรือความคิด
ว่าคือจะเอายังไหงให้ดี จะทำจนกว่าจะรู้สึกว่ามันดีเหรอ มันคืออารมณ์ที่ต้องเจอ
แล้วจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ก็เลยรู้ไอ้อารมเหล่านั้นไป จนหมดก็มีคนเข้ามาขัจังหวะ เลยไปทำธุระ
แล้วกลับมาเดินต่ออีกแปป แล้วค่อยนั่ง

นั่งแล้วก็คิดๆ แต่รู้ลมบ้าง ท้องบ้าง แต่ก็ยังมีฟุ้งๆค่ะ หมดแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says: กลับไปอยูบ้านแล้วหรือคะ

says: หมูกลับบ้านตั้งแต่วันศุกร์ละค่ะพี่ นี่ใช้โนตบุคแม่ แล้วเพิ่งคุยกะพี่เมื่อวานว่าตัดสินใจ
จะกลับบ้านก็นั่งคิดค่าใช้จ่ายกัน พี่ให้ลองทยอยกลับวันธรรมดาก่อน ค่อยๆทยอย ขนของ
และปรับตัวให้เคยชิน กลับการกลับบ้านค่ะคงยังไม่คืนห้องทันที แต่วางแผนไว้ว่า ไม่เกินปีหน้าต้นๆปีค่ะ

สุขที่แท้จริง says: เหตุของแต่ละคน เรียนรู้ด้วยตัวเองน่ะดีแล้วค่ะ ถ้าต้องล้มจะได้รู้ว่า
รสชาติเป็นยังไง พี่ผ่านตรงนี้มาหมดแล้ว รู้รสชาติดี ทุกอย่าง ถ้าเราเจอกับตัวเอง จึงจะเข้าใจ
เพราะมันไม่มีอะไรเที่ยง แปรเปลี่ยนตลอดเวลา อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดคือ
ถ้าคิดว่าลำบาก จงดูคนที่เขาลำบากมากกว่าเรา แต่อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เรามองว่า
เขาดูดีกว่าเรา จริงๆแล้วมันแค่เปลือก เพราะไม่มีใครดีไปกว่าใครหรอก

เพื่อนพี่เงินเดือนเป็นแสน ไปไหน กินอะไร รูดบัตรเครดิต ใช้เงินแหลกราน
พอถึงเวลารับเงินเดือนหนี้บัตรมาแล้ว ติดลบ

says: ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: พี่ถามเขาว่ามีชีวิตอยู่แบบนี้ได้ยังไง เขาบอกว่าก็หมุนทางโน้นทางนี้
ชีวิตไม่ได้มีความสุขแบบที่ใครๆคิดเลย ผ่อนรถ ก็สุดท้าย เงินไม่พอ แม่เขาต้องจ่ายให้หมด
นี่เป็นหนี้ซื้อบ้านอีกแล้ว เหมือนวันนี้ได้คุยกับน้องเขย

เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่ผ่อนทั้งรถ ทั้งบ้าน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ
เฉพาะหนี้แค่ตรงนี้ตกเดือนละสี่หมื่นกว่าบาท ยังไม่คิดค่าใช้จ่ายอ่นๆอีก ภายนอกดูเขามีความสุข
พอมาคุยจริงๆแล้วไม่ใช่ เขาบอกว่า ตายแล้วหนี้ก็สูญ

says: ไม่สูญ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ เพราะเขาไม่รู้ เหมือนหลายๆคนอีกที่ไม่รู้ เหตุของแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกัน

says: ค่ะพี่ หมูคำนวนเงินนั่งรถเมลล์ไว้ละค่ะ ก็คิดว่าถ้าดึกจริงๆเราอาจพึ่งแท๊กซี่เป็นครั้งๆไป
แต่ต้องระวังเรื่องเวลาเพราะดึกแล้วแม่จะครียดนอนไม่หลับรอเรา

สุขที่แท้จริง says: เจริญสติไปค่ะ แล้วธรรมะหรือกรรมใหม่นี่แหละจะจัดสรรให้เอง ไม่ต้องไปกังวล
พี่น่ะผ่านตรงนี้มาหมดแล้ว เข้าใจดี

says: ค่ะพี่ หมูจะพยายามค่ะ ต้องสู้กับส่งที่น่ากลัวที่สุด ก็คือ ใจของตัวเอง

สุขที่แท้จริง says: ใจเรานี่แหละหมู

says: ค่ะพี่ ค่ะ หมูเห็นแบบนั้น

สุขที่แท้จริง says: นับว่าเรายังมีโอกาส ที่ได้รู้จักจิตของตัวเอง และเฝ้าขัดถูมันให้สะอาดมาตลอด

says: ค่ะพี่ใช่ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: พี่น่ะล้มมาเสียจนจำขึ้นใจ ที่ล้มเพราะยังไม่เข้าใจ
เลยขัดขืน ตอบโต้ เป็นเหตุให้สภาวะเปลี่ยนแปลงตลอด

says: ค่ะ พี่น้ำเห็นหมูแล้วเหมือนเห็นอดีตเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says: เหมือนกันหมู ไม่ว่าใครก้ตาม เหมือนกันหมด

says: หลายๆคนก็ดิ้นเหมือนกัน เพื่อให้ตัวเองสบายที่สุด

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ดิ้น ตอบโต้ เพราะความไม่รู้ เหตุมันจึงไม่จบ

says: แต่เราก็หนีกรรมของเราไม่พ้น

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ถ้าเรารู้ แล้วเรายอม ยอมสงบ ไม่ตอบโต้ใดๆ ชดใช้เขาไป
สภาวะนั้นๆจะเปลี่ยนไปเอง ไปสู่สภาวะใหม่ ทั้งชดใช้ ทั้งเริ่มต้นชีวิตใหม่
ดีไหม ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองมากมาย

says: ค่ะพี่ ดีค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใครจะพูดอะไร จะทำอะไร นั่นคือเหตุของเราในอดีตที่ต้องชดใช้
แต่มันคือเหตุใหม่ของคนๆนั้น เพราะเขายังไม่รู้ สุดท้าย เขาก็รับผลตามเหตุที่เขาทำเอง

says: ค่ะพี่ หมูจะพยายามต่อไปค่ะ ขอบคุณพี่น้ำค่ะที่คอยให้สตินะคะ

สุขที่แท้จริง says: พี่เข้าใจน่ะค่ะ เข้าใจทุกๆคน บางทีมองแล้วก็รู้สึกหดหู่
เวลาที่เห็นคนเหล่านั้นรับผลที่เขาทำไว้ แต่เขายังไม่รู้กัน ยังหลงสร้างเหตุต่อไปเรื่อยๆ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

says: ค่ะพี่ ยากที่จะยอม

สุขที่แท้จริง says: เราต้องเอาตัวให้รอดก่อน ใครจะว่ายังไงก้ช่าง ถ้าเรายังไม่มั่นคง
คนรอบๆตัวเราต้องวางไว้ก่อน พยายามสงบ อย่าไปขยับเขยื้อนใดๆ เพราะมันจะมีแต่เหตุ

says: ค่ะพี่จะจำไว้ค่ะ เพราะพอเราอยู่กับคนมากขึ้น คงจะต้องเจอกระทบอีกเอยะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ยิ่งตอนนี้พี่เจออะไรมากขึ้น ชัดมากๆ สติพี่ทัน พี่ไม่ตอบโต้ใดๆ

says: ค่ะพี่ อยู่คนเดียวสบายสุดแล้ว

สุขที่แท้จริง says: สุดท้าย คนที่ว่าพี่ เขารับผลนั้นๆเอง กรรมทันตา เราต้องคอยดูจิตของตัวเอง
ชอบใจ ไม่ชอบใจ สติไม่ทัน เรื่องธรรมดา ดูบ่อยๆ สักวันมันก็จะทัน มันก็จะวางลงไปได้
ยิ่งยอมรับตามความเป็นจริง ยิ่งเห็นชัดมากๆ

says: อืมมม หมูต้องฝึกอีกเยอะ แต่จะพยายามต่อไปค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 23:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


12 ตค. 53

says: 60/5 ค่ะ
ก็รู้เท้าแล้วก็ มีกิเลสค่ะ มีตัวเห็นแก่ตัว กำหนดรู้หนอลงไป แล้วก็รู้เท้าไปอีก ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานค่ะ
แล้วก็มีตัวปรุงอนาคตอีก แต่ก็ยังไปยุ่งกะมันค่ะ ยังรู้เท้าได้ มีเย็นแปล๊บๆ
พอนั่ง ก็รู้อกค่ะ ชัดขึ้นลงตามการหายใจค่ะ แต่ยังคิดๆค่ะ ถึงอนาคตด้วย แล้วก็รู้อกชัดด้วยค่ะหลังๆ
ก็จะจับที่อกมากขึ้นค่ะ ความคิดก็จะไม่ค่อยเด่นค่ะ

15/5ค่ะ

ก็รู้เท้าค่ะ ก็มีความคิดโน่นนี่ตามปกติแล้วก็รู้เท้าด้วยค่ะ มีเย็นแปลบๆ
พอนั่งก็รู้กายนั่งและก็คิดๆด้วยค่ะ แต่จำไม่ได้ แต่ตอนกรวดน้ำมีปรามาสค่ะ แล้วก็มากรวดน้ำต่อค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ดูไปตามความเป็นจริง รู้สึกยังไงก็ไม่ปฏิเสธิ รู้ไปตามนั้น
แล้วทุกๆเรื่องราวสภาวะเขาจะพาเราไปเอง

มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ที่เราไปรู้สึกแบบนั้น เรื่องธรรมดาๆมากๆของคน
มีกันทุกคนน่ะแหละ แต่ว่าจะยอมรับตามความเป็นจริงกันไหม
จะได้ไม่ไปรู้สึกเครียดกับสภาวะ เราแค่ยอมรับไปว่าเราเป็นแบบนั้น ทำต่อไป มีแค่นั้นเอง

says: ค่ะพี่ จะทำต่อไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พี่น่ะเจออะไรที่ยิ่งกว่านี้ แต่หมูเพิ่งเจอ พี่ถึงบอกว่าเรื่องปกติ
และทุกๆคนต้องเจออย่างแน่นอน เพียงแต่จะรู้ไหม เมื่อรู้แล้วจะยอมรับกันได้ไหม มันมีแค่นั้น

says: ทุกๆคนเลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ใครมั่งล่ะหมูไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่รักความสะดวกสบายน่ะ ลองไปถามดูสิ

says: ก็ชอบความสะดวกหมดค่ะ ทำดีก็ต้องฝืนใจเหมือนที่หลวงพ่อบอกเลยนะคะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ กิเลสกี่ขดๆมันถูกขุดขึ้นมาประจานตัวเองหมด
จนกว่าเราจะยอมรับและอยู่กับมันได้ว่ามีนะ แล้วสภาวะจะเปลี่ยนไป

สภาวะมันมีแค่นี้จริงๆ คือยอมรับตามความเป็นจริง
ถ้ายังยอมไม่ได้ สภาวะไม่จบ ส่วนจะเปลี่ยนไปยังไงนั้นก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคน

says:
อืมม มีทั้งยอมนอกและยอมในสิคะ คือยอมจากสิ่งกระทบายนอก แล้วก็ยอมรับเมื่อเห็นกิเลสในใจ

สุขที่แท้จริง says:ใช่ค่ะ ยอมทั้งนอกและใน แบบหมดใจจริงๆ
แล้วสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ ในสิ่งที่เป้นอยู่ มันจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ

says: ค่ะ จะไปคิดให้มันยอมก็ไม่ได้

สุขที่แท้จริง says: ใช่

says: มันต้องยอมของมันเอง

สุขที่แท้จริง says: แค่คิดไม่ได้ แบบหมดท่าแล้ว จะทำอะไรก้ยอม
จำได้ไหม ที่พี่บอกว่า สภาวะหมาจนตรอก ยอมทุกอย่างจะทำอะไรก็ยอม

says: อือหือ

สุขที่แท้จริง says: แสดงว่าหมูอ่านในบล็อกของพี่แล้วจำไม่ได้ นานมาแล้ว ช่วงนั้นพี่โดนเล่นหนัก

says: ค่ะ

สุขที่แท้จริง says: พี่ยอมทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเราไมได้ผิดอะไรเลย ก็ยอม ไม่แก้ตัวใดๆทั้งสิ้น
ยอมแบบ อยากให้เหตุจบก็ไม่ได้ มันต้องยอมแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ เรียกว่าเจออะไรรับหมด

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเจออะไรก็ตาม พี่กลับมารู้อยู่ในกายตลอด เหตุของเรายังมี เราต้องยอมรับไป
ยอมรับได้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อยอด เดี๋ยวมันก็จบ แล้วมันก็จบจริงๆ จบด้วยตัวสภาวงะเอง
เหมือนเรื่องคนที่ทำงานที่มาหาเรื่องจับผิดพี่ตลอด ที่เคยเล่าให้ฟังหรือเปล่าไม่แน่ใจนะ

says: เล่าค่ะ จำได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says: พี่ไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น ตรงไหนเป็นช่องว่างให้เขาเล่นได้ พี่แก้ไขที่ตัวเองทุกเรื่อง
สุดท้าย เขาเองตอนนี้ก็วุ่นวายกับชีวิตของตัวเอง จนไม่มีเวลามาจับผิดอะไรพี่อีก

says: ค่ะพี่ จบไปเอง

สุขที่แท้จริง says: เรามีหน้าที่คือดูตัวเองให้ทัน

says: ให้กิเลสมันแสดงในจิตแต่ไม่ลามปามออกมาข้างนอกนะคะ คือในจิตมันห้ามไม่ได้

สุขที่แท้จริง says: ใช่ อย่าให้ออกมาข้างนอก แค่ในจิตก็ให้รู้ว่ามันมี ยอมรับตามความเป็นจริง
มันมีแต่เหตุ มีแค่นี้แหละ นอกนั้นไม่ได้มีอะไร

says: ค่ะพี่ ถ้าดูไม่ทันก็ แย่เลย

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราว่าจะระงับใจในการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

says: ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


16ตค.53

says: 60/5 ค่ะพี่
ก็วันนี้สอบตกค่ะ ปรี๊ดแตกใส่คนที่บ้าน ตอนเดินก็เลย วนเวียนแต่รู้สึกผิดและด่าตัวเอง
ปนกับมีคำหยาบผุดๆ ตัวจิตหยาบคาย ตัวปรามาสก็กำหนดทับค่ะ เวลาอกุศลก็กำหนดตอกย้ำมัน
แล้วก็รู้เท้าด้วยค่ะ

พอนั่งก็ปรับลม ก็รู้ลม คือไม่ได้รู้สึกถึงลมหายใจแต่รู้สึกถึงการหายใจ รู้ว่าเข้าออกแล้ว
แล้วก็ฟุ้งไปด้วยมันไม่แนบแน่นกับกาย คือยังไปคล้อยกับภาพความคิด หมดแล้วค่ะ

30/5
ก็รู้เท้า เห็นกิเลสตัวชอบเอาชนะเปรยบเทียบ หยาบคาย มีคำหยาบๆ แล้วการรู้กาย
ก็รู้แล้วมักจะหลุดไปกับความคิดหรือภาพ หรืออารมณ์ที่มันผุดขึ้นมา แล้วก็มาตั้งใจรู้ต่อค่ะ
มีเวทนาแปลบๆ มดกัดนิดหน่อย มีความรู้สึกว่าตัวเองเลงจัง มีตัวร้ายไม่ดีๆ ให้เห็นเยอะ
ก็รู้ว่าไปให้ค่าก็พยายามมารู้กายต่อ

พอนั่งก้รู้ลมหายใจ จิตมันก็ฟูโๆแล้วก็หลงไป คือพยายามจับอยู่กับการรู้สึกที่กายได้แบบริบหรี่ๆ
แล้วจิตมันก็พูดๆ หรือเป็นภาพขึ้นมาโน่นี่ ก็การรู้กายก็แตะรู้เป็นระยะ แบบริบหรี่ๆค่ะ
มันจะหลงไปกับไอ้ภาพ หรือพูดๆ ไปสนใจมัน หมดค่ะ

สุขที่แท้จริง says: กิเลสของหมูไม่แตกต่างจากคนอื่นๆหรอก มีเหมือนๆกันหมดทุกๆคน
แต่อยู่ที่ว่า ใครจะมีสติ สัมปชัญญะรู้เท่าทันมันเท่านั้นเอง
การที่ยอมรับว่ามันมี ไม่ปฏิเสธมัน เป็นเรื่องที่ดี

says: ค่ะพี่ การหยุดก่อเหตุนี่ยากจังนะคะ

สุขที่แท้จริง says: ใหม่ๆเหมือนจะยาก แต่สภาวะเขาจะสอนเราเอง
จนกว่าเราจะรู้เท่าทันมันขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันจะเบาบางลงไปเอง

says: ค่ะพี่ จะตั้งใจเอาใหม่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมาทั้งนั้น ตอนนี้กำลังสร้างเหตุดี
เหตุเก่าก็ต้องชดใช้กันไป อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับมันได้มากน้อยแค่ไหน ยอมรับได้ ย่อมไม่ตอบโต้

says: ค่ะพี่ ต้องพยายามเจริญสติมากๆ ยังไม่ทัน

สุขที่แท้จริง says: ก็การรู้กายก็แตะรู้เป็นระยะ แบบริบหรี่ๆค่ะ ..... นี่แหละ
ใครจะมารู้ดีไปกว่าเราไม่ได้หรอก รู้กายได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิ

says: ค่ะพี่มันเหมือนด้ายบางๆ เลยค่ะพี่ ความรู้สึกตัว

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ ไม่ต้องไปกังวล แค่ทำต่อเน่องไป ดีกว่าไปนั่งมากๆ แต่ไม่รุ้กายเลย

says: ค่ะพี่ ได้ค่ะ จะพยายามสู้กับใจตัวเองต่อไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says: มันไม่ได้มีอะไรเลย เพียงแต่ทั้งหลายทั้งปวงที่สภาวะเป็นแบบนี้ล้วนเกิดจากเหตุ
อนาคต หมูจะกลับมาขอบคุณในความเพียรของตัวเอง เราไม่ได้ไปหลงลงไปเล่นกับกิเลส
แต่เรากำลังดูกิเลสที่มีอยู่ในใจของเรา ดูมัน ยอมรับมัน มีแต่เจริญสติเท่านั้น
ที่จะทำให้รู้เท่าทันกิเลสได้ จะได้ไม่ไปสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น

says: จะเพียรต่อไปค่ะพี่ มีแต่เจริญสติเท่านั้น ที่ทำให้หมูรับมือกับหลายๆเรื่องได้
วันนี้หมูกราบลาพี่ก่อนนะคะ แล้วจะมาส่งใหม่ค่ะพี่ ขอบคุณมากๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 00:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


17 ตค. 53


says: 60/5 ค่ะ
ก็เดินแล้วก็มันผุดคิดโน่นคิดนี่ ยังรู้เท้าได้ แต่ว่าจะรู้ไม่ต่อเนื่องลจะหลงไปกะอารมณ์
หรือสนใจความคิด ก็ต้องตังใจรู้กายใหม่ มันก็จะฟุ้งๆคลอไปด้วย

มีอกุศลพวกคหด่าหยายคาย อวดดี ความเห็นแก่ตัว จิตก็ด่ากัน ตัวหนึ่งดีตัวหนึ่งร้าย
ก็พยายามมารู้เท้าให้ได้มากที่สุดค่ะ

พอนั่งก็รู้ลม ลมหายใจ จากนั้น ไปรู้ท้อง ค่อนข้างจะชัด คือมันสนใจที่ท้อง
ความคิดยังมี แต่สนใจกายมากกว่า หมดแล้วค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


18 ตค. 53

says: 60/5 ค่ะพี่
ก็รู้เท้า มีเรื่องทั่วๆไปคือ ฟุ้งเรื่องทั่วๆไปแล้วก็รู้เท้าด้วย มีมดกัดนิดหน่อย

พอมานั่งก็รู้ลมกะท้อง ก็คิดๆคลอๆ

ส่วนรอบแรกก็ 30/5

ก็รู้เท้า ฟุ้ง มีการปรุงแต่ง เกิดความเห็นแก่ตัวรักสบาย ไม่ยอมเสียสละ ทุกข์เพราะความไม่ยอม
มีมดกัดนิดหน่อย ตอนนั่งก็ปรุบลมหายใจ แล้วก็รู้ลมรู้กาย + คิดๆ ไป ไม่สงบ จนจบ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ หมูชอบไปคิดอะไรล่วงหน้า วิ่งหาทุกข์ให้กับตัวเอง
จริงๆแล้ว หมูแค่เจริญสติต่อไปแบบนี้นี่แหละ อยู่กับปัจจุบัน

สิ่งที่หมูบรรยายออกมาน่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดานะ ไม่ได้ผิดปกติอะไร
คนน่ะเห็นแก่ตัวทุกคนทั้งนั้นแหละ

says: ค่ะพี่น้ำ ก็จะทำไปเรื่อยๆ ค่ะ ก็ยังอยู่กับปัจจุบันได้ ยาก แต่จะทำต่อเนื่องไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says: พี่เข้าใจนะคะ
จริงๆแล้ว หมูเพียงลองกลับบ้านในวันธรรมดาดูบ้าง ลองกลับดู ลองนั่งรถ เพราะอะไรก็ไม่เที่ยง
ควรเตรียมตัวไว้เนิ่นๆ ไม่ใช่ไปรอให้เหตุเกิดขึ้นก่อน จะทำให้ตั้งหลักไม่ทัน วุ่นวายไปหมด

says: ใช่ค่ะพี่ หมูเข้าใจค่ะ

สุขที่แท้จริง says: กลับสักอาทิตย์ละครั้งก่อน จะได้เรียนรู้เส้นทาง

says: ค่ะพี่ จะลองดูค่ะ งั้นวันนี้หมูกราบลาก่อนนะคะ
ขอบคุณพี่น้ำมากค่ะ ไว้จะมาส่งการบ้านใหม่ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


19 ตค.53


says: 60/5
เดินรู้เท้าค่ะ ก็จิตใจก็วอบแวบมีอารมนั่นนี่ไป แต่จะรู้เท้าได้แบบไม่ถึงกับหลงไปฟุ้ง ก็กำหนด 1 - 4
มีอกุศลพวกคำยาบ และปรามาสแว่บๆ กำหนดรู้หนอ
มีความอยากแล้วก็กำหนด บางทีก็รู้แล้วปล่อยไป ก็เปลี่ยน

พอมานั่งก็รู้ลม แล้วก็มีหลงไปกับภาพความคิดคล้อยไป ง่วงๆข้างใน หมดแล้วค่ะ


30/5 ค่ะ

รู้เท้าค่ะ สักพักก็เริ่มฟุ้งเรื่องของกิน มีเย็นแปลบๆตามกาย
มีคำ ห ยาบ และกิเลสจะปรามาส กำหนดรู้หนอค่ะ

พอมานั่งก็รู้กายแล้วมีภาพ จิตก็หลงไปสนใจหรือพูดเกี่ยวกับภาพ แล้วแตะรู้กายบ้าง
แล้วก็ไปสนใจหรือหลงภาพ ก็รู้สึกตัวก็หายไป อีกสักพักก็หมดเวลาค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ฟุ้งของกินน่ะดีแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ชอบ มันไม่ทำให้เครียดกับสภาวะ

says: อย่างน้อยก็ไม่ เกิดความทุกข์

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ทุกอย่างมันไม่เที่ยง

says: อืมม ค่ะ มีความอยากด้วยค่ะ มันไปจ้องสภาวะแล้วก็ จะให้ดี แล้วสักพักก็เปลี่ยนไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ทำต่อไปค่ะ ไม่มีอะไร

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2010, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


20 ตค.53

says: 60/5
ก็รู้เท้าได้ ค่อนข้างชัดค่ะ คือมีความคิดยังกำหนดได้ค่ะ ก็มีตัวอกุศล แบบเลวๆ ค่ะ หยาบๆ
และก็เห็นเก่ตัวค่ะ ก็กำหนดรู้หนอค่ะ ยังไม่ปรุงมาก แล้วมันก็คลายไป

มีความอยากค่ะ ก็มาพยายามมารู้กายเคลื่อนไหวค่ะ แล้วเด๋วก็หายไป บางทีก็เผลอไป สนใจสภาวะ
แล้วคิดอยากค่ะ ก็มารู้กายเคลื่อนไหวต่อค่ะ มีเย็นแปลบๆ บ้างร้อนผ่าวๆบ้าง

พอมานั่ง ก็รู้ว่าหายใจแต่ไม่จับลม แล้วรู้ว่ากำลังนั่งค่ะ
ก็มีความคิดแต่ไม่ถึงกับฟุ้งค่ะ ยังรู้กายค่ะจนจบค่ะ

49 / 5 ค่ะ

ก็ตอนเดิน ฟุ้งค่ะ ปรุงอนาคตยาวเลยค่ะ การรู้ท้าคลอๆ
หลังๆเริ่มจะปรุงน้อยลง รู้กายเดินชัดขึ้น

พอมานั่ง ก็หายใจปรับลมมันก็รู้ว่ามีการหายใจเบาๆ จับลมไม่ได้ค่ะ มันหายใจเบาๆ
ก็ไม่ได้ฟุ้ง ตอนนั่งรู้กาย และเงียบๆหน่อยค่ะดูการหายใจค่ะว่ากำลังหายใจอยู่ เคลื่อนไหวกายแผ่วๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ที่หมูบอกว่า รู้ที่กาย รู้ยังไงหรือคะ

says: ก็รู้ว่ามีการหายใจแผ่วๆค่ะ แล้วก็กำลังนั่งอยู่ แต่ไม่ได้จับกายเคลื่อนไหวนะคะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ คือแค่รู้ลมถูกไหม ลมหายใจ

says: ค่ะ แต่ไม่รู้สึกถึงลม แต่รู้อาการหายใจว่าสั้นๆ เบาๆ

สุขที่แท้จริง says: แต่ไม่รู้อาการที่กายกระเพื่อมหรือมีการเคลื่อนไหวอยู่

says: ค่ะ ไม่ได้ชั้ถึงขนาดกระเพื่อมค่ะ
ไม่รู้สึกถึงตัวลมน่ะค่ะ แต่รู้อาการว่านี่หายใจเข้า ออก สั้นๆ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ปรับลมหายใจทุกครั้งก่อนใช่ป่ะคะ

says: ปรับค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ รู้มั๊ย คนหายใจสั้นน่ะเป็นยังไง

says: ก็ขี้หงุดหงิด ขี้โกรธค่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พี่ถึงให้หมูปรับลมหายใจก่อนทุกๆครั้ง
เพื่อให้หายใจได้ยาวมากขึ้น ตอนนี้อาจจะแค่นี้ ต่อไปจะหายใจยาวได้ขึ้นเรื่อยๆค่ะ

says: ค่ะพี่ สังเกตว่า เวลาเริ่มเงียบๆลมจะสั้นลงๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ

says: จริงๆมันจะต้องยาวๆหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่ค่ะ ไม่มีอะไรตายตัวเสมอไป

says: จริงๆ อยากคุย เพราะก็คิดถึงพี่น้ำเหมือนกันค่ะ แต่เฮ้อ

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ ทุกอย่างมันคือสภาวะ
แล้ววันหน้า เมื่อหมูเข้าใจเรื่องสภาวะมากขึ้น หมูจะกลับมาขอบคุณในสิ่งต่างๆที่หมูได้พบเจอผ่านมา

says: ค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะจะสอนเราทุกๆอย่าง ไม่ให้มีการยึดติดในทุกๆสิ่ง แม้แต่บุคคลที่เรารักมากที่สุด
แม้แต่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็ไม่มีข้อยกเว้น

says: ค่ะพี่ หมูจะพยายามต่อไปค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


24 ตค.53

(li) 60/5
เดินรู้เท้า ใจก็วอบแวบ อารมณ์โน่นนี่เต็มไปหมด ใช้คำบริกรรมช่วยเป็น
ระยะ เวลาใช้เล้วจะรู้อยู่ที่เท้าไม่ไหลไปกับอารมณ์ที่วอบแวบได้ง่ายกว่า แต่ใช้นานๆก็หลงอีก
มีจิตหยาบคายอกุศล กำหนดรู้หนอ

มีแปลบๆ ตามกาย มดกัดนิดหน่อย หลังๆตอนเหลือเวลาเดินประมาณ 10 นาทีจะฟุ้งเยอะ
จะไหลไปกับความคิดง่าย และนานขึ้น แล้วพอรู้ตัวก็มาตั้งใจรู้เท้าใหม่ แต่ก็จะฟุ้งไว

พอมานั่งปรับลมแล้วแต่ลมไม่ค่อยเข้ายังติดหายใจสั้น ปรับครั้งที่ 5 เริ่มหายใจได้ลึกขึ้น
จิตมันก็มีคำพูด โน่นนี่ แล้วเราก็รู้การหายใจไป จำรายละเอียดตอนนั่งไม่ค่อยได้

60/5
รอบนี้ก็ฟุ้งง่ายค่ะ เริ่มต้น ยังรู้เท้า แล้วก็เห็นจิตมันผุด พวกเหตุการณ์ภาพเสียง ที่เราเคยผ่านมา
หนังบ้าง บทสนทนาบ้าง เรื่องที่เคยคิดบ้าง แล้วก็จะไปสนใจสิ่งเหล่านั้นค่ะ
ก็กำหนดให้รู้เท้ากับกายไป ก็ช่วยให้ไม่หลงไปดูเยอะ ยังมารู้ที่เท้าได้

ก็มีพวก อกุศล คำ หยาบ หรือภาพอกุศล แวบจะโผล่แล้วก็สงบลงไปไวๆ ค่ะ มีมดกัดนิดหน่อย
หลังๆชักฟุ้ง และไปสนใจพวกอารมณ์หรือความคิดต่างๆเยอะ ก็มาตั้งใจกำหนด ขวาย่าง ซ้ายย่างใหม่
มารู้กายได้ชัดขึ้น จิตก็ยังปั่นป่วนอยู่บ้าง

พอมานั่งก็ปรับลม รู้ลม บ้าง รู้สึกที่อกเวลาลมเข้าบ้าง เห็นจิตมันแวบๆ คำพูด หรือโน่นนี่ๆ
ยังรู้การหายใจไปด้วย จนหมดเวลา

walai lo ปรับลมไปก่อนค่ะ จนกว่าจะหายใจยาวได้เอง

(li) ค่ะพี่น้ำ 20/5 ค่ะ
รอบนี้ฟุ้งขึ้นไปอีกค่ะ ก็กำหนดบริกรรม ยังรู้เท้าได้ค่ะ แต่บ้างช่วงจะ ฟุ้งเยอะกว่ารู้เท้า

พอมานั่ง ก็ปรับลมค่ะ ลมไม่ค่อยลึก ก็ปรับให้ยาวที่สุด ได้ระดับหนึ่ง
แล้วก็จิตมันก็พูด โน่นี่ดังๆ ทำให้เราจะไปสนใจมัน แล้วก็ตั้งใจรู้ลมเพื่อไม่ให้ไปสนใจจิต
แล้วสักพักก็เริ่มรู้เวลาลมเข้าแล้วท้องค่อยๆ พองขึ้นลง 1รอบก็หมดเวลาพอดีค่ะ ตอนนั้นจะเงียบๆ
ตอนกรวดน้ำมีอกุศลแทรกค่ะลืมบอก

walai lo ไม่เป็นไรค่ะ ทำไปค่ะ แค่ยอมรับ แล้วดูมัน มีแค่นั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


25 ตค.53

60/5 ค่ะ
ก็รู้เท้าแล้วก็เบื่อๆค่ะ เนือยๆ ก็มีเรื่องของกิน แล้วก็เบื่อเพราะอยากก็กินไม่ได้อยู่ดี
แล้วก็มีอกุศล ผุดขึ้น ก็กำหนดรู้หนอ ก็ยังมีความไม่ชอบค่ะ ขึ้นมาซ้อนๆกัน พอรู้หนอ
แล้วก็ มาเดินต่อ มีฟุ้งไปกับความคิด หมดเรื่องนั้นไปก็มาเบื่อๆต่อ มีมดกัดนิดหน่อย

พอมานั่งก็ปรับลม ก็ตอนแรกลมยังไม่เข้า เข้าน้อยก็ค่อยๆปรับให้ลึกขึ้น
พอหมด 5 ครั้งปล่อยไปแล้วมันก็ลึกขึ้นเอง แต่ยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร
มันเหมือนอัดๆแต่ไม่ได้ฝืนค่ะ รู้ลมเข้าลึกๆ ผ่อนออก จนจบเวลาค่ะ
ระหว่างนั้นก้อมีคำพูดของจิตเสียงดังๆเหมือนเดิม

30/5 ค่ะ
ก็ฟุ้งๆค่ะ พอฟุ้งจบเรื่องแล้วก็มารู้เท้าต่อ แล้วก็ฟุ้งๆอีก มีอกุศลคำ ห ยาบๆ
พอมานั่งก้อ ลืมปรับลมเลยปรับใหม่ ก็ยังสั้นๆอยู่ค่อยๆหายใจให้มันลึกขึ้น
แล้วก็รู้การหายใจไป มีจิตพูดดังๆ พอจบแล้วก็อุทิศส่วนกุศลแล้วก็มีอกุศลแทรก
ก็ข่มมันไว้แล้วกรวดน้ำต่อค่ะ

walai lo ทำต่อไปค่ะ มันจะแบบนี้แหละ

(li) ค่ะพี่ จะทำต่อไปค่ะ

walai lo จะรู้ว่าก้าวหน้าแค่ไหน ดูการกระทบที่เกิดขึ้น ทันไหม ให้ค่ามากหรือน้อยแค่ไหน
ยังคิดจะก่อเหตุอีกไหม มีแต่สติ สัมปชัญญะนะ

(li) ค่ะพี่ จะคอยสังเกตดูค่ะ

walai lo ถ้าจิตตั้งมั่นได้มากขึ้น จะรู้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ มองทุกๆเรื่องเป็นการทำข้อสอบ
พี่เองก็ยังต้องทำข้อสอบเหมือนทุกๆคนน่ะแหละค่ะ

ถ้ารู้สึกเครียดๆกับสภาวะหรือเบื่อหน่ายล่ะก็ หาอะไรที่ตัวเองนั้นชอบ ทำแล้วรู้กายได้ ทำไปนะคะ
พี่เองก็ยังต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน

(li) จะพยายามต่อไปค่ะ

walai l ถ้ารู้สึกเครียดๆกับสภาวะหรือเบื่อหน่ายล่ะก็ หาอะไรที่ตัวเองนั้นชอบ
ทำแล้วรู้กายได้ ทำไปนะคะ หมูฝึกรู้ในกายบ่อยๆ เวลาว่างๆน่ะ มันจะช่วยได้เยอะ
พี่ชอบนั่งดูกาย ดูการทำงานของกาย ดูไปดูมาจิตมันก็เป็นสมาธิเอง

(li) นั่งเฉยๆ เลยเหรอคะ

walai lo นั่งเฉยๆนี่แหละค่ะ พอจิตสงบลง เราจะเห็นการเคลื่อนไหวของกาย

(li) อืม ค่ะ หมูใช้วิธีกำมือบ้าง นิ้วแตะนิ้วบ้าง
walai lo ได้ค่ะ แบบไหนก็ได้ ที่เราชอบ แต่ขอให้รู้ที่กายได้ มันจะมีประโยชน์กับเรา

(li) ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


26 ตค.53

60/5 ค่ะ
รู้เท้าค่ะ วันนี้ไม่ค่อยฟุ้งค่ะ มันกลัว กลัวกิเลส ก็คอยรู้เท้าค่ะ
มีจิตอกุศล ตัวมานะค่ะ ผุดขึ้นมา แล้วหายไป ก็กำหนดรู้หนอ
บางทีกำลังขึ้นอกุศลก็กำหนดทัน ตอนเกิดค่ะ 1 ครั้ง ที่ทัน

มีกิเลสให้ค่าค่ะ เวลายกเท้า แล้วเรารู้สึกที่เท้า แบบรู้สึกว่าดีก็มีใจยินดีตื่นเต้นค่ะ
พอรู้ก็หายไป แล้วก็ตั้งใจรู้เท้าใหม่ค่ะ มีจะไปปรุงอนาคตค่ะ ก็รู้แล้วก็หดเข้ามารูที่การเดินต่อค่ะ
แล้วก็มีพวกอาวรณ์ค่ะกำหนดรู้หนอค่ะแล้วตั้งใจรู้กายที่เดินต่อค่ะ

พอนั่ง ก็ปรับลม ลมยังไม่ค่อยเข้าค่ะ 5 - 6 ครั้ง แล้วปล่อยปกติ
คราวนี้ก็รู้เวลาลมเข้าที่อกค่ะ มันจะอัด ๆ แต่ก็ลึกเย็นๆ

แล้วก็จิตก็จะแวบๆ เอาเรื่องโน่ น เรื่องนี่ที่เคยเป็นหนังบ้าง เรื่องภาพที่เคยจำผ่านมาบ้างผุดขึ้นมาค่ะ
แต่ยังรู้ลมหายใจไปด้วยค่ะ จนหมดเวลาค่ะ


30/5
รอบนี้เริ่มก็ฟุ้งเลยค่ะ มาเป็นพวก อกุศล ต่างๆ ก็กำหนดรู้หนอค่ะ
ปกติเคยชินกับการไปคิดต่อ ก็กำหนดไปแทนค่ะ

แล้วก็พวกของกิน ก็เกิดความอยาก ความทุกข์แบบอยากกินกินไม่ได้ ก็กำหนดรู้หนอน่ะค่ะ
แล้วสักพักก็คลายไป มีพวกจิตที่ในผุด ขวางโลกๆ เป็นตัวร้ายๆ แล้วก็หายไป

พอมานั่งก็ ปรับลม แล้วก็เป็นภาพเหตุการณ์ระหว่างวันที่ทำให้เรากังวลค่ะ
ก็สักพักก็เปลี่ยนเปนภาพหนังหรือเนื้อรื่องการ์ตูน จำไม่ค่อยได้ ที่เราเคยชอบ ให้เราคิดต่อ
แล้วสักพักก็หมดเวลาค่ะ ยังพอรู้ว่ากำลังหายใจ แต่ก็มีไปต่อภาพที่ขึ้นมาด้วยค่ะ

walai lo ถ้าเรายังไม่ยอมหยุดที่จะสร้างเหตุ
เราจะเป็นไปตามเหตุแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยหมู ภพชาติ

(li) ค่ะพี่ น่ากลัวมาก

walai lo เราทำให้คนอื่นหลงผิด ทุกข์แค่ไหน ก้รับไปตามนั้น และทุกๆคนไม่มีใครช่วยใครได้

walai lo พี่เข้าใจนะคะ เข้าใจทุกๆคน แต่ทุกคนต้องช่วยตัวเอง
การห้ามใจตัวเองน่ะมันยาก ถึงแม้จะรู้ก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เข็ดจริงๆ ยากค่ะ

(li) หมูได้แต่เจริญสติ

walai lo นั่นแหละ มีแค่นั้นก็นับว่ากุศลยังมี

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


27/10/2553

64/5 ค่ะ
พอเริ่มเดินปุ๊ป กิเลสก็มาเลยค่ะ พวกอกุศล ความเห็นแก่ตัวในใจ
ความคิดลบๆ ก็แรงค่ะ ก็รู้มันค่ะ หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอด้วยค่ะ
บางทีก็ ดูมันค่ะ ก็เห็นมันขึ้นแรงแล้วก็ลงเร็ว ขึ้นๆ ลงๆ สักพักก็หายไป
ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นๆทั่วไปค่ะ

วันนี้ก็จะรู้เท้า + ฟุ้งๆเรื่องโน่นบ้างนี่บ้าง แตยังมีช่วงที่รู้เท้าได้ ชัดค่ะ
แล้วก็มีมดกัด นิดหน่อยค่ะ มีแปลบๆ นิดหน่อย

พอมานั่ง ก็ปรับลม เข้าออกค่ะ
จำไม่ค่อยได้ค่ะว่ามีรายละเอียดยังไงบ้างตอนนั้ง รู้แค่มีลมอัดๆ

30/5
รอบนี้เปิดฟังการ์ตูนธรรมมะ ไปด้วย เวลาเดินค่ะ ก็รู้เท้าค่ะ
ไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นนอกจากฟังเสียง + รุ้การเดิน
หรือถ้าคิดก็เกี่ยวก็เรื่องที่ฟังแต่ไม่ได้หลงไปฟุ้ง แล้วก็เดินๆไป จนรู้สึกเมื่อยเบื่อ

พอมานั่งปรับลมไป ก็รู้ลมที่มันอัดเข้า ออก
แล้วจิตก็คิด เป็รเรื่องอะไรไม่รู้ ก็รู้ว่าจิตมันเป็นแบบนั้น
ยังรู้ว่ากำลังนั่งอยู่ และกำลังหายใจอยู่

ตอนรู้กายนั่งจะไม่ชัดมากค่ะ
คือมันจะไปคล้อยตามจิตที่มันคิดๆด้วยกึ่งรู้กาย

walai lo ไม่เป็นไรค่ะ ทำไป สติมากขึ้น จิตย่อมตั้งมั่นได้มากขึ้นเองค่ะ นั่งไปเท่านี้ก่อน
เรื่องเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ รู้กายได้ชัดตลอดเมื่อไหร่
รู้ชัดสภาวะของสมาธิที่เกิดขึ้นได้ชัด ค่อยเพิ่มเวลานั่ง
ทำไปนะคะ มันมีแต่กิเลสของเราทั้งนั้นแหละ เหตุของเราที่ทำไว้ทั้งนั้น

(li) ค่ะพี่ เยอะแยะเลย

walai lo พี่เข้าใจค่ะ

ถึง มีแต่ตัวร้ายๆ ก็จะพยายามต่อไปค่ะ

walai lo เข้าใจความรู้สึกของทุกๆคน
จู่ๆจะมาให้เปลี่ยนพฤติกรรม มันยากค่ะ

(li) ค่ะ แต่ก็ต้องทำเพื่อตัวเอง

walai lo ใช่ค่ะ เราต้องทำเพื่อตัวเราเองก่อน ภพชาติ การเกิดน่ากลัวค่ะ เกิดมาก็โง่มาก่อนเลย

(li) walai lo กิเลสมันจะลากเราลงนรกอย่างพี่น้ำบอกจริงๆ

walai นั่นแหละ พี่น่ะเจอมาหมดแล้ว
ถึงไม่ไปโกรธใครๆหรือไปต่อว่าใครๆแบบตะก่อน เข้าใจตัวเองแล้ว ย่อมเข้าใจถึงคนอื่นๆ


บางครั้งพี่เองยังมีอยู่เลย สนุกกับโลก พอเข้าใจแล้วเราจะสนุกกับมัน เพราะมีความสุข
จริงๆแล้ว กิเลสพยามชักจูงเรา

(li) สนุกเหรอคะ

walai สนุกสิหมู ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่วิ่งหานอกตัว
ไม่วิ่งไปหาใคร แล้วทำไมจะไม่รู้สึกสนุกเวลาที่มองโลกล่ะ กิเลสมันคอยลากเราให้เห็นดีเห็นงาม

(li) แปลก นะคะ

walai มันมาทุกรูปแบบแหละหมู ต้องเจอกับตัวเอง แต่มันหลอกพี่ไม่ได้นานหรอก
ทำไป อย่าไปเปรียบเทียบกับใครๆ
เหตุของใครก็ของคนนั้น ไม่มีใครดีไปกว่าใครหรอก

(li ค่ะพี่ จะพยายามสร้างเหตุดี ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


12/12/2553

say ส่งการบ้านรอบสองค่ะ 56/5
ก็มีความทุกข์จาการยึดติดบุคคลน่ะค่ะ ก็กำหนดรู้หนอๆค่ะ หายใจยาวๆ มันก็หาย แล้วก็ขึ้นอีกค่ะ
แล้วก็ทำแบบนี้ซ้ำๆ แล้วก็หาย แล้วก็มาอีกหลายครั้งค่ะ จนมันเปลี่ยนไปเอง
ระหว่างนี้ก็เปิดเทปธรรมมะด้วยค่ะ ก็รู้เท้าไป มีจิตจะขึ้นภาพ หรือจะไปอกุศล
ก็กำหนดรู้หนอ แล้วดึงมาอยู่กับกายค่ะ มีมดกัดนิดหน่อยค่ะ

พอนั่ง
จิตก็พูดๆ ก็รู้การหายใจค่ะ มีมดกัดนิดเดียว จิตจะไม่เป็นสมาธิมากค่ะ แต่ยังไม่ได้เคลิ้ม

walai ค่ะ ทำต่อไปค่ะ ทุกข์น้อยลง นับว่าดีกว่าที่ยังทุกข์มากชึ้นหรือทุกข์เท่าเดิมนะคะ

say ค่ะพี่ ก็ใช่ค่ะ

walai ทำไปค่ะ แล้วสภาวะของความไม่เที่ยงมันจะมาโชว์ตัวบ่อยๆ

say จะทำต่อไปค่ะ ก็ความรู้สึกเดิมๆมันก็วนมานะคะ อย่างความอยาก การยึดติด

walai เรื่องปกติค่ะ เข้าใจค่ะ ยิ่งสติดีมากขึ้นเท่าไหร่ สภาวะเก่าๆจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา
นี่แหละตัวสอบอารมณ์ ไม่ต้องให้ใครมาสอบหรอก

say ค่ะพี่ จะฝึกตัวเองต่อไปเรื่อยๆค่ะ

walai รู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รู้ไปตามนั้น ตามความเป็นจริง รู้ไปบ่อยๆ
แล้วสภาวะเขาจะเป็นตัวเฉลยทุกๆคำตอบเอง การเกาะเกี่ยวมันก็น้อยลง

say ค่ะพี่น้ำ ขอบคุณค่ะ

walai จ้ะ กว่าจะเข้าใจนะหมู ถ้าไม่มีคนที่เคยผ่านสภาวะมาก่อนมาอธิบายให้ฟังน่ะ ก็งมมันต่อไป

say ค่ะพี่ ใช่ค่ะ คงจะทนไม่ไหว กับความอยากแล้วก็เลิกไป

walai ใช่เลยยย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 00:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


๒๐ มค.๕๔

says 50/10 ค่ะ
เดินก็รู้เท้า กะฟุ้งค่ะ ไปคิดเรื่องนั่นเรื่องนี้เยอะแล้วก็สลับกับตั้งใจรู้เท้าค่ะ
ก็กำลังในการอยู่กะกาย น้อยค่ะ รู้แป๊ปๆก็ออกไปอีก ก็เลยรู้แบบคลอๆไป

แล้วก็พอมานั่ง ก็ปรับลม รู้ท้องบ้าง บางช่วงจิตก็สะเปะสะปะไร้สาระ
แล้วจะไหลไปกะจิตค่ะมันก็ยังไม่ได้ไหลไปแบบชัดๆค่ะ
บางช่วงก็มีกำลังรู้ที่จิต กะรู้ที่ผิวกายค่ะแล้วก็ไร้สาระอีก ค่ะก็เป็นสลับๆแบบนี้ค่ะ

หมดแล้วค่ะพี่ แบบนี้ต้องลดเวลานั่งไหมคะ

walai lo says ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ ถ้าไม่หลับ ก็เพิ่มนั่งได้ คือ มันไม่เที่ยง

says
ยึดว่าเราไม่ขาดสติจนถึงหลับนะคะ

walai lo says ถ้านั่งแล้วมีฟุ้ง ทำให้รำคาญ ทุกๆสภาวะมันจะมาสอน
หมูเองก็เรียนรู้จากพี่ไปหลายๆอย่าง

ถึงเวลาที่หมูต้องเรียนรู้สภาวะต่างๆด้วยตัวเอง
คือ ลองปรับเปลี่ยนเอาเอง ไม่ต้องให้พี่บอกว่าต้องเพิ่มหรือลด
เพราะว่าทุกอย่างมันไม่เที่ยง ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง สังเกตุดูสิ

ลองดูนะ ลองทำในสิ่งที่คิดอยากทำ อยากนั่งแค่ไหนก้นั่งไปตามสะดวก
ดูด้วยนะเรื่องหลับ ถ้านั่งแล้วมีหลับทุกๆครั้ง ต้องลดนั่ง

สภาวะน่ะไม่มีอะไรหรอก หลักๆคือเดินกับนั่ง
ข้อสอบคือการกระทบที่เกิดขึ้นในชีวิตนี่แหละ ดูตรงนั้นได้เลย
ได้ผลแค่ไหน วัดได้ทันที เราเท่านั้นที่จะรู้ตัวเอง ทันหรือไม่ทันต่อการปรุงแต่ง

says ค่ะพี่น้ำ เข้าใจค่ะ รู้ตัวอยู่เหมือนกันค่ะ งั้นเด๋วหมูไปทำอีกรอบค่ะพี่

20/10 ค่ะ ฟังเทศน์ไปด้วย รู้เท้าไปด้วยค่ะ
ก็ไใค่อยฟุ้งเพราะจะสนใจที่เสียงกะเท้าค่ะ

ตอนนั่ง ก็ปรับลม แล้วกำหนดพองยุบค่ะ
ยังกำหนดไม่ชัด แต่ก็พอรู้พองยุบได้ค่ะ

พอสักพักก็จิตจะเลื่อนลอยไปคิดไร้สาระของมันค่ะแล้วก็มารู้ที่จิตว่าจิตมันเป็นยังไงค่ะ
แล้วก็มาตั้งใจรู้ท้องหรือ ส่วนของกายเท่าที่รู้ได้ค่ะ
แล้วจิตก็เลื่อนไปพูดอีกค่ะ ก็จะเป็นแบบนี้จนจบค่ะ

walai lo says ค่ะ ทำไปค่ะ การเจริญสตินี่ดีที่สุดแล้ว
มันดับทุกข์ทุกๆอย่างได้จริงๆ แล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ
เหมือนโลกทั้งใบอยู่ในมือของเรา ความเป็นอิสระไม่ต้องขึ้นอยู่กับใคร
เพียงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน มันมีเท่านี้แหละค่ะ

says ค่ะพี่น้ำ ขอบคุณค่ะ หมูจะพยายามต่อไปค่ะ

walai lo says เวลาทำงานหรือการใช้ชีวิตในปัจจุบัน หากมีคนต่อว่าหรือตำหนิ
ขอให้เงียบ ไม่ต้องไปตอบโต้อะไร แล้วกลับมาปรับเปลี่ยนตัวเองแทน
ดูข้อบกพร่องที่เขาพูดมา มันมีเท่านี้แหละ

แล้วเราจะอยู่ที่ไหนๆก็อยู่ได้ มีความสุขกับการใช้ชีวิตและกับการทำงาน
ส่วนคนที่ตำหนิเรา เขาก็รับผลไปตามเหตุที่เขาทำ
ส่วนเราให้อภัยเขาและต้องขอบคุณเขา ทำให้เราแก้ไขตัวเอง
และนี่คือบททดสอบหรือข้อสอบของตัวเราเอง

says ค่ะพี่ การเจริญสตินี่ ทำให้รุ้เลบยนะคะว่าการที่จิตอยู่กะกายได้นี่ยากจริงๆค่ะ

walai lo says เข้าใจค่ะ

says แต่ก็จะทำต่อไปค่ะ ต้องช่วยเหลือตัวเอง

walai lo says ใช่เลยค่ะ ตัวเองเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
พี่เป็นเพียงผู้แนะนำ แต่ทำแทนไม่ได้ ช่วยใครๆไม่ได้ ทุกคนต้องทำเอง

says ขอบคุณที่นำทางค่ะ ถ้าไม่มีคนเริ่มบุกเบิกให้ก็คงไม่มีกำลังใจทำได้ต่อเนื่องเลย

walai lo says ตัวอย่างที่มองเห็น ย่อมดีกว่าฟังเขาเล่าว่าค่ะ
พี่จะไม่พูดว่าตัวอย่างที่ดีหรอกนะ เพราะคำว่าตัวอย่างที่ดีก็เป็นการให้ค่าว่าตัวเองนั้นดี

เราใช้คำว่าเห็นจะดีกว่า ส่วนจะดีหรือไม่ก็แล้วแต่ความถูกใจหรือไม่ถูกใจของแต่ละคนแค่นั้นเอง

says หมูเข้าใจค่ะ ตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าการต้องเจอกับกิเลสเป็นยังไง
มันถอดมาเป็นคำพูดไม่ได้นะคะ

walai lo says ใช่ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


says 60/10 ค่ะ
ตอนเดินก็ฟุ้งค่ะ มันไปพัวพันกับเหตุการณ์ในระหว่างวัน ซึ่งเป็นกิเลสโลภ ๆ ค่ะ
ก็นานค่ะ รู้การเดินแต่ไม่ต่อเนื่องค่ะ ใจพัวพันกะกิเลสค่ะ จนนานมากๆก็ พยายามตั้งใจ ตั้งสติใหม่ค่ะ
ก็มีสติที่การเดินได้มากขึ้นค่ะ แล้วก็เข้ามาพัวพันอีกค่ะ

พอมานั่ง ปรับลม แล้ว มันก็รู้การหายใจ และใจก็คิด ออกไป ออกจากกายไปหลงน่ะค่ะ
แล้วก็มารู้ที่จิตค่ะ ว่ามันหลงไป แล้วก็พยายามแตะรู้กายค่ะแต่ยังไม่มีกำลังจับกายชัด
รู้กายแบบวุ่นๆค่ะ แล้วจิตก็ออกไปหลงอีกค่ะ แล้วก็รู้ว่าจิตออกไปค่ะ มีง่วงๆข้างในค่ะแต่ยังไม่ได้หลับ
จนหมดเวลาค่ะ

walai lo says
แตกต่างไหม ระหว่างนั่งสิบนาทีกับห้านาที อันไหนสามารถจะรู้กายได้ชัดกว่ากันคะ

says
5 นาทีค่ะพี่ แตกต่างอย่างเห็นชัดค่ะ

walai lo says นั่นแหละ หมูจะให้คำตอบกับตัวเองได้
ถามนะคะ แล้วที่เพิ่มนั่งนี่ เพิ่มเพราะอะไร

says อยากลองดูค่ะพี่ คืออยากรู้ว่าถ้าเพิ่มนั่ง สติจะทันไหม

walai lo says
ลองดูค่ะ พี่น่ะเคยนั่งไม่ถึงห้านาที เข้าใจดี

says
ค่ะพี่ เด๋วลองปรับดูค่ะ ก็จะลองอีก สักพัก ถ้ายังหลงออกไปเหมือนเดิมก็จะค่อยๆลดเวลาลงค่ะ

walai lo says
ลองดูค่ะ ไม่มีอะไรผิดหรอก ไม่ลองก็ไม่รู้
ฟังคนอื่นๆ ไม่เหมือนที่เราทำเองหรอกค่ะ
กิเลสใคร กิเลสมัน เหตุของใครก้ของคนนั้น

says
ค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ เด๋วหมูไปทำอีกรอบ ค่ะพี่

20/5 ค่ะ ก็ฟังเทศน์ไปด้วยค่ะ
รู้เท้าเดิน แล้วก็มีสตอยู่ที่จิต และการเดินค่ะ สักพักก็เริ่มมีฟุ้งๆด้วยค่ะ

พอนั่ง ก็ปรับลมแแล้วก็รู้การหายใจบ้าง จิตที่พูดๆบ้าง ท้องขยับบ้าง
มีหลงออกไปค่ะ 1 ครั้งเห็นแล้วก็กลับตัวค่ะ เหมือนเราดึงมันทันน่ะค่ะ
แล้วก็เห็นว่าจิตมันสะเปะสะปะค่ะแต่ยังรู้อยู่ค่ะ หมดแล้วค่ะ

walai lo says
ทำไปแล้ว สิ่งที่มองเห็นได้ชัดมากที่สุดคือ กิเลส
หากเรายังไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เป็นเรานั้นได้ เราก็ต้องสร้างเหตุต่อไปเรื่อยๆ
เพราะยอมไม่ได้ไงหมู คำว่า ยอม ต้องยอมแบบไม่มีข้อแม้และเงื่อไขใดๆ

says
ยอมรับในสิ่งที่เรา เป็น กับยอมคนอื่น 2 สภาวะแต่เกี่ยวเนื่องกันหรือคะ

walai lo says
เกี่ยวค่ะ
ถ้ายอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้ จะทำให้เห็นตามความเป็นจริง
เมื่อเห็นตามความเป็นจริงได้ ย่อมที่จะยอมกับคนอื่นๆได้
ยังยอมไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นตามความเป็นจริง
เห็นแล้ว จะไม่มีการว่าใครๆ จะยากหรือง่าย ก็อยู่ที่เหตุของแต่ละคน

แต่สุดท้าย เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง จะอยู่ที่ไหนก็เย็นใจ
ใครจะว่าอะไรยังไง ใจก็เย็น เพราะเข้าใจตัวเองแล้ว ย่อมเข้าใจคนอื่นๆ

ตราบใดที่ยังไม่รู้ ย่อมว่ากัน ที่มาว่ากันเพราะมีเหตุ
ดับเหตุทั้งปวง ดับที่ตัวเรานี่แหละ

says
ค่ะพี่ หมูจะรียนรู้จากกิเลสของตัวเองค่ะ

walai lo says
นั่นแหละเป็นสิ่งที่ควรทำ มากกว่าไปดูคนอื่นๆ
ใครจะอะไร ยังไง นั่นเหตุของเขา

หากพูดได้ พูดแค่ควรพูด หากพูดไม่ได้ อย่าไปแตะ
ปล่อยทุกอย่างให้เกิดขึ้นตามความเป็นจริง แตะไปแล้ว มันจะมีแต่เหตุ

says
ค่ะพี่ จะพยายามเจริญสติ และจำคำสอนนี้ไว้ค่ะ

walai lo says
ค่ะ มีแต่ สติเท่านั้นแหละที่จะพาเราไปได้ตลอดทาง เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด
นอกตัวอย่าไปหวัง มันมีแต่โดนกิเลสมันหลอกเอา

says
ค่ะ ...

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 113 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร