วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 15:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 00:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างที่กล่าวคือ ลักษณะปรมัตร์ของธาตุไฟคือ อุณหภูมิของร่างกายเราก็กำหนดรู้เป็นเพราะพระไตรลักษณ์ คือทุกขัง รวมทั้งลักษณะการเปลี่ยนทั้งจากสภาวะสิ่งแวดล้อมและปริยัติของขันธ์5 (เนื่องจากยังไม่ได้เทียบพระอภิธรรม หากเอ่ยข้อความใดไม่สมควรและผิดจากหลักการ ขออภัยมาณ ที่แห่งนี้มากๆครับ)

ปริยัติของขันธ์5 คือ ความเป็นขันธ์5ด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี่คือปริยัติของขันธ์5 (ความหมายของขันธ์5)
ปริยัติคือการแสดงความหมายที่มีขอบเขตุแสดง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยความเป็นเนื้อหาทางอภิธรรมทั้งหมด

ดังนั้น ปรมัตร์ของธาตุไฟด้วยปริยัติของขันธ์5คือ อุณหภูมิ

ปรมัตร์ของธาตุดินด้วยปริยัติของขันธ์5คือสภาวะอ่อนแข็ง

ปรมัตร์ของธาตุน้ำด้วยปริยัติของขันธ์5คือ ความเสียดแทง อาการความเกาะกลุ่มที่แสดงออก(เช่น อาการเหน็บชา หรือกายเวทนาลักษณะหนึ่ง ตามความเข้าใจของผมจากการปฏิบัติ)

ปรมัตร์ธรรมของธาตุลมด้วยปริยัติของขันธ์5 เช่น การทรงตัวอยู่ได้ ด้วยความเป็นปกติของขันธ์5(กาย) ความหน้ามืดวิงเวียนศรีษะ(วูบ)ด้วยความไม่ปกติของขันธ์5(กาย) เป็นต้น

นี่คือความเข้าใจแนวปฏิบัติของผม ซึ่งผมกลัวมาก หากว่าสิ่งที่ผมเข้าใจนั้น ผิดจากปริยัติของพระพุทธเจ้า


คืนนี้ผมได้พิจารณาธรรมไปเรื่อยๆ เวียนมาพิจารณาโสต เกิดเป็นคำถามว่า การปรากฏขึ้นมาของเสียงนั้น เป็นปรมัตร์ของอะไร? เสียงจึงสักแต่เป็นเสียง เกิดขึ้นเพราะการกระทบ ไม่ใช่ปรมัตร์ของอะไร แต่เป็นปริยัติของขันธ์5 (เพราะการตั้งอยู่ของขันธ์5 ด้วยธาตุรูู้ทำงานจึงมีเสียง)

การมองเห็นสี สว่าง มืด เพราะจักษุธาตุ ตัวธาตุเป็นรูปก็จริง แต่สีสันต่างๆที่ปรากฏ ไม่ใช่ปรมัตร์ของอะไร ภาพก็สักแต่ว่าภาพ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวเรา ตัวเขา แต่เป็นปริยัติของขันธ์5

ฆาณ ชิวหา และกาย คือปริยัติของขันธ์5 (เช่น มีวิญญาณ จึงมีผัสสะ มีสัญญา คือจำได้ หมายรู้ มีสังขารคือความเห็น มีเวทนาคือความรู้สึกทั้งกายใจ)

แต่ที่สำคัญนั้น อารมณ์ที่เกิดระหว่างปฏิบัติเปลี่ยนไป ตีความหมายธรรมตามปริยัติมากกว่า ความเข้าใจเดิมๆที่เคยเป็นมา

ต่อโอกาสหน้าครับผม

ผมเขียนแนวประสบการณ์ที่ไม่ใช่เพื่อเป็นแนวหรือเปลี่ยนแปลงแนว ทุกท่านโปรดพิจารณา เป็นการปฏิบัติส่วนตัว ที่อาจจะปรับความเห็นผมเองได้ใหม่หรือเข้าใจใหม่อีกวันถัดไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ได้ปฎิบัติอย่างปกติทุกวัน แต่ดึกๆ จะตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำบ้าง หรือตื่นขึ้นมาเฉยๆ ก็จะถือโอกาสนั่งสมาธิ ปกตินั้น เวลานั่งสมาธิจะต้องใช้เวลารวบรวมสมาธิ แต่ผ่านมาถึงวันนี้ผมเองไม่ต้องรวบรวมสมาธิ เพราะมีธรรมให้จับเลย คือจับธรรมตั้งแต่ก่อนนั่งสมาธิเลยเพราะมีความอยากปฎิบัติ หากถามผมว่าผมจับธรรมอะไรเหรอ ทำไมเร็วจัง ก็อยากตอบว่าธรรมที่บังเกิดกับเรานั่นแหละเอามาเป็นอารมณ์ ร้อนหนาว อ่อนแข็ง แล้วสังเกตุไปเรื่อยๆ ผมไม่กระโดดไปดูอารมณ์ของนาม เพราะว่านามที่ปรากฎขึ้นล้วนแล้วแต่ปรุงแต่งจากผัสสะที่เกิดขึ้น จะว่ากำหนดเอาเวทนาขันธ์เป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดจิตเป็นอารมณ์ก็ได้ (ดูจิตว่าจับอะไร)กำหนดมหาภูติเป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดปสาทรูปเป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดสัญญาเป็นอารมณ์ก็ได้ เช่น กระดูก ธรรมที่ปรากฎนั้นล้วนแล้วแต่น้อมลงสู่ความเป็นทุกข์ อนิจจัง อนัตตา อยู่ในตัว ก็รู้สึกถึงความหลากหลาย และความเห็นที่วกแต่อยู่กับเรื่องธรรม ช่วยให้เราเป็นคนที่มีความมั่นใจมากยิ่งๆขึ้นครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ได้ปฎิบัติอย่างปกติทุกวัน แต่ดึกๆ จะตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำบ้าง หรือตื่นขึ้นมาเฉยๆ ก็จะถือโอกาสนั่งสมาธิ ปกตินั้น เวลานั่งสมาธิจะต้องใช้เวลารวบรวมสมาธิ แต่ผ่านมาถึงวันนี้ผมเองไม่ต้องรวบรวมสมาธิ เพราะมีธรรมให้จับเลย คือจับธรรมตั้งแต่ก่อนนั่งสมาธิเลยเพราะมีความอยากปฎิบัติ หากถามผมว่าผมจับธรรมอะไรเหรอ ทำไมเร็วจัง ก็อยากตอบว่าธรรมที่บังเกิดกับเรานั่นแหละเอามาเป็นอารมณ์ ร้อนหนาว อ่อนแข็ง แล้วสังเกตุไปเรื่อยๆ ผมไม่กระโดดไปดูอารมณ์ของนาม เพราะว่านามที่ปรากฎขึ้นล้วนแล้วแต่ปรุงแต่งจากผัสสะที่เกิดขึ้น จะว่ากำหนดเอาเวทนาขันธ์เป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดจิตเป็นอารมณ์ก็ได้ (ดูจิตว่าจับอะไร)กำหนดมหาภูติเป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดปสาทรูปเป็นอารมณ์ก็ได้ กำหนดสัญญาเป็นอารมณ์ก็ได้ เช่น กระดูก ธรรมที่ปรากฎนั้นล้วนแล้วแต่น้อมลงสู่ความเป็นทุกข์ อนิจจัง อนัตตา อยู่ในตัว ก็รู้สึกถึงความหลากหลาย และความเห็นที่วกแต่อยู่กับเรื่องธรรม ช่วยให้เราเป็นคนที่มีความมั่นใจมากยิ่งๆขึ้นครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2014, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่ารวบรวมจิตกับรวบรวมสมาธิ มีความหมายต่างกันอย่างไร

รวบรวมจิตคือการตั้งสติเข้าไปรับรู้ว่าตอนนี้จิตจับอยู่กับธรรมใด

รวบรวมสมาธิคือการที่ตั้งใจที่จะสืบสานอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งให้คงที่และแนบแน่ว

ตามความเห็นของผมครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2014, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


จะสังเกตุว่าช่วงนี้ ผมเองไม่ค่อยพูดถึงอาการทางสมาธิ หรือ สมาธิอยู่ขั้นไหน สงบแค่ไหน เพราะว่าพักหลังผมเองมุ่งเน้นที่ตัวจิต (ขันธ์5เรียก "วิญญาณ") ถ้าพูดเรื่องสมาธิ ก็นั่งทุกวันอยู่แล้ว สงบอยู่แล้ว ผมไม่ดิ้นรนที่จะเห็นดวงแก้ว ไม่ดิ้นรนที่จะทำให้ร่างกายหายเป็นของว่าง ไม่ดิ้นรนที่จะทำตัวเบาอะไรแบบนั้น

ธรรมที่สำคัญยิ่งคือเราเห็นหรือยังว่าเราเป็นทุกข์ ถ้าเรายังไม่เห็นความเป็นทุกข์ แล้วเราจะนั่งสมาธิเพื่อเสพสุขหรืออย่างไร ก็เลยนำตัวทุกข์นี่แหละมาจับ ให้จิตจับมาพิจารณา( ขันธ์5เรียก "วิญญาณ")

ทุกข์ไม่ได้มีลักษณะเดียว ทุกข์มีหลายลักษณะ เรารู้ทุกข์ไม่ได้หมายถึงเราร้อนรน หรือได้รับความเสียดแทงจากทุกข์แต่อย่างใด แค่เราตั้งจิต (ขันธ์5เรียก "วิญญาณ") เพราะอาศัยความน้อมใจกำหนดรู้ (อันนี้สำคัญ) น้อมใจหมายถึงอะไร หมายถึงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เราทำกิจ เช่น ศรัทธา วิริยะ ความเพียร ความสลัดออกจากความเกียจคร้าน และอื่นๆ

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2014, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ดังนั้น การรู้ทุกข์ไมได้หมายถึงเรากำลังร้องให้ แล้วบอกรู้ทุกข์ หรือซึมเศร้า แล้วบอกเห็นสัจธรรมเด่นชัดแล้ว ไม่ใช่นะครับ

ความเป็นทุกข์แบ่งเป็น ทุกข์เพราะความเป็นขันธ์ คือรูปขันธ์ (ขันธ์5เรียกรูป) นามขันธ์ (สิ่งที่ปรากฎทางใจ ขันธ์5ก็มี สัญญา สังขาร เวทนา วิญญาณ) อันนี้ผมไม่ได้เรียงลำดับ ความเห็นผมเรียงก็ได้ ไม่เรียงก็ได้

ดังนั้น การที่เราร้องให้สามวันสี่วันข้าวปลาไม่กินหรืออะไรก็ตามแต่แล้วบอกซึ้งแล้วกับสัจธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงเรารู้หรือเห็นทุกข์ตามปรมัตถ์ธรรม

คนที่รู้ทุกข์คือคนที่รู้การปรากฎขึ้นมาของธรรมเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เราร้องให้สามวันสี่วันแล้วบอกว่ามีเหตุปัจจัยเพราะอกหักบ้าง ตกงานบ้าง แบบนี้ไม่ใช่นะครับ

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ก็มีการกำหนดจิตหลายรูปแบบ

จิตที่เราอยากพิจารณาธรรมนั้น ต้องเกิดขึ้นเพราะความมุ่งหวังอยากจะปฎิบัติ

ส่วนตัวนั้น ตอนเช้าๆจะตื่นขึ้นมานั่งสมาธิ ก่อนนอนก็ต้องนั่ง

ช่วงเช้าจะหาโอกาสฟังเสียงพระไตรปิฎกทางคอมบ้าง. เข้าเวปธรรมจักรบ้าง

เพื่อสร้างเสริมความปรารสในการอยากสานต่อธรรม กำหนดรู้ธรรมบ้าง

สิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวตั้งรับคือ แต่ละวันจะประสบเหตุการณ์หลายๆอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมะทั้งนั้น

จับเอาธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งมาพิจารณา อย่าปล่อยในจิตล่องลอยไปกับกระแสโลก

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงวันสองวัน มาไตร่ตรองดูความคิดตนเอง เราอยู่ในการดำเนินชีวิตที่ค่อนข้างจะมีห่วง

เป็นชีวิตทางโลกที่เราต้องอาศัยพลังต้านที่สูง

มันเหมือนน้ำที่ไหลไปตามร่องน้ำที่ขุดวางทางไว้

ร่องน้ำไม่ได้เสียหายอะไรแต่เราก็ออกจากร่องน้ำไม่ได้

เปรียบเหมือนเราไม่ปลีกวิเวกเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2014, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อารมณ์

วันนี้ก็เพียงอย่างเกริ่นเล็กน้อยว่าส่วนตัวกำลังเผชิญกับอารมณ์ใดบ้าง

อย่างที่เคยบอกว่า ผมเองนั้นยังไม่พร้อมในเรื่องการพิจารณาอารมณ์ แต่ไม่ใช่ไม่สังเกตุ และพอจะแยกแยะได้บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเราไปยึดถืออารมณ์เป็นหลัก เพราะอารมณ์นั้นเป็นผล ไม่ใช่เหตุ แต่เป็นแสดงสถานะของบุคคลนั้น

ผมไม่ได้กล่าวถึง ความหมายของอารมณ์ในลักษณะของ โกรธ โมโห อารมณ์ดี สงบ ริษยา ขุ่นมัว สว่าง โล่ง สงบ อันเป็นผลของกุศลธรรม หรือ อกุศลธรรม

ผมหมายถึง อารมณ์ที่เป็นอารมณ์ที่ปล่อยจิตตามกระแสโลก อันเป็นอารมณ์ที่ตอบสนองต่อผัสสะที่เกิดขึ้น หรือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มโนธรรม นั่นเป็นอารมณ์หนึ่ง

อารมณ์ที่เป็นสมาธิ หรือจิตเป็นสมาธิ นั่นอีกอารมณ์หนึ่ง

และอารมณ์วิปัสสนา นั่นอีกอารมณ์หนึ่ง

สำหรับผู้ที่มุ่งหวังการปฎิบัติภาวนา ย่อมเข้าถึงอารมณ์วิปัสสนาได้ด้วยความเพียรจากการ พิจารณา จาก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นคือมีแนวโน้มที่จะเกิดอารมณ์วิปัสสนา

ผู้ที่มีอารมณ์วิปัสสนาแล้ว ก็ไม่ต้องไปปรับโน่นปรับนี่ เพราะเป็นอารมณ์ของผู้รู้อยู่ ผู้ตื่นอยู่ ปรับไปปรับมากลายเป็นอารมณ์ทางโลกเพราะกลายเป็นจิตหลงไม่มีสมาธิกับธรรม

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ก็อยากเล่าความฝันที่ดี

ฝันเห็นในหลวง ในความฝันเหมือนว่าท่านทรงอยู่ในวัยตอนที่ท่านทรงงานหนักทั่วประเทศไทย ก็รู้สึกดีใจที่ฝันเห็นในหลวงครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2014, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะพิจารณาความแตกต่างของอารมณ์

อารมณ์ทั่วไปที่ไม่ได้กำหนดรู้ธรรมเป็นอย่างไร คือ เดินไปเดินมา ทำงาน แต่ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังขาดอะไรไป เหมือนความคิดบอกว่า เราสามารถที่จะกำหนดรู้อะไรต่างๆได้จากการทำงาน การเดิน กำหนดรู้อะไรสักอย่าง อย่าให้ขาดช่วง ก็เหมือนไม่กำหนดรู้แล้วเกิดความเผลอเรอ ก็จะหยิบจับด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่เสมอเช่น อาการหนัก อาการร้อนเย็น อาการถูมือ อาการเดิน แต่จะจับความเกิดดับทางจิตแทน คือจับย้ายไปรู้สึกสิ่งใหม่เรียกจิตเกิดดับ เพราะจิตจะรู้สิ่งต่างๆทีละอย่าง เช่นรู้ร้อนเย็นจะไม่รู้อ่อนแข็ง ถ้าเรารู้อ่อนแข็งอยู่แล้วเราย้ายจิตไปกำหนดรู้ร้อนเย็น อาการนี้เรียกจิตเกิดดับจากผัสสะหนึ่งไปผัสสะหนึ่ง แต่ถ้าจิตกำหนดรู้เสียงรถยนต์วิ่งผ่านเราแล้วจิตตั้งมั่นอยู่ที่เสียงรถวิ่งผ่านตั้งแต่เริ่มแรกไปจนกระทั่งเสียงรถที่ผ่านเบาบางจนดับลงนั่นคือการดับลงของโสตผัสสะแต่จิตยังจับที่ผัสสะนั้น ทีนี้จิตไม่มีที่จับเพราะตัวผัสสะที่ถูกจับหายไป จิตจะหาที่จับใหม่ เช่นเสียงใหม่
แต่อารมณ์ยังคงไว้ซึ่งกำหนดรู้ คือ ธรรมดับลงก็จริงแต่อารมณ์ยังคงเป็นอารมณ์ของความตั้งมั่น เป็นสมาธิ หรือวิปัสสนา คือเราไม่ไปเปลี่ยนอารมณ์เรา อารมณ์เรากำลังดีอยู่แล้ว สิ่งที่เปลี่ยนคือธรรมะที่เกิด หรือจิตที่กำหนดรู้ แต่อารมณ์เรายังคงเป็นอารมณ์ที่ยังไว้ซึ่งอินทรีย์5อยู่ ไม่ต้องไปห่วงว่า จิตไม่คงที่ จิตจับโน่นจับนี่ไปเรื่อย คือจิจจับโน่นจับนี่ก็จริงแต่จิตรู้อยู่ ก็จะทำให้เราเป็นคนที่สานต่ออารมณ์ได้ ควบคุมอารมณ์ได้ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2014, 06:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


นานเกือบเต็มเดือนที่ไม่ไดเข้ามาเล่าประสบการณ์ จริงๆได้เข้ามาเขียน คอมก็แฮงค์ไปซะก่อน ข้อมูลหายหมด ที่เขียนๆก็หายไปเช่นกัน

วันนี้ได้ออกไปวิ่งออกกำลังกาย ตอนที่วิ่งก็ตั้งใจทำความเพียรไปด้วย เท้าแตะพื้นสลับซ้ายขวา จิตก็ไปตั้งอยู่ คือที่ผมฝึกอย่างนี้มีเป้าหมายเพื่อ

-สร้างความเฉียบคมของจิต เวลาจิตตั้งอยู่ ให้เกิดความรู้ของสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นของนามรูป

-รับรู้การเกิดดับของรูปนาม บางทีจิตก็ไปตั้งอยู่ที่การได้ยินเสียง ด้วยโสต ตามเสียงใดเสียงหนึ่งจนหายไปต่อหน้า

-รับรู้ธรรมรอบข้างและอารมณ์ ในสวนสาธารณะย่อมมีต้นไม้ สีเขียว เสียงนก อากาศ ออกกำลังกายที่ร่างกายประสบความตื่นตัว

-พอวิ่งไปได้รอบที่5 จิตก็เริ่มจับธรรมไม่ได้ มันเหนื่อย มีแต่เสียงหอบของลมหายใจ จิตไม่ค่อยเฉียบคมเหมือนสภาวะปกติที่ไม่ค่อยเหนื่อย ก็เป็นประสบการณ์ในวันนี้ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2014, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ผมได้ใช้โปรแกรม ipad ในการพิมพ์
พิมพ์เร็วมาก ไม่มีปัญหาการล่าช้า หรือ delay
บางทีพิมพ์ตัวอักษรหนึ่งตัว ต้องรอให้processตั้งนาน เพราะตัวอักษรค้าง

ตอนนี้ไหลลื่นมากเลยครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2014, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มีประสบการณ์เยอะแยะที่เตรียมไว้เขียน

พอเวปเปิดได้แล้ว

กลับนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไร?

วันนี้เลยขอเสนอ คำอุปมาที่เกี่ยวกับอารมณ์สมาธิ

อารมณ์สมาธิที่กำหนดรู้วิปัสสนาภาวนาเหมือน ว่าวติดลม

คือเมื่อว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า เพราะมีลมช่วยหนุน มีการบังคับจังหวะ ควบคุมให้ว่าวลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ตกลงมา

ว่าวก็ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้นาน ยิ่งสูง ผูกว่าวไว้กับโคนต้นไม้ก็ลอยอยู่ได้

สมาธิก็เหมือนกัน ทำอย่างไรให้อารมณ์สมาธิเกิด ทำอย่างไรให้ว่าวติดลม

ปัญหาคือว่าวอยู่บนดินแล้วขึ้นยาก เพราะกะจังหวะไม่ถูก ไม่พยายาม เอาไปเอามากลายเป็นความขี้เกียจ

ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2014, 00:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ก็พิจารณาธรรมหลายรูปแบบ โดยการพิจารณาลงในขันธ์5อย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งปกติ จิตคนเราก็พิจารณาธรรมได้ทีละอย่างอยู่แล้ว
แต่อารมณ์พิจารณานั้น สานต่อได้ด้วยความเป็นขันธ์5 ด้วยปัจจุบันขณะ

คงเคยได้ยินคำบางคำผ่านหูเช่น " พิจารณาทุกข์โดยความเป็นทุกข์"

ทุกข์แรกนั่นก็คือขันธ์5นั่นเอง ทุกข์ ที่2 คือ ไตรลักษณ์

"พิจารณากายโดยความเป็นทุกข์"

ก็คือขันธ์5 ลงความเป็นพระไตรลักษณ์

"พิจารณาความตาย โดยความเป็นทุกข์"

นี่บางคนสงสัย ความตายคืออะไรในขันธ์5 ความตายเป็นสัญญาครับ เพราะเรายังไม่ตาย แต่เราพิจารณาตัวเองเป็นศพบ้าง กระดูกบ้าง เห็นหนองบ้าง เห็นตับไตใส้พุง นั่นก็คือขันธ์5 นั่นเอง แต่เป็นส่วนของสัญญา ลงความเป็นพระไตรลักษณ์

นั่นก็คือ พิจารณาความตายโดยความเป็นทุกข์ คือพิจารณาสัญญาลงความเป็นทุกข์นั่นเอง

ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร