วันเวลาปัจจุบัน 04 มิ.ย. 2025, 01:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 19:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังอยู่ค่ะ :b1: :b1: ตอนนี้ก็ปฎิบัติไปเรื่อยๆ ตามที่คุณกรัชกายบอกค่ะ เพียงแต่ว่า ช่วงนี้ไม่ได้มาเปิดดูและรายงานการปฎิบัติ^_^ งานเยอะ

มีป้าเค้าบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิทุกวันก็ได้เพียงแต่เวลาเราทำอะไรให้ รู้ อยู่เสมอ ก็เหมือนเป็นการทำสมาธิ ใช่หรือป่าว ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chamod เขียน:

มีป้าเค้าบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิทุกวันก็ได้เพียงแต่เวลาเราทำอะไรให้ รู้ อยู่เสมอ ก็เหมือนเป็นการทำสมาธิ ใช่หรือป่าว ค่ะ


ใช่อ่ะครับ จะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำงานซักเสื้อ-ผ้า กวาด-ถูบ้าน ล้างถ้วย-จาน ฯลฯ มีสติสัมปชัญญะรู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งนั้นๆอยู่ก็ใช้ได้ครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำได้เป็นบางครั้ง ค่ะ บางครั้งก็ขาดสติ :b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chamod เขียน:
ทำได้เป็นบางครั้ง ค่ะ บางครั้งก็ขาดสติ



ไม่แปลกครับ ค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ ในแต่ละวันๆจะหยิบจับ-วาง สิ่งใด ก็รู้จะให้ดีกำหนดกำหนดไปด้วย จิตใจจะแนบสนิทกับสิ่งนั้นๆเป็นสมาธิเร็วขึ้น เช่น หยิบหนอ ยกหนอ วางหนอ ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2012, 15:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ื 25 ก.ค. 55 นั้งไปประมาณ 20-25 นาที

ทำไมเวลานั่งไป นั่งไป การหายใจลิบหลี่ๆ ลงทุกที เหมือนเราจะหายใจน้อยลงทุกทียังไงอย่างนั้น
และเวลานั่งบางครั้งก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงมาก เลยทีเดีย :b1: :b1: :b1: :b1: ความสงสัยมีเยอะเหลือเกิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2012, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chamod เขียน:
วันนี้ื 25 ก.ค. 55 นั้งไปประมาณ 20-25 นาที

ทำไมเวลานั่งไป นั่งไป การหายใจลิบหลี่ๆ ลงทุกที เหมือนเราจะหายใจน้อยลงทุกทียังไงอย่างนั้น
และเวลานั่งบางครั้งก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงมาก เลยทีเดีย ความสงสัยมีเยอะเหลือเกิน


....นั่งไปๆ เดี๋ยวรู้สึกว่าลมหายใจหายไป เดี๋ยวก็รู้สึกเหมือนไม่หายใจ แล้วก็รู้สึกว่า เราจะตายไหมเนี่ย เอ๊ะสมองจะขาดอ๊อกซิเจนมั๊ย คิดไปคิดไปคิดมาก็ ตกใจ ใจสั่น กลัวตาย แล้วก็คิดห่วงพ่อแม่ ห่งคนนั้นคนนี้ ....มันเป็นสารพัดสารพันสองพันครับ :b32:

ยังจะสงสัย (วิจิกิจฉา) ตราบเท่าที่เรายังไม่เห็นเหตุปัจจัยความเป็นยังงั้นของธรรมชาติ คือกายใจนี้...

จึงได้แนะนำว่า ภาคปฏิบัติพึงกำหนดรู้ตามที่มันเป็นทุกๆครั้งทุกๆขณะ เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น แล้วสักวันก็จะรู้เห็นเหตุปัจจัยของมันแล้วก็หายสงสัย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2012, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบขอบพระคุณ คุณกรัชกรายมากๆ น่ะ ค่ะ ที่ให้คำชี้แนะสำหรับผู้รู้น้อยคนนี้
วันนี้ มีคนแนะนำให้ ท่องธาตุกัมมัฎฐาน ๔

ขออำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ์ จงบันดาลบุญที่เกิดจากการท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ของข้าฯ จงเป็นอาหาร น้ำทิพย์ วิมาน เสื้อผ้า ให้ญาติ ให้เทวดาที่รักษา ให้นายเวร ให้เชื้อโรคของข้าฯ

บทท่องธาตุกัมมัฎฐาน ๔
ธาตุ 4 คือ ธาตุดิน เรียกปฐวีธาตุ, ธาตุน้ำ เรียกอาโปธาตุ, ธาตุไฟ เรียกเตโชธาตุ, ธาตุลม เรียกวาโยธาตุ

ธาตุอันใดมีลักษณะแข้นแข็ง ธาตุนั้นเป็นธาตุดิน ธาตุดินที่มีในกายนี้ คือ ผม, ขน, เล็บ, ฟัน, หนัง, เนื้อ, เอ็น, กระดูก, เยื่อในกระดูก, ม้าม, หัวใจ, ตับ, พังผืด, ไต, ปอด, ไส้ใหญ่, ไส้น้อย, อาหารใหม่, อาหารเก่า,

ธาตุอันใดมีลักษณะเอิบอาบ ธาตุนั้นเป็นธาตุน้ำ ธาตุน้ำที่มีในกายนี้ คือ ดี, เสลด, หนอง, เลือด, มันเหงื่อ, มันข้น, น้ำตา, เปลวมัน, น้ำลาย, น้ำมูก, ไขข้อ, น้ำปัสสาวะ (มูตร)

ธาตุอันใดมีลักษณะร้อน ธาตุนั้นเป็นธาตุไฟ ธาตุไฟที่มีในกายนี้ คือ ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น, ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม, ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย, ไฟที่เผาอาหารให้ย่อย

ธาตุอันใดมีลักษณะพัดไปมา ธาตุนั้นเป็นธาตุลม ธาตุลมที่มีในกายนี้ คือ ลมพัดขึ้นเบื้องบน, ลมพัดลงเบื้องต่ำ, ลมในท้อง, ลมในไส้, ลมพัดไปตามตัว, ลมหายใจ

ความกำหนดพิจารณากายนี้ให้เห็นว่า เป็นแต่เพียงธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เรียกว่า ธาตุกัมมัฎฐาน


ยังไงเองง ป้าเค้าบอกว่าเวลาท่องจะทำให้เรามีสมาธิขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chamod เขียน:
กราบขอบพระคุณ คุณกรัชกรายมากๆ น่ะ ค่ะ ที่ให้คำชี้แนะสำหรับผู้รู้น้อยคนนี้
วันนี้ มีคนแนะนำให้ ท่องธาตุกัมมัฎฐาน ๔

ขออำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ์ จงบันดาลบุญที่เกิดจากการท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ของข้าฯ จงเป็นอาหาร น้ำทิพย์ วิมาน เสื้อผ้า ให้ญาติ ให้เทวดาที่รักษา ให้นายเวร ให้เชื้อโรคของข้าฯ


หุหุ :b1: คุ้นๆ น่าจะเอามาจากหนังสือวัดสามแยก :b10:

การสวดการท่องบทไหนก็ได้ อิติปิโส พาหุง มหากา นับลูกประคำ เพ่งกสิณเป็นต้น ทำให้เกิดสมาธิทั้งนั้น ที่สำคัญคือให้จิตมันอยู่กับงานปัจจุบันแต่ละขณะๆ ในขณะนั้นๆ

แต่นั่นมันเตลิดไปไกลไปครับคุณชะมด พูดตรงๆก็ว่า ชักจะเป็นการอ้อนวอนให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ดลบันดาลนั่นนี่ให้ เช่นกรณีนี้ :b12:

ความมุ่งหมายของไตรสิกขา (ศีล สมาธิ และปัญญา) ก็คือ ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุติ หรือ ที่พระพุทธเจ้าผ่อนลงมาที่รู้กันว่า บุญกิริยา (ทาน ศีล ภาวนา) ความมุ่งหมายก็คือ ทานเพื่อศีล ศีลเพื่อภาวนา ภาวนาเพื่อวิมุติ

อริยมรรค 8 ประการรวมอยู่ในหลักปฏิบัตินี้ทั้งหมดครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มรรค แปลว่า ทาง วิธีปฏิบัติ ข้อปฏิบัติ ท่านจำแนกกระจายออกไปในฐานะต่างๆอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เหมาะสมกับชีวิตแต่ละชีวิตๆซึ่งกำลังเดินทางกันอยู่ มีหัวข้อดังนี้


มรรคในฐานะมัชฌิมาปฏิปทา
มรรคในฐานะข้อปฏิบัติ หรือทางชีวิตทั้งของบรรพชิต และคฤหัสถ์
มรรคในฐานะหลักปฏิบัติที่เนื่องด้วยสังคม
มรรคในฐานะทางให้ถึงความสิ้นกรรม
มรรคในฐานะอุปกรณ์สำหรับใช้ มิใช่สำหรับยึดถือหรือแบกไว้โก้ๆ
มรรคในฐานะพรหมจรรย์หรือพุทธจริยา
มรรคในฐานะมรรคาสู่จุดหมายขั้นต่างๆของชีวิต
มรรคในฐานะไตรสิกขา หรือระบบการศึกษาสำหรับสร้างอารยชน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 15:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 15:53
โพสต์: 410


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจู่ๆๆ เราเกิดอยากนั่งสมาธิขึ้นมา แล้วเราไม่สวดมนต์จะผิดมั้ยคะ เช่น จะนั่งสมาธิก็นั่งเลยงี้คะ ผิดหรือเปล่าค่ะ พอนั่งไปสัก 5 นาที กายเหมือนจะเอียงๆๆ โอนๆๆ บอกไม่ถูกค่ะ การหายใจก็จะเป็นแบบ สั้นๆ ยาวๆๆ บางครั้งก็อึดอัดค่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนตอบคำถาม

จะนำแบบการบำเพ็ญกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นพุทธพจน์เทียบให้ดูนิดหน่อย ดูครับ

เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว

เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น

ฯลฯ

ชีวิตคนเราที่ยังโลดแล่นอยู่ได้ เพราะยังหายใจเข้า- หายใจออกอยู่ ชีวิตจึงดำเนินไปได้

หากวันใด หายใจออก ไม่หายใจเข้า หรือหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก

วันนั้นญาติพี่น้องเตรียมจัดงานศพ นิมนต์พระสวด กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา...ได้

พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูรู้ว่าชีวิตมีทุกข์ประจำของมันอยู่แล้ว (ทุกข์ประจำสังขาร) แล้วก็มีทุกข์จรอีก

เพราะเราถูกทุกข์บีบคั้นจิตใจก็ติดตัน คิดวนไปวนมาไม่มีทางออก ปัญญาดับ...ที่ป่วยก็หนักที่รักก็หน่าย ... พระพุทธองค์จึงแนะนำวิธีฝึกฝนอบรมจิต หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ โดยวิธียึดลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งเป็นธรรมชาตินั่นแหละ เป็นอารมณ์ เป็นที่ฝึกจิต เพื่อเจริญสติปัญญาแล้ว...ที่ป่วยก็หายที่หน่ายก็รัก...

หายใจเข้า-ออก ยาวหรือสั้นก็รู้ชัดตามนั้น คือตามที่มัน หายใจเข้ายาวก็รู้ หายใจออกยาวก็รู้ รู้ๆตามนั้นเรื่อยๆทุกๆขณะที่ลมไหลเข้าและไหลออก ฯลฯ

ที่ถามว่า

ouie เขียน:
ถ้าจู่ๆๆ เราเกิดอยากนั่งสมาธิขึ้นมา แล้วเราไม่สวดมนต์จะผิดมั้ยคะ เช่น จะนั่งสมาธิก็นั่งเลยงี้คะ ผิดหรือเปล่าค่ะ
พอนั่งไปสัก 5 นาที กายเหมือนจะเอียงๆๆ โอนๆๆ บอกไม่ถูกค่ะ การหายใจก็จะเป็นแบบ สั้นๆ ยาวๆๆ บางครั้งก็อึดอัดค่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ


ก็ได้คำตอบแล้วดังนี้

ไม่ผิดครับ

ก็ธรรมชาติธรรมดามันเป็นยังงั้น มันก็เป็นยังงั้น หน้าที่ของเราช่วงนี้คือรู้ตามที่มันเป็น เช่น

ขณะที่นั่งตามดูรู้ลมอยู่นั่น ร่างกายจะโอนเอนโงนเงนยังไงก็รู้ตามที่มันเป็น... อ้อมันเป็นยังงี้เอง แล้วก็ตามรู้ดูลมเข้า-ออกต่อไป ลมเข้า-ยาว หรือ สั้น ก็รู้ตามเป็นจริง ขณะที่อึดอัดก็รู้ตามตามเป็นจริง...ว่าอ้อมันเป็นยังงี้เองหนอ แล้วตามดูรู้ลมเข้า-ออกสั้นยาวให้ทันต่อไป :b1: เมื่อรู้ตามที่เป็นจริงอย่างนั้นแล้วๆเล่าๆจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ (เกิด-ดับ) ของธรรมชาติ จิตใจจะโล่งโปร่งเบาคลายยึดติด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2012, 22:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณเจ้าค่ะ คุณกรัชกราย :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2012, 23:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ นั่งสมาธิ เหมือนทุกวันค่ะ กำหนดลมหายใจเข้าออก พุธ โธ ปกติ และได้สักพัก ก็เปลี่่ยนเป็นมาเป็นกรแผ่เมตา นั่งไปได้สัก 20 นาที มีแสงจ้าตรงหางตาข้างซ้าย ตกใจเลยออกจากสมาธิเลยค่ะ

อย่าด่าหนูน่ะ หนูยังด่อย ปัญญาอยู่ Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2012, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chamod เขียน:
วันนี้ นั่งสมาธิ เหมือนทุกวันค่ะ กำหนดลมหายใจเข้าออก พุธ โธ ปกติ และได้สักพัก ก็เปลี่่ยนเป็นมาเป็นกรแผ่เมตา นั่งไปได้สัก 20 นาที มีแสงจ้าตรงหางตาข้างซ้าย ตกใจเลยออกจากสมาธิเลยค่ะ

อย่าด่าหนูน่ะ หนูยังด่อย ปัญญาอยู่



ใครเขาจะด่าคนขยันได้ลงคอล่ะจ๊ะ สาธุจ้า :b8:

แสงจ้านั่นแหละบ่งบอกว่าจิตสงบนิดนุง (ฟุ้งลดลง) เอาอย่างนี้นะครับคนดี :b1:
อย่าใช้แต่ฐานลม-เข้าออกแล้วพุทโธๆเท่านั้นดิ
เราจะต้องตามดูรู้ทันฐานอื่นๆด้วย ฟังนะ เช่น เห็นแสงเจิดจ้าเป็นต้น พึงวางลมหายใจเข้า-ออกวางพุทโธก่อน แล้วกำหนดรู้แสงจ้านั้น ตัวอย่าง เห็นก็ "เห็นหนอๆๆๆ" ตกใจก็ "ตกใจหนอๆๆๆ" อย่าปล่อยให้สภาวะเหล่านี้ผ่านไปเฉยๆ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นของมันด้วย

เมื่อกำหนดรู้หรือภาวนา (หรือจะเรียกว่าอะไรไม่ต้องสนใจ) ตามที่เห็น ตามที่ได้ยิน ตามที่รู้สึกแล้ว ดึงความรู้สึกมาเกาะจับลมเข้า-ลมออกแล้วภาวนาพุท-โธ ต่อ่ไป ลมเข้า-พุท ลมออก-โธ พร้อมๆกับลมเข้า-ลมออก แค่นี้เอง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2012, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณเจ้าค่ะ :b8: :b8: :b1:
แต่ว่า จะนั่งต่อไปไม่ได้แล้วอะค่ะ มันมีความรู้สึกกลัว
เราจะดับความกลัวนั้นได้อย่างไรค่ะ
กำหนดแล้วน่ะค่ะ รู้หนอ กลัวหนอ มันก็ยังไม่หายอ่ะค่ะ

ขอบพระคุณอีกเค้าเจ้าค่ะ Kiss Kiss :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร