วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 02:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 05

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน20 นั่ง20
ตอนเช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง1ชม มีความคิดเกิดขื้นมากมายแต่ไม่เหมือนเมื่อก่อน คือแค่รู้แล้ววาง
แล้วมารู้ที่กายต่อแต่มีอาการเบาสบาย ไม่เหมือนเมื่อก่อนถ้าเป็นอย่างนี้จะรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ

June 07

เมื่อคืนงว่งมากไม่ได้ปฎิบัติเลย พอเช้ามาปฎิบัตเดิน30นาที นั่ง45นาที
ผมทราบแล้วครับที่พี่เลี้ยงผมให้ปฎิบัตต่อเนื่องเพราะอะไรทำมากทำน้อยพยายามให้ได้ทุกวัน
เมื่อเช้าผมมาทำมีสมาธิดีแต่เหมือนกำลังสมาธิไม่ดีแล้วรู้สึกขี้เกียจ ตอนนั่งมีสัปหงก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 08

เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาทีนั่ง10นาที
พอตอนเช้ามาปฎิบัต เดิน30นาที นั่งนอน 50นาที งว่งอะไรนักหนา
แต่วันนี้ปฎิบัตนะครับเหมือนคนทำไม่เป็นเลยครับมีความคิดเกิดและ
ก็เหมือนกับไม่มีสติเลย (กิกิ ไม่เที่ยง) วันนี้ผมยิ้มมากๆๆๆครับ ขอบคุณครับที่เป็นพี่เลี้ยงผม


June 09

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านได้ขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
ตอนเช้าปฎิบัต เดิน45นาทีนั่ง30นาที ขอบคุณครับที่เป็นพี่เลี้ยงผม


June 10

เมื่อคืนปิดร้านแล้วขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
ตอนเช้าปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง40นาที ขอบคุณครับที่เป็นพี่เลี้ยงผม


June 11

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านได้ขื้นไปปฎิบัต เดิน30 นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง40นาที (เดินยังมีอาการงว่งอู่ยแต่ก็รู้แล้วกับมารู้กาย)
มีสภาวะจะเล่าให้ฟังนะครับ กอ่นขื้นปฎิบัตรอบเช้าเหมือนมีอาการลอยๆๆพอสักพัก
มีสติก็เลยนึกขื้นได้ว่ามิกี้เราไม่ได้รู้อยู่กับกาย

แล้วกลับไปเมื่อคืนเรื่องความหืงหวงของผมเมื่อคืนที่เล่าให้ฟังนะครับพอมานั่งคิดแล้วผมใช้กรรมนะครับผมสร้างเหตุไว้เองเมื่อกอ่นผมหืงหวงตัวเขามาก กิกิ รับไป

วันนี้ตอนเช้าจะปฎิบัตเต็มรูปแบบวันนี้นืกยังไงไม่ทราบได้เอาโทรศัพยติดขื้นไปด้วย(วันนี้มีสติดีครับ)
ช่วงเดินลูกสาวโทรเข้ามา เรื่องโทรเข้ามาไม่สำคัญเท่าไรพอช่วงนั่งเด็กที่จะมาเล่นเกมโทรเข้ามา
ถามว่าจะเปิดร้านเมื่อไรเราก็เลยบอกไปว่าขยันโทรจังก็บอกหลายครั้งแล้วว่าเปิดเที่ยง
(มีอารมณ์เกิดนิดนึงครับแต่ก็แผ่เมตตาออกไปครับ) กิกิ เราเคยรบกวนผู้ปฎิบัตไม่ใช่ใครพี่เลี้ยงเราเองตอนใหม่ๆๆๆๆๆ รับไปใช้ไป

วันนี้เลยนั่งคิดอีกหลายเรื่องครับเรื่องที่คิดถ้าเราไม่ไปให้ค่ากับมัน จะไม่มีอะไร
มันเกิดขื้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปถ้าเราไปให้ค่ามันแก้ไม่จบแถมความทุกขให้อีก(ลดพิเศษนะมีของแถม)
แต่ถ้ามีสติผมไม่เอา ครับ

ผมขอบคุณมากจริงๆๆๆๆครับที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมและคอยสอนผมทุกอย่าง
ผมเริ่มเข้าใจในสิ่งที่คุณสอนผมเข้าไปเลื่อยๆๆๆแล้วละครับและเห็นชัดขื้นเลื่อยๆๆๆ
ขอบคุณมากครับที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผม


ooสาธุoo says:
คือ คนถ้ายังมีเหตุต่อกันนะครับ ยังต้องอยู่ชดใช้กันกอ่นหรือเปล่า
ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่หรอกค่ะ จะบอกยังไงดี ทุกอย่างนะคะ เรามีหน้าที่คือดูตามความเป็นจริง
เมื่อเราไม่ไปให้ค่าหรือไปแก้ไขอะไร สภาวะเขาจะจบลงด้วยตัวของเขาเอง
ส่วนคนที่มีเหตุกับเรานั้น เขาก็รับผลที่เขาทำไป
ถ้าเรายังไม่เข้าใจ จะไม่รู้เลยว่ากำลังถูกชดใช้

ooสาธุoo says:
วันนี้อ่านการบ้านผมยังครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพิ่งมาค่ะ เลยยังไม่ได้อ่าน แต่เปิดไว้แล้ว
อ่านแล้วค่ะ นั่นแหละค่ะ มันจะมีแต่การชดใช้

ooสาธุoo says:
ผมนะครับ ผมว่า ผมได้คุณมาเป็นอาจารนะครับ
ผมว่าผมได้สิ่งมีค่าที่สุด ถืงผมจะเห็นสภาวะบางอย่างยังไม่ชัด
แต่บางสิ่งบางอย่างผมยังพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้นะครับ
เออผมจะมีเรื่องเล่าให้ฟังนะครับ

คือว่าความเปลี่ยนแปลงของเรานะ อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดอะเปล่า
คือผมนะชอบพูดเล่น

สุขที่แท้จริง says:
อีกละ

ooสาธุoo says:
แต่พอผมจะพูดเล่น มันมีตัวนืง บอกว่าสมควรพูดไหม

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นไปเองตามสภาวะค่ะ เป็นแบบนั้นจริงๆ

ooสาธุoo says:
คืออย่างนี้ครับ เรื่องบ้านพี่นะครับ พักนี้ผมไม่ค่อยพูดเล่นไง
แล้วมาเจอเรื่องอะไรต่างๆๆกับแฟนนะ เลยทำให้เขาคิดว่าผมหมางเมินอะเปล่า

สุขที่แท้จริง says:
คุณจะไปคิดทำไมล่ะคะ

ooสาธุoo says:
คือทำนองว่า กำลังจะบอกเลย คือมีความคิดเกิดว่า เราถนอมน้ำใจ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ทุกอย่าง ยังไงมันต้องเกิดขึ้นแบบนี้สักวัน

ooสาธุoo says:
คือพูดเล่นกับเขาเหมือนเดิม

สุขที่แท้จริง says:
ถนอมน้ำใจ คือ ไม่พูดดีกว่าค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่ผมมาคิดนะครับ นี่ละ ทีแรกผมจะเขียนในบอก๊นะครับ
เราคิดแก้ไขนะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
จะยุ่งกว่านี้อะเปล่า คิดดี ถ้าเขาไม่เข้าใจ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะทำให้สภาวะเปลี่ยนไป แล้วทีนี้คนที่จะต้องมีชีวิตที่วุ่นวายคือตัวคุณเอง เจอมาหมดแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมกลัวว่าผมจะทุกขเองนะถสิ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงเงียบไงคะ ใครจะพูดอะไรยังไง ไม่มีแก้ตัว ยิ้มอย่างเดียว

ooสาธุoo says:
ตอนนี้นะครับ ผมยอมรับ บางทีเราเงียบเนี่ย

สุขที่แท้จริง says:
คิดแทนอีกละ

ooสาธุoo says:
ยังแผงดว้ยความโกรธ ตัวผมเองนะครับ ผมกำลังดูจิตผมเอง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ไม่ว่าเขาหรือเราก็ตาม เพราะอารมณ์ สักพักมันก็เปลี่ยนไป
พอกระทบบ่อยๆ คุณจะรับมือได้มากขึ้น มันไม่เที่ยง เหตุมี ผลย่อมมี ชดใช้เขาไป
โกรธก็ให้รู้ว่าเออเรายังมีนะความรู้สึกนี้ แต่ไม่ได้ไปพยาบาทเขา

ooสาธุoo says:
ผมเลยทำตามอาจารสอนคือดูกายดูจิตตัวเอง จริงๆๆๆนะครับ
ผมเข้าใจคำสอนของคุณขื้นเยอะเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
คนเรานะคุณ ต่อให้ทำดีแค่ไหน ถ้าเขายังฝังใจอยู่กับภาพเดิมๆ เราไปอธิบายอะไรไม่ได้หรอกค่ะ
ปล่อยให้ทุกิอย่างเป็นไปตามสภาวะ เขาเองก็ต้องรับเหตุที่เขาทำไว้กับคนอื่นๆ
หนีไม่ได้หรอกค่ะ ใครทำยังไงย่อมรับผลเช่นนั้น

ooสาธุoo says:
ครับ ผมกำลังเจอเหตุต่างๆๆๆ ที่ทำมานะครับ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ทางตรงก็แบบนี้แหละคุณเก๊ะ เจ้าหนี้รุมถึ้ง
ฉะนั้นต้องตั้งสติรับมือให้ดี ให้บอกกับตัวเองว่า ชดใช้เขาไป เด๋วมันจบด้วยตัวสภาวะเอง
ยิ่งแก้ ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งเท่ากับเอาทุกข์มาใส่ตัวเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลยสะใจจัง

สุขที่แท้จริง says:
เนี่ย ถ้าจับจุดได้แบบนี้นะ สภาวะจะไปได้ไว เพราะจิตที่ดี สภาวะเขาจะไปได้ไว
จะทำให้รู้อยู่ในกายและจิตมากขึ้น มันไม่ไปวุ่นวายข้างนอก
เชื่อไหมคะ ตั้งแต่วันจันทร์ ทำได้แค่ 2 รอบ คือ เช้ากับเย็น นอกนั้นนะ หลับตลอด
แต่เพราะเข้าใจสภาวะ เลยไม่ไปให้ค่าอะไรกับมัน
พอมาวันนี้นะ สติดีทั้งวัน ทำให้รู้อยู่กับกายและจิตได้ทั้งวัน

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ผมนั่งไม่ตั้งเวลา ว่าจะลองดูสิว่าเวลาสัปหงกนะครับ ตอนเวลาเท่าไร
ที่ไหนได้ ไม่มีเลย มันไม่เที่ยง คือผมกำลังทำตามที่คุณบอกนะครับ ว่าลดนั่งลง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ การปรับอินทรีย์ ปรับได้ตลอดเวลา ตามสภาวะค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมถามต่อเลยนะครับ
เวลาเดินนะครับ ตอนนี้ผมทำให้ได้1ชม ใช่ไหมครับ แต่ยังมีง่วง แต่ผมก็รู้แล้วกับมารู้กาย

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเดินได้ เดินไปค่ะ ง่วงก็ให้รู้ว่าง่วง มันอยากจะนั่งก็นั่งลงไป ปล่อยไปตามสภาวะ
เรามีหน้าที่คือดูตามความเป็นจริง

ooสาธุoo says:
อาจารคนนี้ผมรู้อยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ เพราะถ้าเราไปให้ค่าว่าดีหรือไม่ดีเมื่อไหร่นะ เสร็จกิเลสเลย

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เรายอมเขาดีกว่าค่ะ ให้เขาชนะไป เด๋วกิเลสมันก็เบื่อเล่นกับเราไปเป็นพักๆ

ooสาธุoo says:
อย่างนี้เรายกมือยอมแพ้เลย

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ไม่ขัดขืน ไม่แก้ไข กิเลสมันหมดสนุก มันจะหยุดดูเรา
จิตเรานี่นะคุณ มันซับซ้อนๆๆๆๆๆ แล้วก็ซ้อนๆๆๆๆๆ

ooสาธุoo says:
เออผมถามต่อนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถามได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
คือว่าเรามีความโกธรที่คาใจอู่ยเนยนะครับ มันคืออุปทานใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
โหๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยากๆๆๆๆๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่กำลังของสติ ถ้าสติทันมันก็ดับไว เราถึงต้องมาเจริญสติไงคะ
ดับต้องดับที่เหตุคือตัวเรา ไม่ใช่ไปหาเหตุนอกตัว

ooสาธุoo says:
ใช่เลยครับ วันนี้พูดได้ใจจริงๆๆๆๆๆๆ ดับที่ตัวเราง่ายกว่า

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เพราะทั้งหมดเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดจากตัวเราทำไว้ทั้งนั้น
เขาถึงมีคำพูดไงคะ เห็นจิตให้ทำลายจิต เห็นผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้ จะใครล่ะ เราทั้งนั้น
กิเลสในใจเราทั้งนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


12 มิถุนายน

เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฏิบัต เดิน30นาที นั่ง10นาที
เช้าปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง30นาที ขอบคุณครับที่เป็นพี่เลี้ยงผม


13 มิถุนายน

ขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
เช้าปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที มีอะไรต่ออะไรจะเล่าให้ฟังเยอะแต่ก็คิดว่ามันเป็นที่เหตุ
เราก่อเอง รับก็รับผลของมันเอง



14 มิถุนายน

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง5นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง10นาที (พอดีนั่งนอ้ยเพราะแม่บ้านรอกินข้าว กิกิ)
ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม


ooสาธุoo says:
ผมตอ้งกราบขออโหสิกรรม กอ่นนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เอ๋ ค่ะ เรื่องปกติค่ะ

ooสาธุoo says:
อาวรู้แล้วใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่รู้ค่ะ ก็บางทีคุณอาจจะไม่อยากเล่า ก็เลยบอกว่าค่ะ แล้วอีกอย่าง เรื่องปกติค่ะ

ooสาธุoo says:
เอาเป็นว่าผมกำลังใช้เหตุที่ผมทำอยู่ ผมทำเหตุไว้
ผมเข้าใจแล้วครับเรื่องเหตุที่เราก่อ ทีแรกว่าจะแก้ไข

สุขที่แท้จริง says:
ใช้หนี้อาจารย์เหมือนกันคะ เคยว่าอาจารย์ไว้เยอะและแกล้งด้วย สมัยเรียนหนังสือ
แล้วอีกอย่าง ไม่ได้มีคุณที่เป็นแบบนี้คนเดียว ทุกๆคนแหละค่ะ เลยบอกว่าเรื่องปกติ



ooสาธุoo says:
กลัวยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แค่รู้ ไม่ต้องไปให้ค่าใดๆ



ooสาธุoo says:
เราใช้เหตุที่เราก่อไป

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อดีตเราไปแก้ไขอะไรไม่ได้
การแก้ คือ การสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น เลือกสร้างแต่กุศลดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว

ถึงบอกไงคะ ไม่มีใครไม่อยากเป็นคนไม่ดี ทุกคนอยากเป็นคนรวย สวย ดี มีปัญญา แต่เพราะความไม่รู้
จึงหลงทำอะไรๆที่มันเป็นเหตุให้ตัวเองเดือดร้อนไปเพราะความไม่รู้นี่แหละ

ยิ่งถ้าไปติติงผู้อื่น โดยที่ตัวเองไปยึดติดในรู้ที่คิดว่าตัวเองรู้ ถ้าไปเจอคนที่เขารู้จริง
ปัญญาของตัวเองยิ่งมืดบอดลงไปเรื่อยๆ

ฉะนั้น การไม่ว่าใครๆเลย เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทำยากหรือง่าย ทำได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่สติ สัมปชัญญะค่ะ



ooสาธุoo says:
ครับใช่ ตอนนี้นะ สิ่งที่คุณบอกให้ผมฟังที่แล้วๆๆๆมานะ
ผมกำลังเริ่มเห็นแล้วละ การที่เราไปเถียงเอาชนะกับคนที่ยังไม่รู้ เท่ากับเราทุกขเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ



ooสาธุoo says:
เพราะว่าผมคิดว่าเขารู้เท่าเรา

สุขที่แท้จริง says:
คาดเดาเองน่ะค่ะ



ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมยอมรับครับว่าผมคาดเดา

สุขที่แท้จริง says:
จำเรื่องเปลือกได้ไหมคะ



ooสาธุoo says:
ครับ จำได้

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างคือเปลือก ที่เหลือ เราเอาความคาดเดาใส่ลงไปเอง



ooสาธุoo says:
พอมานั่งคิดมีสติ ว่าทุกสิ่งตอ้งมาจากเหตุที่เราก่อ เราพยายามอย่าสร้างเหตุใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ไปคุยกับเพื่อนมาสิท่า ขอเดานะคะ



ooสาธุoo says:
ไม่ครับ เรื่องเรา2คนโดยตรง นืกออกแล้วนะครับ เดาเอา
เอาเป็นว่าผมดืงคุณเข้ามาเลยขออโหสิกรรม



สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ทุกอย่างมันมีเหตุ



ooสาธุoo says:
ผมก็ใช้เหตุที่ผมก่อไว้ในอดีต



สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ดีแล้วค่ะ ยิ่งใช้ไปเรื่อยๆ เด๋วหมดหนี้ ทีนี้แหละสบาย
แต่ถ้ายังไม่รู้จักกับคำว่า " ใช้หนี้ " นี่สิคะ มันยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง เหตุใหม่เกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ



ooสาธุoo says:
ครับใช่ ตอนนี้ผมรู้วิธีที่ไม่สร้างเหตุให่ม ใช้หนี้เหตุเก่า

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จงมีสติ เมื่อเกิดการกระทบ เพราะมันคือเหตุที่เราเคยกระทำไว้
และกำลังเป็นเหตุใหม่ที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้น



ooสาธุoo says:
ใช่ครับ แต่ยังมีคาใจ แต่ไม่เป็นไรคอ่ยๆๆๆฝึกครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดูตามความเป็นจริงไปค่ะ คาใจก็ให้รู้ว่าคาใจ กลับมารู้อยู่กับกายต่อ สักวันได้คำตอบที่สงสัยเองค่ะ
จะเจอบททดสอบเรื่อยๆ อย่าตกใจนะคะ เมื่อก่อนคุณก็เจอ แต่ไม่รู้ว่าเจอ
แต่ตอนนี้เจอแล้วรู้ ผลกระทบเลยมี

ใครจะพูด ใครจะวิจารณ์อะไรยังไง แค่รู้นะคะ ไม่ต้องไปแก้ตัวหรือไปแสดงความคิดเห็นใดๆ
พูดแค่พอประมาณดีที่สุดค่ะ

ไปวัดมหาธาตุมาเมื่อวาน มีแต่เรื่องขำๆ ขำตัวเองน่ะค่ะ มีแต่หลับๆๆๆๆ


ooสาธุoo says:
เย็นใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ตั้งแต่นั่งรถต้นสาย ปอ. 8 เรียกว่าพอนั่งได้หลับทันที
ดีค่ะ เขาติดแอร์ ปฏิบัติกันเอง แบบไหนๆก็ได้ แล้วพอช่วงบ่าย จะมีพระมาเทศน์



ooสาธุoo says:
อ๋อครับ คนเยอะไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
มีน้ำปานะเลี้ยงตลอด ช่วยตัวเอง พอควรค่ะ
ตอนแรกคิดว่าฝนตก ตอนกลับ ที่ไหนได้ เขาเปิดน้ำสาดหลังคาไว้ เพื่อช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก



ooสาธุoo says:
ตอ้งอนุโมทนาดว้ยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
สาธุค่ะ อิ่มกายและอิ่มใจค่ะ
พอมาทางนี้ ชีวิตพลิกผันจริงๆ มีแต่ความสุข ไม่ต้องไปวิ่งหาใครหรืออะไรที่ไหน
กินง่าย นอนง่าย รู้จักจับจ่าย เป็นชีวิตที่คาดเดาไม่ได้จริงๆเลยค่ะ
ยิ่งทำก็ยิ่งเห็นว่า ความสุขที่สะอาดๆน่ะมีอยู่จริง เพียงแต่เมื่อก่อนยังไม่รู้ เลยสร้างหนี้มากมาย
เวลาโดนทวงที สติไม่ทันก็แย่เหมือนกัน



ooสาธุoo says:
พูดให้ผมฟังสภาวะเนี่ยผมนำลายไหลเลยครับ



สุขที่แท้จริง says:

วันนี้จิตเป็นสมาธิทั้งวัน มันจะรู้อยู่ในกายและจิตได้ตลอด เจอสภาวะสุข ก็แค่รู้
เพราะเจอสภาวะง่วงมาตลอดเกือบทั้งอาทิตย์ที่แล้ว
ก็คอยสังเกตุตัวเองนะคะ การกินนี่ก็ส่งผล กินมากไป ง่วงตลอด
กินพออิ่ม ต้องคอยดูเอาเอง ต้องแค่พออิ่มจริงๆ แล้วมันจะไม่ง่วง
ดูยากมากๆเลย ตอนแรกๆน่ะค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
แต่ความอยากในรสอาหารยังมีอยู่

ooสาธุoo says:
พอดีครับ คือสภาวะที่ใส่ในบอ๊กนะครับ ที่จะทำใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ยังไม่เรียบร้อย วันก่อนง่วงค่ะ ตาลายย แต่ก็ก๊อปๆใส่ไปก่อน



ooสาธุoo says:
คอ่ยๆๆๆทำครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ตรงสภาวะตรงนี้ ทำให้เห้นว่า ไม่มีความแตกต่างกันเลยในเรื่องการปฏิบัติของแต่ละคน



ooสาธุoo says:
ผมอ่านผ่านๆๆๆๆ ตอ้งอ่านจริงๆๆๆแล้ว



สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ปีแรก คือปีที่ถูกทดสอบความอดทน
หมายถึงปีที่ทำจริงๆ ที่เหมือนจะทำไม่จริง เพราะปีก่อนๆ ทำมั่ง ไม่ทำมั่ง ส่วนมากไม่ทำสะมากกว่า
ถ้าจะว่าไปแล้ว ทำมาตั้งแต่เด็กเลยก้ว่าได้
แต่เพราะเหตุที่เคยทำมา เลยทำให้ชีวิตพลิกผันเปลี่ยนไปหมด ต้องไปตามเหตุที่ทำไว้



ooสาธุoo says:
คงจะปี47อะเปล่าครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เป็นปีที่เริ่มเขียนบันทึก จริงๆแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนอะไรเลย
มันเป็นไปเอง เพราะเรื่องที่เกิดกับตัวเองนั้น ไม่อยากล่าให้ใครๆฟัง เรื่องเดิมๆซ้ำๆ คนฟังบ่อยๆเขาก็จะเบื่อ
จนคิดว่าการเขียนใส่สมุดนี่ดีที่สุด ดีกว่าไปเล่าให้คนอื่นๆฟัง
นี่คือเหตุของการเริ่มเขียนบันทึก



ooสาธุoo says:
ผมก็ว่าดีนะครับ ถ้าใครอยากอ่านก็อ่าน ไม่อยากก็ไม่ว่ากัน

สุขที่แท้จริง says:
ชีวิตคนเรานะคุณ มันก็นิยายเรื่องหนึ่ง
ชีวิตของแต่ละคนก็คือนิยายของแต่ละคน
เพียงแต่ว่า นิยายของแต่ละคนจะจบแบบไหน เลือกที่จะจบ หรือ สร้างเหตุไปเรื่อยๆ เพราะความไม่รู้



ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
คนที่เข้ามาอ่าน ถ้ารู้จักวางใจ รู้จักมองตามความเป็นจริง เขาจะมองว่า มันก็แค่นิยาย



ooสาธุoo says:
เออวันนี้ผมก็สอบตกนะสิครับ เรื่องที่เกิดผมหลงแก้ตัว พอมีสติเอ๋เราแก้ตัวไปทำไม


สุขที่แท้จริง says:
คุณจะให้คำตอบตัวเองได้ค่ะ ค่ะ ใช่ค่ะ
ใครจะเข้าใจยังไงเรื่องของเขา นั่นคือเหตุของเขา และเหตุของเราในอดีต
แต่กำลังเป็นเหตุใหม่ของเขา ถ้าเขายังไม่รู้


เราพูดไป เท่ากับไปซ้ำเติมเขา ซ้ำเติมให้เขาทำผิด โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิด
เพราะเขาเป็นผู้รับผลจากการกระทำที่เขาได้กระทำลงไป
คุณลองนึกภาพดูนะคะ คุณเข้าใจแล้ว คุณหยุดได้ทันมากขึ้น



ooสาธุoo says:
ฮือใช่ครับ


สุขที่แท้จริง says:
แต่คนที่ไม่เข้าใจน่ะ เมื่อเขาเจอแบบสิ่งที่คุณเจอ เขาหยุดไม่ได้หรืออาจจะหยุดได้ ตามเหตุมากน้อยที่เขาทำมา



ooสาธุoo says:
จริงๆๆๆๆครับ


สุขที่แท้จริง says:
เจอข้อสอบบ่อยนะคะ มาแบบไม่รู้ตัว เจริญสติไปค่ะ จะได้มีทุนไปชดใช้เขา

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ ตอ้งเจริญสติ


สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เรามาเจริญสติเพราะเหตุนี้ เพื่อจะได้เห็นตามความเป็นจริงได้ จะได้ไม่ไปหลงการเวียนว่ายในวัฏฏะอีก


ooสาธุoo says:
ตอนนี้นะครับยิ่งแจ้งไปเรื่อยๆๆๆนะครับ
ตอ้งขอขอบคุณคุณมากนะครับ ที่มอบสิ่งที่หาค่าไม่ได้ให้ผม


สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณค่ะ


ooสาธุoo says:
ครับใช่


สุขที่แท้จริง says:
ถึงแม้จะบอก แต่ถ้าคุณไม่ได้สร้างเหตุให้มาเชื่อกัน คงไม่มีทางทำตามหรอกค่ะ


ooสาธุoo says:
แต่ถ้าไม่มีคุณสอน ครับ


สุขที่แท้จริง says:
หมั่นทำต่อเนื่องไปค่ะ เด๋วทุกๆอย่าง สภาวะเขาจบด้วยตัวเขาเอง
อย่าไปแก้ตัวกับใครๆอีกนะคะ ให้เขาว่าเรา ดีกว่าเราไปว่าเขาค่ะ


ooสาธุoo says:
ตอ้งทำงานครับงั้นไม่มีกิน


สุขที่แท้จริง says:
เลยเอาทุกข์เข้าหาตัวเองเลย



ooสาธุoo says:
แต่พอว่าเป็นเหตุก็วางลงได้แล้วนะครับ


สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ นั่นแหละค่ะ


ooสาธุoo says:
เออผมถามเรื่องสภาวะนะครับ
สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถามได้ค่ะ



ooสาธุoo says:
บางทีเรารู้อู่ยกับกาย แต่เหมือนกับว่ามันไม่โล่ง หรือว่ามันไม่เที่ยงครับ


สุขที่แท้จริง says:
ให้ค่าเมื่อไหร่ จะเห็นความแตกต่างเมื่อนั้น
มันเป็นเรื่องของอารณ์หรือสภาวะที่เกิดขึ้นแต่ละขณะค่ะ
ถ้าคุณเข้าใจ คุณจะแค่รู้ แต่ไม่ไปสนใจ คือ วางไปเลย



ooสาธุoo says:
ครับ ขอบคุณมากครับ ฮือจริงๆๆๆๆๆ ผมไปตีค่า

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จิตมันไวค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 มิ.ย. 2010, 02:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 14
เดินไปเรื่อยๆๆๆ

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง5นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง10นาที (พอดีนั่งนอ้ยเพราะแม่บ้านรอกินข้าว กิกิ)
ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม



June 16
เดินไปเรื่อยๆๆๆ

เมื่อคืนปิดร้านได้ขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง35นาที
ขอบคุณครับที่มาเป็นอาจารให้ผม
(ขอบคุณครับที่เป็นหว่งพอดีเมื่อวานผมหาที่เข้าไม่เจอเลยไม่ได้ส่งการบ้าน )


June 17
เดินไปเลื่อยๆๆๆ

เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน30นาที นั่ง30นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง35นาที กิกิ
ผมแอบอ่านในบอ๊กเห็นคน2คนคุยกันทำไมเขาคุยกันเรื่องสภาวะได้ดีกันจังเลย
อ่านไปจิตคิดอิจฉาไปดว้ย ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม


เขียนต่อนะครับคือผมอ่านในบอ๊กที่คุณบอกว่าผลที่มากระทบนะครับ
เพราะเราสร้างเหตุเราจืงเป็นผ่ายผิดผมเห็นดว้ยนะครับ เพราะว่าบางทีเหตุทำไมเจาะจงมาเกิดกับเรา
เพราะถ้าเราไม่สร้างเหตุกับเขาคงไม่มาเกิดกับเรา

เรื่องภาพที่คุณคุยกับหมูนะครับคุณมองได้ละเอียดมากครับ (แต่ผมยังไม่เคยเห็นนะครับ)
แต่อ่านเท่าที่ในบอ๊กนะครับผมดูแล้วถ้าเขาปฎิบัตถืงในระดับเขาจะมองอะไรเป็นธรรม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2010, 23:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ooสาธุoo says:
ทำไมเมื่อวานอาจารเขียนในบอ๊กดุจัง

walai says:
ดุหมูค่ะ ถามไม่เข้าท่า

ooสาธุoo says:
ตอ้งดุผมดว้ยไม่ได้

walai says:
เลยบอกกับเขาว่า ต้องไปเริ่มอนุบาลใหม่

ooสาธุoo says:
ผมก็เริ่มให่มไงครับ

walai says:
เขาถามว่า พุทศาสนาจะเสื่อมไหม ก็เลยถามเขาว่า พุทธศาสนาคืออะไร
เขาบอกว่า ธรรมะ

ooสาธุoo says:
แล้วตอบว่าไงครับ

walai says:
ถามไปว่า ทำไมถึงเรียกพุทธศาสนา
เขาตอบว่า เพราะเราไปกำหนดมันขึ้นมา

แล้วถามต่อไปว่า แล้วมันเสื่อมไหม เขาตอบว่าเสื่อม
ก็เลยถามกลับไปว่า แล้วมาถามทำไม

ทีนี้ถามเขาไปอีกว่า ธรรมะคืออะไร
เขาบอกว่าธรรมชาติ ทุกๆสรรพสิ่งคือธรรมะ
เขาบอกว่า คือ เขาห่วงว่าถ้าตำราต่างๆหายไปหมด แล้วพุทธศาสนาจะต้องสูญหายไปด้วย
เขาเป็นหนึ่งในพุทธบริษัทที่ต้องช่วยดูแล แหมม ว่าไปโน่นเลยทีนี้

ก็เลยบอกว่า แหมมม ไอ้พวกอ่านมากมันก็เป็นแบบนี้
ชอบไปสนใจให้ค่านอกตัวกัน

พระพุทธเจ้าน่ะ ตรัสรู้เพราะใคร ใครที่ไหนมาสอนพระพุทธเจ้า มีตำราไหม
เขาบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้เอง ก็เลยบอกไปว่า แล้วจะมาสนใจอะไรทำไม
เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ อ่านมากก็เป็นแบบนี้ จากไม่สงสัยก็กลายเป็นเหตุสร้างเหตุให้เกิดขึ้น
แล้วมันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ไม่มีเลย ทำมาแทบตาย มาตกม้าตายตอนนี้นี่นะ
ก็เป็นเหตุที่เขียนบล็อกออกมาแบบนั้น

ooสาธุoo says:
อาจารเจอแบบทดสอบอะเปล่าครับ

walai says:
เจอตลอดแหละค่ะ แต่ไม่สนใจแล้ว
ซัดได้ซัดเลยตอนนี้ บางทีมันต้องซัดกันบ้าง
กิเลสชาวบ้านล่ะชอบนัก อ่านแล้วสนุกน่าสนใจ แต่กิเลสตัวเองกลับไม่สนใจ

ooสาธุoo says:
ผมตอ้งการอย่างนี้ละครับ จริงๆๆๆนะครับ

walai says:
มันเป็นไปตามวาระของแต่ละคนน่ะคุณ

ooสาธุoo says:
อาจารตอ้งดุ อ้าวจริงๆๆๆนะครับ

walai says:
ไม่ใช่มาดุกันพร่ำเพรื่อ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

walai says:
เมื่อวานเขาเลยขอขมา

ooสาธุoo says:
เมื่อวานผมตกแบบไม่เป็นท่าเลย

walai says:
มานะเขาแรงค่ะ หมูน่ะ อ่านมามาก เอ๋ ไปทำอะไรมาอีกหรือคะ

ooสาธุoo says:
อาจารบอกว่าฟุ้งยังเถียง แค่ให้รู้เฉยๆๆไม่ได้

walai says:
ก็ยังไม่ละเอียดพอที่จะดูออกไงคะ

ooสาธุoo says:
วันนี้มีมาอีกครับ แค่รู้ครับ

walai says:
มันยากนะคุณ คือเข้าใจทุกคนนะคะ ทุกคนเล่นข้ามชั้นเรียนกัน

ooสาธุoo says:
ยากครับ แต่ถ้ารู้แล้ว ผมว่าคุ้มสุดๆๆๆเลยครับ

walai says:
อันนี้เรื่องจริงค่ะ เมื่อวานก้ว่าไปคนหนึ่ง จริงๆแล้วเรียกเขาอาจารย์ตลอด เขาเก่งปริยัติ
เขานี่แหละที่เมื่อก่อนคอยช่วยเหลือเราในด้านการสื่อคำเรียกต่างๆ แต่ปฏิบัติเขายังไม่ถึงเรา
ใครพูดไม่ถูก ตอนนี้ดุหมด เพราะอะไรรู้ไหมคะ
ยิ่งพูดกันออกมาน่ะ ยิ่งทำให้สร้างเหตุใหม่กันไม่รู้จบ

พวกมานะแรง พวกรู้มากนี่ ปล่อยเลย จนมุมเมื่อไหร่ วิ่งกลับมาหากันเอง
เหมือนกันหมด ผลุบๆโผล่ๆ ไอ้พวกที่ไม่รู้อะไรนี่อดทน

ก็นะ แต่ละคนสร้างเหตุมาไม่เหมือนกัน
พวกอดทนนี่อยากได้นะ พวกนี้สอนง่าย ไม่ค่อยมีคำถาม ทำอย่างเดียว
อีกหน่อยคุณก็จะเจอคนมาถามๆแบบนี้แหละ

ooสาธุoo says:
นี่ขู่ผมหรือ

walai says:
เรื่องจริงนะคะ สร้างเหตุอย่างไร รับผลเช่นนั้น แฟนเป็นไงมั่งคะ

ooสาธุoo says:
เออผมจะเล่าให้ฟังนะครับ วันนี้ผมปฎิบัตข้างบน มีโทร เข้ามา
วันนี้เขาพูดลอยๆๆๆมาว่ากิ๊กโทร มาหา ผมตอบไปว่าถ้าอยากรู้ตอ้งรับครับ แค่นั้นพอ

walai says:
โดนสะแล้วววว เออเนอะ กรรม ชดใช้ไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับตอนนี้ผมถืงถูกใจคำพูดที่ว่าทุกๆๆการกระทบคือเราผิด ผมอ่านแล้วเข้าใจเลยครับ

walai says:
นั่นแหละค่ะ เมื่อเข้าใจ เข้าถึง หยุดไวมากขึ้น
นี่แหละค่ะ คำว่า ยากแท้เพราะไม่เคยทำ พอทำแล้ว จะให้เห็นแบบนี้ได้
มันยิ่งกว่ายากแท้เพราะไม่เคยทำอีกค่ะ

เมื่อคืนก็ไล่สภาวะเรื่องนี้ให้หมูเขาฟัง
เรียกว่าเขาโดนติดกัณฑ์เทศน์ไปชุดใหญ่โดยไม่รู้ตัว
ถามไล่สภาวะตั้งแต่แรกเริ่ม จนกระทั่งเรื่องกิเลส ว่าสิ่งเหล่านี้เคยอ่านเจอที่ไหนไหม
มีใครเคยสอนแบบนี้กันมั่งไหม

ทั้งๆที่เป็นเรื่องจริงๆแท้ ล้วนเป็นบัญญัติทั้งนั้นเลย
แต่เพราะความไม่รู้เลยอุปทาน แทนที่จะทำ ทำให้เห็นตามความเป็นจริงว่าอะไรๆล้วนไม่มีความแตกต่างกันเลย ค่าเท่ากันหมด
ที่แตกต่างเพราะเกิดจากอุปทาน ไปให้ค่ากันเอง แล้วใครทุกข์ล่ะ ตัวเองทุกข์
เพราะเขาพูดมาแล้วไม่ถูกใจ โกรธ ทะเลาะกับเขาแล้ว ทะเลาะเพราะคำเรียกคิดดูละกัน

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้นะครับ พอดีคนที่เอาตู้เติมเงินโทร มาตั้งนะครับมาไขตู้
เขาเอาพระธาตุมาให้ผมนะครับ ผมถามว่าไปเอาที่ไหนมาครับ
เข่าบอกว่าไปเอาที่แม่ชีที่นับถือกันให้มา ผมก็ขอบคุณ
พอดีแฟนอ่านหนังสือหลวงตาอู่ย เธอก็บอกว่าเธอไปทำบุญกับหลวงตา
มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่หลวงตายังไม่ออกมาชว่ยชาติ
ถ้าเป็นเมื่อกอ่นนะครับ ผมนี้อิจฉาตารอ้นเลยละ
แต่ที่คุณบอกผมว่ามันมาจากเหต จิตผมนิ่ง

แล้วก็อีกเรื่องแกบอกว่าหลวงพ่อ จรัญ จะมรณะภาพเดือนหน้าถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ

walai says:
ค่ะ แล้วแต่เขาจะพูดกันค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมก็คิดอย่างนั้นละครับ

walai says:
จะมรณะหรือไม่มรณะ หลวงพ่ออยู่ในใจตลอดเวลาค่ะ
ooสาธุoo says:
ฮือจริงๆๆๆครับ

walai says:
เลยไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง บางข่าวบอกว่าหลวงพ่อรับนิมนต์ไว้แล้ว จะอยู่ถึง 120 ปี

ooสาธุoo says:
แต่พอแฟนได้ยิน ก็จะกราบหลวงพ่อ ผมบอกว่าจะไปก็ได้จะพาไป
ขากลับมา ผมจะแวะ เข้าวัดตาลเอนนะครับ เอาพระเครื่องไปถวายอาจารท่าน

walai says:
ค่ะ โมทนาค่ะ

ooสาธุoo says:
ยังไม่แน่ครับ เขาเป็นคนลมขื้นลมลง ผมยกกาดสูงไว้กอ่น ใช้เหตุที่ผมทำไว้

walai says:
นั่นแหละค่ะ เราแค่ตามลม ตามน้ำ รู้ลงไป แต่ไม่ไปขยับกายใดๆ การขยับคือการคิดแก้ไข
ปฏิบัติได้แบบนี้นะ คุณจะเจอแต่สุข เมื่อก่อนทุกข์มาเยอะน่ะ

คลำไม่ถูกจุด ทำไม่ถูกที่ เลยทำให้ทุกข์ ไม่มีใครแนะนำว่าควรทำยังไง
ไม่มีใครอธิบายรายละเอียดให้ฟัง

ooสาธุoo says:
ครับใช่

walai says:
ว่ามันยากเพราะอะไร แล้วทำแล้วมีความสุขเพราะอะไร ทำแล้วเจอทุกข์เพราะอะไร
สภาวะคืออะไร
เหตุคืออะไร
การกระทบคืออะไร
กิเลสที่แท้จริงคืออะไร
หลายสิ่งหลายอย่างไม่มีใครเคยบอกหรือแนะนำเลย แม้แต่ครั้งสุดท้ายที่ครูบาฯแนะนำมา
ก็เพียงบอกว่า ให้ดูตามความเป้นจริงที่เกิดขึ้น รู้ลงไป แล้วอยู่กับมัน ไม่ชอบหรือชัง ไม่คิดแก้ไขใดๆ
แต่ไม่มีรายละเอียดอะไรให้กับเราเลย
ไม่อธิบายอะไร ให้มาแค่นั้น

อีกท่านก็แนะนำว่า ทำตัวเหมือนแมงมุม ดักจับเหยื่อทั้งหมดให้ทัน
โอ๊ยยยย กว่าจะเข้าใจ ทุกข์แทบตาย ร้องไห้ทุกวัน อยากเลิกก็เลิกไม่ได้ ไม่อยากทำก็ทำไม่ได้
มันต้องทำ เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำ รู้ว่าชีวิตจะต้องเป้นยังไง แลกด้วยชีวิตและน้ำตาเลยนะคะความรู้ตัวนี้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ถูก ต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพียงแต่เราแลกคนละอย่างกับพระพุทธเจ้า

ooสาธุoo says:
นี่ไงครับ ผมถืงกราบคุณดว้ยความเต็มใจเลยครับ ความรู้ที่คุณให้มานะครับ

walai says:
แลกด้วยชีวิตเหมือนๆกัน แต่แตกต่างไปตามเหตุที่ทำมา
บางครั้งมีนะคะ คิดนะ ทำไมคนที่มารู้จักเราแล้วเขาเชื่อเรา ทำไมเขาช่างโชคดีเช่นนี้
เขาไม่ต้องเริ่มจากหนึ่ง เขาเริ่มที่จุดจบของเหตุเลย
กิเลสมีนะคะ อิจฉา แต่สติมันบอก เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ
เราถึงไม่เหมือนใครๆเขาในหลายๆเรื่องทั้งศาสนาทั้งลัทธิต่างๆ
เราเข้ากับเขาได้หมด ไม่มีเลือก ไม่มีเกี่ยงงอน

ที่เหลือทั้งหมดอยู่ที่ตัวคุณแล้ว ทำเอาเอง
รู้มั๊ย อะไรที่ยากที่สุด ยากที่สุดกว่าจะยอมรับตามความเป็นจริงได้น่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
เหตุที่ผมตามมานะครับ ผมอาจจะมีเหตุมากับคุณกอ่น
ผมยอมรับครับ ผมได้คุณเป็นอาจารนะ ผมผ่านอะไรต่อมิอะไร
มาได้โดยไม่ตอ้งทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ดีอู่ยอย่างนืง ไม่เห็นสภาวะ ทีผมกระโดดข้ามมา
เลยบางทีเจออะไร ก็รว่ง เหมือนคนพาสชั้น

walai says:
นั่นแหละค่ะ ความสำคัญของสติ เข้าใจมากขึ้นใช่ไหมคะ ทุกๆการกระทบคือการสะสม
และมีหนึ่งรู้เกิดขึ้นจากการผิดพลาด สภาวะเขาจะสอนเราตรงนั้น

ooสาธุoo says:
ผมดูตัวผมเองนะครับ ลองฟังนะครับ

walai says:
ทีนี้เมื่อกระโดข้ามมา กำลังของสติยังไม่มากพอ เมื่อมาเจอบททดสอบแบบนี้ก็ร่วงเป็นธรรมดาค่ะ

ooสาธุoo says:
คือผมว่าในใจยังมีคา เรื่องการที่จะมีปัญญา
พอเจอเรื่องคิดทางดีลงไปเล่นเลย
แต่พอเจอทางไม่ดีไม่คิดรีบตัด
ผมถืงว่าที่คิดนะมีสติ แต่ลงไปเล่นเอง

walai says:
สภาวะมันละเอียด แต่คุณเก๊ะยังดูไม่ทันน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ วันนี้กรับ
มีสติอู่ยกับกาย แต่ไม่โล่ง ก็แค่รู้ ว่ามันไม่โล่ง
พอเดินไปเดินมารู้อู่ยกับกายก็ปกติ มันไม่เที่ยงเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

walai says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมนืกถืงคำเทศของหลวงปู่ชาเลยครับ
ที่ท่านเทศว่า มาถามได้ทุกปัญหา แต่ถ้ากระทั้งปัญหาเล็กๆๆๆก็ทำนองว่าน่าจะลองพิจารณาเองบาง

ผมรู้เลยว่า คุณนะเจอปัญหามากมา สว่นให่ญสงสัยทั้งนั้น เพราะกระโดดมาทั้งนั้น
ไม่ได้เรียนสภาวะตามมาทีละขั้น ปัญหาเลยมาอู่ยที่อาจารผู้สอนอะเปล่าครับ ตอ้งมาคอยตอบขอ้สงสัย

walai says:
ใช่ค่ะ เรื่องปกตินะคะ ไม่ว่าจะกระโดดหรือไม่กระโดดก็ตาม ความสงสัยนี่ห้ามไม่ได้เลย
อ่านมาก คิดว่ารู้ ตัวสงสัยตามมา

เพียงแต่มันก็มีนะคะบางครั้ง เพราะเราเองก็ยังมีกิเลสอยู่
ก็อดไม่ได้ ต้องเอาสักหน่อย ไปหาเหตุอะไรกันนักหนานอกตัว แทนที่จะดูตัวเองกันให้เยอะๆ
วิธีการก็บอกให้แล้ว แนะนำก็แนะนำ ก็ยังอดไม่ได้อีก
มองไปมองมา เฮ้อ มันก้เหตุของเขา เราแค่บอก แต่ทำแทนไม่ได้หรอก ก็เลยวาง

ooสาธุoo says:
ครับ ใช่เลย อ่านก็ตอ้งคิดเป็นธรรมดา

walai says:
นานๆทีก็เอาสักที ถ้ายังไม่รู้ตัวกัน เหมือนในบล็อกแหละ ที่คุณถามมาว่า ทำไมถึงดูดุจังในวันนี้

ooสาธุoo says:
ถ้ากลับกันนะครับ เราคุยกันนะครับ อย่างคุณคิดนะครับ คุณดูรูปพระกับมาร
คุณคิดออกมาได้ยังไงอย่างนั้น เอาตัวผมแล้วกัน

ความคิดผมเอง ผมก็อยากมีปัญญ กิเลศมันรู้
เลยส่งเรื่องมาให้คิดและตีค่า ว่าเราคิดเหมือนอาจาร
แล้วคุยกับอาจาร เผื่ออาจารจะได้ชมบ้าง ที่ไหนได้ ตีค่าความคิด
แต่คุณคิดนะ อ่านแล้วถืงบางอ้อเลยครั อ่านแล้วไม่มีคำโต้แย้งได้เลย คิดออกมาทางธรรม

walai says:
อีกหน่อยทุกคนก็เหมือนๆกันค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ อย่างที่คุณบอกว่าคุณเป็นตัวอย่างให้เห็น

walai says:
ทุกๆสภาวะ ตัวรู้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ สติมากขึ้น จิตจะละเอียดมากขึ้น มองอะไรละเอียดมากขึ้น
เหมือนคนมองกาลไกล แต่ไม่ต้องใช้จืนตนาการ

ooสาธุoo says:
โดนใจมากครับ

walai says:
มันเป็นเรื่องจริงค่ะ

ooสาธุoo says:
ครั ผมถืงบอกว่าคุณคิดนะ

walai says:
รู้ที่ปราศจากความคิด รู้ที่ออกมาจากจิตนี่ มันไม่ลืม เพราะมันคือสภาวะจริงๆ
แต่รู้ที่เกิดจากคิด มันยังมีกิเลส มีตัวกูของกูเข้าตัดสิน

รู้จากจิตนี่มันคม สั้น แต่ได้ใจความ แล้วเรานำมาขยายใจความให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น
เหมือนกับคำว่า สิ่งที่ถูกรู้กับสิ่งที่รู้
เราก็นำมาขยายใจความต่อ เพื่อให้เข้าใจกันได้ง่ายมากขึ้น

เหมือนสภาวะ ก็นำมาขยายใจความให้เข้าใจมากขึ้น จริงอยู่ สภาวะคือสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ทำไมบางครั้งเราต้องไปเกี่ยวข้อง แต่ทำไมบางครั้งกลับไม่มีเราในนั้นไม่ไปรู้สึกอะไรด้วย
สิ่งเหล่านี้ล้วนแจ้งออกมาจากจิตทั้งนั้น
แล้วนำไปเทียบกับตำราอีกทีว่าเรียกว่าอะไร นำไปสื่อสารตามบัญญัติอีกที
เพราะสิ่งที่ถูกรู้มันไม่มีคำเรียก แต่เราจะเรียกมันว่าตัวรู้ ไม่ได้ง่ายนะคุ แต่ก็ไม่ได้ยา ขึ้นอยุ่กับเหตุ
บางคนเกิดมาเพื่อรู้ ให้รู้อยู่กับตัวเอง ถ่ายทอดไม่เป็น
บางคนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดโดยเฉพาะ
เวลามีคนมาถามว่ารู้ได้ยังไง
บอกว่าไม่รู้อะไรหรอก
ใครจะเรียกอะไรยังไงนั่นรู้ของเขา
แต่รู้ของเรามันรู้โดยสภาวะ
ไม่ได้รู้จากการเรียน
ไม่ได้รู้จากการน้อมเอาคิดเอาว่าเรียกนั่นเรียกนี่
พอรู้แล้ว มันนำไปเทียบปริยัติได้แบบสบายๆ
เพราะเดินจนชิน เรียกว่าเดินจนเท้ามันจมธรณีไปแล้ว
และมันจะจำสภาวะไม่ได้ยังไง
ใครพูดอะไรมา ถึงบอกไง แค่ความคิดของเขา
อันนี้เราเคารพ
ให้โอกาสเขาได้แสดงความคิด
เพราะนั่นคือรู้ของเขา
เมื่อสภาวะเปลี่ยน รู้นั้นๆจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆละเอียดมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับ ผมถืงบอกว่าผมโชคดี ได้อาจารอย่างนี้

walai says:
เราสร้างเหตุมาร่วมกันค่ะ
ดูคนที่บ้านสิคะ อยู่ด้วยกันแท้ๆ
เขายังไม่สนใจเราเลย
มองว่าเราแชทแต่เอม เล่นแต่เน็ต น้องน่ะค่ะ
คนที่อยู่ด้วยกัน
นี่ไปวัดอีกแล้ว
ไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยงานวัด
เราก็อนุโมทนาร่วมเพราะนั่นคือกุศลของเขา

ooสาธุoo says:
ที่ไหนครับ

walai says:
แต่ใจมันรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาของเขา ไม่งั้นคงพูดไปแล้วว่า ไปเป้นพี่เลี้ยงช่วยงานวัด ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ชีวิตจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วัดตาลเอนค่ะ
แล้วแต่เหตุที่ทำมา
ก็เลยเฉยๆ

ooสาธุoo says:
ผมว่าเหตุที่ทำมานะ
ได้อาจารดีแค่ไหนใก้ลแค่ไหน
ถ้าเหตุทำมาแค่นี้ได้แค่นี้
ผมพูดถูกอะเปล่าไม่รู้นะครับ
ถ้ามีคนมาบอกผมว่าทำให้ตายชาตินี้คุณก็ไม่บรรลุธรรม
หรอก
ตอนนี้นะ
ผมจะตอบเลยว่า
ไม่เป็นไรผมทำ
ทำไปเลื่อยๆๆๆ

walai says:
นั่นคือ ความคิดของคนอื่นๆ กิเลสของเขา เราเคยว่าเขาเอาไว้ เขาก็เลยมาว่าเรา
เห็นไหมคะ การให้ค่า เกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าสติไม่ทัน
ทำไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

walai says:
แล้วคุรจะรู้อยู่ในกายมากขึ้น เพราะจิตมันไม่ส่งออกนอก
สติมันทัน
ทันจิต
จิตเหมือนเด็ก
เจอคนรู้ใจ
มันเลยไม่ไปไหน
ขัดใจจิตเขาเมื่อไหร่ แผลงฤทธิ์ทันที
สุขอยู่แค่เอื้อมนี่เองค่ะ ไม่ได้ไปนอกตัวเลย
อยู่ในกายและจิตเรานี่เอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 18 เดินไปเลื่อยๆๆๆ

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง15นาที

เมื่อคืนโดนกิเลสรับประทานไปเรียบรอ้ยเลยล้มระเนระนาด กิกิกิ
ไม่กลัวครับล้มก็ลุกขื้นให่มมีเวลาอีกเท่าไรไม่ทราบแล้วแต่เหตุที่ทำมา
ได้แค่ไหนก็แล้วแต่เหตุที่ทำมา ทำไปรู้กายรู้จิต กิกิกิ ขอบคุณครับอาจาร


June 20 เดินไปเลื่อยๆๆๆ

เมื่อคืนปิดร้านไม่ได้ปฎิบัต กิกิ
เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที

แต่มีเหตุเกิดขื้นอย่างที่อาจารคุยเมื่อคืนเลยครับเรื่องที่ผมนั่งสมาธิในร้านเกม
ถ้าเด็กจะมาชื้อของก็ตอ้งเรียกเป็นการรบกวนผู้ปฎิบัต แหมยังกับสอนผมลว่งหน้าเลย
พอผมนั่งได้ประมาณ20นาทีมีโทรเข้ามาเด็กนะครับโทรเข้ามาถามว่าเปิดกี่โมง
ผมก็ตอบไปว่าเออเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเปิด10โมงนะ (ผมก็คิดว่าเราเคยรบกวนผู้ปฎิบัตมากอ่น)
แต่จิตนิ่งครับแต่แผ่เมตตาให้เขาไปและก็อโหสิกรรมให้เขาไป

แล้วก็มีเหตุต่อครับอีกสัก5นาทีลูกสาวกับนอ้งสาวผมมาเรียกอีกให้เปิดประตูให้ทีแรกผมได้ยินแล้ว
แต่ก็คิดว่าเขามีกุญแจเดี๋ยวเขาก็กลับไปเอากุญแจมาเปิดแต่ไม่เป็นดังคาด
ลูกสาวกับโทรเขามาหาผม เลยตอ้งลงไปเปิดให้เขา ก็บอกว่ากำลังปฎิบัตอู่ย
น่าจะกลับไปเอากุญแจมาเปิด ก็เลยอโหสิกรรมให้เขาทั้ง2ไป
แต่ลูกตอบว่าแหมไม่ใช่บอ่ยๆๆนะนานๆๆที แต่ผมมีสติครับจิตนิ่งครับถ้าไม่มีสตินะ กิกิ เม้งแตก

มีความคิดเกิดขื้น2อย่างนะครับ
1 เป็นเหตุที่เราตอ้งใช้เขาไป
2 ผมรู้แล้วละว่าเราสร้างเหตุดว้ยความไม่รู้นะเป็นยังไง
ตามที่ลูกสาวผมตอบมาว่าแหมแค่นี้เอง ผมอ้าปากจะอธิบาย พอเขาตอบมา
ผมหยุดเลยอธิบายกับคนไม่รู้ เดี๋ยวเกิดอารมขื้นมาทั้ง2ผ่าย ผมเลยนิ่ง
ขอบคุณมากครับอาจารที่สอนผม



June 21 เดินไปเลื่อยๆๆๆ

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านไม่ได้ปฎิบัตครับ (ดูฟุตบอล กิกิ) เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที
นี่ก็2เดือนแล้วนะครับที่ผมได้คุณมาเป็นอาจารสอนผม ผมขอกราบขอบพระคุณมากครับ
และก็กราบขออโหสิกรรมดว้ยนะครับ สิ่งที่ได้มาจากการปฎิบัตและคุณสอนทุกอย่าง

1 ผมเดินไม่ผิดทางแน่นอน คือผมยิ่งทำยิ่งมีความสุข ไม่ใช่สุกนี่นะ พื่งพาความสุขภายนอกนอ้ยลง

2 แค่รู้ของอาจารนะฟังง่ายครับ แต่ทำนี่สิครับยากครับ
พอมีความคิดเกิดเราไปตีค่าไปให้ค่าเมื่อไรมันไม่ใช่แค่รู้แล้ว

3 ขอ้สงสัยทุกอย่างที่เคยตั้งคำถามเมื่อกอ่น เดี๋ยวนี้ตอบได้ดว้ยตนเอง

4 คำว่าทำไปเถอะค่ะ เนยฟังประจำ กิกิ
ต่อมามีครูบาท่านบอกว่าลูกศิษย์กับอาจารจะเหมือนกันอย่างนืง คือจิตจะเหมือนกัน

5 ตอนนี้นะครับผมรับได้เต็มปากเลยครับว่ามีอาจารหรือไม่มีอาจาร
ผมปฎิบัตได้เองเพราะอาจารชี้ให้ผมได้รู้ทุกอย่าง ตอนนี้ขื้นกับตัวผมเอง

ผมขอขอบคุณนะครับที่เป็นอาจารให้ผมและก็จะตอ้งเป็นต่อไป ขอบคุณครับ


" ตอนนี้นะครับผมรับได้เต็มปากเลยครับว่ามีอาจารหรือไม่มีอาจาร ผมปฎิบัตได้เองเพราะอาจารชี้ให้ผมได้รู้ทุกอย่าง ตอนนี้ขื้นกับตัวผมเอง "

อนุโมทนาค่ะ


" ลูกศิษย์กับอาจารจะเหมือนกันอย่างนืง คือจิตจะเหมือนกัน "

อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2010, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 22

สวัสดีครับอาจาร เมื่อปิดร้านไม่ได้ปฎิบัตครับ ดูฟุตบอล กิกิ
เช้ามาปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง1ชม แต่คราวนี้นั่งนะครับมีสติเกือบตลอด
และมีงุบบ้างเป็นบางครั้ง(มีประมาณ2ครั้ง)
ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารผม


June 23


สวัสดีครับอาจาร ขออนุโมทนาด้วยนะครับเกี่ยวกับหนังสือที่มีประโยชน์ และให้ความสุขกับผู้ที่ปฎิบัติ
เช้าได้ปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง30นาที แต่มีเหตุสิครับ เมื่อเช้าที่ผมได้โทรไปหานะครับ
แล้วมีตอนนืงที่บอกว่าเดี๋ยวนี้เดินไม่งว่งลย แต่วันนี้สิครับงว่งได้งว่งดี ขอบคุณครับที่เป็นอาจารผม

เรื่องหนังสือที่ได้ชื่อนี้นะครับมันมีเหตุ หนที่สุดผู้เขียนก็ได้ชื่อที่ผู้เขียนต้องการ
ยังไม่เข้าเรื่องแค่บทนำยังตื่นเต้น

ถ้าต่อไปเขียนเรื่องประวัติของผู้เขียนและสภาวะปัจจุบันของผู้เขียนที่ปฎิบัติได้มาก่อนเข้าเรื่องดีไหมครับผมแนะนำให้พิจารณาด้วยนะครับ




walai says:
ตอนนี้กำลังโดนทดสอบทั้งคู่ เพ็ญโดนไม่มีงาน งานน้อยลง เริ่มใจเสีย
ก็อธิบายให้เขาฟังนะ กำลังโดนทดสอบ

ooสาธุoo says:
เหมือนผมวันนี้ ร้าน4โมงครื่งแล้วมี2โต๊ะเอง วันนี้ลงคาถาไม่ดี

walai says:
ถ้าไม่ทำก็อด ทำก็อด แต่มีทางอื่นๆมาเกื้อหนุน
ไม่เที่ยงค่ะ บทเรียนค่ะ สภาวะมาสอนไม่ให้ยึดติด รู้สึกว่าจะโดนกันเป็นแถบๆ
ก็ต้องอธิบาย ไม่งั้นเดี๋ยวเลิกกันหมด เพราะไม่เข้าใจ คนเลิกทำเพราะเหตุนี้แหละ
ถูกทดสอบแล้วไม่ผ่าน

ใจไม่ถึง มีความอยากได้เยอะ โดนกันหมด น้ำเองก็โดนนะ เอางานมาเสนอ ให้ไปทำไกลกว่าเดิม
แต่ได้เงินมากถึง 3 เท่า บ้านไม่ต้องเช่า ความอยากได้ อยากมี คือจุดอ่อนของผู้คน
ทุกคนกลัวความไม่มี

ooสาธุoo says:
ของธรรมดาครับ ทุกคนตอ้งการทั้งนั้น ทีแรกผมยังคิดว่าปฎิบัตแล้วจะทำให้เรารวยขื้น
แต่ตอนนี้สิ่งที่ได้มาถืงยังไม่ถืงแค่ไหน ก็คิดว่ามีค่ามหาศาล

walai says:
ส่วนมากจะคิดแบบนั้นค่ะ เรื่องปกติ

ooสาธุoo says:
เอาแค่กินไปวันๆๆๆพอครับ

walai says:
ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของเงินทอง แต่เป็นเรื่องของใจหรือจิตนี่เอง

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ไม่ได้ปฎิบัติเต็มรูปแบบ ไปทำรถนะครับ กลับมาก็จะ11โมง เลยไม่ได้ส่งการบ้าน

walai says:
ทุกคนอยากมีความสุข ไม่มีใครหรอกที่อยากเจอความทุกข์
แต่เพราะเหตุที่ทำลงไปด้วยความไม่รู้ต่างหาก ชีวิตจึงเป็นไปเช่นนั้น

ooสาธุoo says:
ครับ ไม่มีใครอยากเจอทุกข์ แต่เราไปหาเข้ามาเองทั้งนั้น ถ้าไม่รู้นะ

walai says:
คำว่าเต็มรูปแบบ อาจจะเดิน 5 นาที นั่ง 5 นาทีก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมาย
ให้เราทำตามความสะดวก

ooสาธุoo says:
ผมนืกว่า1กับ1

walai says:
เปล่าค่ะ เราไปให้ค่าเอง แต่หลักๆ ถ้าสามารถทำได้จริงๆคือ 1กับ 1 ถ้าทำได้น่ะค่ะ
ทำไม่ได้ไม่เป็นไร สะสมหน่อวยกิตไป เหตุของแต่ละคนสร้างมาไม่เหมือนกัน
เวลาที่ได้ปฏิบัติจึงได้ไม่เท่ากัน สุดแต่ว่าใครจะรู้จักพลิกแพลงสัปปายะเอาเอง ทุกอย่างอยู่ที่จิตค่ะ
นั่ง 5 นาที จิตสงบจากกิเลสไปได้ นี่ก็กุศลแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

walai says:
ดีกว่านั่งเป็นชม.แล้วไม่รู้อะไรเลย ทำไปค่ะ แล้วจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ทำต่อเนื่อง

ooสาธุoo says:
ผมไม่กวนแล้วคุณจะได้ทำหนังสือต่อ

walai says:
ไม่เป็นไรค่ะ คุยได้

ooสาธุoo says:
มิกี้แฟนคุยเรื่องคนทำเล็บให้ผมฟัง ว่า 2วันนี้ เขาไม่ค่อยได้ลูกค้า
แต่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวนี้ลูกดีขื้น เมื่อก่อนลูกต้องเอาวันละ100 เดี๋ยวนี้ให้เท่าไรก็เอา

walai says:
ค่ะ ได้อย่างเสียอย่าง ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจ 100% เหตุทำมายังไง ผลต้องเป็นไปตามนั้น

ooสาธุoo says:
ครับ ปกติการทำการค้าก็เหมือนกับไม่เที่ยงอยู่แล้วครับ ได้มากได้น้อยตามแต่เหตุ

walai says:
จะหาแบบนี้ได้ที่ไหนคะ ทั้งได้ ทั้งชดใช้ หนี้เก่า ย่อมหมดลงไปเรื่อยๆ หนี้ใหม่ไม่สร้างเพิ่ม
สักวันย่อมเป็นอิสระ ไม่เหมือนสร้างหนี้ไม่รู้จบ สร้างไปด้วยความไม่รู้ แล้วจะไปโทษใครล่ะ
ตัวเองทั้งนั้น มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตะเกียกตะกายที่จะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

สุดท้ายเลยเป็นหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น วัฏสงสารถึงยืนยาวเพราะเหตุนี้ เหตุที่ทำกันเองนี่แหละ
ไม่ได้มีใครเขาบังคับให้ทำเลย

ooสาธุoo says:
ครับ ใช่เลย ตัวเราทำเอง ไปโทษใคร เราเป็นผู้สร้างเหตุ เราก็ตอ้งรับผล

walai says:
ความไม่รู้ไงคะ ถ้าเราไม่มาเรียน เราไม่มีทางรู้เลย แต่ก็ขึ้นอยู่กับเหตุอีก
การจะเจอครูที่สอนให้รู้โดยตรง หาได้ยากยิ่งนัก มีแต่ครูชวนเที่ยว
พาเที่ยวไปเรื่อย เลยไม่พบต้นเหตุสักที

เมื่อยังไม่พบต้นเหตุ ย่อมหยุดไม่ได้ เพราะไม่รู้จักตัวต้นที่แท้จริงของต้นเหตุ
ว่าต้นเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร

บางทีเจอครูแล้ว เจอแล้วก็ยังไม่เชื่อ เพราะไม่ได้สร้างเหตุมากับครูคนนั้น
ไม่งั้นคนสมัยพุทธกาลบรรลุธรรมกันหมดแล้ว พระเทวทัติเองก็คงบรรลุ
ขนาดพระพุทธเจ้ามาโปรดเองแท้ๆ ยังมองไม่เห็นเลย นี่ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมากันเองทั้งนั้น

ooสาธุoo says:
ครับ ผมยอมรับครับว่าการเป็นอาจารย์เป็นศิษยนะ ต้องสร้างเหตุมาด้วยกัน
ไม่งั้นไม่มาเจอกันได้หรอกครับ ดูจากคุณและผม

walai says:
ไม่เที่ยงค่ะ แต่ละชาติล้วนไม่เที่ยง ศิษย์ก็เป็นอาจารย์ได้ อาจารย์ก็เป็นศิษย์ได้
เพราะเคยสร้างเหตุร่วมกันมา จึงมาเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันต่อ
จึงไม่เคยยึดในเรื่องของอาจารย์หรือศิษย์

ooสาธุoo says:
แต่ที่สำคัญจริงๆๆๆนะครับ มาจากเหตุที่เราทำนะละครับสิ่งสำคัญ


walai says:
เมื่อรู้จักเหตุที่แท้จริงแล้ว เหตุนั้นๆย่อมจบได้ง่ายมากขึ้น
ทีนี้อยู่ที่เราละ การสร้างเหตุใหม่ที่กำลังทำให้เกิดขึ้น

ooสาธุoo says:
ตอนนี้นะครับใช้เหตุเก่าแต่เหตุใหม่พยายามไม่สร้าง

walai says:
อดทนได้ไหม เพราะใหม่ๆสติยังไม่ทัน ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นเข้าช่วย
ถึงบอกไงคะ รู้หนอนี่มีค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งปวง ถึงเรียกว่า คาถามหาเศษฐี

มือใหม่นะคะ ถ้าขาดพี่เลี้ยง เจอความยากจนข้นแค้น เลิกไปกันหมดแทบทั้งนั้น
เลิกทำ เพราะความไม่รู้ วิบากกรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยากนะ แต่อยู่ที่คนๆนั้นว่า
เมื่อรู้แล้ว มีความอดทน มีความอดกลั้นพอไหม

ooสาธุoo says:
เออถ้าผมคิดนะครับ การหากินยากนะครับ ตามความคิดผมนะ มันมาจากเหตุที่เขาสร้าง
ถืงเขาจะมาปฎิบัตหรือไม่มาก็ตาม ต้องเจอเหตุที่ทำมา
แต่ถ้ามาปฎิบัติจะทำให้เขาไม่ทุกข์กับสิ่งที่เจอ

walai says:
ไม่ว่าจะยากหรือง่าย เหตุที่เกิดในปัจจุบัน คือผลที่เกิดจากเหตุที่เขาทำไว้ในอดีต

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

walai says:
แต่ถ้ามาปฎิบัตเขาจะทำให้เขาไม่ทุกขกับสิ่งที่เจอ ................

อันนี้อยู่ที่กำลังของสติ และความเข้าใจในเรื่องของเหตุที่ทำมาด้วยค่ะ
ถ้ายังไม่เข้าใจ ปฏิบัติยังไงก็ทุกข์อยู่ดี

ooสาธุoo says:
ครับอันนั้นจริงครับ

walai says:
สภาวะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ ยิ่งสภาวะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่
สภาวะนั้นๆยิ่งละเอียดมากขึ้น รู้ที่เคยรู้ยิ่งละเอียดมากขึ้น

วันนี้คือคุณเก๊ะเข้าใจและพูดในแบบของคุณตามที่คุณรู้ วันข้างหน้ารู้นั้นๆจะเปลี่ยนไป
จะละเอียดมากยิ่งๆขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับ ผมถืงบอกตัวเองเสมอว่าผมเห็นว่าทุกขเกิดตรงไหนแล้วจะดับตรงไหน

walai says:
ค่ะ เห็นว่ายังไงคะ

ooสาธุoo says:
ทุกขเกิดที่จิต เราไปให้ค่าหรือตีค่า แต่ถ้าสติและสัมปชัญญะเรามีพอ
เราก็จะไม่ทุกขกับสิ่งที่เราคิด มีแต่คำว่าแค่รู้

walai says:
เห็นไหมคะ คุณยังไม่สามารถเก็บรายละเอียดของสภาวะทั้งหมดได้
ตอนนี้คุณอธิบายได้แบบหยาบๆ แบบละเอียดยังอธิบายไม่ได้ แต่พอพูดไปปั๊บ คุณจะเข้าใจได้ทันที่

ทุกข์เกิดจากอะไร เกิดจากการไปหลงให้ค่าให้ความหมายต่อทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น
หรือที่เรียกว่าผัสสะหรือการกระทบ

สิ่งใดที่มากระทบแล้วทำให้จิตเรากระเพื่อมไม่ว่าจะมากหรือน้อย
นั่นคือตัวต้นเหตุที่เราเคยกระทำเอาไว้กับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตามการให้ค่าของเรา

บางสิ่งกระทบ แต่จิตเราไม่กระเพื่อม เพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น
ทุกอย่างล้วนสักแต่ว่า แต่ไม่มีผลส่งมาที่จิต นั่นคือ เราไม่เคยสร้างเหตุมากับสิ่งๆนั้น สิ่งที่มากระทบ

ooสาธุoo says:
สุดยอดเลยครับ ผมได้ความรู้อีกแล้ว อาจารสอนผมเพิ่มมาอีกแล้ว
จริงๆๆๆๆครับ ความละเอียดผมยังไม่ถืง แต่พออาจารสอนเท่านั้นละ บางอ้อเลย

walai says:
อันนี้เป็นเพียงแค่การจำค่ะ วันใดสภาวะของคุณละเอียดมากขึ้น คุณจะรู้และพูดสิ่งเหล่านี้
ได้ด้วยตัวเองและในแบบของตัวเอง แต่ความหมายเดียวกัน คือ เหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงเกิดจากอะไร

อุปทานหรือการให้ค่า นี้ ล้วนเกิดจากการปรุงแต่งของจิตทั้งสิ้น
เราจึงต้องมาเจริญสติเพราะเหตุนี้เพื่อจะได้เห็นตามความเป็นจริง
การที่จะเห็นตามความเป็นจริงได้ ต้องมีสติ สัมปชัญญะที่สามารถรู้เท่าทันจิตได้
ผลของการเจริญสติ จึงได้ทั้ง ศิล สมาธิ ปัญญา เพียงแต่ว่าแต่ละคนสร้างเหตุมาไม่เหมือนกัน

ooสาธุoo says:
ขอบคุณมากครับ

walai says:
บางคนสร้างด้านสมาธิมามาก การเจริญสติจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาเป้นตัวช่วย
ส่วนคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย เรียกว่าต้นทุนต่ำจริงๆ นี่คือความคิดนะคะ

เราจะไปพูดว่า คนนั้นคนนี้ต้นทุนต่ำไม่ได้อย่างเด็ดขาด
บางทีต้นทุนเขาอาจจะมีมาสูงมากกว่าเราอีก แต่เนื่องจากเหตุที่เขาทำมา
สภาวะเขาเลยแสดงให้เห็นแบบนั้น

การบรรลุทำ ไม่ได้อยู่ที่ทำก่อนหรือทำหลัง ไม่ได้อยู่ที่ความขยันหรือขี้เกียจ
แต่อยู่ที่เหตุทำมาต่างหาก เวลาและสิ่งต่างๆ ไม่ใช่ตัวมาวัดผล ไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จ

เช่น ขยันแต่โง่ก็มี ขี้เกียจแต่ปัญญาแยบคายก็มี แต่พอมาเจริญสติ ทุกคนมีค่าเท่ากันหมด
ไม่มีใครโง่ ไม่มีใครฉลาด ไม่มีใครขยัน ไม่มีใครขี้เกียจ ไม่มีการให้ค่าใดๆ

บรรลุทำ คือหมายถึง บรรลุจากเหตุที่กระทำ อาจจะเขียนไม่เหมือนคนอื่นๆนะคะ

ooสาธุoo says:
ผมนืกว่าเขียนผิด ถ้าธรรมอย่างนี้นะครับ

walai says:
จริงๆแล้วเขียนผิดค่ะ แต่พออ่านแล้ว เออเขียนแบบนี้ดีกว่า มองเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนดี

ooสาธุoo says:
ขอบคุณมากครับที่วันนี้ให้ความรู้กับผมมากเลยครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2010, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 25

สวัสดีครับอาจาร เมื่อเช้าผมปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง20นาที
วันนี้เดินมีอาการงว่งก็เพียงแค่รู้แล้วกับมารู้กายต่อ นั่งก็มีอาการงว่งก้รู้แล้วกับมารู้ลมต่อ
ผมนั่งนืกเมื่อคืนแล้วว่า สิ่งที่คุณสอนผมเมื่อคืนนะน่าเอาไปลงหนังสือจัง
สิ่งที่สอนเมื่อคืนนะครับอ่านแล้วจะรู้ลำดับการมากระทบของเหตุที่เราทำมาหรือไม่ได้ทำ
ละเอียดมากครับ ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม


June 26

สวัสดีครับอาจาร เมื่อเช้าไปปฎิบัต เดิน40นาที นั่ง10นาที
ทีแรกเขียนจบไปแล้วนะครับไปอ่านที่คุณคุยกับคุณหูมมา เรื่องที่โดนสภาวะการทำมาหากินนะครับ
เรื่องที่มีงานใหม่มาเสนอจาก1ไปเป็น3 ผมขออนุโมทนาดว้ยนะครับที่คุณไม่ไปจากคนที่คุณสอนอยู่
แต่ก็แล้วแต่เหตุด้วยใช่ไหมครับ คือคุณก็คิดว่าระหว่างเงินมากขื้นแต่สภาพเปลี่ยนไป
คุณมองได้ละเอียดจริงๆๆๆครับ ใช่ครับผมยอมรับบางคนต้องว่าโง่ จาก1ไป3 มีที่พักให้อีก
แต่คุณกลับมองหลายๆๆๆอย่าง อย่างเรื่องนึงที่คุณบอกว่า ถ้าคุณไปคนที่คุณสอนอยู่อาจจะเลิกทำ
เพราะเจอสภาวะมาลองแล้วหมดกำลังใจเลิกไปเอง แต่ถ้ามีพี่เลี้ยงหรืออาจารอยู่เป็นคนคอยประคองให้
ก็จะเห็นสภาวะมากขื้น ตานี้ก็ขื้นอู่ยกับเหตุที่เขาทำมา ผมฟังแล้วขออนุโมทนาดว้ยเลยครับ
(สิ่งที่คุณได้ไม่สามารถชื้อได้ดว้ยเงินตรา) ผมขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม


June 27

สวัสดีครับอาจาร เช้าปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที
ผมเข้าไปอ่านในหนังสือรู้หนอ อ่านหนื่งครั้งมีความรู้ขื้นมาเรื่อยๆๆๆเลยครับ
อย่างวันนี้ที่อ่านใช่เลยครับที่คุณบอกว่าการอ่านในแต่ละเรื่อง การตีความออกมาของคุณละเอียดมาก
ผมมีความละเอียดแค่ไหนก็ได้แค่นั้น เรื่องการก่อเหตุ คุณบอกว่าแม้กระทั้งเขียนก็เป็นการก่อเหตุ
อย่างนืง ยอดๆๆๆๆลืกชื้ง ขอบคุณมากครับและขออโหสิกรรมดว้ยนะครับในสิ่งที่ผมเขียนไปโดยไม่รู้
และอาจารต้องคอยมาเตือน ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


June 28


สวัสดีครับอาจาร เมื่อวานไปวัดมาหรือครับผมอนุโมทนาดว้ยนะครับ
เช้าปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง20นาที ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม



walai says: โดนกันไปถ้วนๆหน้า ก็ระงับกันได้ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ตามกำลังสติที่มีอยู่กัน

ooสาธุoo says: เรื่องอะไรหรือครับ

walai says: ทีนี้เรื่องของช่างทำผมก็มีการเห็นตัวโกรธ
จากที่เขาไม่เคยโกรธขนาดนั้น เดี๋ยวนี้ทำไมโกรธได้

ooสาธุoo says: แบบผืกหัดครับ

walai says: ใช่ค่ะ เขาถามกับแฟนคถณ แฟนคุณบอกว่า ให้รอถามคนที่ตอบได้

แล้วพี่เขาจะบอกว่าหยุดแค่ตรงนี้ ก็เลยอธิบายให้ช่างทำผมเขาฟังเถึงเหตุ

ooสาธุoo says: แล้วอธิบายไปว่าไงครับ

walai says: ก็บอกกับเขาให้ดุคุณเป็นตัวอย่างก่อนคนแรก
ต่อมาให้ดูช่างทำเล็บ ต่อมาให้ดูแฟนคุณ

ooสาธุoo says: เมื่อวานนะครับ ผมอยากคุยกับอาจารมาก สงสัยอย่างคูรบาท่านว่า อย่าติดอาจาร

walai says: เรื่องปกตินะคะ เพราะคุณก้าวทางตรง เลยทำให้คุณระวังมากกว่าเดิม

ooสาธุoo says: เลยเดินอย่างเดียวหายไปเอง

walai says: ค่ะ นั่นแหละค่ะ สติจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เหมือนใจวันนี้ อธิบายให้เขาฟัง บอกว่า เขามาทางตรงคือดับที่เหตุ
แต่เมื่อก่อนไม่พูดให้เขาฟัง เพราะถ้าพูดให้ฟัง เขาจะเกิดอุปทานได้ง่าย
ต้องให้เจอสภาวะด้วยตัวเองก่อน เขาบอกว่า ช้วงนี้เขารู้สึกเครียด เหมือนคอยระวัง
บอกเขาว่า ทำตัวตามสบาย ทำปกติทุกๆเรื่อง ไม่ต้องไประวังอะไร ที่ต้องใช้ตลอดเวลาคือ
การกำหนดรู้หนอ ในยามที่เกิดการกระทบ แล้วความรู้สึกเขาเกิด หายใจยาวๆ รู้หนอๆๆๆ ใช้ให้ได้ตลอด

เพราะต้นทุนเขายังมีต่ำ ต้นทุนต่ำตรงนี้หมายถึงสติ
เพราะเขาแทนที่จะเริ่มจากเตรียมอนุบาล นี่เขากลับมาเรียนมหาลัย
ฉะนั้นเขาจะต้องเรียนรู้ทุกๆเรื่องตามสภาวะที่เกิดขึ้น เขาจะต้องตั้งสติให้ทัน

ถ้าไม่ทันให้หายใจยาวๆรู้หนอเข้าไว้ สิ่งเหล่านี้คือบททดสอบความอดทนที่เราจะต้องอยู่กับมันได้
และผ่านไปได้ในที่สุด

ooสาธุoo says: ครับใช่เลย

walai says: ทุกย่างเกิดจากสิ่งที่เขาทำไว้ ไม่มีใครหรอกที่อยากเป็นคนเลว ทุกคนอยากเป้นคนดี

ooสาธุoo says: เออถ้าอย่างนี้นะครับ เท่ากับว่าคุณบอกเลยใช่ไหมครับ ว่าดับที่เหตุเลย
แล้วเหตุมาจากไหน

walai says: ใช่ค่ะ ที่เมื่อก่อนยังไม่พูด เพราะสภาวะเขายังไม่เกิด

ooสาธุoo says: อ๋อครับ

walai says: ตอนนี้สภาวะเขาเกิดแล้ว ถึงจะอธิบายได้

ooสาธุoo says: เข้าใจแล้วครับ

walai says: เขาโดนตั้งแต่ที่บ้าน ยันที่ร้าน ถ้าเล็กๆน้อยๆ เขายังไม่เห็นตัวโกรธ จะยังไม่พูดค่ะ
นี่เขาเห็นแล้ว เขาถึงมาถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นเลย
เขาแทบจะวิ่งไปถามให้รู้เรื่องไปเลยว่า มาว่าเขาทำไม มาโกรธเขาทำไม เขาไม่ได้พูดอะไรเลย
ดีที่ว่าเจอช่างทำเล็บกับแฟนคุณช่วยรั้งเอาไว แต่ก็เล่นเอาขบเคี้ยวฟันทั้งวันด้วยความแค้นใจ
เขารอทั้งวัน ชะเง้อมองว่า เมื่อไหร่จะกลับมาสักที

ooสาธุoo says: อย่างนี้อาจารตอ้งแจกเบอรแล้วละ

walai says: ไม่ค่ะ เขาอยากรู้คำตอบที่แฟนคุฯบอกว่ารอถามด้วยตัวเองแล้วจะรู้

ooสาธุoo says: เดี๋ยวสร้างเหตุอีก

walai says: การพูดด้วยอารมณ์หรือสภาวะที่เกิดตอนนั้นไม่ดี ต้องให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ooสาธุoo says: แต่จริงๆๆๆนะครับ

walai says: ส่วนเช่างทำเล็บ ก็เจออีกด้าน คนทรงไหว้ขัน วันนี้มาตาม
ก็โดนพูดขู่ทำนองว่าเห็นไหม พอไม่ทำ ไม่รับขัน หากินไม่ขึ้น

เลยอธิบายให้เขาฟัง ทั้งอานิสงส์ที่แม่ได้รับเพราะร่วมอนุโมทนาตลอด ไปแบบนั้น เขาออกเงินให้
บุญคุณก็มีต่อกัน ทำแบบนี้ไม่ต้องใช้เงิน แต่ใช้ความอดทน

อดทนต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เราเป็นทุกข์ เขาพูดเรื่องแฟนคุณกัน ก็เลยบอกว่า
ถ้าเรื่องไม่เกิดขึ้น ก็ยังออกนอกบ้าน เรื่องก็มีเข้าบ้าน

เรื่องคุยกับชาวบ้านนี่ไม่รู้จบ คนในบ้านก็เดือดร้อนไปด้วย เดี๋ยวนี้แฟนคุณสบายขึ้น
เพราะอยู่ในบ้าน ทำกรรมฐาน เรื่องเก่าน่ะคุณยังไม่จบ

เพราะหลายๆคนยังไม่เข้าใจเรื่องเหตุ ยังไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น การยอมรับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉะนั้นก็เข้าใจทุกคนนะคะ

ooสาธุoo says: ของธรรมดาครับ

walai says: ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says: อย่างวันนี้ทีแรกผมจะเปลี่ยนรถกับน้องสาวผม แต่ต้องเพิ่มเงินให้เขา
คิดตอนเช้าเดินจงกลมคิดได้ตลอดสิเอาสิจิตนี่ คิดเข้าข้างตัวเองดว้ย คิดว่าเขาน่าจะขายให้เราถูก

เดินไปคิดไป ผมก็แค่รู้ ดูสิจะคิดไงต่อ คิดต่อไปเลื่อยๆๆๆๆๆไม่รู้จบ เลยกับมารู้เท้า
แหมๆๆๆๆๆๆๆ ยังไม่หมด จิตเนี่ยมันไวต่อเรื่องความคิดที่เราชอบ ถ้าคิดในสิ่งที่ไม่ชอบ
มันก็จะคิดว่าเอาออกไป

walai says: เราให้ค่าในตัวเราเองไงคะ ที่คิดว่าขายให้ถูก เนื่องจากว่าคิดว่าเป็นเพี่น้องกัน
แต่จริงๆแล้ว ถึงจะพี่น้องกันก็คิดแตกต่างกันได้ค่ะ ไม่งั้นจะมีข่าวแย่งสมบัติลงหน้าหนึ่งมาจากไหน

ooสาธุoo says: ครับใช่เลยครับ มันมีกิเลสความเห็นแก่ตัว

walai says: ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says: ชักสนุกกับมันสะแล้วสิครับ

walai says: เดี๋ยวเจอเจ็บๆนะพูดแบบนี้ กิเลสเขาชอบตอบสนองนะคะ
พูดไปแล้ว โดนแน่นอนค่ะ ตรงนี้แหละค่ะ ทำให้ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น
เพราะเวลาโดน ถ้าสติยังไม่ทันมันเจ็บ เมื่อเจ็บทำให้เข็ด กลัว

ooสาธุoo says: ถ้ามีเหตุก็ตอ้งยอมรับครับ

walai says: มีอยู่แล้วค่ะ แต่เวลาโดนนี่สิคะ ยอมรับได้ยากมาก สติไม่ทันนะ สอบตกอีกแล้ว
แต่ก็ดีค่ะ ได้ฝึกฝนบ่อยๆ ที่ผ่านมาได้นี่ก้จากสอบตกบ่อยๆแหละค่ะ จะลองทำตามได้นะคะ
ไม่หวงห้ามแต่อย่างใด รับรองได้ว่า ยิ่งกว่าเพลงเจ็บนี้อีกนานน

ooสาธุoo says: ผมเดี๋ยวนี้ถือว่าใช้เหตุไปเลื่อยๆๆๆครับ มาถ้าเราทันก็คือทัน
ไม่ทันก็จำเอาไว้เป็นแบบผืกหัดในคราวต่อไปครับ

walai says: ค่ะ นั่นแหละค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2010, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


June 29เดินไปเรื่อยๆๆๆ

สวัสดีครับอาจาร เช้ามาปฎิบัต เดิน20นาที นัง20นาที ขอบคุณครับที่เป็นอาจารให้ผม


June 30
เดินไปเรื่อยๆๆๆ

สวัสดีครับอาจาร เช้าปฎิบัต เดิน 1 ชม นั่ง15นาที (นั่งยังมีอาการง่วงครับ)
ผมว่าจะลองนั่งสัก20นาทีสัก1อาทิตย์ ดูสิว่ายังมีอาการงว่งอีกไหมครับ
เมื่อคืนผมขอโทษดว้ยนะครับชวนคุยซะดืกเลย
แต่ก็มีคำพูดสุดท้ายที่คุณบอกว่า อย่าคิดมาก ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


July 01

สวัสดีครับอาจาร เช้าวันนี้ยังกับว่ามีงานยุ่ง เช้าปฎิบัต เดิน20นาที พอจะนั่งมีโทรศัพย์เข้ามา
เจ้านายผม (ให้ทำงานสว่นตัว) แล้วก็จะมาทำสร้อยกระลาแค่คิดก็มีความอยากเกิดขื้นมาเลย
ก็รู้ว่าอยากแล้วกับมารู้กาย

เมื่อคืนสอนผมแบบถึงพริกถึงขิงเลยครับ เรื่องกิเลสตัวปลอมตัวจริงเมื่อก่อนยังไม่เข้าใจเท่าไร
ตอนนี้เข้าใจเลยครับ (ถ้าคุณหมูและคุณคนขี้สงสัยเข้ามาอ่านผมขออโหสิกรรมด้วยนะครับ)
และเรื่องเหตุสร้างเหตุผลมาเลย แหมอาจารเล่นตรงหน้ากันเลยนะครับ
แล้วคุยเรื่องว่าผมหลบกิเลสอะเปล่า

ตอนนี้ตามความคิดผมนะครับถ้าเกิดการกระทบ (ทีแรกรอว่าจะถามแต่พอดีเจ้านายผมคุยอยู่)
ถ้าสติเราทันมันก็จะดับไปเอง แต่ถ้าการกระทบเข้ามาสติเราไม่ทันหรือกำลังไม่พอการกระทบอันนั้น
จะทำให้เราฟุ้งและคิดไปเรื่อยไม่รู้จบ


walai ใช่ค่ะ อยู่ที่กำลังของสติ สัมปชัญญะค่ะ
เพราะว่า ถ้าคนที่ไม่มีสมาธิจะไปหลบที่ไหนล่ะคะ จริงมั๊ย
ฉะนั้น กำลังของสติ สัมปชัญญะจึงสำคัญมากๆในทุกๆสภาวะที่เกิดขึ้น
ส่วนกำลังของสมาธิเหมือนผู้ช่วยพิเศษ ถ้าใครมีตรงนี้ สภาวะหรือสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดับได้ไวขึ้น
เมื่อทั้งสติ สัมปชัญญะและสมาธิทำงานร่วมกัน
หรืออาจจะหลุด เราหลบเข้าหาสมาธิเพื่อดับการกระทบอันนั้น สักวันถ้าสติเรามากขึ้นการกระทบที่เราเจอก็จะทันแล้วก็จะดับไปเอง ใช่ไหมครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


says: วันนี้วันสลากกินเรียบหรือสลากกินแบ่งครับ

walai says: ไม่เล่นหวยค่ะ อ่านในบล็อกแล้วค่ะ ตอบไว้แล้วด้วย สิ่งที่คุณถามมา
สติ สัมปชัญญะนี่สำคัญมากๆกับทุกๆสภาวะค่ะ ส่วนสมาธิเหมือนกำลังเสริม

ลองคิดดูนะคะ ถ้าคนที่ไม่ได้ฝึกสมาธิเลย หรือไม่มีพื้นฐานด้านสมาธิ
หรือแม้กระทั่งไม่มีสมาธิเลยเนี่ย เขาจะไปหลบที่ไหนล่ะ

says: จริงๆๆๆครับ

walai says: แต่ตัวสติ สัมปชัญญะ ถ้าทำได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดการกระทบ
ถ้าสติ สัมปชัญญะเขาทำงานทัน สิ่งนั้นก็จะดับลงไปได้ไวมากขึ้น
เมื่อคืนเห็นแล้วค่ะ เลยไม่ได้คุยต่อ

says: ครับ ไม่เป็นไร ผมได้รับคำตอบแล้วว่าทำไมคุณไม่บอกเขาเหมือนกับบอกใจ
เมื่อคืนฟังคุยแล้วผมทราบเลย มันก็แล้วแต่เหตุด้วยใช่ไหมครับ

walai says: ใช่ค่ะ ช่างทำผมเขากำลังดับที่เหตุ เขาเชื่อที่แนะนำเขาทุกอย่าง
เขาพยายามทำตาม แต่แฟนคุณยังไม่ใช่ มีแต่จะสร้างเหตุมากขึ้นจากเรื่องเก่าๆ
ก็ขำๆตัวเองค่ะ ต้องเอานิ้มมือมาวนๆที่ฝ่ามือของตัวเอง ในขณะที่กำลังฟังเขาพูด

says: ปล่อยไปสักพักก่อนครับ

walai says: สภาวะของเขาค่ะ ไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ค่อยๆตะล่อมเเขาให้เข้าทาง
ใช้ไม้อ่อนบ้าง แข็งบ้าง ตามสภาวะ

says: ผมกำลังจะเขียนเลย ว่าผมตอ้งค่อยๆๆๆไป

walai says: เขาเองก็ดูออกว่า เริ่มอ่อนให้กับคุณมากขึ้น พอเริ่มคุยเรื่องชาวบ้านนี่ หรี่เสียงเลย

says: กิเลสชาวบ้านนะครับสนุก

walai says: ใช่ค่ะ เพราะยังไม่เห็นกิเลสตัวเอง เมื่อกี้ตอนเย็นว่าจะพาคนทำเล็บ
ไปเลือกตู้เย็น เห็นไม่มีลูกค้า พอจะพาไป ที่ไหนได้ ดันมีลูกค้า

says: ยังอดกินน้ำเย็นไปกอ่น

walai says: อานิสงส์นะคุณในการช่วยคน ไม่ว่าจะทางด้านให้ธรรมทาน
หรือให้ทานกับเขา สภาวะรู้สึกว่าก้าวหน้ามากขึ้น

says: ครับผมอนุโมทนาด้วยครับ

walai says: สาธุค่ะ อาจจะเพราะคนที่เราช่วยนั้น เขาพยายามทำทุกวันด้วย
ตอนแรกคิดนะคะ คิดว่าจะถามว่าใครจะร่วมทำบุญบ้าง ในการซื้อตู้เย็น
คิดไปคิดมา เออนะ เดี๋ยวถึงเวลาค่อยถามไปเรื่อยๆยอดก็จะมีมาเอง ส่วนที่ขาดก็จะเติมเอง

says: ตกลงเราชื้อเงินสดเลยหรือครับ

walai says: ใช้บัตรค่ะ แต่ว่าจ่ายเงินสดร่วมได้ คือรูดเฉพาะส่วนที่ขาด

says: อ๋อครับ แต่ผ่อนเดือนเท่าไรครับ

walai says: ก็อย่างที่คุยไว้ วันละ 10 บาท แต่คิดว่าคงไม่ผ่อนค่ะ ถ้ายอดไม่มาก

says: ผมออก 500 ครับ มีส่วนรjวมทำบุญกับอาจารย์

walai says: โมทนาค่ะ แล้วเวลาให้เขาส่งมานั้น ให้ส่งตามยอดจริง
หมูก็คงไม่ขาดละหนึ่งคน พวกพี่ๆน้องๆที่ทำงานอีก ดีไม่ดี เขาอาจจะไม่ต้องจ่ายเลย
สักบาทเดียว แต่ไม่บอกเขานะคะ ยังไม่บอก รอดูยอดก่อน

says: คนดีนะครับ เลี้ยงแม่

walai says: อานิสงส์ที่เขาดูแลแม่และอานิสงส์ที่เขาเจริญสตินี่แหละค่ะ

says: ผมว่าขื้นอู่ยกับคุณด้วย คุณออกหน้าด้วยนะครับ

walai says: ช่างทำผมนี่เดี๋ยวนี้หายใจเข้าออกเป็นเรื่องกรรมฐานไปเลย
มันจะมีแต่เมตตานะ เมื่อเห็นเขาตั้งใจจริง ถึงแม้เขายังมีเรื่องไสยศาสตร์แฝงอยู่
แต่นั่นคือเหตุของเขา เหมือนใครก็ไม่รู้นะคะ คุยไปคุยมา หาไสยศาสตร์ทุกที

says: เจ้านายผมครับ

walai says: พอดีตัวเองก็ผ่านเรื่องไสยศาตร์มาเยอะ เลยคุยได้แบบสบายๆ

says: คุยมาผมรับฟังครับ ฟังอย่างเดียวไม่ขัด

walai says: นั่นแหละค่ะดีแล้ว เพราะคือเหตุของเขา

says: ครับใช่เลยเหตุใครเหตุมัน ก็ยังดีครับมีไสยศาสตรแต่ยังปฎิบัติ

walai says: ถึงบอกไงคะ เราไม่มีหน้าที่ไปแก้ทิฏฐิของใคร แต่เรามีหน้าที่
ทำเป็นตัวอย่างให้เห็น เมื่อเขาเห็นเราดีขึ้นอย่างหน้าประหลาดใจ ไม่ว่าจะความคิด
และการกระทำ ย่อมทำให้เขากลับมาสนใจเอง แต่หมายถึง เขาต้องเคยสร้างเหตุ
ร่วมกับเรามาด้วยค่ะ

says: เออผมบอกกอ่นนะครับ เรื่องเงินช่วยนะครับ เงินส่วนตัวผม
เหมือนเมื่อเช้า ผมเล่าให้ฟังนะครับ เรื่องที่คุณจะชื้อตู้เย็นนะครับ
เขาบอกว่าคุณอยู่คนเดียวทำยังไงก็ได้ แถมยังไม่มีหนี้สิน
ผมเลยอธิบายให้ฟังว่าคุณทำไมไม่มีหนี้สิน มี แต่คุณจัดเรื่องระเบียบการเงิน
ผมก็เลยแถมไปอีกหน่อยว่าของเรา2คนนะ หาเงินได้นะถ้าจัดดีๆๆๆ มันก็จะสบายทั้งกายและใจ

walai says: นี่เรื่องจริงเลยนะคะ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราจัดระเบียบ

says: ครับผมยอมรับ ตอนนี้จำกัดผมน่าดู ผมก็ว่ามันเหตุที่เราก่อ รับไปเสีย
วันนั้นเพื่อนยืมเงิน2000 ผมบอกในกระเป๋าผมมี 200 เขาไม่เชื่อ
ตอนนี้เพื่อนคนนี้สงสัยไม่คุยกับผมแล้วละ อะไรวะเงิน 2000 ระดับมึงไม่มี

walai says: ดีค่ะ หมดเหตุกันไปจะได้ไม่ต้องมายืมเงินกัน ดีไม่ดี
เป็นมิตรตอนกู้เป็นศัตรูตอนคืน เจอมาหมดแล้วค่ะ

says: แหมๆๆๆๆ พูดถูกใจ

walai says: ทุกวันนี้เลยสบายค่ะ ไม่มีใครมายืมเงิน เพราะรู้ว่าไม่มีให้ยืมหรอก

says: ผมก็ใกล้ๆๆๆกับคุณแล้วละ

walai says แต่ถ้าเขาเดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน ซื้อเลี้ยงได้ทันทีค่ะ
บางคนนี่ซื้อมาม่ายกแพ็คให้เลย ถูกเลยนะคุณ ทาน ศิล ภาวนา ต้องไปพร้อมๆกัน
ทุกอย่างคือกำลังขับเคลื่อนที่ดี

แบบบอกตามตรงนะคะ ไม่เคยจนแบบที่เขาเรียกว่าจนกัน ความรู้สึกแบบที่เขาว่าจนๆกัน
ไม่เคยมี ไม่เคยรู้จัก พอมาทำกรรมฐานนี่แหละ เข้าใจเลยคำว่า จน

ทำให้เลิกทำไปหลายครั้งเพราะเหตุนี้ ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งเจอแต่ทุกข์ แล้วจะทำไปทำไม
พอไม่ทำ แหมม เงินไม่รู้มาจากไหน นี่แหละ ความไม่รู้ทำพิษ

พอมาเข้าใจเรื่องสภาวะ เข้าใจเรื่องเหตุ ความจนนี่ไม่มีเลย ตอนนี้เป็นเศษฐีแล้ว
มหาเศษฐีเลยก็ว่าได้ แล้วเป็นมหาเศษฐีที่ไม่ต้องทำงานหนักด้วย
ใช้ชีวิตแบบเสรีภาพและแสนสบาย คุณเองก็กำลังเป็นเศษฐีน้อยๆแล้วนะคะ

says: สิ่งที่คุณได้ไม่มีเงินจำนวนไหนมาชื้อได้

walai says: ทุกอย่างมีเหตุ ต้องโทษตัวเองค่ะ โทษใครๆไม่ได้

says: ผมกำลังใช้ผลของเหตุที่ผมกอ่ไงครับ

walai says: ค่ะ ทะยอยใช้ยังดีนะคะ เขาไม่ทวงจนหมดตัว

says อย่างนี้ตอ้งบอกว่ามันไม่เที่ยง

walai says: ใช่ค่ะ ทุกอย่างแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ตามเหตุที่เราทำลงไป
ยิ่งถ้าตัวรู้เกิดเมื่อใด สภาวะก็จะเปลี่ยนไปไวมากขึ้น จะมีแค่รู้ แต่ไม่มีเราในสิ่งที่รู้

เหมือนที่คุณถามมาในตอนที่ยืนอยู่ ว่ารู้มั๊ยว่ายืนอยู่
บอกว่ารู้ รู้ว่ายืน แต่ไม่มีเราในการยืน มันรุ้แค่ว่ายืน เท่านั้นเอง

เดี๋ยวนี้สภาวะไปไวมากๆ สมาธิเกิดตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร
เพียงแต่ยังไม่มีกำลังของสมาธิแรงมากเท่าเมื่อก่อน
ก็ดูจิตตัวเองนะคะมียินดีมั๊ย มันไม่มี นิดเดียวไม่มี มีแค่รู้
อีกหน่อยๆทุกๆคนก็จะเจอสภาวะนี้เหมือนกันหมด

says: ครับ ผมอนุโมทนาด้วยนะครับ

walai says: สาธุค่ะ เพราะเรามีจิตเหมือนกัน ย่อมรู้เหมือนๆกัน ที่ทำให้ดูแตกต่างคือ
ตอนแรกเท่านั้นเพราะอิทธิพลของกิเลสที่ครอบงำเราอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป
อุปทานจึงแตกต่างกันไป

says: ครับ ที่ผมถามว่าเราหลบหรือเปล่านั่นอะ คือว่าคิดเหมือนคล้ายการซ้อมฟุตบอล
ถ้าเรายิ่งซ้อมยิ่งดี แต่ไม่ใช่ จริงๆแล้วกำลังสติยังไม่พอถอยก่อนได้

walai says: ค่ะ เจอบ่อยๆ รู้ทันมากขึ้น

says: ใช่ครับ

walai says: แล้วกิเลสจะเปลี่ยนรูปแบบมาทดสอบตลอดเวลา

says: ทีแรกผมก็ว่าแปลกๆๆนะครับ ก่อนมาปฎิบัติ กิเลสเราไม่เห็น
พอมาปฎิบัติ แหมๆๆๆคุ้ยขึ้นมาหมดเลย พอมีการกระทบ ผมคิดย้อนกับไปในอดีต
เราทำมาเองเนี่ย

walai says: ถ้าไม่มาเจริญสติ ถามว่าเห็นสิ่งเหล่านี้มั๊ย เห็นค่ะ แต่เหมือนภาพมัวๆ
เหมือนจะชัดแต่ไม่ชัดคลุมเคลือ

แต่พอมาเจริญสติแล้ว กำลังของสติ สัมปชัญญะมากขึ้น เมื่อสามารถรู้ได้ขณะที่
กำลังจะทำ( ก่อนทำ ) และรู้ตอนกำลังลงมือทำ ภาพมันเลยชัดเจน

ooสาธุoo says: ถ้าเราไม่มาเจริญสติความคิดการที่มากระทบ
มันก็จะเป็นตัวเราของเราอีกใช่ไหมครับ

walai says: ใช่ค่ะ เรื่องสภาวะด้วยค่ะ ตรงนี้สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าตัวเราอีก
ถึงแม้จะเจริญสติ แต่ถ้าไม่มีการอธิบายถึงเรื่องของสภาวะ ว่าสภาวะแท้ที่จริงแล้ว
คืออะไร ก็สามารถทำให้งมทางอยู่ได้ค่ะ แต่ยังไงเสียก็ไม่หลง เพราะมีสติ สัมปชัญญะ

เรารู้แต่ว่า สภาวะคือ สิ่งที่เกิดขึ้น รู้แค่นั้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทำไมถึงมีผล
ทั้งกระทบ และไม่กระทบให้กับตัวเรา

says: ครับใช่เลย มันขื้นกับเหตุที่เราทำมาเมื่อกอ่น

walai says: ใช่ค่ะ ทุกๆเหตุที่เราทำไปทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตามที่เราคิด

says: ที่คุณว่านะครับการฟังชีดีครูบาอาจาร การฟังใหม่แต่ละครั้งเนี่ย
มีความคิดอีกอย่าง ไม่เหมือนเดิม

walai says: ความคิดจะเปลี่ยนไปเรื่อยตามความเข้าใจในขณะนั้นๆค่ะ
เหมือนที่เคยบอกกับคุณว่า ทุกๆการผิดพลาด จะมีตัวรู้เกิดขึ้นทุกๆครั้ง

ตัวรู้ที่เกิดขึ้นทุกๆครั้งทำให้เราเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
การที่จะเอาจิตไปเกาะเกี่ยวภายนอกย่อมลดน้อยลงไป
เหตุย่อมน้อยลง เพราะ อุปทาน ลดน้อยลงไป เพราะมันจะเห็นแต่เหตุๆๆๆๆๆๆ
และผลที่กำลังแสดงอยู่

says: ครับใช่เลย เมื่อกอ่นนะครับ ผมว่ารู้แค่กาย เราจะฉลาดได้ไง
ตอนนี้นะครับ สภาวะจะมาสอนให้เรารู้ว่าตัวเอง รู้มาได้ยังไง

walai says: ค่ะ นั่นแหละค่ะคือคำตอบ ไม่ใช่ไปรู้เพราะคนอื่นๆมาบอก
แรกๆก็ต้องอาศัยกายไปก่อน อาศัยบัญญัติไปก่อน

หลังๆจะมีแต่สภาวะปรมัตถ์ คือเป็นเรื่องของจิตล้วนๆ ธรรมที่ไม่ใช่ทำล้วนๆ
แล้วเราก็จะแยกเรื่องของ กาย เวทนา จิต ธรรม แยากออกได้อย่างชัดเจน

แรกๆพูดเรื่องกาย ต้องมาคู่กับทำ พอมาถึงจิต จะมีแต่จิตกับธรรม
สุดท้ายจะมีแต่ธรรม ธรรมที่แจ้งออกมาจากจิต ที่อยู่เหนือกาลเวลา เหนือการคาดเดา
ไร้ตัวตน ไร้รูปพรรณสัณฐาน มีแต่รู้ๆๆๆ แล้วละๆๆๆๆๆ ละทั้งที่ว่าดีและที่ว่าไม่ดี ละหมด
ละหมด เหตุไม่มี ผลย่อมไม่มี นี่แหละทางที่ประเสริฐสุดแล้ว

เดี๋ยวจะงงว่าเวทนาคู่กับอะไร เวทนามากับอุปทาน คู่กับการทำงานของขันธ์ 5
แล้วทุกอย่างที่พูดมานี่ คุณจะรู้ด้วยตัวเองได้หมด เมื่อสภาวะละเอียดมากขึ้นค่ะ

says: ครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณอีกครั้งที่อธิบายในสิ่งที่ละเอียดมากครับ

walai says: ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ สภาวะเขาจะสอนคุณเองทุกๆเรื่อง
ที่พูดไปนี่ แค่กรุยทางไว้ให้เท่านั้นเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


2 July 02

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัติ เดิน20นาทีนั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง20นาที ตอนเดินมีอาการง่วง ผมเลยหยุดเดินแล้วเปลี่ยนมานั่ง
นั่งไปประมาณ5-10นาทีแล้ว ก็เดินต่อ พอไปได้ครับ

ผมยังไม่เป็นเศรษฐีหรอกครับ ผมขอเป็นลูกน้องมหาเศรษฐีแล้วกันนะครับ
เหมือนมีคนพูดว่าถ้าเราทำงานกับมหาเศรษฐี มหาเศรษฐีคนนั้นจะแนะนำให้เราเป็นเศรษฐี
หรือจะคอยช่วยเหลือเรา ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


July 03

สวัสดีครับอาจาร เช้าปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที มีความคิดเกิดขึ้นสติทันบ้างไม่ทันบ้าง
วันนี้อาการง่วงไม่เกิด (ความไม่เที่ยง) การเป็นมหาเศรษฐีเรื่องเงินมีความ สุก
การเป็นมหาเศรษฐีเรื่องธรรมมีความ สุข ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


July 04

สวัสดีครับอาจาร เช้าปฎิบัติ เดิน45นาที นั่ง20นาที ครั้งนี้รู้ว่าจิตมีสมาธิมากขึ้นครับ
ขออนุโมทนา กับ คุณแม่ด้วยนะครับที่จะไปถือศีล และก็อนุโมทนากับมอดด้วยนะครับ
ที่มันไม่ต้องตาย สัตว์น้อยใหญ่รักชีวิตทุกตัว

อาทิตยนี้มีเรื่องติดๆๆในใจเกี่ยวกับพระเครื่องบ่อยๆๆๆครับคือเดี๋ยวเปลี่ยนองค์นั้นมาหอ้ยเดี๋ยวเปลี่ยนองค์นี้มาหอ้ย ผมนึกในใจตัวเองครับว่าของมีมากก็ทำให้ทุกขได้เหมือนกัน (มีมากเกินไป) ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


July 05

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปฎิบัติเดิน 20 นาที นั่ง 5 นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน 1 ชม นั่ง20นาที ยังมีอาการงว่ง เวลาเดินก็ใช้วิธีเก่าครับคือ
เปลี่ยนมานั่งสักพักแล้วเดินต่อครับ นั่งวันนี้นะครับคิดว่าหลับเลยจะหงายหลังนะครับ
ผมว่าจะลดนั่งลงเหลือ 15 นาทีดีไหมครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


walai says: ช่างทำผม เดี๋ยวนี้มั่นใจตัวเองมากขึ้นนะคะ กล้าไปสอนคนอื่นๆ
ผลที่เขาได้รับ ทำให้เขามั่นใจ

ปู ที่อยู่ข้างๆร้านเขา อ่านหนังสือไม่ออก สวดมนต์ไม่ได้ เขามาคุยกับใจ เขาเล่าให้ใจฟังว่า
ต้องรอลูกสะใภ้มาสวดมนต์ให้ฟัง

ใจบอกว่าจะยากอะไร ต้องพึ่งตัวเองสิ ทำด้วยตัวเอง คนอื่นทำให้ไม่เหมือนเราทำเอง
เขาบอกกับปูว่า อ่านหนังสือไม่ออก ไม่ต้องสวดมนต์ก็ได้ แค่ไหว้พระพอ
แล้วให้เดินจงกรม กับนั่งสมาธิได้เลย เขาเอาประสพการร์จากตัวเขาเองไปสอน
จากที่คนอื่นๆสอนเขาบ้าง เขาเอาตรงนั้นแหละไปสอน ให้ปรับเปลี่ยนได้

แล้วอีกคนคือ นี บ้านเย็บผ้าน่ะค่ะ ที่เคยมาถามใจว่า ทำแล้วชีวิตดีขึ้นจริงๆหรือ
ร้านใจตอนนี้จะกลายเป็นแหล่งธรรมะแล้วค่ะ ดีจัง

ooสาธุoo says: อนุโมทนาด้วยครับ

walai says: เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้ใครมาคุยเร่องชาวบ้าน เขาจะแค่ฟัง
แต่ไม่ไปหืออือด้วยเหมือนเมื่อก่อน คือทำเป็นไม่ได้ยินซะ

ooสาธุoo says: ครับดีจังใจไปได้ไวมาก

walai says: ค่ะ เขาไปได้ไว พอจับได้ว่าเหตุเกิดจากอะไร
ทำไมถึงมีเรื่อง เขาไม่เอาเลย บางทีก็ใช้รู้หนอเอา

ooสาธุoo says: วันนี้ผมเข้าไปอ่านเรื่องถาม ตอบ ที่คุณคุยกับคุณหมู
เดี๋ยวนี้สภาวะคุณหูมละเอียดขึ้นนะครับ

walai says: ค่ะ สภาวะตรงไหนแม่น เขาจะรู้เอง

ooสาธุoo says: กิเลสมันไวครับ ผมอ่านเกิดกิเลส เอารู้หนอกำกับลงไป
ครับพอเอารู้หนอกำกับลงไปแล้ว พอมีสติ ก็ออกมาครับ

walai says: หมูเองเขาก็พูดว่าคุณไวกว่าเขา ทั้งๆที่เพิ่งมาทำ

ooสาธุoo says: เหตุใครเหตุมันครับ

walai says: ใช่ค่ะ มันเป็นที่เหตุ อีกอย่าง หมูเขาเป็นผู้มีความเพียร
ตรงนี้ยอมรับนะคะนับถือเขามากๆ กลับมาจากที่ทำงาน ให้ดึกดื่นแค่ไหน เขาต้องทำ

ooสาธุoo says: เมื่อกี้เล่าเรื่องใจให้ผมฟัง กิเลสเกิดอีกครับ ต้องเอารู้หนอกำกับ

walai says: ค่ะ เข้าใจค่ะ เป็นยาไงคะ อ่านแล้วทำให้เป็นยา
ทำให้เกิดกำลังใจ แต่ละคนสภาวะแตกต่างกันไป เป็นไปตามเหตุที่ทำมา
อย่างน้อยๆก็อนุโมทนาและรู้สึกดีใจกับทุกๆคน ที่ไม่พยายามตอบโต้สภาวะที่เกิดขึ้น
นั่นหมายถึง ภพชาติสั้นลงไปเรื่อยๆ ถ้าเรารู้ทางแล้วว่าควรทำยังไง สภาวะก็ไปได้ไวค่ะ

ooสาธุoo says: อ่านไปเนี่ยมีความคิดเกิดขึ้นตั้งหลายอย่าง เล่าให้ฟังนะครับ

walai says: ค่ะ เหตุของแต่ละคนที่เจอแตกต่างกันไป ตามเหตุที่แต่ละคนทำมา

ooสาธุoo says: คืออ่านไปเนี่ย มีความคิดเกิดขึ้นว่าเรายังอ่านกิเลสไม่ออกเลย
อะไรตั้งนานแล้วยังอ่านไม่ออก เลิกเลยดีกว่า

walai says: ความอยากน่ะค่ะ

ooสาธุoo says: คิดไปพอจะออกเกินไปแล้ว เอารู้หนอ ไม่งั้นไปไหนแล้ว

walai says: อ่านที่หมูพูดหรือยังล่ะคะ ตอนครั้งแรกที่พูดเรื่องกิเลสให้เขาฟัง เขาก็ค่ะ
ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่อง แล้วนั่นก็สองเดือนผ่านไปแล้ว

แล้วนี่ 288 วัน เขารู้แค่ สภาวะของสติและสัมปชัญญะ
และรู้ถึงเหตุและผลแบบภาพยังไม่ชัด แต่เขาเชื่อในสิ่งที่บอกกับเขา เขาเลยทำตาม
แต่ก็ยอมรับว่า สภาวะของสติและสัมปชัญญะ ถ้าคนไม่แม่นสภาวะจริงๆ
พูดออกมาแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ

รู้แบบนี้ ดีกว่าไปรู้นามรูปปริเฉจญาณแบบที่เขาพูดๆกัน อันนั้นมันแค่จินตามยปัญญา
คือ คิดเอา น้อมเอา

ooสาธุoo says: ครับ คิดเอา คิดเอาเองสู้ทำเอาเองไม่ได้ครับ

walai says: รู้สติ สัมปชัญญะนี่ เรียกว่ารู้ตัดตอน คือ เอาสติ สัมปชัญญะเป็นหลักเลย
ไม่ต้องไปพิจรณาอะไร แค่ดูตามเป็นจริงที่เกิดขึ้น แล้วกิเลสจะแทรกมาหลอกไม่ได้เลย
ไม่เหมือนเรื่องญาณ กิเลสสามารถหลอกได้ตลอดเวลา เพราะความอยากได้ อยากรู้ อยากเป็น

ooสาธุoo says: ครับใช่ ถ้าจะเอาว่านั่งต้องเห็นแสงสว่าง ผมคงไปไม่ถึงไหนแล้วละครับ

walai says: เป็นไปตามเหตุที่ทำมาน่ะค่ะ

ooสาธุoo says: เมื่อวานผมต้องพูดว่าฝึกเดินเพื่อให้จิตไม่เอาทั้งสุขและทุกข์
อย่างอื่นเป็นแค่ตัวแถม เดี๋ยวนี้ผมตัดเรื่องความอยากในการปฎิบัตไปได้เยอะครับ
สิ่งที่อยากๆๆเมื่อกอ่นนะครับ มันก็แค่สภาวะนึง มันไม่เที่ยง

walai says: ค่ะ เราต้องสอนตัวเราค่ะ หมั่นใส่เรื่องความไม่เที่ยงลงไป
แล้วความอยากมันจะลดลง เพราะรู่ว่าหวังไม่ได้

พอรู้เห็นว่าไม่เที่ยงมากขึ้น มันยิ่งไม่ไปยึด ไม่ว่าจะสภาวะดีหรือไม่ดีก็ตาม มีหน้าที่คือทำ
เหมือนทำงานหาเงินเลี้ยงชีพตัวเอง ถ้าไม่ทำ ไม่มีกิน แต่อันนี้ทำแล้วหยุดได้
แถมมีกินตลอดชีวิตนิรันดร์ จะไปหาแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะคะ

ooสาธุoo says: ครับ เดี๋ยวนี้ทำเหมือนกับทำเล่นๆๆๆๆแต่เอาจริงเอาจังนะครับ
เอาแค่ว่ามีความคิดเกิดให้สติทัน แล้วก็ดับ

walai says: ค่ะ สติสำคัญมากๆค่ะ

ooสาธุoo says: เหมือนที่คุณเขียนหรือคุณหมูเขียนผมจำไม่ได้ว่า
สภาวะเนี่ยเหมือนกับนับ1ใหม่ตลอด ก็จริงๆๆๆนะครับ เพราะมันไม่เที่ยง

walai says: พอเข้าใจแล้ว จะรู้ตรงนี้เองค่ะ เริ่มต้นเรียนใหม่ตลอดเวลา สภาวะจะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ

ooสาธุoo says: คุณสอนอย่างเดียวพอ มีแค่เหตุและผลเท่านั้น ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก
แต่ถ้าผมว่าเองนะครับ ถ้านั่งไปทางญาน ผมว่ามันจะมีอะไรต่ออะไรให้คิดหรือหลงไปอีกมากมาย

walai says: เปล่าค่ะ ญาณก็คือสภาวะนี่แหละค่ะ แต่คนอุปทานไปให้ค่ากันเอง
มันก็เลยกลายเป็นวิปัสสนูกิเลสไป คือ นึกคิดเอาเอง แล้วนำไปเปรียบเทียบกันเอง
เหมือนสภาวะของหมูที่มีมดกัดน่ะ นั่นในสภาวะของญาณเขาก็มีเขียนบอกเอาไว้
แต่ไม่เคยไปพูดอะไรให้หมูฟังมากมาย เพราะมันคือกิเลส ถ้าคนฟังแล้วไปหลงยินดีว่าอยู่ใน
ญาณโน้น ญาณนี้ ได้ญาณโน้น ญาณนี้ ตัวอย่างมีเห็นเกลื่อนกลาด

จริงๆแล้ว เรื่องญาณ 16 นี่ เขามีเอาไว้เพื่อรู้ค่ะ เวลาเกิดสภาวะต่างๆ จะได้รู้ว่า คนอื่นๆก็เคยเป็นมา
ถึงได้มีบันทึกเอาไว้ แต่คนน่ะไปติดใจ ไปยึดติดกันเอง ให้ค่าเอง กิเลสตัวนี้ เรียกว่า เจ้าตัวนิกันติ
เจ้าตัวความพอใจ ที่เป็นกิเลส มันมีอำนาจมากกว่า สภาวะแทนที่จะเป็นไปตามสภาวะ
เลยโดนกิเลสมันลากไปกินแทน ก็เลยแป่กอยู่แค่คำเรียก อันนั้นเรียกนั่น อันนี้เรียกนี่
จะต้องเป็นแบบนี้ๆ แต่ที่ไม่เห็นคือ กิเลส กิเลสที่อยากจะเป็น

เคยนะคะ เจอสภาวะแบบนี้ แบบสงสัย เลยนำไปเทียบเคียงดู แต่พอดีไม่ได้ติดแบบคนอื่นๆเขา
ตอนที่เจอสภาวะของสันตติขาด คุณคงไม่รู้จัก

แหมม หลงดีใจ คิดว่าเจอของดี สภาวะต้องอย่างงั้น อย่างงี้แบบที่เขาพูดๆกันมา
ที่ไหนได้ พอเราเจอสภาวะเดิมๆซ้ำๆเข้า ตัวสภาวะเขาจะสอนเราเอง สุดท้ายเลยรู้ความจริงว่า

อ๋อเจ้าสภาวะสันตติขาดนี่ เกิดจาก สติ สัมปชัญญะ เขาทำงานร่วมกับสมาธิ ซึ่งบ่งบอกถึงสภาวะ
กำลังของสติเริ่มมีกำลังมากขึ้น แหมๆๆๆๆ มันมีแค่นี้เอง

ถ้าสติ สัมปชัญญะไม่มีกำลังมากพอ แล้วมีสมาธิประกอบอยู่ด้วย ถ้าไม่มี 3 อย่างนี่ทำงานร่วมกัน
ก็จะเห็นสภาวะนี้ไม่ได้ แล้วก็สภาวะกำลังของสติ สัมปชัญญะ ที่ทำงานร่วมกับสมาธิมีหลายระดับ

นั่นแหละคุณ กิเลสมันจ้องงาบเราตลอดเวลา ขออย่าได้ไปยึดเชียวนา
ทั้งดีและไม่ดี ไม่เที่ยงหรอก

กิเลสทั้งนั้น มันหลอกเราตลอดเวลา สติทัน มันก็จบ ตัวเก่าจบไป ตัวใหม่มาแทน ถึงบอกไงคะ เหมือนเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลา แต่พอมั่นคงแล้วนี่ เราจะแค่รู้ ไม่ไปให้ค่าอะไร

ooสาธุoo says: ครับใช่ เมื่อก่อนนะครับผมก็ทำหวังอย่างนั้นละครับ
แต่ผมทำไม่ได้ ก็เกิดความท้อแท้ใจ ทำไมทำไม่ได้ มีความอยากทุกอย่าง
ผมรบกวนอีกนิดนะครับ

walai says: ถามได้ค่ะ

ooสาธุoo says: ถ้าจริงๆๆๆนะครับอย่างที่คุณว่านะครับ รู้ ตามที่คิด
ไม่คิดเอาออก ไม่คิดตาม สิ่งไหนที่มากระทบนั่นคือเหตุที่เราทำ

walai says: ค่ะ สิ่งที่มากระทบทั้งหมดแล้วทำให้จิตเรากระเพื่อม ไม่ว่าจะทำให้เกิดชอบหรือชัง
ดีหรือร้ายก็ตาม ล้วนคือเหตุที่เราทำไว้ทั้งสิ้นกับสิ่งที่มากระทบ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


July 06

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านขึ้นไปปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง30นาที เดินยังมีอาการง่วงอยู่
ผมเลยลองใช้วิธียืนหลับตา แต่รู้กายเป็นชว่งๆๆครั้งนึงประมาณ1นาทีได้มั้งครับ
ทำอยู่ประมาณ4-5ครั้งได้ แล้วก็เดินต่อจนครบ

แล้วเปลี่ยนมานั่งตอนนั่งไม่มีอาการง่วงเลย แหมมันไม่เที่ยงจริงๆๆๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะครับเป็นอย่างนี้นะ พอนั่งละก็หลับทันที

พอนั่งครบ30นาทีแผ่เมตตาเสร็จ ลองลุกขึ้นมาเดินใหม่ เดินไปอีก30นาทีจิตเป็นสมาธิดีครับ
แล้วนั่งอีก10นาทีจิตก็เป็นสมาธิดีครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม


says: วันนี้สอบตกแบบเห็นชัดมาก ไม่ได้มาทดสอบนาน แต่สอบคราวนี้เห็นชัดมากขึ้น

walai says: มีอะไรหรือคะ

says: พอดีวันนี้ที่ร้านตอนกลางวันคนน้อย มีคนเข้ามาตากแอร์เยอะ
ก็เลยมีอาการตัวเราของเราเข้ามานะครับ

ไม่มาเล่นยังมานอน ก็เลยมีอาการเคือง
ก็เลยพูดไปว่าถ้าเอาเก้าอี้ออกมานั่งต้องเอาเข้าที่ด้วยนะครับ

พูดปั๊บมีสติมาเลย เหตุเราทำมาก่อน ใช้เขาไป หายไปแล้ว แต่ก็ไม่หมดทีเดียวครับ
ใช้เวลาอีกสักพักถึงว่างได้ ขอบคุณมากครับที่สอนให้ผม

walai says: เข้าใจนะคะ การที่เราจะให้อะไรใครๆ โดยใจไม่กระตุก ใหม่ๆ ยากค่ะ
เคยเป็นมาก่อนค่ะ ถึงเข้าใจ

เหมือนเรื่องตู้เย็น บางคนมองว่า พี่น้องของเพ็ญก็มี ตู้เย็นไม่ใช่มีความจำเป็นถึงขนาดต้องซื้อ
มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้นไป เรื่องปกติที่มองกันคนละมุม ตัวเองมองว่า เราอนุเคราะห์เขา
อนุเคราะห์แม่เขา กุศลนั้นก็ย่อมส่งถึงแม่เรา เผื่อวันหน้าอาจจะตกทุกข์ได้ยาก ใครจะไปรู้อนาคตได้

แม้การอนุเคราะห์คนอื่นๆก็เหมือนกัน ผลมันก็ส่งไปถึงพี่น้องเรา ถึงแม้ว่าเราจะไม่หวังผลก็ตาม
แต่ตรงนี้ พูดให้คนเข้าใจยาก แม้แต่คนที่อยู่ด้วยกัน เขาก็คิดแบบนี้ แต่กับพระ เขาจะทุ่ม
หมดตัวก็ยอม เพราะคิดว่ายังไงต้องได้บุญ แต่เขาไม่รู้หรอกว่า เขาได้ของแถมมาค่อนข้างเยอะคือ
กิเลสความอยากได้ อยากมี เพราะเขาไม่ได้ทำด้วยใจที่สะอาดจริงๆ

ไม่ว่าใครก็ตาม อะไรก็แล้วแต่ที่ทำลงไป ใจนั้นเจือไปด้วยกิเลส ก็จะได้กิเลสมาเป็นของแถม
ถึงบอกทุกๆคนไงคะ กิเลสมันเนียน แล้วการจะให้อะไรกับใครแบบใจใสสะอาดจริงๆ มันยาก
ตรงนี้เข้าใจดี ถึงแค่ยิ้มๆ เวลาเจอคนพูดทำนองนี้มา จิตว่าไวแล้วนะคะ กิเลสไวกว่ามากๆๆๆๆๆ

เหมือนที่คุณบอกว่า คุณสอบตก ถึงบอกว่าเข้าใจนะคะ
การจะให้แค่ที่พึ่งพิงในเรื่องความเย็น ก็ยากนะคะ
เพราะเมื่อคนเข้ามาเยอะ ที่ก็คับแคบลงไป เสียงก็ดังมากขึ้น

says: ตอนมีสตินะครับ ความคิดอีกอย่างก็มา

walai says: ค่ะ สตินี่แหละค่ะ ที่ทำให้เราเห็นรายละเอียดเรื่องพวกนี้ได้
ฝึกที่จะให้แบบใจสะอาดจริงๆ ยากยิ่งกว่าการทำกรรมฐานอีก

says: ผมว่านะครับ สิ่งที่เราทำ ถ้าเป็นคนเห็น จะมองได้หลายอย่าง
เหมือนที่คุณบอกไงครับว่า ทำไปสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นคนเห็น

walai says: ใช่ค่ะ ยังมีสิ่งที่มองไม่เห็น เขามองอยู่
ตรงนี้แหละ ช่วยเราในยามคับขันหลายครั้งต่อหลายครั้ง

says: ครับใช่ เขามองเราอยู่เขาอนุโมทนาให้เรา โดยไม่ติดอะไรด้วย

walai says: ใช่ค่ะ

says: เมื่อก่อนผมทำอะไรต้องได้หน้า ถ้าเป็นหน้าจริงๆๆๆนะ ทศกรรณ หน้าน้อยกว่าผมอีก

walai says: เป็นเหมือนกันหมดแหละค่ะ เพราะความไม่รู้ไงคะ
เราถึงได้กิเลสเป็นของแถมมาฟรีๆ

กิเลสของคนเราจึงมีมากน้อยแตกต่างกันไปเพราะเหตุที่ทำนี่แหละค่ะ
การให้ ถ้าคนเข้าใจหลักของกรรมหรือการกระทำนะคะ ถ้าเข้าใจตรงนี้ได้
การให้นั้นๆจะให้ได้โดยจิตที่ใสสะอาดจริงๆ โดยไม่ต้องไปหวังผลอะไรเลย
ยังไงผลมันต้องได้รับอยู่แล้ว แน่นอน เพราะความไม่รู้นี่แหละ
การให้ ถึงให้โดยมีกิเลสจือปน ก็เลยได้กิเลสเป็นของแถมกลับมา

says: ครับใช่ การมองสิ่งที่คนอื่นทำ ใครมองอย่างไร ก็ได้หตุอย่างนั้นไป
ได้ทั้งอนุโมทนาและนินทาเลือกกันเอาไป

walai says: ค่ะ พอเข้าใจตรงนี้ เราสามารถทำทานได้แบบใจสะอาดจริงๆ ทำตามพอสมควร
ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น

หากทำแล้วทำให้ตัวเองทุกข์ คนที่รับทานนั้นไป ก็ได้รับความทุกข์แถมไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
เพราะไม่ได้คิดเบียดเบียน แต่นั่นคือเปลือกภายนอกที่มองเห็น แต่ภายในน้นกลับกลายเป็น
การเบียดเบียนกันไปแล้ว สภาวะมันละเอียดนะคะ มันมองลงไปลึก ไม่มองแค่เปลือก

เมื่อก่อนไม่รู้ เคยทำทานนี่แหละ เพื่อนที่เป็นทอมเขาทะเลาะกับแฟนเขาที่เป็นดี้ เขาเอาเงินแชร์
ทั้งหมดน่าจะสองหมืนหรือสามหมื่น ฝากให้เราเอาไปทำบุญทั้งหมด เงินนี้เป็นเงินของดี้
ที่ทอมช่วยออกค่าแชร์ให้ ก็เอาไปนะคะ เอาไปทำบุญตามวัด ทำจนหมด
แล้วเอาใบอนุโมทนาไปให้เขา

ตอนนั้นโดนพี่คนหนึ่งว่า เขาบอกว่า คนที่เป็นดี้เขาไม่ยินยอม แต่เราไปทำแบบนี้ มันไม่ถูก
ต่อมาพอตัวเองโดนโกง ถึงเข้าใจเลย อย่าเป็นบุคคลที่ 3 ไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม
ให้เขาตัดสินใจกันเอง เราอย่าไปมีส่วนร่วม ใครจะเลิกกับใคร ใครจะดีกับใคร
นั่นคือเหตุที่เขาทำร่วมกันมา

says: สุดยอดครับ ละเอียดมากเลยครับ
ถ้าไม่มาเจริญสติจะมองได้อย่างนี้ไหมครับ ผมว่านะ คนเราถึงทำไปเพราะไม่รู้เยอะ

walai says: ถ้าไม่เจริญสติมองเห็นแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะค่ะ นี่แหละเพราะความไม่รู้แท้ๆ

says: เพราะสิ่งที่ทำก็เป็นสิ่งดี แต่ผลมาสิ

walai says: สิ่งดี เพราะเราคิดว่าดี แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง

says: ครับใช่ อย่างนี้เหมือนกับว่าเราร่วมสร้างเหตุดว้ยใช่ไหมครับ

walai says: ใช่ค่ะ การเป็นบุคคลที่ 3 ในการตัดสินใจของคนอื่นๆ นั่นคือผลที่เราต้องรับไปด้วย

says: ถ้าตามที่ผมคิดนะครับ การทำอะไรก็แล้วแต่ที่เราคิดว่าดี
มันก็เป็นเหตุได้โดยที่เรายังไม่ละเอียด

walai says: สติ สัมปชัญญะนี่แหละ คือคำตอบทุกๆคำตอบ

says: ครับใช่

walai says: เมื่อรู้จักธรรม จากการทำ มันจะเห็นแต่ธรรม

says: ผมคิดและคุยอีกทีนะครับ เรื่องสิ่งที่เราทำ
ถ้าเราทำไปดว้ยจิตไม่คิดอะไร แล้วคนรับเอาไปทำอีกที
นั่นก็คือเหตุของเขาใช่ไหมครับ

walai says: ใช่ค่ะ

says: เราจบตั้งแต่เราคิดทำแล้วใช่ไหมครับ

walai says: คิดแล้วก็ทำ จบตั้งแต่ทำไปแล้วค่ะ ส่วนความคิด บางทีคิดแต่ได้ทำก็มี
คือ มันส่งผลหมด ไม่ว่าจะถูกหรือผิดตามความเป็นจริง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2010, 02:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


07 กรกฎาคม


สวัสดีครับ เมื่อคืนปิดร้านขึ้นไปปฎิบัต เดิน25นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง30นาที ความง่วงยังมาอยู่ในระหว่างเดิน ก็ใช้วิธีเก่าครับ
แต่ในระหว่างยืนหลับตาอยู่ ใช้คำว่ารู้หนอกำกับลงไปดว้ยนะครับ
(เมื่อวานทีแรกผมว่าจะบอกว่าถ้าอีกหน่อยผมเดินจะเดินให้ได้1ชมทุกครั้ง)

นี่ขนาดยังไม่ได้บอกนะครับเมื่อคืนว่าจะเดินให้ได้1ชม. เดินได้25นาทีเท่านั้น ง่วงสุดๆๆๆ
แหมมันชั่งจ้องจะสอนเราทุกสภาวะเลยจริงๆๆๆๆ อย่าไปยึดติดมันไม่เที่ยง

ทีแรกนะครับผมนึกว่ากิเลสบางอย่างหายไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้มันกลับมาอีก
(พอดีเมื่อเช้ามีกิเลสบางอย่างที่ไม่มาเยี่ยมนานแล้วมาแวะทักทายนะครับ)

ผมเลยนั่งคิดในใจนะครับเมื่อก่อนการกระทำของเรา ต้องให้คนอื่นมาเตือนเราถึงจะรู้สึกตัว
ผมขอบคุณ คุณมากนะครับตอนนี้ไม่ต้องให้ใครมาเตือนแล้วว่า การกระทำของเราดีหรือไม่ดี
เรารู้ได้ด้วยตนเอง สิ่งที่มากระทบ ถ้าเรามีสติทันก็รู้ได้ไว ถ้าสติไม่ทันก็ไม่นานครับ
สักพักเราก็จะรู้ได้ และไม่ไปก่อเหตุใหม่ ขอบคุณครับที่เป็นอาจารย์ให้ผม


08 กรกฎาคม

สวัสดีครับอาจาร เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง30นาที ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารให้ผม




ooสาธุoo says: พอดีที่คุยกันมิกี้นี้ เรื่องคนนะครับ ถ้าดูกันน่าจะเป็นที่เหตุเขามีมาต่อกัน

walai says: ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says: เขาจึงต้องมาเกื้อหนุนต่อกันใช่ไหมครับ เมื่อกี้ผมอ่านในหนังสือนะครับ

walai says: ไม่ว่าใครก็ตามค่ะ หากเคยสร้างเหตุร่วมกันมา ไม่ว่าจะทางไหนๆก็ตาม ส่งผลหมดค่ะ

ooสาธุoo says: ครับอันนี้ผมเชื่อครับ เรื่องการปรับอินทรีย์นะครับ
ถ้าตอนนี้นะผมต้องลองให้คุณช่วยหน่อยแล้วละ

walai says: มีอะไรหรือคะ

ooสาธุoo says: ก็สภาวะง่วง ผมว่าจะลองเดินสัก1ชม นั่งสัก15นาทีกอ่นดีไหมครับ
แต่ตอนนี้นะครับ ผมลองสังเกตุเองนะครับ คือตอนเดินประมาณ20-25นาที จะมีการง่วงเกิดขึ้น

walai says: ได้ค่ะ คือถ้ามีง่วง มีเคลิ้ม ให้ลดนั่งลงไปเรื่อยๆ
ลองปรับนั่งไปเป็น 15 นาที แล้วสังเกตุดูค่ะ

นั่ง 15 นาที แล้วไม่มีง่วง ไม่มีเคลิ้ม รอดูก่อนสักอาทิตย์ ค่อยปรับเพิ่มเป้น 20 นาที
แต่ถ้านั่ง 15 แล้วยังมีอาการนั้นอยู่อีก ให้ลดนั่งเหลือ 10 นาทีค ่ะ ถ้ามีสติ สัมปชัญญะตั้งมั่นได้ดี
สมาธิจะมีกำลังมากขึ้นตามค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั่งมาก นั่งน้อย ให้ปรับตามสภาวะ

ooสาธุoo says: แล้วเรื่องเดินละครับ

walai says: เดิน 1 ชม. ค่ะ ถ้าเดินได้นะคะ ยิ่งเดินมาก ยิ่งดีค่ะ
เพราะทำให้สมาธิตั้งมั่นได้ง่ายมากขึ้น

ooสาธุoo says: เมื่อกี้อ่านในบล็อกนะครับ ที่คุณถามคุณหมูว่า
สวดมนต์กับนั่งสมาธิไหนได้บุญมากกว่ากัน เป็นผมนะ ผมตอบปั๊บเลยว่าสมาธิ
แต่คุณหมูดูละเอียดกว่าผมอีก

walai says: ค่ะ สภาวะเขาละเอียดขึ้น

ooสาธุoo says: ดูไปถึงเรื่องการมีสมาธิในการทำสิ่งนั้น

walai says: ใช่ค่ะ เขาจำหมดทุกสิ่งที่เคยบอกกับเขามา และเขาเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง
เขาจึงเห็นรายละเอียดได้ชัด มันแตกต่างจากการท่องจำ

ooสาธุoo says: ครับใช่

walai says: ใช้เวลาเพียง 280 กว่าวัน ดูสภาวะได้ขนาดนี้ คุ้มแล้วค่ะ ถึงแม้ต่อไป
เขาไม่มีเรา เชื่อใจได้ เขาไปของเขาเองได้ นี่แหละ ผลของการเจริญสติ
เอาสติ สัมปชัญญะเป็นหลัก ดูตรงนี้ เรื่องอื่นๆเป็นรอง

เพราะว่า สุดท้าย ทุกคนต้องผ่านทางเดียวกัน ไม่มีแตกต่างเลย แตกต่างแค่เริ่มต้น
แตกต่างไปตามเหตุที่ทำมา ตามกิเลสของคนๆนั้น

ถึงไม่สนใจเรื่องศรัทธาไงคะ ไม่ต้องไปเสียเวลาพูดชี้แจง
ใครเขาสร้างเหตุร่วมกับเรามา เขามาหาเราเอง เราไม่ต้องไปตามหรือไปสนใจอะไร

ทำแบบนี้ สบายดีค่ะ สกรีนคนไปในตัว คนที่มาหา เขาสกรีนตัวเขาเอง
เราไม่ต้องไปทำอะไร สกรีนคือ คัดตัวน่ะค่ะ เหมือนการคัดสรร

ooสาธุoo says: คือผมถามอะไรหน่อยนะครับ คือว่าความละเอียดนะครับ
การมองในสิ่งนึง อย่างเมื่อกี้นี้นะครับ

คือคุณหมูบอกว่า เราจ้องคนใส่บาตร จะสาธุ ฮือจริง กิเลสลากเราไปเลย มีความอยากเจือปน
พอคุณหมูอธิบายอย่างนี้ ผมเข้าใจในตัวผมที่ว่าคนนั้นทำทาน แล้วอยากร่วมทำทานกับเขา
นี่คือเจือด้วยความอยากใช่ไหมครับ

walai says: ไม่ใช่ค่ะ เห็นคำว่า จ้อง ไหมคะ

ooสาธุoo says: อ๋อครับ

walai says: การจ้อง บ่งบอกถึงความอยากค่ะ
แต่กับการที่ว่า พอเราเห็นแล้วเราเกิดปีติ เราอนุโมทนากับเขา แบบนี้ไม่มีความอยากค่ะ
เพราะออกมาจากใจ กิเลสมันไวค่ะ ต้องดูให้ดีๆ ทำด้วยความอยาก หรือทำด้วยใจ

ooสาธุoo says: คืออย่างนี้นะครับ อย่างคุณอธิบายให้ผมฟังเนี่ย
เป็นการชี้ให้ผมดูเรื่องความละเอียดมากขึ้น แต่นี่เป็นเพียงความจำ ไม่ใช่ออกมาจากจิตใช่ไหมครับ

walai says: ค่ะ คือทำให้จำได้บ้าง ลืมไปบ้าง เหมือนหมูแหละค่ะ ใหม่ๆเขาก็อาศัยจากการพูด
ให้เขาฟังบ่อยๆ แล้วจิตเขาจะบันทึกเอาไว้

ทีนี้ ผลที่เขาทำต่อเน่อง สติ สัมปชัญญะเขาก็มากขึ้น สภาวะของเขาก็จะละเอียดมากขึ้น
เขาเลยแยกแยะรายละเอียดได้ชัดมากขึ้น

บางครั้งเขาอธิบายบางสิ่งไม่ได้ พูดไม่เป็น แต่พอเราพูดไปปั๊บ เขาบอกว่าใช่ แต่เขาพูดแบบนี้ไม่ได้ คือ ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของสภาวะค่ะ

แม่นยำสภาวะเมื่อไหร่ ทุกอย่างมันจะออกมาจากจิตเอง ไม่ใช่จากการท่องจำ ก็เหมือนเรื่อง
คนไปเต้นน่ะ ที่คุณเล่าให้ฟัง คุณมองว่าอันนั้นคือการทำทานสูงสุด
นั่นเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เพราะสภาวะคุณยังไม่ละเอียดพอ เลยมองแบบนั้น

ooสาธุoo says: ครับ ใช่ครับ ที่คุณบอกว่าไม่ใช่ ตอนผมไปรับหลานผม
ผมลองนั่งคิดนะครับ ว่าใช่แล้วละ เขาทั้ง2มีเหตุต่อกับมา เลยต้องมาใช้เหตุกันต่อไป
คือมีความสงสารนำไปก่อน เลยคิดไปอย่างนั้น

walai say อะไรก็ตามค่ะ อย่าไปคาดเดาเลย

ooสาธุoo says: ใช่ครับ

walai says: เพราะนั่นคือเหตุที่เขาทำร่วมกันมา

ooสาธุoo says: ครับมองอย่างนี้จบครับ

walai says: ไม่ต้องไปปรุงแต่ง มองตามความเป็นจริง ตามเหตุ เท่านั้นจบค่ะ

ooสาธุoo says: ครับ ขอบคุณมากครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


July 10

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านผมขึ้นไปปฎิบัติ เดิน25นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน1ชม นั่ง15นาที ตอนเดินรู้เท้าชัดครับ นั่งก็รู้ลมครับ
ผมอ่านเรื่องสภาวะและตามสภาวะผมขออนุโมทนาด้วยครับ
จริงครับดูตามความจริงไม่เครียด อย่าง2วันนี้ผมโดนกิเลสลากไปกิน
ตั้ง2วันเพิ่งมารู้เมื่อเช้าเองครับ กินหมดตัวเลย ขอบคุณครับอาจาร


July 12

สวัสดีครับอาจาร เมื่อคืนปิดร้านไปปฎิบัติ เดิน25นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัติ เดิน 1 ชม นั่ง 15 นาที สภาวะของจิตเป็นสมาธิดีครับ ได้แต่รู้
นั่งตอนนี้ยังมีเคลิ้มนิดหน่อยพอรู้ ขอบคุณครับอาจาร




says: สวัสดีครับ มานานแล้วหรือครับ

walai says: ดีค่ะ นานแล้วค่ะ วันนี้ได้เข้าบ้านเร็วหน่อย ต้องอาศัยไสยศาสตร์

says: หายตัวเลยหรือครับ

walai says: อธิษฐานจิตเอาเองค่ะ ว่าวันนี้ขอให้ทุกคนมีงาน เราจะได้ไม่ต้องไปคุยกับเขา
เพราะมันไม่มีอะไรที่ต้องคุย ก็สมดังประสงค์

เมื่อเย็น ที่ร้านเสริมสวย ช่างกำลังสระผมลูกค้า ส่วนช่างทำเล็บไม่อยู่ ก็บอกกับเขากันนะคะ
เมื่อวันอาทิตย์ บอกกับเขาว่า ต่อไปนี้ กล้าให้คำสัญญาไหมว่า ถ้าใครพูดเรื่องชาวบ้าน
หรือไปสนับสนุนเออออห่อหมกเรื่องชาวบ้าน คนนั้นจะไม่มีงาน

ช่างทำเล็บน่ะตกลงทันที ส่วนช่างทำผมน่ะอ้ำอึ้ง ถ้าไม่ให้ทำแบบนี้นะคะ ไม่จบสักที
คุยแต่เรื่องชาวบ้าน เรื่องเก่าๆ พัวพันไม่รู้จบ ตัวเองเงียบกันซะเรื่องมันก็จบ นี่อะไร เล็กๆน้อยๆ เอาอีกละ

ก็พูดนะคะ ดูจิตตัวเองสิ ดูคนในบ้านดูสิมีความสุขดีไหม กินอิ่มนอนหลับไหม เงินทองใช้จ่ายพอไหม
ไปสนใจอะไรเรื่องนอกตัว ช่วยอะไรเราได้ไหม ไม่มีเลย มีแต่หาเหตุมาให้ตลอดเวลา

says: ครับ คนบางคนผมต้องค่อยๆๆเตือนไปว่า เหตุใครเหตุมันอย่าไปคุยมากเลยเรื่องชาวบ้านนะ

walai says: คนบางคนน่ะ ต้องเจอแบบให้เข็ดไปเลย ไม่งั้นไม่หยุด

says: ใช่ครับ

walai says: ถึงปล่อยเขาไงคะ เคยห้ามแล้ว คือเคยติงๆแล้ว ไม่หยุด

says: ต้องปล่อยไปบ้าง

walai says: ตอนนี้ปล่อยค่ะ อยากทำอะไรทำไป อยากพูดๆไป ห้ามคนที่ห้ามได้ดีกว่า
ถ้าไม่มีคนสนับสนุนในคำพูดมันก็จบ

says: ต้องปล่อยให้หมดแรงกอ่น

walai says: เรื่องนินทาน่ะไม่มีคำว่าหมดแรงหรอกค่ะ ต้องโดนด้วยตัวเองค่ะ ถึงจะเข้าใจ
ถึงบอกว่าปล่อยเพราะเหตุนี้แหละค่ะ ให้เขาเจอด้วยตัวเอง
เจอหนักๆ เขาถึงจะเข้าใจ ต้องให้เสียใจ ถึงจะเข้าใจ

เจอมาหมดแล้วค่ะ ถึงเข้าใจทุกๆคน รู้ว่าควรทำยังไงกับเขาเหล่านั้น
คนไหนห้ามได้ ห้าม คนไหนดื้อนัก ปล่อยไปก่อน ให้โอกาสกับทุกๆคน
แต่ละคนล้วนไม่รู้มาก่อนทั้งนั้น ถึงได้เป็นแบบนั้น

says: ก็สภาวะของแต่ละคน ยังไม่มีอะไรจะถามนะครับเหมือนกันนะครับ เหมือนผมนะ
ถ้าคุยทุกวัน ผมก็ไม่มีอะไรจะถาม นอกจากคุณมีอะไรมาให้ผมอ่านเท่านั้น
การปฎิบัตินะครับ ไม่เห็นผลไว แล้วยิ่งไปกว่านั้นอีก ยิ่งปฎิบัตมากไปเรื่อยๆๆๆ
ยิ่งไม่ค่อยพูดด้วยนะสิครับ รู้ว่าพยายามไม่สร้างเหตุใหม่

walai says: นั่นแหละค่ะ ยิ่งพูดมาก เหตุยิ่งมีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสติยังไม่ทัน ก็ไหลไปตามความคิด

says: ใช่ครับ ผมรู้อยู่แต่บางทีสติไม่ทัน ยังหลุดบ่อยๆๆๆๆ ตอนนี้เลยกลัวการไม่รู้แล้วนะสิครับ
ถ้ารู้ยังขนาดนี้ถ้าสติไม่ทันแล้วถ้ายิ่งไม่รู้แล้วละก็สร้างเหตุทุกวินาที ใช้หนี้ก็ยังไม่มีต้นทุน เป็นหนี้ต่อไปอีก

walai says: นั่นแหละค่ะ ถึงบอกไงคะ ทุกๆการผิดพลาด ทำให้เราระวังมากขึ้น
ให้ใช้รู้หนอ ถ้าสติยังไม่ทัน รู้ไม่ทันผ่านไปแล้ว เอารู้หนอสำทับลงไป มันจะได้บันทึกไว้

says: ครับตอนนี้ผมใช้อย่างนั้นละครับ

walai says: วันใดสติ ทัน สัมปชัญญะย่อมเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ
สภาวะที่เกิดขึ้น ย่อมดับไวมากขึ้น ไม่ไปเกาะเกี่ยวเหมือนเมื่อก่อน

says: ครับ เตือนได้เท่าที่เตือน ถ้าเต็มที่แล้วก็เหตุใครเหตุมันละครับ

walai says: เพราะเหตุไงคะ เหตุแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกันไป ตามกิเลสของแต่ละคน
สร้างเหตุไว้มาก การกระทบย่อมเกิดบ่อย สร้างเหตุไว้น้อย การกระทบย่อมน้อยลงไปเรื่อยๆ
เหตุไม่มี ผลจะมีไปได้ยังไง

says: เตือนมากเดี๋ยวกลายเป็นอย่างอื่นไปอีกนะครับ

walai says: ดูที่เหตุค่ะ พูดครั้งสองครั้งพอ พูดแล้วยังทำ นั่นเหตุของเขาละ
ถึงบอกไงคะ บางคนต้องน้ำตานองหน้า ถึงจะยอมเชื่อ

บางคนต้องน้ำตาถ้าเป็นสายเลือดได้ เป็นไปแล้ว ถึงจะยอมเชื่อ
บางคนไม่ต้องเสียน้ำตาสักหยด เชื่อทันที ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุค่ะ

says: ครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 12 ก.ค. 2010, 22:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


July 14

เมื่อคืนขึ้นไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที เช้ามาปฎิบัต เดิน1ชม นั่ง15นาที
เดินยังมีง่วงพองว่งก็เปลี่ยนมานั่งสัก5นาที แล้วลุกเดินต่อ นั่งยังมีเคลิ้ม


July 15

เมื่อคืนปิดร้านแล้วไปปฎิบัต เดิน20นาที นั่ง10นาที
เช้ามาปฎิบัต ครั้งแรกเดิน 30นาที นั่ง15นาที นั่งมีอาการเคลิ้ม
ครั้งที่สองปฎิบัตต่อเนื่องเลยครับ เดิน45นาที นั่ง15นาที ครั้งนี้จิตเป็นสมาธิมากขึ้น
เดินรู้เท้า นั่งรู้ลมและกาย ขอบคุณครับอาจาร



says: สวัสดีครับ วันนี้ใช้ไสยศาตร หรือเปล่าครับ

walai says: ดีค่ะ ไม่ค่ะ เอาความจริงค่ะ ก็จบลงแล้ว
เรียกว่าไม่ต้องเขาทั้งสองคนสัญญากันเองว่าจะไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน
เขายินดีและเต็มใจทำเองทั้งสองคน

says: อนุโมทนาให้เขาทั้ง2ดว้ย

walai says: ช่างเสริมสวยบอกว่าเข็ดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนั้นอีก
ไม่มีก็ไม่ไปกู้ใครอีกจะใช้เท่าที่มี เขาเชื่อในเรื่องของกรรมแล้ว ว่ากรรมนั้นมีจริง

ส่วนช่างทำเล็บก็พยายามระวังคำพูดของตัวเองมากขึ้น คือเอาง่ายๆ นี่เขาพูดเองนะคะว่า ต่อไปนี้
ถ้าใครเข้ามาคุยเรื่องชาวบ้านในร้านเขา เขาจะไม่ยุ่งไม่ไปเอออออะไรด้วย เขารู้สึกสบายใจขึ้น
ช่างทำเล็บบอกว่า เข้าใจแล้วที่บอกกับเขาว่า ให้แบบไม่ต้องหวังผลนั้น ทำไมถึงทำได้ ตอนนี้เข้าใจแล้ว
เพราะไม่ว่าจะทำดีหรือชั่ว ล้วนได้รับผลหมด ฉะนั้นควรทำแต่เหตุดี ไม่หวังผล ยังไงก็ต้องได้

says: ใช่ครับ วันนี้อ่านในหนังสือ น่าจะเป็นคนขี้สงสัยใช่ไหมครับ
ผมอ่านแล้ว ก็น่าถามดีเหมือนกันนะครับ

walai says:
ใช่ค่ะ เขาแหละมีอยู่คนเดียว ขุดๆๆๆหามาถาม แล้วเป็นคนชอบการเปรียบเทียบกับให้ค่ามากๆ

says: แต่ที่เขาถามนะครับ ก็เหมือนกับที่ผมถามเมื่อก่อน ผมยังสงสัย คนอื่นก็น่าจะเหมือนกันนะ
พอทำแล้วเกิดอะไรขึ้น ก็สงสัย ว่าอันนี้มันใช่ไหม แต่ที่คุณบอกว่า ทำไปเถอะ ไม่ต้องไปหวังอะไร
สิ่งที่คนทำแล้วได้กันมานะ ไม่ว่าจะเป็นนิพพาน ทำไปเดี๋ยวมาเองไม่ต้องไปอยากเลย ผมเข้าใจเลยครับ

walai says ค่ะ ในเมื่อรู้และเข้าใจถึงเหตุและผลแล้ว จะไปหวังอะไรทำไมอีกล่ะคะ จริงไหม
แล้วจะต้องไปอยากทำให้มากๆทำไมจริงไหม สู้ทำตามกำลัง ทำตามความเป็นจริงดีกว่า
ไปเรื่อยๆ ยังไงก็ถึง

says: ใช่ครับ

walai says: เพียงแต่ตัวสติ สัมปชัญญะนี่ต่างหากที่สำคัญกว่าทุกๆสิ่ง เพราะต้องใช้ตลอดเวลา
ไปคิดอะไรไกลตัวกัน นิพพงนิพพานอะไร โดนชาวบ้านด่าหน่อยเดียว ปริ๊ดแตกเลย

says: ก็นิพพานแต่ชื่อไงครับ แต่ใจไม่ใช่

walai says: เพราะความเข้าใจแบบผิดๆ การคุย ควรคุยแค่สิ่งที่ตัวเองรู้และเข้าใจชัดเจนไปก่อน
อย่าไปคุยเรื่องที่ตัวเองยังทำไม่ได้ หรือไม่ชัดเจน มันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย

แถมถ้าไปคุยกับคนที่ไม่รู้พอๆกันอีก มีแต่ตำรา ไปกันใหญ่เลยทีนี้ กิเลสทั้งนั้น แต่มองไม่เห็น
กิเลสอยากคุย ฟังให้มาก จะได้ประโยชน์ คือฟังไปก่อน แต่อย่าไปท่องจำ อย่าไปให้ค่า
การฟัง ทำให้เราได้เห็นหลายๆมุมมองของแต่ละคน

says: ครับใช่เลย

walai says: หน้าที่ของเราคืออะไร คืออยู่กับปัจจุบัน การที่จะอยู่กับปัจจุบันได้ทันนั้น
มีแต่การเจริญสติเท่านั้นที่จะทำได้

เสียงเขาลือมา เขาด่ามา มันผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว แต่ก้ยังอุตส่าห์ไปกกกไปกอดกันเอาไว้ สร้างแต่ความทุกข์ให้กับตัวเอง แต่มองไม่เห็นกัน

เหตุน่ะ เห็นกันมั่งไหม ไม่มีเลย ถ้าเห็นกันนะ จะไม่เก็บเอาไว้เลย อดีตผ่านไปแล้ว
นี่ ต้องมาเจริญสตินะคุณถึงจะเห็นแบบนี้ได้

says: ครับใช่เลย วันนี้นะครับ ผมรู้เลยว่าจิตผมเป็นสมาธิ แต่ก็รู้ ไม่ไปเอาอะไรมากมายกับมันมาก
ตามความคิดผมนะครับ ถ้าเรามีสติทันการมากระทบทุกอย่าง แค่นี้ก็พอ

walai says: ค่ะ เมื่อเรามีสติ สัมปชัญญะ ย่อมรู้เท่าทันจิตได้ เหตุใหม่ที่เป็นอกุศล เราย่อมไม่ทำ

says: ครับใช่ แค่ทำอย่างเดียว ทำให้มีสติและสัมปชัญญะทัน ถึงมีแต่คำว่าทำไป ทำไป ทำไป ทำไป
ทันเมื่อไรไม่ตอ้งมีใครมาบอก คนที่บอกดีที่สุดก็ตัวคนทำเอง

walai says: ใช่ค่ะ ทำแล้วต้องเห็นกิเลส ต้องรู้จักกิเลส

says: 2-3วันนี้นะครับ ผมยังคิดเองเลยนะครับว่าสภาวะผมไม่ไปไหนเลย
วันนี้เดินเท้าลอยๆๆๆครับ ผมเลยใช้คำกำกับ ดีขึ้นครับ มันไม่เที่ยง

walai says: ค่ะ เมื่อเข้าใจและเห็นถึงความไม่เที่ยง จะทำให้ไม่ไปยึดติดกับสภาวะ
ก็ยังมีนะคะคำว่าดีหรือไม่ดี แต่ไม่ไปยึดติดทั้งดีและไม่ดี

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร