วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 05:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Tiger กับพุทธศาสนา

http://edition.cnn.com/2010/LIVING/02/1 ... tml?hpt=C2


ไทเกอร์ วุ้ดส์ กับ พระพุทธศาสนา

คำกล่าวขอโทษต่อสาธารณะ ของ ไทเกอร์ วู้ดส์
สร้างกระแสกระตุ้นความสนใจใหม่ให้ศาสนาพุทธในอเมริกา

(ข่าว ซีเอ็นเอ็น)

ในการกล่าวขอโทษต่อสาธารณะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ไทเกอร์ วู้ดส์ ได้สร้างความแปลกใจ
ในเรื่องการนับถือศาสนาและความเชื่อให้กับคนหลาย ๆ คน

เขากล่่าวว่า ...
คนทั่วไปคงจะไม่ตระหนักว่า
ฉันเกิดและเติบโตมาเป็นชาวพุทธ
และได้ทำกิจกรรมศาสนาพุทธมาตั้งแต่เป็นเด็ก
จนเพิ่งจะหลงทางทำผิดพลาดไปเมื่อไม่กีปีมานี้เอง

ไทเกอร์ วู้ดส์ ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า
ศาสนาพุทธได้ช่วยบำบัด และทำให้เขามีสติ
กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง
ซึ่งนักการศาสนาพทธกล่าวว่า
คำกล่าวของไทเกอร์ วูดส์ เกี่ยวกับศาสนาพุทธนั้นถูกต้องแล้ว
ประกอบกับในสัปดาห็ ท่าน ดาไล ลามะ จะเดินทางมาเยือนสหรัฐอเมริกา
จึงจะทำให้ กระแสแห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธสูงมากยิ่งขึ้น

ไทเกอร์ วู้ดส์ กล่าวว่า ฉันมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
และฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำ
มันเป็นวิถีทางพุทธของฉันตามที่แม่ได้สอนเอาไว้แล้วตั้งแน่เยาว์วัย

ไทเกอร์ วู้ดส์ บอกว่า ศาสนาพุทธ สอนว่า
สรรพสิ้งในโลกล้วนเป็นอิจจัง เป็นสิ่งสมมติ
ทำให้ชีวิตเป็นทุกข์และไม่คงทน
ศาสนาพุทธสอนให้ฉันอย่าไปติดยึดกับสิ่งภายนอก
และสอนให้เรียนรู้ข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านั้น
แต่ฉันก็ทำผิดพลาดจนได้

นักการศาสนาพุทธชั้นนำกล่าวว่า
ไทเกอร์ วู้ดส์พูดถูกต้องดีแล้ว
ศาสตราจารย์ แจเน๊ต กยาต์โซ ผู้สอนวิชาพุทธวิทยา
แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด กล่าวเพิ่มเติมว่า
กิเลสนั้นแหละที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
และนี่ก็คือ แก่นแท้ของคำสอนของศาสนพุทธ

นิตยสารกีฬาพิมพ์ในปี ค.ศ. 1996
ได้แสดงรูปไทเกอร์ วู้ดส์ ในวัยประมาณ 20 ปี ที่เคร่งศาสนา
เขาไปวัดพุทธในวันเกิดกับแม่ทุกปี
และก็นอนที่วัดกับคุณตาที่เป็นคนไทยที่มีสร้อยคอห้อยพระเครืองเต็มคอ
แม่ของไทยเกอร์ วู้ดส์ เป็นคนไทยและเป็นพุทธโดยกำเนิด

ไทเกอร์ วุ้ดส์ กล่าวว่า ฉันชอบศาสนาพุทธ
เพราะศาสนาพุทธสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิต
ศาสนาพุทะสอนเรื่องการมีวินัย การเคารพซึ่งกันและกัน
และสอนให้มีความรับผิดชอบ
ฉันชอบวัฒนธรรมแบบเอเซียมากกว่าแบบตะวันตกก็เพราะเหตนี้แหละ

เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวจนรถตกถนน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นั้น
ได้มีนักจัดรายการข่าวฟ๊อกส์ ชื่อ นาย บริต ฮืม
ได้สร้างกระแสฮือฮาว่า ไทเกอร์ วู้ดส์
อาจจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
นักจัดรายการคนนี้บอกข่าวสารออกอากาศไปยัง ไทเกอร์ วู้ดส์ ว่า
ศาสนาพุทธไม่มีการล้างบาป แต่ศาสนาคริสต์มี
ดังนั้นไทเกอร์ วู้ดส์ ควรเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ได้แล้ว

แต่นักการศาสนาพุทธ
และอาจารย์ จอห์น คอร์นฟีลด์ ครูสอนศาสนาพุทธในแคลิฟอร์เนีย
กล่าวว่า
ในศาสนาพุทธก็มีการให้อภัย
และมีการให้เริ่มต้นทำความดีใหม่ได้

ชาวพุทธและคนอีกมากแสดงความยินดี
ที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ มีจุดยืนทางศาสนาและความเชื่อที่มั่นคง

คำกล่าวของไทเกอร์ วู้ดส์ ได้ทำให้คนอเมริกันสนใจศาสนาพุทธมากขึ้น
ประกอบกับ องค์ ดาไล ลามะ จะมาเยือนสหรัฐอเมริกา
และพบกับประธานาธิบดี โอบามา ในวันอังคารนี้พอดี

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาใหญ่ของโลกศาสนาหนึ่ง
มีคนนับถือทั่วโลกประมาณ 350 ล้านคน รวมถึงจำนวน 1.2 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา
ศาสนานี้เกิดในอินเดียเมื่อ ประมาณ 2,500 ปี มาแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 21 ก.พ. 2010, 16:08, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์คะ หลายวันมานี้ความเบื่อหน่ายบางอย่างกลับมาอีกแล้วค่ะ
คือเบื่อการเขามาอ่านบทความหรือการโต้ตอบกันในบอร์ด
แม้แต่การสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ยังเบื่อเลยค่ะ
คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดี ก็เห็นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านความเบื่อหน่าย (เฉพาะที่กำลังพูดถึงตอนนี้) มาได้ในครั้งก่อน
ยังไม่เป็นกลางจริงๆ ใช่ไหมคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 28 ก.พ. 2010, 11:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 11:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
อาจารย์คะ หลายวันมานี้ความเบื่อหน่ายบางอย่างกลับมาอีกแล้วค่ะ
คือเบื่อการเขามาอ่านบทความหรือการโต้ตอบกันในบอร์ด
แม้แต่การสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ยังเบื่อเลยค่ะ
คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดี ก็เห็นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านความเบื่อหน่าย (เฉพาะที่กำลังพูดถึงตอนนี้) มาได้ในครั้งก่อน
ยังไม่เป็นกลางจริงๆ ใช่ไหมคะ


:b1: ถ้าเห็นเอกอนเต้นลิงเต้นค่าง ให้ดู จะทำให้หายเบื่อมั๊ย...เจ้าคะ... :b12: :b12:

:b27: :b27:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 28 ก.พ. 2010, 11:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
รินรส เขียน:
อาจารย์คะ หลายวันมานี้ความเบื่อหน่ายบางอย่างกลับมาอีกแล้วค่ะ
คือเบื่อการเขามาอ่านบทความหรือการโต้ตอบกันในบอร์ด
แม้แต่การสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ยังเบื่อเลยค่ะ
คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดี ก็เห็นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านความเบื่อหน่าย (เฉพาะที่กำลังพูดถึงตอนนี้) มาได้ในครั้งก่อน
ยังไม่เป็นกลางจริงๆ ใช่ไหมคะ


:b1: ถ้าเห็นเอกอนเต้นลิงเต้นค่าง ให้ดู จะทำให้หายเบื่อมั๊ย...เจ้าคะ... :b12: :b12:

:b27: :b27:


เข้าใจว่าคุณเอรากอนล้อเล่นใช่ไหมคะ :b16:
แต่ความจริงถึงจะเบื่อก็ยังหัวเราะได้อยู่นะคะ

ขออนุญาตคุณเอรากอนหน่อยนะคะว่า
เคยเบื่อไหมคะ อาการตอนนั้นเป็นยังไงคะ
อยากรู้ว่าสภาวะเบื่อของคนอื่นบ้างน่ะค่ะ
เพราะเท่าที่เคยอ่านในบอร์ดก็ไม่มีค่ะ (ไม่ได้อ่านทุกหัวข้อ)
แต่ถ้าไม่สะดวกกตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ :b8:

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
อาจารย์คะ หลายวันมานี้ความเบื่อหน่ายบางอย่างกลับมาอีกแล้วค่ะ
คือเบื่อการเขามาอ่านบทความหรือการโต้ตอบกันในบอร์ด
แม้แต่การสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ยังเบื่อเลยค่ะ
คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดี ก็เห็นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านความเบื่อหน่าย (เฉพาะที่กำลังพูดถึงตอนนี้) มาได้ในครั้งก่อน
ยังไม่เป็นกลางจริงๆ ใช่ไหมคะ



สังเกตความรู้สึกเป็นคู่ๆดังนี้ :b16:

หากยังมีความรู้สึกชอบใจ ก็ยังมีความรู้ไม่ชอบใจ ซึ่งเป็นคู่ของมัน (ซ่อนอยู่)

หากยังรู้สึกเบื่อ ก็ยังมีความรู้ไม่เบื่ออีกด้านหนึ่ง (ซ่อนอยู่ เหมือนเหรียญมีสองด้าน)

แล้วแต่เหตุปัจจัยด้านไหนพร้อม ด้านนั้นก็แสดงตัว อีกด้านหนึ่งก็เหมือนรอจะแสดงตัวเมื่อได้เหตุปัจจัยให้

เกิดมันก็เกิดเป็นอย่างนั้นๆของมัน

ฯลฯ

ทั้งหมดทั้งมวลนั่น แสดงว่าจิตใจยังไม่เป็นกลางต่อสังขารธรรมอย่างสมบูรณ์ เพราะยังเอนเอียงอยู่

ในทางปฏิบัติไม่พึงกังวล คือ ผู้ปฏิบัติกรรมฐานพึงรู้เห็นตามที่ (ธรรมชาติ) มันเป็นของมัน หมายความว่า

รู้สึกยังไง เป็นยังไง ก็กำหนดรู้ๆๆยังงั้น ตามเป็นตามที่รู้สึกทั้งทางกายและทางใจ

กำหนดยังงั้นเรื่อยๆ ตามโอกาส จนกว่าความรู้เท่ารู้ทัน หรือ วิชชาจะสมบูรณ์

รู้สึกเบื่อปุ๊บ กำหนดรู้ตามนั้นปั๊บ เบื่อหนอๆๆๆ

อารมณ์ความรู้สึกอื่นๆ ก็พึงปฏิบัติทำนองนี้แล :b16: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขออนุญาตคุณเอรากอนหน่อยนะคะว่า
เคยเบื่อไหมคะ อาการตอนนั้นเป็นยังไงคะ
อยากรู้ว่าสภาวะเบื่อของคนอื่นบ้างน่ะค่ะ
เพราะเท่าที่เคยอ่านในบอร์ดก็ไม่มีค่ะ (ไม่ได้อ่านทุกหัวข้อ)
แต่ถ้าไม่สะดวกกตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ


ขออนุญาตตอบแทนนะครับ :b1:

เรา/เขา มองไม่เห็นความรู้สึก/ความคิดของกันและกันครับ

ตัวอย่าง ถามว่า เธอรักฉัน/ฉันรักเธอมากเท่าใด เรามองไม่เห็นความรู้สึกรัก เพราะความรู้สึกนั้นเป็นนามธรรม

แต่ก็พอจะสังเกตรู้ได้จากการกระทำ การแสดงออกทางกายวาจา ว่าฝ่ายตรงข้ามรักมากเท่าใด

ข้าเกลียดแกเหลือเกิน ความรู้สึกเกลียดมองไม่เห็นเพราะเป็นนามธรรม แต่จะสังเกตรู้ได้ว่าเขาเกลียด

มากน้อยเพียงใดจากการแสดงออกทางกายวาจา


ความรู้สึกเบื่อของคุณรินเกิดจากการมนสิการรูปกับนาม เป็นความรู้เบื่อๆลึกถึงก้นบึ้งของจิตวิญญาณ

เบื่อๆอยากจะหนีไปให้พ้นจากกายและใจนี้ เบื่อจนบางครั้งคลื่นไส้อ้วกแตกก็มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 ก.พ. 2010, 13:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ขออนุญาตคุณเอรากอนหน่อยนะคะว่า
เคยเบื่อไหมคะ อาการตอนนั้นเป็นยังไงคะ
อยากรู้ว่าสภาวะเบื่อของคนอื่นบ้างน่ะค่ะ
เพราะเท่าที่เคยอ่านในบอร์ดก็ไม่มีค่ะ (ไม่ได้อ่านทุกหัวข้อ)
แต่ถ้าไม่สะดวกกตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ


ขออนุญาตตอบแทนนะครับ :b1:



:b1: ไม่รู้ค่ะ จำไม่ได้... รู้แต่ว่า
ตอนที่เอกอนหันมาศึกษาปฏิบัติ....เอกอนไม่ได้คุยกับใคร...
ไม่รู้เหนือรู้ใต้...หรืออะไร...
ก็ทำสมาธิ และก็อ่านหนังสือธรรม...แบบบทเบา ๆ เกลา ๆ
อะไร อะไร มันผ่านมา และมันก็ผ่านไป...
ตอนที่มันผ่านเข้ามา...ก็อาจจะคิดสงสัยอยู่บ้าง...ก็อยากถาม...
ถ้าตอนนั้นมีคนรู้จักที่...เป็นผู้รู้...ก็คงจะได้ถาม...
แต่ไม่มี...
เอกอน...ผ่านมาแบบ...ไม่เคยตีความ...
และเมื่อเวลาผ่านไป...สิ่งเก่าหาย...สิ่งใหม่มา...
...
อย่างช่วงนี้...เพื่อนเอกอน...ค่อนข้างเข้ามาดูแลเรื่องการทำสมาธิ... :b1:
ก็เลยค่อนข้างได้...ตั้งใจทำ...และมีการทำอย่างต่อเนื่อง...
ถึงแต่ละวันจะใช้เวลากับมันไม่มาก...ก็ตาม...

นึกออกมั๊ยคะ...ความเงียบ...แบบละเมียด ๆ ...มันนิ่งสนิท...
เหมือนคนกำลังหลับ...ไม่ได้ฝันอะไร...
แต่รู้สึกได้ถึงความสุขแบบเบา ๆ เหมือนกับ...ใบไม้ที่กำลังลอยพลิ้วไปตามสายน้ำที่ไหลอ่อน...

ความรู้สึกนี้มัน...ลอยเด่นออกมาตลอดเวลาที่อยู่คนเดียว....

ซึ่งเวลาทำงาน...ที่มีกิจกรรม...เอกอน...ก็ปกติค่ะ...
แต่พอ...ได้มีเวลาอยู่คนเดียว...มันก็... :b1: ...

เหมือนแก้วน้ำที่ตั้งอยู่นิ่ง ๆ และมันกำลังจะตกตะกอน...

:b43: :b43: :b43:

:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2010, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m132272.jpg
m132272.jpg [ 32.58 KiB | เปิดดู 3650 ครั้ง ]
ตะวันลับฟ้า- :b1:

http://music.forthai.com/music/lyric/?sid=7683


ธรรมารมณ์ดังกล่าวจางหรือยังครับ คุณริน

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

มีเสียงร้อง

http://music.truelife.com/player/song/2 ... 407653325/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 21:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2010, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(อาสวะ => ) อวิชชา => สังขาร => วิญญาณ =>นามรูป => สฬายตนะ => ผัสสะ => เวทนา

ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

-โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส

อาศัยเวทนาจึงมีตัณหา หรือ เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงมีตัณหา หมายความว่าตัณหาจะมีต้องอาศัย

เวทนา หรือ ต้องมีเวทนาตัณหาจึงจะมีได้

แต่เมื่อมีเวทนา แล้วไม่จำเป็นต้องมี ตัณหา เสมอไป


การเข้าใจความหมายนี้เป็นสิ่งสำคัญ และจุดนี้เป็นช่วงตอนสำคัญ ที่จะทำลายวงจร (วัฏฏะ)

แห่งปฏิจจสมุปบาท หรือ ตัดวัฏฏะให้ขาดตอน

ท่านกล่าวถึงการเสวยเวทนาโดยไม่ให้เกิดตัณหา ซึ่งอาศัยสติสัมปชัญญะ หรือสติปัญญา คือ เสวยเวทนา

โดยมีสติสัมปชัญญะตัดตอนไม่ให้เกิดตัณหา

ช่วงเวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหานี้ เป็นช่วงสำคัญฝ่ายภายใน ในการส่งผลสืบเนื่องออกมาบันดาล

พฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ ตลอดจนวิวัฒนาการของสังคมทั้งหมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตะวันลับฟ้า- :b1:

http://music.forthai.com/music/lyric/?sid=7683


ธรรมารมณ์ดังกล่าวจางหรือยังครับ คุณริน


ตึ้ง...ตะละลึ้ง.ตึ้ง.ตึง.ตึง.ตึ่ง...

ตึ้ง...ตะละลึ้ง.ตึ้ง.ตึง.ตึง.ตึ่ง...

ตึ้ง...ตะละลึ้ง.ตึ้ง.ตึง.ตึง.ตึ่ง...

จานป้อ......มีแต่ทำนอง...หง่ะ....
ไม่เห็นมีเสียงร้องเลย.... :b2: :b2: :b2:

จะเอาเสียงนักร้องด้วย....

ตึ้ง...ตะละลึ้ง.ตึ้ง.ตึง.ตึง.ตึ่ง...

ตึ้ง...ตะละลึ้ง.ตึ้ง.ตึง.ตึง.ตึ่ง...


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 16:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ธรรมารมณ์ดังกล่าวจางหรือยังครับ คุณริน



จางแล้วค่ะ ขอบพระคุณค่ะ :b8:
แต่ว่าคงจะไม่ค่อยมาโพสต์เหมือนเดิมค่ะ เพราะไม่มีคำถามค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือช่วงนี้ยุ่งมากค่ะ


ตอนนี้สมาธิเกิดง่ายขึ้นนะคะ
เวลานั่งทำงานอยู่ในห้อง มีสมาธิ จะมีความสุขเย็นตลอด แล้วจะยิ้มตลอดเลย (มีความสุขจนยิ้ม)
จนคิดว่าถ้าไปนั่งอยู่ห้องสมุด คนผ่านไปผ่านมา
ถ้าเขามาเห็นเข้าจะคิดว่าเราบ้าหรือเปล่า นั่งยิ้มอยู่ได้
หรือบางทีฟังคนอื่นพูด แล้วเราเฉยๆ
เพราะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดหรือท่าทางของเขา
ถ้าพูดโต้ตอบก็เป็นแบบเรียบๆ
ก็คิดนะคะว่าเขาจะคิดว่าเราแปลกๆ หรือไร้ความรู้สึก หรือความรู้สึกช้าหรือเปล่า
บางทีเขาเห็นเราเฉยๆ เขาก็พูดซ้ำอีก แต่หนูไม่ได้บอกเขาว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 22:26, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




girl_med2.jpg
girl_med2.jpg [ 23.9 KiB | เปิดดู 3585 ครั้ง ]
พระพุทธศาสนามิใช่มองโลกและชีวิตในแง่ร้าย แต่มองโลกและชีวิตตามความเป็นจริง

เมื่อความทุกข์มีอยู่จริง พระพุทธศาสนาก็สอนให้เผชิญหน้าความทุกข์นั้น ไม่เลี่ยงหนี

แต่ให้มองดูทุกข์นั้นด้วยความรู้เท่าทัน และด้วยความรู้เท่าทันความทุกข์นั่นเอง จึงทำให้มีจิตใจปลอดโปร่ง

เป็นอิสระด้วยปัญญา ไม่ถูกทุกข์บีบคั้น

เข้าทำนองว่า “รู้ว่าชีวิตเป็นทุกข์ แต่มีชีวิตเป็นสุข” หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านั้นก็ว่า “รู้เท่าทัน

ความทุกข์ จึงมีความสุขที่สมบูรณ์”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ ถูกทุกขเวทนากระทบเข้าแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่คร่ำครวญ

ไม่ร่ำไร ไม่รำพึง ไม่ตีอกร้องไห้ ไม่หลงใหลฟั่นเฟือน


เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่เสวยเวทนาทางใจ


“เปรียบเหมือนนายขมังธนู ยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วยิงซ้ำด้วยลูกศรดอกที่ ๒ ผิดไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ บุรุษนั้น ย่อมเสวยเวทนาเพราะลูกศรดอกเดียว ฉันใด

อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ ก็ฉันนั้น... ย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว

ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ”


“อนึ่ง เธอย่อมไม่มีความขัดใจ เพราะทุกขเวทนานั้น

เมื่อไม่มีความขัดใจ เพราะทุกขเวทนานั้น ปฏิฆานุสัย เพราะทุกขเวทนานั้น ย่อมไม่นอนเนื่อง

เธอถูกทุกขเวทนากระทบ ก็ไม่หันเข้าระเริงกับกามสุข เพราะอะไร ?

เพราะอริยสาวก ผู้เรียนรู้แล้ว ย่อมรู้ทางออกจากทุกขเวทนา นอกจากกามสุขไปอีก

เมื่อเธอไม่ระเริงกับกามสุข ราคานุสัยเพราะทุกขเวทนานั้น ก็ไม่นอนเนื่อง

เธอรู้เท่าทันความเกิดขึ้น ความสูญสลาย ข้อดี ข้อเสีย และทางออกของเวทนาเหล่านั้น

ตามที่มันเป็น


เมื่อเธอรู้...ตามที่มันเป็น อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนา ก็ไม่นอนเนื่อง

ถ้าเสวยสุขเวทนา เธอก็เสวยอย่างไม่ถูกมัดตัว

ถ้าเสวยทุกขเวทนา เธอก็เสวยอย่างไม่ถูกมัดตัว

ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนาเธอก็เสวยอย่างไม่ถูกมัดตัว

ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าอริยสาวก ผู้ได้เรียนรู้

ผู้ปราศจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส

เราเรียกว่า ผู้ปราศจากทุกข์”


(สํ.สฬ.18/369-342/257-260)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




G3728550-15.jpg
G3728550-15.jpg [ 108.58 KiB | เปิดดู 3514 ครั้ง ]
ข้อความที่กรัชกายนำมาโพสต์ไว้นั้น หากคุณรินไม่เข้าใจ หรือ สงสัยตรงไหน ถามได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ

จะได้เข้าใจไปพร้อมๆกัน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายศัพท์ข้างบน

โสกะ ความแห้งใจ

ปริเทวะ ความร่ำไร

ทุกข์ โทมนัส ความเสียใจ

อุปายาส ความผิดหวังคับแค้นใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron