วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 01:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สวัสดีครับท่านเฉลิมฯ คุณรอบรู้ทั้งคันธธุระ และวิปัสสนาธุระ ตามที่ท่านศาสดีของ

คุณบอกไว้

จึงอยากถามคุณสักหน่อยนะครับ คุณอ่านก่อนแล้วค่อยตอบ


คุณกรัชกายครับ ธุระทั้งสองนั้น ผมก็อ้างอิงจาก พระไตรปิฏก อรรถกถา ที่รวบรวม อธิบาย พระพุทธพจน์ของ พระศาดาไว้

หาได้ ยกเอาคำสอนของ อาจารย์แนบ และพระวิปัสสนาจารย์สายท่าน เป็นหลัก แล้วนำมาตัดสินพระธรรมวินัยเลย

หากผมทำเช่นนั้น จึงค่อยกล่าวหา, กระทบกระเทียบ, กระแหนะกระแหน ผมนะครับ

นี้หรือครับ ความเห็นของคุณกรัชกาย ที่ตั้งตัวเป็น วิปัสสนาจารย์

ด้วยเหตุนี้แหละครับ จึงไม่ค่อยอยากสนทนา กับคุณเท่าไหร

คุณอายะก็เช่นกันครับ ก็กล่าวว่า ผมใช้ติ่งหูคิด :b33: ( คิดได้งัยเนี่ย )

หมายเหตุ ช่วงนี้เป็นช่วงคล้ายวันเกิด ขอไปฝึกหัดปฏิบัติก่อนนะครับ สัก 2-3 วัน สัปดาห์หน้าเจอกันใหม่

บ๊ายบาย ๆ cool

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

พอนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว ลมหมายใจเริ่มหายไป แผ่วเบา

พอเริ่มรู้ว่แผ่วเบา ก็เลยกังวล ว่าหายใจอยู่ปะเนี๊ย

และรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก ต้องกลับมาหายใจตามปกติเหมือนเดิม

ทุกที เป็นอย่างเงี้ย ประจำเลย



ท่านเฉลิม ฯ พูดมาทั้งหมด (๒ คห.) ยังไม่เข้าประเด็นคำถามเลย :b1:

คำถามเขามีว่า ...ปฏิบัติกรรมฐานพอจิตจะเป็นสมาธิแล้วลมหายใจเบาๆแผ่วๆ แล้วรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก

ฯลฯ ประเด็นคำถามอยู่ตรงนี้ เราก็ตอบเขาไปดิว่าเป็นยังงั้นควรจะปฏิบัติยังไง เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้

แต่ท่านเฉลิมฯ ก็ขี่ม้าเลียบค่ายเทศนาอยู่นั่น เหมือนโฆษกถวายสังฆทานตามศาลาวัด :b32:

ท่านอายะว่าคุณเอาติ่งหูคิด แต่กรัชกายว่าน่าจะใช้จมูกคิด คือจมูกมีไว้ดม แต่เอาไปคิดสะนี่

แล้วนี่หาทางออกจะไม่เข้ามาตอบอีก ๓-๔ วัน บอกไปหัดวิปัสสนาเนื่องในวันเกิด

คุณนี่เกิดตอนตอบปัญหาไม่ได้ทุกทีสินะ วิปัสสนาหัดที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องสำนักของศาสดีเท่านั้นดอก :b22:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 ม.ค. 2010, 08:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คำถามเขามีว่า ...ปฏิบัติกรรมฐานพอจิตจะเป็นสมาธิแล้วลมหายใจเบาๆแผ่วๆ แล้วรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก

ฯลฯ ประเด็นคำถามอยู่ตรงนี้ เราก็ตอบเขาไปดิว่าเป็นยังงั้นควรจะปฏิบัติยังไง เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้

แต่ท่านเฉลิมฯ ก็ขี่ม้าเลียบค่ายเทศนาอยู่นั่น เหมือนโฆษกถวายสังฆทานตามศาลาวัด

ท่านอายะว่าคุณเอาติ่งหูคิด แต่กรัชกายว่าน่าจะใช้จมูกคิด คือจมูกมีไว้ดม แต่เอาไปคิดสะนี่

แล้วนี่หาทางออกจะไม่เข้ามาตอบอีก ๓-๔ วัน บอกไปหัดวิปัสสนาเนื่องในวันเกิด

คุณนี่เกิดตอนตอบปัญหาไม่ได้ทุกทีสินะ วิปัสสนาหัดที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องสำนักของศาสดีเท่านั้นดอก


นี้หรือครับ ความเห็นของ คุณกรัชกาย ที่มีต่อหลักฐานในพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา ในเรื่อง การเจริญอานาปานสมาธิ

หากคุณกรัชกายจะพูดเพียงแค่ กระแหนะ กระแหน เพื่อความมันส์ สะใจ ผมของดเว้นการสนทนากับคุณกรัชกายแล้วละครับ

เอาไว้เฉพาะในเรื่อง การปฏิบัติธรรม จริงเถอะครับ

อ้างคำพูด:
คุณนี่เกิดตอนตอบปัญหาไม่ได้ทุกทีสินะ วิปัสสนาหัดที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องสำนักของศาสดีเท่านั้นดอก


อ่านความเห็นคุณกรัชกาย นึกถึงการสอนของ อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนว่า อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติวิปัสสาได้

จนท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก ต้องออกมาชี้แจงดังนี้

http://larndham.org/index.php?showtopic=21914&st=3

อ้างคำพูด:
คนนิยมฟังกันมากอาจารย์ท่านนี้ ทำไมจะไม่นิยมล่ะ ไม่ต้องไปปฏิบัติตามที่พิเศษก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้ อยู่บ้านก็ปฏิบัติได้ ทำงานทำการอยู่ก็ปฏิบัติได้ สามารถปฏิบัติได้ไปหมด เขาอ้างว่าที่ไหน ๆ ก็มีนาม-รูป ข้ออ้างของเขาเป็นอย่างนั้น ก็จะแปลกอะไรในครัวก็มีนาม-รูป แม่ค้ากำลังทุบหัวปลาอยู่ มันพ้นไปจากรูป-นามที่ไหน เอะอะ ๆ ก็นาม-รูป ยังกับนาม-รูปเป็นของวิเศานักหนา บอกว่าที่ไหนก็มีนาม-รูปก็ปฏิบัติได้ทั้งนั้น ขึ้นรถลงเรือ กำลังทำกับข้าวอยู่ก็ปฏิบัติได้ทั้งนั้น ผิดหลักของพระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญวิเวก ว่าเป็นสิ่งเอื้ออำนวยให้เกิดปัญญาเห็นความจริงเพราะฉะนั้นจึงทรงแนะนำสถานที่อยู่ที่เหมาะสมกับการปรารภความเพียรไว้ว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เสนาสนะที่เหมาะสมในพระศาสนานี้ เป็นเสนาสนะที่ไม่ไกลเกินไป ไม่ใกล้เกินไป จากโคจรคาม ไม่มีเสียงดัง ไม่มีเสียงอึกทึก ปราศจากเหลือบยุง แสงแดด สัตว์เลื้อยคลานรบกวน เป็นที่ภิกษุเที่ยวหาบิณฑบาตได้ง่าย เป็นต้น ถ้าหากว่าสถานที่ไม่จำเป็นแล้ว พระพุทธเจ้าจะตรัสคำนี้ไปทำไม อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้ อย่าลืมว่าคำรับสั่งของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่อยู่ดี ๆ นึกจะรับสั่งก็รับสั่ง ทรงเล็งเห็นประโยชน์จริง ๆ จึงรับสั่ง เพราะฉะนั้นทรงเล็งเห็นประโยชน์และอีกอย่างพระสารีบุตรท่านว่าไว้ในสังคีติสูตร เรื่องอาวุธ ๓ อาวุธ ที่ใช้ประหัตประหารกิเลสมี ๓ คือ วิเวกวุธ สุตตาวุธ ปัญญาวุธ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ วิเวกนี่ก็ต้องมี จะแจกวิเวกไปกี่อย่าง เช่นมี ๓ อย่าง กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก เอาแค่การวิเวกก็พอ นั่งแต่ผู้เดียว ยืนแต่ผู้เดียว เดินแต่ผู้เดียว นอนแต่ผู้เดียว ฉันบิณฑบาตแต่ผู้เดียว เป็นต้น คืออยู่คนเดียวไม่คลุกคลีกับหมู่คณะนั่นเอง นี่เป็นกาบวิเวก ส่วนจิตตวิเวก อุปฉิวิเวก ผมจะไม่นำมากล่าวให้เยิ่นเย้อ จะนำมาเฉพาะกายวิเวก เพราะเขากล่าวว่าไม่จำเป็น อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติได้อยู่คลุกคลีตามบ้านตามช่องก็ปฏิบัติได้ทั้งนั้นเพราะอยู่ที่ไหนก็มีนาม-รูป ขัดกับรับสั่งกับพระศาสดาอย่างรุนแรง ขัดกับคำพูดของพระสาวกองค์สำคัญคือพระสารีบุตรอย่างรุนแรง ส่วนสุตตาวุธ ก็คือการสดับตรับฟัง นี่ก็เหมือนกัน บางสำนักบอกว่าไม่ต้องฟังหรอก ปฏิบัติไปก็ได้รู้เอง ใครล่ะครับไม่ต้องฟัง ปฏิบัติไปแล้วก็เกิดปัญญารู้เอง ใครครับ พระพุทธเจ้านา ใครก็ตามไปปฏิบัติสำนักนี่เกิดความคลางแคลงสงสัยในข้อธรรม เรื่องหลักฐานตำราพระไตรปิฏก บาลี อรรถกถา มาถามอาจารย์ อาจารย์จะตัดบทไม่ต้องไปสนใจหรอกคุณ ฟุ้งซ่านไปเปล่า ๆ คุณปฏิบัติไปคุณก็เกิดรู้ขึ้นมาเอง ว่าอะไรเป็นอะไร สอนให้คนเป็นพระพุทธเจ้า ต้องเรียนต้องฟังต้องทบทวน ไม่เข้าใจสงสัยก็ ไตร่ถามท่านผูรู้ ปัญญาวุธ ก็ขาดไม่ได้ ปัญญาวุธในที่นี้เป็น “ วิปัสสนาปัญญา “ ถ้าพร้อมเพรียงอาวุธทั้ง ๓ นี้แล้วนั่นแหละ เอาชนะกิเลสได้ “ เห็นใครยกย่องว่าเป็นนักค้นคว้าพระไตรปิฏก “ แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ทำไมไม่ทราบ มันก็แปลกดี เป็นใครท่านผู้ถามคงจะไม่ยินดีให้บอกนะครับ


---------------------------------------------------------

อีกหน่อย คุณกรัชกายคงตั้งตัวเป็นอาจารย์ สอนวิปัสสนึก นึกหนอ ๆ ๆ ๆ :b23:

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คำถามเขามีว่า ...ปฏิบัติกรรมฐานพอจิตจะเป็นสมาธิแล้วลมหายใจเบาๆแผ่วๆ แล้วรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก

ฯลฯ ประเด็นคำถามอยู่ตรงนี้ เราก็ตอบเขาไปดิว่าเป็นยังงั้นควรจะปฏิบัติยังไง เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้

แต่ท่านเฉลิมฯ ก็ขี่ม้าเลียบค่ายเทศนาอยู่นั่น เหมือนโฆษกถวายสังฆทานตามศาลาวัด

ท่านอายะว่าคุณเอาติ่งหูคิด แต่กรัชกายว่าน่าจะใช้จมูกคิด คือจมูกมีไว้ดม แต่เอาไปคิดสะนี่

แล้วนี่หาทางออกจะไม่เข้ามาตอบอีก ๓-๔ วัน บอกไปหัดวิปัสสนาเนื่องในวันเกิด

คุณนี่เกิดตอนตอบปัญหาไม่ได้ทุกทีสินะ วิปัสสนาหัดที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องสำนักของศาสดีเท่านั้นดอก


นอกจากผมจะแนะนำให้ไปศึกษา พื้นฐานของการปฏิบัติ สมถะ-วิปัสสนา , การจเริญวิปัสสนาของผู้มีสมาธิจนได้ฌานแล้ว

เบื้องต้นก็หันมาศึกษา ดู จริต ของตนเองด้วย เหมาะกับการทำสมาธิ ที่มีความละเอียดอ่อนแบบอานาปานสติ หรือเปล่า ?

นอกจากนั้น ในการเจริญวิปัสสนา หรือ สติปัฏฐาน ก็มี เรื่องเกี่ยวกับ จริตประกอบด้วย



สำหรับผม เป็นประเภท ตัณหาจริต ปัญญาทึบ จึงต้องพิจารณารูปธรรมที่ หยาบ ๆ อย่าง อิริยาบถ ๔ ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นต้น

http://larndham.org/index.php?showtopic=23508&st=0

" มนฺทสฺส ตณฺหาจริตสฺส โอฬาริกํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺฐานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส สุขุมํ เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺฐานํ ฯลฯ ฯเปฯ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฏฺฐานํ วิสุทฺธิมคฺโค " (สุมงฺคลวิลาสินี ๒/๔๖๘)
แปลว่า " กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นข้อที่หยาบ เป็นหนทางหมดจดสำหรับบุคคลตัณหาจริต ผู้มีปัญญาทึบ, เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นข้อที่ละเอียด เป็นทางหมดจด สำหรับบุคคลตัณหาจริตผู้มีปัญญากล้า, จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งไม่แตกประเภทเกินไปนัก เป็นทางหมดจด สำหรับบุคคลทิฏฐิจริตผู้มีปัญญาทึบ, ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งแตกประเภทยิ่ง เป็นทางหมดจด สำหรับบุคคลทิฏฐิจริตผู้มีปัญญากล้า " ดังนี้
คำพูดในอรรถกถาตอนนี้ มีอรรถาธิบายดังต่อไปนี้
ชื่อว่า บุคคลตัณหาจริต ได้แก่ ผู้มากด้วยตัณหา แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีทิฏฐิด้วย แต่ก็มีตัณหานั่นแหละ ออกหน้าเป็นประธาน กล่าวคือ เป็นผู้มีปกติประพฤติทางกาย ทางวาจา และทางใจ ด้วยอำนาจความอยาก ยินดีพอใจในอารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย จึงจัดว่า เป็นผู้ไม่หมดจด คือไม่บริสุทธ์ เพราะตัณหาหากว่าใช้อารมณ์กรรมฐานที่ไม่เหมาะสมแก่จริต ปฏิบัติไป การปฏิบัติย่อมเป็นไปไม่สะดวก เพราะมีตัณหาเกลือกกลั้ว ไม่สามารถทำให้ก้าวหน้าไปจนบรรลุวิสุทธิมรรคคือพระนิพพานได้ เพราะฉะนั้น จึงควรใช้อารมณ์กรรมฐานที่เหมาะสมแก่จริต คือเป็นปฏิปักษ์ต่อตัณหา ตัณหาจะได้ไม่กำเริบ ทำให้การปฏิบัติดำเนินไปโดยสะดวก สามารถทำให้ก้าวหน้าไปจนบรรลุวิสุทธิธรรมได้ ได้แก่ รูปกายที่จะแสดงความเป็นของไม่งาม น่าเกลียด เป็นปฏิกูลให้ปรากฏและเวทนาที่จะแสดงความเป็นทุกข์ให้ปรากฏด้วยว่า ความเป็นของไม่งาม น่าเกลียดเป็นปฏิกูล และความเป็นทุกข์ เป็นสภาพที่ตัณหาเบือนหนี ไม่อยากได้ ไม่เป็นที่อาศัยเกิดแห่งตัณหาโดยตรง เพราะตัณหามีปกติอยากได้ อาศัยเกิดในอารมณ์ที่อยู่ว่างามบ้าง ว่าเป็นสุขบ้าง เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานซึ่งเป็นการพิจารณารูปกายและเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานซึ่งเป็นการพิจารณาเวทนา ๒ ข้อนี้ จึงเหมาะสมแก่บุคคลตัณหาจริต
ก็แต่ว่า รูปกายเป็นของหยาบ เพราะเป็นรูปธรรม เวทนาเป็นของละเอียดกว่า เพราะเป็นนามธรรม เพราะฉะนั้น การพิจารณารูปกายเพื่อประโยชน์แก่การเห็นตามความเป็นจริง จึงกระทำได้ง่ายกว่าการพิจารณาเวทนา เมื่อเป็นเช่นนี้การพิจารณารูปกาย จึงเป็นข้อปฏิบัติที่เหมาะสม สำหรับบุคคลผู้มีปัญญาทึบคือไม่แกล้วกล้านัก เพราะแม้ไม่ต้องใช้ปัญญาแกล้วกล้านัก ก็สามารถตามพิจารณาเห็นความจริงได้ ส่วนการพิจารณาเวทนาอันเป็นธรรมชาติที่ละเอียด เป็นข้อปฏิบัติที่เหมาะสมแก่บุคคลที่มีปัญญากล้า เพราะต้องใช้ปัญญาที่แกล้วกล้าจริง ๆ จึงจะสามารถเห็นความจริงได้ เพราะเหตุนั้น สติปัฏฐาน ๒ อย่างข้างต้น แม้ล้วนเหมาะสมแก่บุคคลตัณหาจริตทั้งนั้นก็ตาม ถึงกระนั้น ก็ยังมีการจำแนกให้พิเศษด้วยปัญญาได้อีกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสมแก่บุคคลตัณหาจริตปัญญาทึบ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสมแก่บุคคลตัณหาจริตปัญญากล้า โดยเป็นทางคือเป็นอุบายหมดจดจากกิเลส หรือเป็นอุบายบรรลุวิสุทธิธรรมคือพระนิพพาน

-----------------------------------------------
การจะไปทำสมาธิกับ รูปละเอียดอย่าง อานาปานสมาธิ คงไม่เหมาะกับผม และ คำถามที่คุณกรัชกายนำมาถาม

นั่งสมาธิแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

พอนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว ลมหมายใจเริ่มหายไป แผ่วเบา

พอเริ่มรู้ว่แผ่วเบา ก็เลยกังวล ว่าหายใจอยู่ปะเนี๊ย

และรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก ต้องกลับมาหายใจตามปกติเหมือนเดิม

ทุกที เป็นอย่างเงี้ย ประจำเลย



แต่คุณกรัชกาย จะรู้ตัวไหมหนอ ว่าตนเองปัญญาทึบ :b23:

มานั่งสอนวิปัสสนึกอยู่ที่นี้ ให้ท่อง ยุบหนอ พองหนอ อยู่นี้ ทำสมาธิไป เด๊วปัญญาก็เกิดมาเอง

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นี้หรือครับ ความเห็นของ คุณกรัชกาย ที่มีต่อหลักฐานในพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา ในเรื่อง การเจริญอานาปานสมาธิ
หากคุณกรัชกายจะพูดเพียงแค่ กระแหนะ กระแหน เพื่อความมันส์ สะใจ ผมของดเว้นการสนทนากับคุณกรัชกายแล้วละครับ

เอาไว้เฉพาะในเรื่อง การปฏิบัติธรรม จริงเถอะครับ


คุณจะไปไหนขอรับคุณเฉลิมศักดิ์ เรายังสนทนาเรื่องนี้ยังไม่จบเลย พูดความจริงก็ว่ากระแนะกระแหน

แล้วเนี่ยะ= >

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

พอนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว ลมหมายใจเริ่มหายไป แผ่วเบา

พอเริ่มรู้ว่แผ่วเบา ก็เลยกังวล ว่าหายใจอยู่ปะเนี๊ย

และรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก ต้องกลับมาหายใจตามปกติเหมือนเดิม

ทุกที เป็นอย่างเงี้ย ประจำเลย



เป็นอะไร ไม่ใช่การเจริญอานาปานสติหรือครับ

แล้วการปฏิบัติธรรมจริงของคุณคืออะไรหรือขอรับ

ตอบให้ตรงคำถามก็จบ แต่นี่คุณโยกไปโยกมาแล้วจะให้ว่ายังไงล่ะ ขอรับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อ่านความเห็นคุณกรัชกาย นึกถึงการสอนของ อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนว่า อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติวิปัสสาได้
จนท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก ต้องออกมาชี้แจงดังนี้



ท่านเฉลิมฯ นี่คุณไม่เข้าใจการปฏิบัติกรรมฐาน หรือการเจริญสติ (สัมมาสติ) หรือ สติปัฏฐานเลย

ศึกษาที่นี่ดู

viewtopic.php?f=2&t=21861

ถามหน่อยว่า คุณมีชีวิต หรือ หายใจเฉพาะที่สำนักศาสดีเท่านั้นหรือนอกนั้นคุณไม่มีชีวิตไม่หายใจ

ใช่ไหม ถึงปฏิบัติธรรมไม่ได้ เจริญสติไม่ได้ อยู่นอกสำนักคุณไม่ยืนเดินนั่งนอนใช่ไหม ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การจะไปทำสมาธิกับ รูปละเอียดอย่าง อานาปานสมาธิ คงไม่เหมาะกับผม และ คำถามที่คุณกรัชกายนำมาถาม

นั่งสมาธิแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

พอนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว ลมหมายใจเริ่มหายไป แผ่วเบา

พอเริ่มรู้ว่แผ่วเบา ก็เลยกังวล ว่าหายใจอยู่ปะเนี๊ย

และรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก ต้องกลับมาหายใจตามปกติเหมือนเดิม

ทุกที เป็นอย่างเงี้ย ประจำเลย


แต่คุณกรัชกาย จะรู้ตัวไหมหนอ ว่าตนเองปัญญาทึบ

มานั่งสอนวิปัสสนึกอยู่ที่นี้ ให้ท่อง ยุบหนอ พองหนอ อยู่นี้ ทำสมาธิไป เด๊วปัญญาก็เกิดมาเอง



คำถามนั้น กรัชกายนำมาจากบอร์ดพลังจิต (ตาม link ที่ให้ไว้) กรัชกายไม่ได้แนะนำอะไรเขาเลย

เขาทำของเขาเอง แต่นำมาถามคุณ เพราะเห็นคุณปัญญากลวง (ไม่ทึบ) :b32:

อ้างคำพูด:
ทำสมาธิไป เด๊วปัญญาก็เกิดมาเอง


งั้นถามหน่อย ปัญญาเกิดจาก ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 09:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
พอนั่งสมาธิแล้วจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว ลมหมายใจเริ่มหายไป แผ่วเบา
พอเริ่มรู้ว่แผ่วเบา ก็เลยกังวล ว่าหายใจอยู่ปะเนี๊ย
และรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอก ต้องกลับมาหายใจตามปกติเหมือนเดิม
ทุกที เป็นอย่างเงี้ย ประจำเลย


นี่เพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น

หากคุณเฉลิมศักดิ์ ต้องการดูอีกก็ที

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=5.0

แต่ก็ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย

ท่านเฉลิมฯ ครับขออนุญาตบอกอะไรให้

หากคุณยังมองภาวะนั่นไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณไม่มีวันเข้าใจชีวิต หรือ รูปกับนามนี้หรอกครับนะ

ต่อให้คุณพูดพร่ำวิปัสสนาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกร้อยปี :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 10:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 16:01
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเวลานอก นะครับทุกท่าน
อ้างอิง ที่เป็นประเด็น
๑. สมถะยานิกะ
๒. วิปัสสนายานิกะ
ทางสองสายนี้ เส้นใดมีทางลัดสู่นิพพานได้บ้าง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




poocheefaa3.jpg
poocheefaa3.jpg [ 20.84 KiB | เปิดดู 4148 ครั้ง ]
rojaninth10 เขียน:
ขอเวลานอก นะครับทุกท่าน
อ้างอิง ที่เป็นประเด็น
๑. สมถะยานิกะ
๒. วิปัสสนายานิกะ
ทางสองสายนี้ เส้นใดมีทางลัดสู่นิพพานได้บ้าง..



สมถะยานิกกับวิปัสสนายานิก คุณเฉลิมฯ ท่านคล่อง ในทางสองเส้นนี้เส้นไหนเป็นทางลัดเข้าสู่เมืองนิพพาน

รอท่านหน่อยแล้วท่านจะบอกให้

อยากรู้เหมือนกันว่าทางไหน แล้วทางลัดมีหรือไม่

แล้วนิพพานคืออะไร อยู่ทางทิศไหน หรืออยู่มุมใดของโลก

รอหน่อยเดี๋ยวรู้จากปากคุณเฉลิมฯ เอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณอายะก็เช่นกันครับ ก็กล่าวว่า ผมใช้ติ่งหูคิด :b33: ( คิดได้งัยเนี่ย )

หมายเหตุ ช่วงนี้เป็นช่วงคล้ายวันเกิด ขอไปฝึกหัดปฏิบัติก่อนนะครับ สัก 2-3 วัน สัปดาห์หน้าเจอกันใหม่

ท่านเหลิมผมต้องขออภัยที่ไปกล่าวว่าท่าน แต่อย่างไรก็ตามเราน่าจะยังสนทนากันได้อยู่ ผมได้ไปเปิดกระทู้ใหม่ที่ viewtopic.php?f=2&t=29011
คัมแบ็กมาเมื่อไรก็เชิญนะครับ จะได้แจ่มกันไปข้างเลย เพื่อจะได้ไม่สับสนในการตอบกับท่านกรัชกาย

เจริญธรรม


แก้ไขล่าสุดโดย อายะ เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 22:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
rojaninth10 เขียน:
ขอเวลานอก นะครับทุกท่าน
อ้างอิง ที่เป็นประเด็น
๑. สมถะยานิกะ
๒. วิปัสสนายานิกะ
ทางสองสายนี้ เส้นใดมีทางลัดสู่นิพพานได้บ้าง..


ไม่มีเส้นทางลัดไปนิพพานครับ มีแต่ทางสายเอกสายเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ การเจริญวิปัสสนาเท่านั้น

พระมหาสติปัฏฐานสูตร อรรถกถา ฏีกา
http://larndham.org/index.php?showtopic=23508&st=0

ขึ้นอยู่กับจริต นิสัย การบำเพ็ญบารมี ของแต่ละบุคคล

บางคนเคยทำสมาธิได้ฌานมาก่อน และมีฌานเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังเช่นเมื่อครั้ง พุทธกาล ก็มีนักบวชนอกศาสนา ฤาษี พราหมณ์ ที่ทำสมาธิจนได้ รูปฌาน อรูปฌาน พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนไปในแนวทาง สมถะยานิกะ

ส่วนผู้ที่ไม่ได้ฌาน พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนไปแนวทาง วิปัสสนายานิกะ

และในครั้งนั้น บุคคลที่สำเร็จมรรคผลนิพพาน ประเภท สมถะยานิกะ มีจำนวนน้อยกว่า วิปัสสนายานิกะ



21062.เมื่อครั้งพุทธกาล เจโตวิมุติ(ผู้ได้ฌาน) น้อยกว่าปัญญาวิมุตติ
viewtopic.php?f=2&t=21062


คุณสมบัติของผู้ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๓๙๒ - ๔๐๓. หน้าที่ ๑๘ - ๑๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0


ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=60


บทว่า นโร ได้แก่ สัตว์.
บทว่า สปญฺโญ ได้แก่ ผู้มีปัญญาโดยปฏิสนธิมาด้วยปัญญาอันเป็นไตรเหตุอันเกิดแต่กรรม.
บทว่า จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ ได้แก่ ยังสมาธิและปัญญาให้เจริญอยู่.
จริงอยู่ ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสมาบัติ ๘ ไว้ด้วยหัวข้อแห่งจิต ตรัสวิปัสสนาไว้โดยชื่อว่าปัญญา.
บทว่า อาตาปี แปลว่า มีความเพียร.

----------------------------------------------------------

สีเล ปติฐาย นโร สปญฺโญ
จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ
โส อิมํ วิชฏเยชฏํ

ความว่า นรชาติชายหญิง ผู้มีปัญญาแต่กำเนิด
มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลสมีปัญญาบริหารจิต
เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด ตั้งมั่นในศีล
อบรมสมาธิและวิปัสสนาปัญญาเท่านั้น นรชนชาติชายหญิงนี้เท่านั้น
จึงจะสามารถสางรกชัฏที่เป็นเสมือนข่ายคือ ตัณหาออกได้



รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm

ต้องการนิพพาน...ต้องรู้ถูก
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/SW/ni.doc

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 06:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนิพพาน จากพระไตรปิฏก อรรถกถา เถรวาท
http://larndham.org/index.php?showtopic=24144&st=1
------------------------------------

http://larndham.org/index.php?showtopic ... ntry305971

นิพพาน แปลว่าพ้นจากเครื่องร้อยรัดพันธนาการ คือพ้นจากตัณหานั่นเอง ตัณหาคือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทุกข์คือสิ่งที่มีจริงอยู่ทุกวัน สมุทัยคือตัณหานั่นเอง สมุทัยคือตัวที่ทำให้เกิดทุกข์ ตราบใดที่ยังมีความต้องการอยู่ ตราบนั้นชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างนั้น ไปอย่างนี้ ไปอย่างโน้นตลอดเวลา นิพพานเป็นการสิ้นสุดตัณหา ความหมายของพระนิพพานมี ๕ ประการคือ

๑. เป็นพระปรมัตถ์อย่างหนึ่งที่เข้าถึงได้ทุกคน มีอยู่โดยเฉพาะ ไม่มีการเสริมแต่งได้อีกต่อไป
๒. เป็นธรรมที่ไม่ตาย คือไม่มีทั้งการเกิดและการตาย
๓. เป็นธรรมที่เที่ยงแล้ว คือพ้นจากความเป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
๔. เป็นธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใด ๆ ทั้งสิ้น
๕. เป็นธรรมที่ประเสริฐยิ่ง หาธรรมอื่นเสมอเหมือนไม่ได้
คุณลักษณะของพระนิพพานมี ๓ อย่าง คือ
๑. มีความสงบจากกิเลสและขันธ์ เป็นลักษณะ
๒. มีความไม่แตกดับ เป็นกิจ
๓. ไม่มีนิมิตเครื่องหมายใด ๆ ที่จะไปถึง เป็นผลปรากฏ

ผู้ที่ถึงมรรคผลนิพพานนั้นไม่มีโอกาสกลับมาเล่าอีกแล้วเพราะว่าไม่เกิด ทวารดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีอีกแล้ว ฉะนั้นคนที่นั่งสมาธิไปนี้ไปแค่ไหน ไม่ใช่นิพพานไปแค่สะพานแล้วกลับมาเล่าเท่านั้น



อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน
สมถะยานิกกับวิปัสสนายานิก คุณเฉลิมฯ ท่านคล่อง ในทางสองเส้นนี้เส้นไหนเป็นทางลัดเข้าสู่เมืองนิพพาน

รอท่านหน่อยแล้วท่านจะบอกให้

อยากรู้เหมือนกันว่าทางไหน แล้วทางลัดมีหรือไม่

แล้วนิพพานคืออะไร อยู่ทางทิศไหน หรืออยู่มุมใดของโลก

รอหน่อยเดี๋ยวรู้จากปากคุณเฉลิมฯ เอง


นิพพานไม่ได้เป็น ดินแดน มีที่ตั้ง

มีแต่ ทิฏฐิ ของผู้นั่งสมาธิ แล้วเกิดนิมิตได้ไปเห็น โน่นเห็นนี้ แล้วเข้าใจผิดว่าตนเองได้นิพพาน

หรือไม่ก็ไปยึด รูปฌาน, อรูปฌาน, ปิติสุข บ้าง ว่าเป็น นิพพาน

ไม่แน่นะครับ ในอนาคต กรัชกาย ที่ตั้งตนเป็น อาจารย์สอนกรรมฐาน อาจจะนั่ง ภาวนายุบหนอ พองหนอ รู้หนอ ๆ ๆ ๆ นิพพานหนอ ๆ ๆ ๆ ขึ้นสะพาน แล้วเข้าใจผิดคิดว่า เป็นนนิพาน ก็ได้

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผู้ที่ถึงมรรคผลนิพพานนั้นไม่มีโอกาสกลับมาเล่าอีกแล้วเพราะว่าไม่เกิด ทวารดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีอีกแล้ว ฉะนั้นคนที่นั่งสมาธิไปนี้ไปแค่ไหน ไม่ใช่นิพพานไปแค่สะพานแล้วกลับมาเล่าเท่านั้น



ลัทธิกลุ่มที่คุณเฉลิมศักดิ์สังกัดอยู่นั่นเป็นหมันทางความคิด เป็นมิจฉาทิฏฐิระดับต้นๆทีเดียว

คุณเข้าใจว่า
อ้างคำพูด:
ผู้ที่ถึงมรรคผลนิพพานนั้นไม่มีโอกาสกลับมาเล่าอีกแล้ว เพราะว่าไม่เกิด ทวารดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีอีกแล้ว


ถามหน่อยแล้วที่พระอริยบุคคลมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ตรัสสอนเกี่ยวกับนิพพานไว้ คุณจะว่าไง ตอนที่พระ

พุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจดอกหรือคุณเฉลิมศักดิ์

เอาเป็นว่า วันไหนที่ใครก็ตามขจัดกิเลสได้ วันนั้นผู้นั้นก็รู้เห็นนิพพานเข้าใจมรรคผลนิพพาน

แต่จะเล่าให้คนอื่นฟัง ผู้ฟังก็ยากยิ่งจะเข้าใจ เพราะอะไร ? เพราะจิตใจถูกกิเลสห่อหุ้มอยู่

เรื่องนี้ท่านเปรียบเหมือนเต่าเล่าสภาพเป็นไปบนบกให้ปลาฟัง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 09:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




869.gif
869.gif [ 12.15 KiB | เปิดดู 4095 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ไม่แน่นะครับ ในอนาคต กรัชกาย ที่ตั้งตนเป็น อาจารย์สอนกรรมฐาน อาจจะนั่ง ภาวนายุบหนอ พองหนอ รู้หนอ ๆ ๆ ๆ นิพพานหนอ ๆ ๆ ๆ ขึ้นสะพาน แล้วเข้าใจผิดคิดว่า เป็นนนิพาน ก็ได้




บุญฉันมี แค่เป็นสะพาน
ให้เธอข้ามพ้นสายธาร สู่แดนสุขีชีวา
บัดนี้ ถึงวันที่เธอรอมา
ฉันจึงมีแต่น้ำตา รินหลั่งมาอวยพรให้


http://video.aol.in/video-detail/-/36028859609523210

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร